SWO ตอนที่ 55 อัจฉริยะจากค่ายฝึกหยานจิง
แตกต่างจากเมื่อคืน ในครั้งนี้ผู้บัญชาการจ้าว และคนอื่น ๆ รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก
ท้ายที่สุด ราชันอสูรในทุกพื้นที่ได้หนีไปหมดแล้วเหลือทิ้งไว้เพียงแม่ทัพอสูรที่ไม่เป็นภัยคุกคามต่อพวกเขา
ทันทีที่โจวเฮาเข้าไปในพื้นที่รกร้าง เขาได้ใช้วิธีเดียวกันกับคราวที่แล้ว และเริ่มใช้แต้มโชคเพื่อค้นหาแมลงเงา ซึ่งแต้มโชคก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เขาได้พบแมลงเงามากกว่าหนึ่งโหล และฆ่าพวกมันทั้งหมด
แต่เมื่อเวลาผ่านไป จำนวนแมลงเงาที่พบก็เริ่มลดน้อยลง
ในอีกชั่วโมงต่อมาหรือประมาณนั้น แม้โจวเฮาจะใช้แต้มโชคไปสองถึงสามร้อยแต้มต่อนาที แต่ก็ยังยากสำหรับเขาที่จะหาพวกมันพบ
“ดูเหมือนแมลงเงาในพื้นที่รกร้างนอกเมืองจะถูกกำจัดจนสิ้นแล้ว!” เมื่อคิดได้ดังนั้นโจวเฮาจึงปิดการใช้แต้มโชคของเขา และหยุดค้นหาแมลงเงา
อย่างไรก็ตามผู้บัญชาการจ้าว และปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธที่เหลือยังคงค้นหาอยู่เช่นเดิม
เหตุเพราะนี่เป็นเพียงการคาดเดาส่วนตัวของโจวเฮาเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดออกมาในช่องสื่อสาร
หลังจากพักสักครู่โจวเฮาก็รีบไปยังพื้นที่ของแม่ทัพอสูรต่อ ท้ายที่สุดยังไงเขาก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว แม้ว่าแต้มโชคที่ได้จากแม่ทัพอสูรจะไม่มากนัก แต่ก็ยังดีกว่ารอเฉย ๆ เอาเวลาไปทิ้งเปล่า
…
แอเรีย 226
ทีมผู้ฝึกยุทธกำลังเดินทางอย่างค่อยเป็นค่อยไป
อย่างไรก็ตามดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้มายังพื้นที่รกร้างเพื่อล่า แต่เป็นราวกับนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนเสียมากกว่า
“ข้าว่าครั้งนี้อาจารย์เสิ่นทำเกินไป เขาถึงกับย้ายเราจากค่ายฝึกหัวกะทิมายังที่อย่างเมืองหัวตง!”
“ช่วยไม่ได้นี่ อาจารย์เสิ่นมีเส้นสายมากมายในหยานจิง ยิ่งกว่านั้นหัวหน้าครูฝึกของค่ายยังเคยเป็นครูของเขา ดังนั้นเราทำได้เพียงเชื่อฟังคำพูดของเขาเท่านั้น!”
“ข้าได้ยินมาว่าคราวนี้เราต้องฝึกร่วมกับนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมเมืองฉู”
“โรงเรียนมัธยมเมืองฉู? นั่นมันโรงเรียนบ้าอะไรกัน!”
“ดูเหมือนพวกเขาจะเป็นโรงเรียนที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาโรงเรียนมัธยมทั้งหมดของเมืองหัวตง!”
ชายหญิงห้าคนในชุดเกราะกล่าวอย่างมีน้ำโห
พวกเขาเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นซึ่งถูกอาจารย์เสิ่นย้ายมาจากค่ายฝึกหยานจิงในครั้งนี้
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอีกแล้ว เนื่องจากอาจารย์เสิ่นย้ายเรามาที่นี่ ข้าเชื่อว่าเขาต้องมีเหตุผลแน่ พวกเจ้าแค่ตั้งใจฝึกไปอย่างเดิมก็พอ เพราะไม่ว่าเจ้าจะฝึกที่ไหน ยังไงก็ต้องพึ่งตัวเอง!” ชายหนุ่มที่ดูสงบกล่าวออกมาอย่างช้า ๆ
คลิก!
หน้ากากเกราะของผู้หญิงเปิดออกเผยให้เห็นใบหน้าที่งดงาม เธอเย้ยหยันขณะกล่าว “หยวนเฉิง แน่นอนว่าเจ้าไม่มีเหตุผลให้ต้องตื่นตระหนก ถึงอย่างไรตระกูลหยวนของเจ้าก็ได้หยั่งรากในห้างพันธมิตรใต้ดิน มีภูมิหลังลึก มีสาขาอยู่ในเมืองทุกแห่ง นั่นทำให้เจ้าไม่เคยขาดทรัพยากรบ่มเพาะ”
“แต่เราต่างกัน!”
ชายหนุ่มอีกคนเปิดหน้ากากออก และกล่าวด้วยความโกรธ “ใช่ หลังจากที่ตระกูลของเรารู้เรื่องนี้ พวกเขาคิดว่าเราไม่มีค่าในค่ายฝึกอีกต่อไป และตัดทรัพยากรไปมากกว่าครึ่ง!”
หยวนเฉิงพูดไม่ออก
เวลานี้เองเด็กสาวคนหนึ่งได้เตือนขึ้น “ทุกคน เรายังอยู่ในพื้นที่รกร้าง ข้าว่าเราควรระวังตัวไว้นะ!”
หญิงสาวที่มีใบหน้างดงามขมวดคิ้ว “มีอะไรต้องกลัว? พวกเราทุกคนล้วนมีความแข็งแกร่งระดับผู้ฝึกยุทธขั้นสูง สวมเกราะ และมีกระบี่ที่ยอดเยี่ยม ต่อให้เจอแม่ทัพอสูรเราก็สามารถจัดการได้ อีกทั้งนี่เป็นเพียงขอบของพื้นที่เท่านั้น เจ้าจะให้เราระวังอะไร!”
หยวนเฉิงกล่าวอย่างอดไม่ได้ “อย่าประมาท”
หญิงสาวคนเดิมสูดหายใจ และกำลังจะกล่าวตอบ แต่จู่ ๆ พื้นดินก็สั่นสะเทือน
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
พวกเขาชักกระบี่ออกมาตามสัญชาตญาณ
บูม
เพียงไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ต้นไม้โบราณจำนวนถูกทำลายพร้อมกับมีกระทิงเหล็กเขาแดงซึ่งสูงหลายสิบเมตรพุ่งออกมาจากส่วนลึกของป่าราวกับกำลังหนีตายอย่างสิ้นหวัง
หยวนเฉิง หยุนหยานและอัจฉริยะที่เหลือตกใจจนหน้าซีด
ต้องรู้ว่ากระทิงเหล็กเขาแดงที่โตเต็มวัยจะมีระดับอยู่ที่นักรบอสูรขั้นสูงซึ่งไม่ได้จัดการยากอะไร แต่เวลานี้จำนวนของกระทิงเหล็กเขาแดงที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขานั้นมีเป็นพันตัว ด้วยฝูงกระทิงเหล็กเขาแดงขนาดใหญ่เช่นนี้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับปรมาจารย์ยังต้องหนี
"วิ่ง!"
หญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามซึ่งรู้สึกผ่อนคลายเมื่อครู่เป็นคนแรกที่หันหลังหนี
คนที่เหลือตอบสนองทันที พวกเขาหันหลังกลับ และวิ่งอย่างสุดชีวิตขณะส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือออกไป
อย่างไรก็ตามกระทิงเหล็กเขาแดงนั้นเร็วเกินไป
“จบสิ้นแล้ว!”
ความสิ้นหวังปรากฏในดวงตาของหยวนเฉิง เมื่อเขาเห็นกระทิงเหล็กจำนวนมากกำลังวิ่งตามมาจากด้านหลัง
คนอื่นก็ไม่ต่างกัน พวกเขาเสียใจที่ออกมาล่าเพื่อพักผ่อนในคืนนี้
อย่างไรก็ตามกระทิงเหล็กเขาแดงไม่ได้โจมตีพวกเขา พวกมันกลับวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่งราวกับกำลังถูกศัตรูตามธรรมชาติไล่ตาม
เมื่อหยวนเฉิง และอัจฉริยะคนอื่น ๆ เห็นสิ่งนี้ พวกเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมทั้งสับสน
“แย่แล้ว นั่นมันแม่ทัพอสูรขั้นสูง งูหลามปีศาจเกล็ดดำ!” ขณะที่กระทิงเหล็กเขาแดงจากไป ดวงตาของเหล่าอัจฉริยะก็เบิกกว้างขณะมองไปยังงูหลามปีศาจเกล็ดดำซึ่งสูงหลายร้อยเมตรอย่างว่างเปล่า
“เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร? แม่ทัพอสูรขั้นสูงมักจะอยู่ในส่วนลึก และไม่ค่อยออกมา ทำไมงูหลามปีศาจเกล็ดดำถึงมาอยู่แถวนี้ได้?” หัวใจของเหล่าอัจฉริยะสั่นสะท้าน พวกเขาหวาดกลัวจนก้าวเท้าไม่ออก
เพียงแค่คิดแม่ทัพอสูรขั้นสูงก็สามารถจัดการพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
“ถ้าข้ารู้ว่าจะเจอเรื่องแบบนี้ ข้าคงไม่มาที่เมืองหัวตงแม้จะถูกทุบตีจนตาย!” เมื่อเห็นงูหลามปีศาจเกล็ดดำที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ หยวนเฉิงก็ยิ้มอย่างขมขื่น
ฟุบ!
ทันใดนั้นแสงกระบี่ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
มันตัดผ่านราวกับกำลังฉีกความมืดยามค่ำคืน กลิ่นอายเฉียบคมอันน่าสะพรึงพุ่งออกไปทุกทิศทาง
ปัง
นัยน์ตาสามเหลี่ยมของงูหลามขนาดมหึมาสูญเสียสีไปในทันที ร่างใหญ่ของมันตกลงกระแทกพื้นอย่างแรง และไหลไปทางหยวนเฉิง และอัจฉริยะที่เหลือด้วยแรงเฉื่อย
หยวนเฉิง หยุนหยาน และอัจฉริยะอื่น ๆ ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์!
แม้หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญในเกราะแดงจะลงมายืนข้าง ๆ งูหลามปีศาจเกล็ดดำ แต่กระบี่เมื่อครู่ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของพวกเขา..