ตอนที่แล้ว793 - ทักษะโบราณของจักรพรรดิกลืนสวรรค์ 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป795 - ความลับของโลกอำพรางสวรรค์ 

794 - อสูรวิญญาณที่งดงาม 


794 - อสูรวิญญาณที่งดงาม

เย่ฟ่านเอามือซ้ายโอบรอบเอวเล็กๆ ของนาง และมือขวาของเขาวางอยู่บนคอระหง ในเวลานี้ราวกับโลกหยุดหมุน ทุกคนหยุดนิ่ง เงียบสงัด ได้ยินแม้กระทั่งเสียงใบไม้ร่วง

พวกเขาต่างเบี่ยงสายตาไปจ้องมองที่ใบไม้ ใบหญ้า บรรยากาศรอบข้างตึงเครียดมาก

ฉีเจียวสุ่ยเพิ่งแสดงศิลปะศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครเทียบ ซึ่งน่าทึ่งและไม่ธรรมดา มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถต่อต้านการโจมตีครั้งนี้ได้

แต่สุดท้ายนางก็พ่ายแพ้จนหมดท่าและถูกจับอยู่ในอ้อมแขนของเย่เจ๋อเทียนคนนี้

“เจ้า…”

ใบหน้าของฉีเจียวสุ่ยกลายเป็นสีแดง ร่างกายของนางก็สั่นเล็กน้อย แต่นางไม่สามารถพูดอะไรได้ได้ ทันทีที่โลกเล็กๆ ทั้งสามพันแห่งระเบิดออกมา

แม้ว่านางจะเป็นผู้สืบทอดศิลปะศักดิ์สิทธิ์แห่งหนานหลิง แต่นางก็ยังพ่ายแพ้แก่เขา และตกอยู่ในมือของเจ้าเมืองที่ไม่เป็นรู้จัก แล้วนางจะไม่โกรธเคืองได้อย่างไร?

“เจ้าแพ้แล้ว เจ้าจะยอมรับความพ่ายแพ้หรือไม่?”

เย่ฟ่านจับตัวนางไว้ ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก สามารถได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวนาง และผมที่พลิ้วไหวของนางกระทบใบหน้าของเขาใบบางครั้ง

พวกเขาสามารถสัมผัสปลายจมูกของกันและกันได้ เรียกได้ว่าเป็นหายนะของฉีเจียวสุ่ย สำหรับเย่ฟ่านหญิงงามที่ห่างจากเขาเพียงไม่ถึงคืบงดงามและหาที่เปรียบมิได้

ทุกการขมวดคิ้วและรอยยิ้มอาจนำความโกลาหลมาสู่โลก นางกำลังตัวสั่นด้วยความโกรธ ผิวขาวคล้ายงาช้างเป็นประกายวาววับ หอมเหมือนกล้วยไม้ป่า

เขาอยากจะปล่อยให้นางดิ้นรน แต่กลัวว่าหญิงสาวคนนี้คงคุ้มคลั่งไปก่อน

“เจ้าไม่ควรขยับตัว ข้าเกรงว่าข้าจะทำร้ายเจ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ!”

คำพูดของเย่ฟ่านราบเรียบแต่มีแรงยับยั้งที่ทำให้นางหยุดการเคลื่อนไหวทันที

“เจ้าคิดจะทำอะไร?” ฉีเจียวสุ่ยถาม

“เราได้ทำตามข้อตกลงก่อนหน้านี้” เย่ฟ่านหัวเราะ

“โอ้”

ห่างออกไปไม่ไกลนัก ทุกคนที่ชมการต่อสู้อยู่ในความโกลาหลพวกเขารู้สึกว่าเจ้าตัวน้อยนี้กล้าหาญมาก เขาต้องการให้ฉีเจียวสุ่ยเป็นอสูรวิญญาณให้เขาจริงหรือ

ไม่มีใครเห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน

“ตามข้อตกลง ดูเหมือนข้าจะไม่ได้สัญญาอะไรใช่ไหม? ข้าแค่บอกว่าหากเจ้าแพ้เจ้าจะต้องเป็นม้ามังกรของข้า แต่ข้าไม่ได้ตอบตกลงหรือเห็นด้วยกับเงื่อนไขในช่วงครึ่งหลังที่เจ้ากล่าว”

ฉีเจียวสุ่ยกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ

“ไม่มีสิ่งใดที่สะดวกสบายเช่นนั้น การเริ่มการต่อสู้ก็หมายถึงเจ้าได้ยอมรับข้อตกลงแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะพูดหรือไม่ มันก็มีผลเช่นเดียวกัน” เย่ฟ่านยิ้มนิ้วเลื่อนผ่านคอสีขาวราวหิมะของนาง

“อย่าขยับ” ฉีเจียวสุ่ยหงุดหงิด

นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่นางพ่ายแพ้และถูกจับ ตอนนี้นางยังยืนใกล้ชิดกับชายคนหนึ่งอย่างเกินงาม นางเลิกคิ้วขึ้นและอยากจะกัดเขาทันที

“เจ้า ปล่อยตัวปรมาจารย์ฉีซะ!”

ข้ารับใช้ของนางตกตะลึง เจ้านายถูกกักตัวไว้ในอ้อมกอดบุรุษเช่นนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

“พวกเจ้าอย่าส่งเสียงดัง” เย่ฟ่านกวาดตามองพวกเขาชั่วครูและทำทีเป็นไม่สนใจ

“จะปล่อยคุณหนูฉีได้หรือยัง?” ชายคนหนึ่งจากสำนักฉีซื่อกล่าว เขาดูมีพลังมาก

“ผลการต่อสู้ก็ชัดเจนแล้ว ปล่อยตัวนางซะ” อีกคนก้าวไปข้างหน้า

“ถ้าข้าเป็นคนแพ้ ผลจะเป็นอย่างไรในตอนนี้?” เย่ฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“นี่…”

ทุกคนพูดไม่ออก ตามลักษณะนิสัยของฉีเจียวสุ่ยแล้ว เขาจะต้องกลายเป็นม้ามังกรอย่างแน่นอนและมันเป็นไปไม่ได้ที่นางจะยอมปล่อยเขาไป

“พอแล้ว ยอมรับความพ่ายแพ้ซะ นางจะต้องเป็นของข้านับตั้งแต่วันนี้”

เย่ฟ่านพูดประโยคเดียวแต่กลับสั่นสะเทือนจิตใจผู้คนอย่างมหาศาล

เจ้าเด็กคนนี้กล้าหาญเกินไป เขาไม่กลัวที่จะสร้างภัยพิบัติหรือ? นี่ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นไข่มุกแห่งหนานหลิงที่มีภูมิหลังใหญ่โตและน่ากลัว

“เจ้า... ปล่อยข้า ข้าไม่ได้สัญญาอะไรกับเจ้า และข้าไม่ได้บอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าข้าแพ้!” นางไม่ยอมรับ

“ไม่มีประโยชน์ที่จะโกง”

เย่ฟ่านไม่สนใจนาง เขาสะกัดจุดและอุ้มหญิงงามบินเข้าสู่เมืองลู่เฉิง

ที่ด้านหลัง คนกว่าหนึ่งร้อยตกตะลึง คราวนี้พวกเขามาดูการต่อสู้ พวกเขาคิดว่านายน้อยผู้นี้จะประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่

“หยุด!”

“วางปรมาจารย์ลง!”

หลายคนก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดเย่ฟ่าน หากพวกเขายอมให้เย่ฟ่านนำไข่มุกแห่งหนานหลิงจากไป ผู้พิทักษ์บุปผาเหล่านี้อาจจะถูกถูกเยาะเย้ย

“ทำไม พวกเจ้าไม่พอใจอะไรหรือ?”

เย่ฟ่านเหลือบมองพวกเขา แล้วเอามือไปจับที่คอสวยงามราวกับหงส์ของฉีเจียวสุ่ย

“เราจะจ่ายค่าชดเชยแก่เจ้าจนเพียงพอ ตราบใดที่เจ้าปล่อยตัวนาง” หนึ่งในนั้นตะโกน

“ได้ ไม่มีปัญหา ไปเตรียมลูกแก้วมังกรมาให้ข้า รวบรวมมาให้มากที่สุด แล้วมาที่ลู่เฉิงเพื่อไถ่คน”

หลังจากเย่ฟ่านพูดจบ เขาก็พุ่งตัวออกไปราวกับสายฟ้า

“เจ้า... หยุด!”

“ท่านเจ้าเมืองกลับมาแล้ว...”

ทหารในเมืองลู่เฉิงตกใจกลัว และผู้คนมากมายที่ด้านหลังกำลังไล่ตามเขามา พวกเขาทั้งหมดมาจากฟากฟ้า ทำให้จิตใจของทุกคนหนาวเหน็บ

“ไปตั้งหม้อเหล็กขนาดใหญ่แล้วต้มน้ำ!” เย่ฟ่านออกคำสั่งเป็นอย่างแรกหลังจากที่เขากลับมา

“เย่เจ๋อเทียน...เจ้าต้องการจะทำอะไร?” ฉีเจียวสุ่ยตกใจ

“ข้าจะต้มอสูรวิญญาณ” เย่ฟ่านตอบอย่างไม่ใส่ใจ

“ข้าจะฆ่าเจ้า!” ฉีเจียวสุ่ยหงุดหงิด แต่น่าเสียดายที่นางขยับตัวไม่ได้

“อย่ายุ่งกับนางข้าจะให้อสูรวิญญาณที่แท้จริงแก่เจ้า ปล่อยนางซะ!” ข้างหลัง กลุ่มคนตะโกนเสียงดัง

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ฉีเจียวสุ่ยมีค่าฉีเทียบเท่ากับอสูรวิญญาณเท่านั้นหรือ?” เย่ฟ่านถาม

“ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น ถ้าเจ้าอยากกินอสูรวิญญาณ ข้าจะให้ตัวหนึ่งแก่เจ้า แต่เจ้าต้องไม่วุ่นวายกับนาง”

“จะมีของอร่อยๆเช่นนี้ได้อย่างไร ผิวบอบบางและเนื้อนุ่มๆ แบบนี้ยังมีอีกหรือ?” เย่ฟ่านหัวเราะ

“วิปริต!” ฉีจวินกัดฟัน

ที่ด้านหลัง ทุกคนรู้สึกหมดหนทางเล็กน้อย แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าเย่ฟ่านล้อเล่นแต่สิ่งที่เขาพูดนั้นน่ากลัวเกินไป พวกเขาไม่ได้คิดว่าฉีเจียวสุ่ยที่เป็นไข่มุกแห่งหนานหลิงจะพลาดท่า

“ปิดเมือง!”

สิ่งที่สองที่เย่ฟ่านทำเมื่อเขากลับมาที่เมืองคือการเปิดใช้งานค่ายกลของเมืองโบราณ แสงสีทองก่อตัวเป็นม่านแสง ปิดผนึกทั้งเมืองอย่างแน่นหนา

ผู้คนมากมายรีบเข้าโจมตีเมือง แต่ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ ผู้ฝึกตนสองคนเกือบถูกฟันด้วยแสงกระบี่ที่พุ่งออกมาจากกำแพงเมืองและทุกคนก็ตกตะลึงอย่างถึงที่สุด

ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ มีค่ายกลต่างๆ ที่วางไว้โดยบุคคลระดับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ พวกมันชั่วร้ายจริงๆ

“เจ้ากำลังดูหมิ่นศักดิ์ศรีของข้าในฐานะเจ้าเมือง และเจ้ามายังดินแดนของข้าเพื่อสร้างปัญหา อย่าโทษข้าที่ทำตัวหยาบคาย”

เย่ฟ่านขยับเก้าอี้และนั่งที่ด้านบนสุดของกำแพงเมืองและมองทุกคนด้วยรอยยิ้ม

“ปล่อยตัวฉีเจียวสุ่ยซะ”

“เจ้าพูดอย่างอื่นไม่เป็นหรือ นางเป็นเชลยของข้าแล้ว และข้าต้องการไขกระดูกมังกรมากมายเพื่อไถ่ตัวนาง”

“พี่ชาย ท่านช่วยเปิดประตูเมืองได้หรือไม่?”

ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปหาคนป่าเถื่อนในชุดหนังอสูรและขอร้อง

เด็กน้อยวัยเก้าขวบปี และคนป่าเถื่อนที่ถือกระบองดึงดูดใจของผู้คนมากมาย

เย่ฟ่านสังเกตเห็นพวกเขาและแอบประเมิณในใจว่าคนคนนี้ต้องมีวิธีที่จะท้าทายสวรรค์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด