ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 223 หัวหน้าของสัตว์อสูรชั้นที่ 99 (ฟรี)
(วันนี้สามตอนนะครับ เน็ตที่บ้านผมได้คิวช่างเข้ามาทำวันอังคาร ผมแปลจากที่ทำงาน แปลไม่ทัน อันนี้อับจากร้านเน็ต ขออภัยช่วงนี้ด้วยครับ ติดขัดหลายอย่างจะพยายามกลับมาลงให้ได้เท่าเดิม)
“แบ่งขายขนอินทรีเหิน ราคาดีคุณภาพสูง รีบซื้อก่อนหมด!”
“ใครต้องการไปออกล่าชั้นที่ 98 ไหม ต้องการผู้มีวิชาฝึกฝนร่างกายสายป้องกัน และแข็งแกร่งกว่าเขตแดนตัวเองถึง 3 ขั้น หรือรับมือกับราชาเทพยุทธหนึ่งดวงจิตได้”
“มุขเซียนทองคำเม็ดสุดท้าย!! ทางนี้เลย”
“รับเศษวิชาระดับราชา รับเยอะ!”
“ขายชุดเกราและเครื่องสวมใส่อื่นๆ เกรดต่ำกว่าราชา ขอคนซื้อจริง”
….
เสียงดังวุ่นวายไปหมดที่รอบคุกใต้ดินมายา ฝูงชนนั้นแออัfกันอยู่ที่นี่มากกว่า 99 ขุนเขา และ 33 ชั้นฟ้ามาก
ตามพื้นมีแผงลอยวางขายของเต็มไปหมด ไม่ว่าจะมองทางไหนก็เต็มไปด้วยคนเปิดแผงขายของ และตั้งเต็มยาวไปตลอดทางหลายร้อยหลายพันกิโลเมตร
ในที่แห่งนี้มีทุกอย่างที่ต้องการ ทั้งยา วัตถุดิบ อาวุธ ยุทธภัณฑ์ วิชา และอื่นๆ อีกมากมาย สามารถมองหาได้ตามแผงลอยที่วางอยู่เต็มถนนไปหมด
ไม่ใช่แต่ขายของอย่างเดียว ยังมีตั้งรับซื้อของอีกด้วย
หากว่ามีวัตถุดิบจากคุกใต้ดินมากพอก็มีพ่อค้าตั้งรับซื้อตลอดไม่ขาดสาย
“หากเรามีแต้มฝึกฝนมากพอ เราจะมาตั้งร้านรับซื้อเศษวิชาที่นี่”
สำหรับซู่เสี่ยวไป่นั้น ไม่ว่าจะเม็ดยา หรือาวุธของอื่นๆ ล้วนไม่มีค่าสำหรับเขา
แต่ที่ซู่เสี่ยวไป่สนใจคือเศษวิชา และวิชาต่างๆ ที่เขาต้องการ
ตราบใดที่มีเศษวิชาครบ เขาจะสามารถได้รับวิชาเพิ่มได้อีก ไม่ว่าจะเป็นระดับจักรพรรดิ หรือวิชาระดับเซียน กระทั่งวิชาอมตะเขาก็สามารถหามาได้!
แต่ราคาของเศษวิชานั้นแพงมาก โดยเฉพาะวิชาระดับสูงต่างๆ ราคาในการซื้อขายนั้นไม่ใช่ถูกๆ
ทำให้ซู่เสี่ยวไป่หากต้องการจะตั้งร้านรับซื้อเศษวิชา เขาจำเป็นต้องมีแต้มฝึกฝนมากกว่านี้ หรือซื้อจากเศษวิชาระดับเหนือภพหรือวิชาระดับราชาแทน
เพราะหากเขานำวิชาระดับราชามาหลอมผสานใหม่ เขาจะได้วิชาระดับจักรพรรดิ
ตอนนี้เขาขาดวิชาระดับจักรพรรดิอีกแค่วิชาเดียว ก็จะครบในการหลอมวิชาใหม่ได้แล้ว
“ถ้าเราได้วิชาระดับจักรพรรดิมาอีกวิชา พอแล้วที่จะหลอมผสานวิชาระดับเซียนได้อีกวิชาหนึ่ง!”
“ตอนนี้เรามีวิชาระดับราชาสองวิชา”
“เท่ากับว่าหาวิชาระดับราชาอีกสองวิชา ก็จะหลอมผสานทำวิชาระดับจักรพรรดิได้!”
“เป็นอะไรที่พอเหมาะพอเจาะจริงๆ!”
แววตาของซู่เสี่ยวไป่เป็นประกาย
ในขณะที่ซู่เสี่ยวไป่เดินสำรวจรอบๆ ก็เดินมาถึงประตูมิติที่ตั้งอยู่ใจกลางพื้นที่แห่งนี้ที่เต็มไปด้วยผู้คน
แต่ที่รอบๆ แถวนี้ถูกกำจัดสิทธิ์ให้เฉพาะตัวแทนจากห้าสหพันธ์หรือกองกำลังใหญ่ๆ เท่านั้นเข้ามาเปิดแผงลอยขายของ รับซื้อของ พวกตัวตนเล็กๆ ไร้ขุมอำนาจหนุนหลังไม่มีทางมาตั้งร้านแถวนี้
แล้วซู่เสี่ยวไป่ก็ตรงเข้าไปในประตูมิติซึ่งเป็นทางเข้าสู่คุกใต้ดิน
“+โปรดเลือกชั้นที่ต้องการท้าทาย+”
แล้วก็มีหน้าแสดงข้อมูลขึ้นมาต่อหน้าซู่เสี่ยวไป่
ทางเข้าคุกใต้ดินแห่งนี้ไม่ต้องตะลุยผ่านไปที่ละชั้น แต่สามารถเลือกชั้นที่จะเข้าไปท้าทายได้
“+ชั้นที่ท่านสามารถไปได้คือชั้นที่ 1 - 99 +”
จากข้อมูลที่ได้มาที่คุกใต้ดินมายานั้นแบ่งออกเป็นสามเขตแดนที่สามารถลงมาได้
เขตแดนนักรบจิตวิญญาณวิเศษ(เทพยุทธ)ไปได้แค่ ชั้นที่ 1 - 99
เขตแดนราชาเทพยุทธไปได้แค่ ชั้นที่ 100 - 999
เขตแดนจักรพรรดิเทพยุทธไปได้แค่ 1,000 - 9,999
มันเป็นกลไกป้องกันของเครือข่ายมายา เพื่อไม่ให้ตัวตนที่อยู่ในเขนแดนที่อยู่สูงกว่าลงมาก่อกวนหรือยึดครองในชั้นแรกๆ ทำให้ตัวตนที่อ่อนแอกว่าไม่มีสิทธิ์เข้าถึงทรัพยากรต่างๆ ของคุกใต้ดินได้
และเช่นเดียวกันกับตัวผู้ที่เข้าไปในคุกใต้ดิน หากถูกฆ่าภายในนั้นจะมีสิ่งของจากภายในตัวตกเมื่อเสียชีวิตลง
สิ่งของที่ตกมีตั้งแต่วัตถุดิบ จนไปถึงวิชาที่ตัวตนนั้นถือครองอยู่
แต่เรื่องนี้เครือข่ายมายานั้นได้เตรียมรับมือเหตุการณ์เช่นนี้ไว้แล้ว
นั้นคือการเพิ่มระบบการทำงานแบบเดียวกันกับศิลาจารึกบาปเข้ามาในเครือข่ายมายา
เมื่อใดที่มีการฆ่ากันเกิดขึ้น จะได้รับค่าบาป และทำให้ตัวตนนั้นปล่อยรัศมีสีแดงออกมาจากตัวซึ่งสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนและหลบซ่อนได้ยากมาก ตัวตนพวกนี้จะเรียกว่าพวกนอกกฏ
หากว่าไม่มีการป้องกันจะเกิดการไล่ฆ่ากันเองอย่างไร้กฏระเบียด ระบบนี้จะทำให้ตัวตนที่ชอบไล่ฆ่าผู้อื่นกลายเป็นพวกนอกกฏ แล้วหากถูกใครฆ่าตาย จะสูญเสียหนักยิ่งกว่าคนธรรมดาหลายเท่า
แล้วหากว่ากลายเป็นพวกนอกกฏแล้วจะไม่สามารถซื้อขายกับใครได้ หรือเข้าใช้งานระบบแลกเปลี่ยนแต้มของเครือข่ายมายาทั้งหมด เพื่อกันไม่ให้ตัวตนเช่นนี้ได้รับผลประโยชน์จากเครือข่ายมายาอีก
ส่วนการลบล้างค่าบาปที่มีอยู่ทำได้อย่างไร
สิ่งนั้นเรียบง่ายมากๆ
ก็แค่ไปฆ่าพวกนอกกฏคนอื่นเพื่อชดใช้กับความผิดที่ตัวเองทำไว้ ก็จะกลับมาเป็นปกติได้
เพราะด้วยกฏและกลไกนี้ทำให้เครือข่ายมายาอยู่กันอย่างสงบสุข และไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น แม้แต่ในคุกใต้ดินก็ยังไม่มีใครกล้าที่จะสู้กันตรงๆ และฆ่าปล้นชิงทรัพย์
แต่ก็มีบางคนที่ไม่กลัวบทลงโทษพวกนี้
ในเมื่อเขาคิดว่าสมบัติที่ได้มานั้นคุ้มค่ากับการลงมือ เขาก็จะทำ
และค่อยไปตามล่าพวกนอกกฏคนอื่น เพื่อล้างบาปให้ตัวเอง
แต่ก็มีบางตัวตนที่ไม่ได้ต้องการปล้นของอะไร เพียงชอบการฆ่าฟันเท่านั้นก็มี
ก็ในเมื่อพวกชอบการเค้นฆ่าอยู่แล้ว ทำให้ไม่ได้มีของอะไรติดตัว ถึงจะตายก็ไม่มีอะไรตกอยู่แล้ว อีกทั่งร่างกายพวกเขาจะเปล่งรัศมีสีแสง ที่เด่นชัดยิ่งทำให้เขาดูน่าเกรงขามขึ้นไปอีก และในเมื่อพวกเขาชอบการฆ่าฟันไม่มีทางที่จะมีขอบเขตพลังที่ธรรมดาหรือมีวิชาติดตัวไม่กี่วิชา แล้วแบบนี้เขาจะต้องเกรงกลัวบทลงโทษไปทำไม
เมื่อไหร่ที่ต้องเผชิญหน้ากับตัวตนที่หิวกระหายการฆ่าฟันเช่นนี้ก็คงมีแต่ต้องทำใจเท่านั้น
และเพื่อกันไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ ทำให้เครือข่ายมายาแบ่งกันเขตแดนพลังกับชั้นของคุกใต้ดินไว้อย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้ตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าไปไล่ฆ่าตัวตนที่อ่อนแอในชั้นน้อยกว่า
“ถ้างั้นเริ่มที่ชั้น 99 เอาที่มากสุดเท่าที่ฉันจะไปได้”
ซู่เสี่ยวไป่มีแผนในใจอยู่แล้ว
นั้นก็คือเขามีความสามารเสริมกักเก็บทำให้ทะลวงขั้นหรือเขตแดนได้ตามที่ต้องการ แล้วด้วยการสะสมมาหลายวันทำให้ตอนนี้ร่างเงาที่ฝึกบ่มเพาะอยู่นั้นมีรัศมีหลายสีสันแล้ว นั้นหมายความว่าหากซู่เสี่ยวไป่พอใจ เขาจะทะลวงด่านเมื่อไหร่ก็ได้!
หากรออีกสักสองสามวัน การบ่มเพาะของเขาคงพอที่จะทะลวงถึงเขตแดนจักรพรรดิเทพยุทธ หรือกึ่งเซียน
แต่ในตอนนี้เขตแดนที่ซู่เสี่ยวไป่อยู่นั้นไม่ได้มีความหมายอะไรอยู่แล้ว
เว้นแต่เขาจะต้องการปลดปล่อยตบะการบ่มเพาะของตัวเองเพื่อลงไปในชั้นที่ลึกกว่านี้ของคุกใต้ดินมายา
หากว่าผลของการเก็บเกี่ยวของคกใต้ดินมายานั้นให้ผลตอบแทนดี เขาจะทะลวงเขตแดนแล้วลงไปชั้นที่ลึกขึ้นเรื่อย!
“+ส่งตัวไปยังชั้นที่ 99 +”
ร่างซู่เสี่ยวไป่หายไปในทันทีจากประตูมิติ
เมื่อภาพทุกอย่างกลับมาชัดเจนอีกครั้ง ซู่เสี่ยวไป่ถึงกับคิ้วขมวดเข้าหากัน
“นี่มัน ต่างจากที่เราคิดเอาไว้มาก!”
คุกใต้ดินมายานั้น ถ้าฟังดูจากชื่อแล้วน่าจะเป็นสถานที่ใต้ดินที่ดูน่ากลัวและมืดมน เต็มไปด้วยสิ่งสยดสยองมากมาย หากพลาดเพียงนิดเดียวคงได้จบชีวิตในทันที
แต่กลับกันที่ชั้น 99 ซู่เสี่ยวไป่กลับเห็นท้องฟ้าสีครามสดใส มีก้อนเมฆสีขาวลอยเต็มไปหมด
ป่าเขียวชอุ่ม มีภูเขาสูงตะหง่านเต็มไปหมด มีแม่น้ำขนาดใหญ่ไหลผ่านอยู่ไม่ไกล ทุกอย่างมันไม่ดูเหมือนกับคำนิยามคุกใต้ดินเลยสักนิด!!
สถานที่แห่งนี้ไม่มีตัวตนจากเผ่าพันธ์อื่นอยู่เลย ดูเหมือนว่าการเข้ามาในคุกใต้ดินนั้นจะถูกส่งไปในพื้นที่สุ่มของชั้นนั้น
สัมผัส!!
ซู่เสี่ยวไป่เปิดใช้สัมผัสมิติของเขาออกไปรอบๆ เป็นวงกว้าง
ในช่วงพริบตาเดียว เขาก็พบว่ารอบๆ ตัวของเขานั้นเต็มไปด้วยสัตว์อสูรมากมาย และทุกตัวนั้นมีพลังอยู่ในเขตแดนราชาเทพยุทธหนึ่งดวงจิต
ชั้นที่ 99 นั้นไม่ธรรมดาอย่างที่คิด
หากว่าสัตว์อสูรทั่วไปของชั้นนี้คือราชาเทพยุทธหนึ่งดวงจิต แล้วพวกสัตว์อสูรระดับหัวหน้าหรือสัตว์อสูรระดับพิเศษจะทรงพลังขนาดไหน
แม้แต่กึ่งราชาเองก็ยังไม่กล้าที่จะมาเดินที่ชั้น 99 เล่นๆ แน่ เพราะอย่างน้อยๆ พวกเขาก็ต้องแข็งแกร่งพอที่จะสู้กับสัตว์อสูรราชาหนึ่งดวงจิตได้
“พินาศ!!”
ซู่เสี่ยวไป่ระเบิดพลังจิตวิญญาณออกไปเป็นวงกว้างทันที ทำให้สัตว์อสูรที่อยู่รอบๆ ถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ
“+รับแต้มฝึกฝน 4 แต้ม+”
“+รับแต้มฝึกฝน 8 แต้ม+”
“+รับแต้มฝึกฝน 9 แต้ม+”
……
ข้อความแจ้งเตือนแสดงขึ้นมาราวกับน้ำตกว่าเขาได้รับแต้มฝึกฝนเท่าไร
“ที่ชั้น 99 การฆ่าสัตว์อสูรเขตแดนราชาเทพยุทธหนึ่งดวงจิต ยังได้แต้มเพียงน้อยนิดแบบนี้”
“แล้วถ้าพวกที่ชั้น 1 หรือต่ำกว่านี้ ไม่ใช้ว่าฆ่าสัตว์อสูรตัวหนึ่งได้แต้มแค่ 0.001 เลยงั้นหรอ?”
ซู่เสี่ยวไป่ถึงกับขมวดคิ้วด้วยความตกใจ
เพราะสัตว์อสูรระดับราชาเทพยุทธหนึ่งดวงจิตนั้น หากอยู่ใน 99 ขุนเขาแล้วมันจะอยู่ในชั้นที่ 10 และคะแนนที่ได้รับนั้นมากกว่าที่คุกใต้ดินแห่งนี้เป็นสิบๆ เท่า
ดูเหมือนว่าเครือข่ายมายานั้น ไม่ต้องการให้ผู้ฝึกตนนั้นเน้นไปที่การฝึกฝนอย่างเดียว แต่ต้องการขัดเกลาทักษะการต่อสู้ด้วย ดังนั้นจึงให้แต้มฝึกฝนที่ได้จากสัตว์อสูรในคุกใต้ดินมายานั้น ได้แต้มฝึกฝนน้อยกว่าที่ 99 ขุนเขา แต่ที่ได้จะมากกว่า 99 ขุนเขาคือเศษวิชา วัตถุดิบ และสมบัติต่างๆ ที่ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนเกิดความโลภมากกว่า
“หือ?”
ในขณะนั้นเอง สัมผัสเชิงมิติของซู่เสี่ยวไป่ก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่อยู่ไกลออกไปมาก
ทำให้ ซู่เสี่ยวไป่รู้สึกขนลุกวูบวาบไปทั้งตัว
แล้วซู่เสี่ยวไป่ก็มุ่งหน้าตรงไปจุดที่เขาสัมผัสพลังได้ และปกปิดกระแสพลังของตัวเองเอาไว้
ซู่เสี่ยวไป่เห็นผู้ชายตัวสูงใหญ่กว่าพันเมตร และถื่อดาบขนาดใหญ่ไว้ในมือ พร้อมกับสวมเกราะเต็มยศ ห้อมล้อมไปด้วยตัวตนเขตแดนกึ่งราชามากมายรุมโจมตีอยู่
“ราชาเทพยุทธสี่ดวงจิตงั้นหรอ เจ้านี้คือหัวหน้าของชั้นนี้เองสินะ”
“แต่ดูจากพวกระดับเขตแดนกึ่งราชาพวกนี้ คงทำร้ายราชาเทพยุทธสี่ดวงจิตไม่ได้หรอก”
