ตอนที่แล้วบทที่ 746 เตือน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 748 อดตาย

บทที่ 747 ซุปตาร์ว่านหลาน(ตอนฟรี)


บทที่ 747 ซุปตาร์ว่านหลาน

จี้เฟิงลงจากรถและเดินมาที่รถของพี่รองจี้ช่าวเหลย และพบว่าจี้ช่าวเหลยกำลังสูบบุหรี่ขณะดูทีวีอยู่ในรถ เขายกมือขึ้นเพื่อดูเวลาเป็นครั้งคราว

ไม่รู้ว่าจี้ช่าวเหลยกำลังดูรายการอะไรอยู่ถึงได้หัวเราะออกมาเป็นระยะๆ

“ก๊อก ก๊อก!”

จี้เฟิงหัวเราะและเคาะกระจก “พี่รอง ดูอะไรอยู่ สนุกขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“น้องสาม?!”

พอเห็นว่าเป็นจี้เฟิง จี้ช่าวเหลยก็ผ่อนคลายและลดกระจกหน้าต่างลงก่อนจะพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก ดูหนังตลกน่ะ แต่พูดก็พูดเถอะ ฉันล่ะชอบการแสดงของซุปตาร์ว่านหลานคนนี้จริงๆ เธอเล่นได้ตลกเป็นธรรมชาติมาก การแสดงก็ไม่เลวเลย เฮ้อ...”

“มันคืออะไร?” จี้เฟิงเปิดประตูรถและเข้าไปนั่งก่อนจะถามด้วยรอยยิ้มว่า “อะไรคือซุปตาร์ว่านหลาน?”

“น้องสาม... นายไม่รู้จักว่านหลานเหรอ? สาวสวยว่านหลานที่เป็นซุปตาร์อยู่ในตอนนี้น่ะ? ... ดูเหมือนว่าช่วงนี้นายจะยุ่งมากเลยใช่มั้ย?” จี้ช่าวเหลยมองไปที่จี้เฟิงอย่างแปลกใจ “ปกตินายไม่สนใจข่าวอะไรพวกนี้เลยเหรอ?”

จี้เฟิงส่ายหัวและพูดว่า “ช่วงนี้ผมยุ่งมากจริงๆ แล้วสรุปว่าผู้หญิงคนนี้เธอเป็นใคร เธอออกข่าวด้วยเหรอ?”

“ให้ตายสิ!”

จี้ช่าวเหลยส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข่าวที่ฉันพูดถึงไม่ใช่ข่าวตามหนังสือพิมพ์หรือข่าวในทีวีอย่างที่นายคิด แต่ฉันหมายถึงพวกข่าวซุบซิบวงในอะไรแบบนี้ต่างหาก แต่ถึงจะบอกว่าเป็นข่าววงใน ถ้าเป็นเรื่องที่คนสนใจ ฉันให้ไม่เกินหนึ่งวัน เดี๋ยวก็รู้กันไปทั่วน่ะแหละ!”

จี้เฟิงเข้าใจทันทีว่าวงในที่จี้ช่าวเหลยพูดถึง คือวงในของพวกเพลย์บอยเหล่านั้น เป็นพวกลูกคนรวยที่วันๆไม่มีอะไรทำได้แต่ผลาญเงินไปกับเหล้าและผู้หญิง ซึ่งปกติด้วยนิสัยของจี้เฟิงเขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว นับประสาอะไรกับเรื่องที่คนเหล่านี้ทำ เขาไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย เขาไม่ได้อยากจะเป็นเพลย์บอย!

“งั้นฉันจะอัปเดตข่าวสารให้นายเอง!” จี้ช่าวเหลยหัวเราะ “อ่ะ ดูเธอคนนั้น!”

จี้ช่าวเหลยชี้ไปที่หน้าจอทีวีของรถ

จี้เฟิงมองไปยังทิศทางที่จี้ช่าวเหลยชี้แล้วเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดโบราณถือดาบและกำลังร่ายรำอยู่

พูดได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้สวยมากจริงๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเทคนิคการถ่ายทำหรือเพราะว่าผู้หญิงคนนี้ดูเปล่งประกายมีออร่ามากเกินไป เพียงแค่เห็นจากในจอทีวีก็รู้สึกเหมือนกับว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่มนุษย์ เธอดูสง่างามมาก

ที่สำคัญกว่านั้น เมื่อจี้เฟิงเห็นเธอร่ายดาบ ทุกการเคลื่อนไหวนั้นดูดีมาก มันแข็งแรงและลื่นไหลในเวลาเดียวกัน ให้ความรู้สึกที่พิเศษมาก

เธอเป็นกังฟู!

นี่เป็นความรู้สึกแรกที่จี้เฟิงมีต่อเธอ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงคนนี้จะต้องเคยฝึกดาบมาก่อน และทักษะของเธอก็น่าจะดีทีเดียว ไม่อย่างนั้นคนที่ไม่มีพื้นฐานจะไม่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้เลย และถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าแววตาของผู้หญิงคนนี้เฉียบแหลมมาก

“จริง! ผู้หญิงคนนี้สวยมากจริงๆ!” จี้เฟิงพยักหน้าอย่างจริงจังและกล่าวว่า “เธอให้อารมณ์ที่พิเศษมาก ดีๆ!”

“นั่นไงล่ะ! นายก็คิดว่าเธอสวยเหมือนกันใช่มั้ย?” จี้ช่าวเหลยหัวเราะและพูดว่า “ถ้าไม่สวยจริง เธอคงไม่ถูกเรียกว่าซุปตาร์สาวสวยหรอกจริงมั้ย?!”

“เธอเป็นนักแสดงศิลปะการต่อสู้ด้วยหรือเปล่า? ไม่สิ เขาเรียกกันว่าไงนะ ... ดาราบู๊? นักแสดงแอ็กชันใช่มั้ย?!” จี้เฟิงกล่าว

“โนๆๆ เธอไม่ใช่ดาราอย่างมิเชล โหย่ว ที่มีฝีมือด้านกังฟูจริงๆ ท่ารำดาบนี่เป็นท่าเต้นที่ผู้กำกับแอ็กชันออกแบบให้เธอ แล้วเธอก็เรียนรู้ฝึกฝนมันและแสดงออกมา!” จี้ช่าวเหลยกล่าวว่า “แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ฉันจะพูด เธอคนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับกังฟูเลย แล้วฉันไม่ได้อยากจะพูดเกี่ยวกับกังฟูเลยด้วย โอเค๊?”

จี้เฟิงหัวเราะ แต่เขาอดคิดในใจไม่ได้ว่า ฝีมือในวิชากังฟูของดาราที่ชื่อว่านหลานคนนี้ก็ไม่ได้แย่นัก ถึงแม้เธอจะไม่ได้มีชื่อเสียงในด้านนี้ แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่พวกเขาจะตัดข้อดีตรงนี้ข้อเธอทิ้งไป

แต่หลังจากคิดดูดีๆแล้ว จี้เฟิงก็โล่งใจ เพราะแค่รูปลักษณ์ที่สวยงามและมีเสน่ห์ของผู้หญิงคนนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้เธอโด่งดังไปทั่วประเทศได้ในระยะเวลาอันสั้น!

“ขอฉันเม้าท์หน่อยเถอะ มีเรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อน... หนังที่นายดูอยู่ตอนนี้ ได้รับความนิยมโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเมื่อสองวันก่อนมีงานเลี้ยงฉลอง ในตอนนั้นมีนักแสดงผู้หญิงอีกคนพยายามจะจับคู่ให้เด็กหนุ่มคนหนึ่ง แต่ถูกว่านหลานปฏิเสธแบบไม่ไว้หน้า”

จี้ช่าวเหลยพูดอย่างกระตือรือร้น “ไอ้หนุ่มนั่นพยายามจะลวนลามเธอ แต่ใครจะรู้ว่าเธอเอาดาบมาในงานฉลองด้วย เธอชักดาบออกมาแล้ววางพาดลงบนคอของไอ้หนุ่มคนนั้น เกือบจะฆ่าเขาแหนะ ไอ้หมอนั่นคงกลัวมากจริงๆ ถึงขนาดฉี่ราดกางเกงเลย ฮ่าๆๆ~!”

“ไอ้หนุ่มไหน?” จี้เฟิงถามด้วยความสงสัย

“เป็นรุ่นน้องที่หยานจิง พี่ชายของเขาเคยสอนบทเรียนให้ฉันมาก่อน!” จี้ช่าวเหลยหัวเราะ “ฉันล่ะทึ่งจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงคนนั้นจะแข็งแกร่งและใจเด็ดขนาดนี้ ถ้าดูจากภายนอกนี่ไม่รู้เลยจริงๆ!”

จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “ผมคิดว่านี่เป็นความเมตตาของว่านหลาน ไม่อย่างนั้นเด็กหนุ่มที่พี่รองรู้จักของไปนอนนิ่งอยู่ในห้องเก็บศพแล้ว!”

“เธอเป็นกังฟูจริงๆน่ะเหรอ?!” จี้ช่าวเหลยอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความตกใจ

จี้เฟิงพยักหน้าและพูดว่า “อย่างน้อยเธอก็ต่อสู้เป็น แต่ผมคิดว่าเธอจะต้องเก่งกังฟูแน่นอน แต่มันยากที่จะบอกว่ากังฟูของเธอมันทรงพลังแค่ไหน เพราะผมยังไม่ได้เห็นกับตา!”

“ไม่แปลกใจเลย.. เพราะเธอดูเป็นผู้หญิงที่มีความกล้าหาญมากจริงๆ ส่วนไอ้เด็กนั่น ว่ากันว่ามันกลัวจนไม่กล้าสร้างปัญหาอีกเลย!” จี้ช่าวเหลยหัวเราะ

“เป็นไปได้ด้วยเหรอที่เขาจะไม่เอาคืนเพียงเพราะว่ากลัว? นี่ยังถือว่าเป็นคุณชายเพลย์บอยได้อยู่อีกเหรอ?” จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม “แต่ผมว่านะ มันจะต้องมีอะไรบางอย่างที่พี่ยังไม่รู้หรือรู้มาไม่หมดแน่ๆ!”

“ก็พูดยาก เพราะฉันก็อยู่ที่เจียงโจว อาจทำให้ไม่รู้รายละเอียดลึกๆ!” จี้ช่าวเหลยพยักหน้าเห็นด้วย และจู่ๆก็ถามขึ้นอีกครั้ง “หรือนายคิดว่าไง? เพราะมาคิดๆดู ก็น่าจะเป็นอย่างที่นายว่า อับอายต่อหน้าประชาชีขนาดนั้น ไอ้พวกลูกคุณหนูเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อที่ใช้อิทธิพลกับเงินของพ่อแม่จนชินจะไม่เอาคืนได้ยังไง... เป็นไปได้มั้ยที่ว่านหลานจะมีแบ็คดี?!”

จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “ใครจะไปรู้ล่ะ! พี่รอง พี่เป็นคนขอให้ผมมาที่นี่เพื่อแนะนำว่านหลานคนนี้ให้ผมรู้จักเมื่อกี้นี้เองนะ!”

“ไม่ใช่ๆ!”

จี้ช่าวเหลยโบกมือและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ที่ฉันให้นายมาที่นี่ไม่ได้จะพูดเรื่องนี้ เพียงแต่เม้าท์มอยแล้วมันหยุดไม่ได้น่ะ ฮ่าๆๆๆ ... เอาล่ะๆ มาเข้าเรื่อง ที่ฉันให้นายมาที่นี่ก็เพราะเซียงหยงซานต้องการให้นายช่วยแมงมุมขาว แต่เขาไม่สามารถมาพูดกับนายได้ ก็เลยขอผ่านฉัน!”

“เขาเป็นอะไรมาคุยกับผมไม่ได้?” จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม

“ไอ้หนู นายถามเพราะไม่รู้จริงๆหรือกวนตีน? ก็ตั้งแต่ที่แมงมุมขาวถูกไล่ฆ่าจากคนของหวางฉาว และได้นายช่วยไว้ เซียงหยงซานไม่ได้ให้ข้อมูลที่พอจะช่วยอะไรนายได้เลย แล้วเขาจะมีหน้ามาคุยกับนายได้ยังไง ไม่ต้องพูดถึงว่าเขายังต้องการให้นายช่วยแมงมุมขาวไว้อีก!” จี้ช่าวเหลยหัวเราะ

จี้เฟิงพ่นลมหายใจและพูดว่า “เขาก็ช่างกล้าเนอะ ยังจะให้ผมช่วยแมงมุมขาวอีก... แล้วจะให้ผมไปช่วยอะไรเธออีก?”

“ถ้าอย่างนั้น... เราจะกลับกันตอนนี้เลยมั้ย?” จี้ช่าวเหลยถาม “ฉันไม่ได้บอกเซียงหยงซานเรื่องที่ให้นายมาที่นี่ ฉันอยากฟังความคิดเห็นของนายก่อน”

“อย่าเพิ่งกลับ” จี้เฟิงส่ายหัวและกล่าวว่า “พาผมไปหาเซียงหยงซาน!”

เนื่องจากเซียงหยงซานได้ตรวจสอบแมงมุมขาวกับพวกมนุษย์ดัดแปลงและสืบข่าวของคนที่อยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้ ดังนั้นจี้เฟิงจึงต้องการถามว่าใครที่กำลังโจมตีเขา!

คนในหวางฉาวรู้แล้วว่าเขามีส่วนร่วมในการทำลายสาขาที่ต้าเซี่ย ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น! และเซียงหยงซานก็มีหน้าที่ในการสืบสวนเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เพราะเนื่องจากอีกฝ่ายรู้ข่าว ก็หมายความว่าจะต้องมีคนของหวางฉาวแทรกซึมอยู่ในระดับสูงของจีน อันที่จริงประเด็นนี้จี้เฟิงและเซียงหยงซานมั่นใจมานานแล้ว

ตอนนี้สิ่งที่จี้เฟิงอยากรู้คือคนระดับสูงที่อยู่เบื้องหลังนี้คือใคร!

จี้เฟิงไม่เคยกลัวหวางฉาว ไม่ว่าองค์กรนี้จะอาละวาดแค่ไหน ก็ไม่มีอำนาจเท่าประเทศจีนทั้งประเทศ! และเพราะแบบนั้นพวกหวางฉาวถึงได้ทำอะไรอย่างลับๆ

ดังนั้นสิ่งที่จี้เฟิงต้องทำคือตัดกำลังของอีกฝ่ายที่อยู่ในจีนออกไปให้หมด เปลี่ยนให้เป็นเสือที่ไร้เขี้ยวเล็บ แม้ว่าพลังของหวางฉาวจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ก็ไม่ง่ายนักที่จะส่งสายเข้ามาในจีน หรือต่อให้ส่งมาได้ แล้วอยากจะลงมือ มันก็ไม่ง่ายที่จะหลบสายตาของหน่วยข่าวกรองไปได้

ดังนั้นกุญแจสำคัญในตอนนี้คือค้นหาผู้กระทำความผิดที่อยู่เบื้องหลังและกวาดล้างพวกเขาออกไปให้หมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์ดัดแปลงขั้นสูงพวกนั้น พวกเขาอันตรายเกินกว่าจะปล่อยไว้นานๆ ต้องทำให้มนุษย์ดัดแปลงเหล่านั้นเป็นภัยต่อถงเล่ยและเซียวหยูซวนไม่ได้อีก

นี่คือเป้าหมายสูงสุดของจี้เฟิง

ส่วนวิธีการจัดการกับองค์กรหวางฉาวในอนาคตมันชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว เพราะตั้งแต่ที่เกิดความแค้นต่อกัน ก็ไม่มีอะไรให้ต้องพูดอีก และมีทางเดียวที่จะทำได้คือสู้ให้ถึงที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น จี้เฟิงไม่เคยคิดที่จะญาติดีกับองค์กรหวางฉาว สำหรับองค์กรใต้ดินนี้ เป็นการดีที่สุดที่เขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือมีส่วนร่วมใดๆ เพียงแต่ตอนนั้นมันเกี่ยวข้องกันไปแล้ว เขาจึงต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำลายมัน

จากเด็กยากจนไร้ค่า จี้เฟิงได้ก้าวไปทีละก้าว และเขาก็ไม่ได้เป็นคนใจอ่อนอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่แมงมุมขาวตั้งใจจะปองร้ายเซียวหยูซวน จี้เฟิงรู้สึกตกใจมาก เหงื่อเย็นๆไหลออกมาท่วมตัวในเวลานั้น มันทำให้หัวใจของเขาชา เพราะถ้าหากแมงมุมขาวต้องการจะจัดการเซียวหยูซวนในเวลานั้นจริงๆ ด้วยทักษะของเซียวหยูซวนในเวลานั้น เธอไม่สามารถต้านทานได้อย่างแน่นอน และมันจะเกิดเหตุการณ์ที่เขาไม่อยากจะนึกภาพเลย

และถ้ามันเป็นแบบนั้น จี้เฟิงจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเลยตลอดชีวิต!

“ผมต้องถามให้ชัดเจนว่าคนเบื้องหลังที่คิดจะโจมตีผมกับคนรอบตัวเป็นใครกันแน่!” จี้เฟิงพูดเบาๆ แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร!

จี้ช่าวเหลยก็รู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่เย็นชาในใจของจี้เฟิง เขาพยักหน้าทันทีและกล่าวว่า “โอเค ฉันจะติดต่อเซียงหยงซานเดี๋ยวนี้ เขาน่าจะอยู่ในเขตทหารแล้ว”

.......

ผ่านไปสิบนาที จี้เฟิงและจี้ช่าวเหลยก็เห็นเซียงหยงซานในเครื่องแบบทหาร

จี้เฟิงสังเกตได้ว่าท่าทีของเซียงหยงซานนั้นดูเขินอายเล็กน้อย แต่เพราะใบหน้าของเขามืดครึ้มไปหน่อย ดังนั้นถ้าไม่ดูให้ดีๆ มันก็ยากที่จะบอกได้

“พี่เขย ฉันชวนน้องสามมาให้แล้ว จะทำยังไงก็แล้วแต่พวกคุณแล้ว ไม่ใช่ธุระของฉันอีกต่อไป!” จี้ช่าวเหลยพูดด้วยรอยยิ้ม “ยี่โหรวอยู่ข้างในใช่มั้ย ฉันจะไปหาเธอ!”

.....จบบทที่ 747 ~

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด