792 - ปรมาจารย์ฉีผู้งดงาม
792 - ปรมาจารย์ฉีผู้งดงาม
ในเวลานี้ ผู้คนมากกว่าจำนวนหลายร้อยมารวมตัวกันที่กระท่อมรกร้างจนทำให้เกิดแรงกดดันมหาศาล เมฆหมอกที่ปกคลุมท้องฟ้ากระจัดกระจายออกราวกับสวรรค์จะพังทลายลงมา
“เย่เจ๋อเทียน ออกมา!” เป็นเสียงของสตรีไม่ผิดแน่ แม้ว่าเสียงของนางจะนุ่มนวลไพเราะ แต่ก็แฝงไปด้วยความเย็นชา
“พี่ชายเจ้าเมืองกลับไปที่เมืองแล้ว เขาไม่ได้อยู่ที่นี่”
เสียงพึมพำของเด็กคนหนึ่งดังขึ้น เขาใช้มือเช็ดจมูกและตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างตรงไปตรงมา
“พวกท่านขี่สัตว์วิญญาณมาทำไมตั้งมากมาย พวกเราเบื่อที่จะกินมันแล้ว”
“กิน?!” ข้ารับใช้ที่อยู่ข้างๆ แค่นเสียงอย่างเย็นชา
“ข้าจะเข้าไปดูข้างในเอง!” ปรมาจารย์ฉีสะบัดชุดคลุมยาวของนางและบินไปที่เมืองลู่เฉิงด้วยเมฆหลากสี
ผู้คนด้านหลังทั้งหมดตามมาจากระยะไกล พวกเขามาเพื่อดูการต่อสู้ครั้งนี้เป็นพิเศษ
เพราะทันทีที่ปรมาจารย์ฉีออกจากด่านฝึกฝน นางก็ทราบข่าวร้ายและมาที่นี่โดยตรง
บุคคลนี้ไม่เพียงแต่งดงามเหมือนเทพธิดาเท่านั้น แต่ยังเป็นความงามที่ร้อนแรงและสูงส่งอีกด้วย แม้ว่าม้ามังกรของนางจะถูกคนอื่นกินไปแล้ว แต่นางก็พยายามรักษาความสงบอย่างถึงที่สุด
นอกเมืองลู่เฉิง เมฆทุกชนิดลอยอยู่เหนือท้องฟ้า ทั้งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยหมอก ราวกับว่าประตูสวรรค์กำลังจะเปิดออก
“ท่านเจ้าเมือง แย่แน่มีเซียนมากมายอยู่ที่นี่!”
หลายคนตื่นตระหนกและวิ่งไปรายงาน เมื่อเย่ฟ่านได้ยินคำกล่าวนั้น เขาถอดคันธนูขนาดใหญ่ลงมาจากกำแพง
“ท่านเจ้าเมือง ทำไมท่านถึงไม่หนีไปล่ะ?…”
“ข้าะล่าสัตว์ เราจะได้กินเนื้ออีกแล้ว!” เย่ฟ่านตอบ
“เย่เจ๋อเทียน ออกมาหาข้า!” ปรมาจารย์ฉีตะโกน เสียงของนางชัดเจนและคมชัดเหมือนไข่มุกที่ตกลงบนจานหยก มีไอสังหารพลุ่งพล่านในอากาศ
เย่ฟ่านก็ตกตะลึงเช่นกันหลังจากที่เขาออกมา “มีคนมากมายที่นี่ ไม่ใช่ว่าสำนักฉีซื่อไม่สามารถเข้าออกตามอำเภอใจหรือ?”
ถ้าคนมากกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบคนมาที่นี่และลงมือพร้อมกัน เขาคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลบหนีอย่างรวดเร็ว
“คืนม้ามังกรของพวกเรามา!” ข้ารับใช้ตะโกนอย่างมั่นใจ ตอนนี้เจ้านายของเขาก็อยู่ด้วย เขาจึงไม่กลัวเย่ฟ่านอีกต่อไป
“เจ้าจะมาสร้างปัญหาอีกหรือ?” เย่ฟ่านถาม
เขาไม่มีอะไรต้องกลัว หากเป็นปัญหาใหญ่เขาก็สะบัดก้นแล้วจากไป ถ้าเขาต้องการรู้แจ้งในที่นี้จริงๆ เขาก็สามารถกลับมาได้ทุกเมื่อ
ข้างหน้ามีฝูงชนจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่มาเพื่อชมการต่อสู้ และเริ่มพูดคุยกัน
“คนคนนี้ยังอายุน้อยแท้ๆ ประหลาดจริงๆ ทำไมเขาถึงไม่เข้าร่วมกับสำนักฉีซื่อ?”
“ข้ามาที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนของผู้ฝึกตนจากตงฮวงเท่านั้น!” มีคนตะโกน
เย่ฟ่านรู้สึกคุ้นเคยและจำได้ว่านี่คือเจียงฮ่วยเหรินที่ปลอมตัวมา เย่ฟ่านไม่ได้คาดหวังว่าพวกเขาจะแอบเข้ามาได้จริงๆ จากระดับการฝึกฝนของเขา มันยากมากแต่เขาก็ทำได้สำเร็จ
“ข้าเป็นตัวแทนผู้ฝึกตนจากหนานหลิง!” คนอื่นตะโกน
เช่นกัน
เย่ฟ่านจ้องมองอย่างระมัดระวังและเห็นชายผิวขาวตัวอ้วนคนหนึ่ง เขาจำฝ่ายตรงข้ามไม่ได้แต่เขาต้องเคยเห็นคนคนนี้ที่ไหนมาก่อนอย่างแน่นอน
จากนั้นไม่นานดวงตาของเย่ฟ่านก็เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง
“เจ้าลูกหมาต้วนเต๋อ!”
เย่ฟ่านไม่เคยคิดเลยว่านักพรตไร้ศีลธรรมคนนี้จะแอบเข้ามาในสำนักฉีซื่อด้วย
“ข้าเป็นตัวแทนพระโพธิสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งทะเลทรายตะวันตก!”
ต้วนเต๋อเปลี่ยนตำแหน่งและแอบส่งเสียง แต่ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่านสามารถมองเห็นตัวตนของเขาอย่างชัดเจน
“ไอ้สารเลวคนนี้เป็นคนแก่ที่แสร้งว่าตนเป็นเด็กหนุ่ม เขาแกล้งทำเป็นว่าตนเองยังหนุ่มเเน่นและเข้ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่ เห็นได้ชัดว่าไม่มีเจตนาดีอย่างแน่นอน”
“แล้วพวกเจ้าคิดเห็นเช่นไร?” เย่ฟ่านถามอย่างไม่ใส่ใจ
“จงคืนม้ามังกรให้ปรมาจารย์ฉีซะ หากเจ้าทำไม่ได้ ข้าจะฝังเจ้าทั้งเป็น!”
หลังจากมาถึงที่นี่ปรมาจารย์ฉีก็หยุดกล่าวและคนที่เอ่ยวาจาก็คือบริวารของนาง
“ไปที่หลุมฝังศพในเมืองโบราณกันเถอะ” เย่ฟ่านบินไปทางกระท่อมร้าง
“ช่างมองการณ์ไกลจริงๆ กล้าแม้กระทั่งกินเนื้อม้ามังกรของปรมาจารย์ฉี เจ้าเบื่อการมีชีวิตอยู่บนโลกนี้จริงๆถึงขั้นขุดหลุมไว้รอฝังร่างตนเอง” มีคนเยาะเย้ย
“เจ้าผิดแล้ว ข้าหมายถึงข้าจะฝังพวกเจ้าทั้งเป็นต่างหาก” เย่ฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้มและรีบบินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามอง
“ไปเถอะ ไปดูกันว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน”
บรรดาผู้พบเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่เต็มไปด้วยความสงสัย และแม้แต่ผู้บ่มเพาะหญิงจำนวนมากก็มาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ทุกคนขี่เมฆและหยุดอยู่เหนือภูเขาที่แห้งแล้ง ปรมาจารย์ฉีก้าวออกไปและตั้งตารอ นี่คือสตรีที่งดงามมากจริงๆ เรียกได้ว่าความงามของนางสามารถทำให้ผู้คนลุ่มหลงจนตายได้อย่างแน่นอน
ไม่แปลกใจเลยว่าจะมีเหล่าแมลงภู่มากมายคอยปกป้องดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ นี่คือความงามระดับหายนะที่ทำให้ราชาแห่งโลกละทิ้งดินแดนของตัวเอง
นางอายุราวๆสิบหกปี ดวงตาเป็นประกายสว่างไสวผิวขาวอวบอิ่มราวแทบจะคั้นน้ำออกมาได้ ฟันขาวใสเหมือนไข่มุก เส้นผมสีดำเงางามดุจแพรไหม
เมื่อย่างก้าวออกมาทีละก้าว สร้อยไข่มุกและหยกที่ห่อหุ้มด้วยแสงสีทองก็ไหลลงตามส่วนโค้งเว้าของกระดูกไหปลาร้า จี้ห้อยคอทรงหยดน้ำนั้นเป็นประกายวาววับ
“เป็นเจ้าที่กินม้ามังกรของข้า?”
ปรมาจารย์ฉีขมวดคิ้วเม้มปากแน่น ดวงตาของนางคมกล้าดุจตาเหยี่ยวและเย็นชาเล็กน้อย
“ไม่ผิด ถ้าเจ้าไม่มีอะไรทำก็มาร่วมดื่มสุรากับข้าได้ทุกเมื่อ ข้ากำลังเบื่ออยู่พอดี” เย่ฟ่านหัวเราะอย่างกลุ้มกลิ่ม
“เจ้า…”
ใบหน้าหยกของปรมาจารย์ฉีซึ่งเพียงพอที่จะทำให้เกิดความโกลาหลแสดงความโกรธออกมาเล็กน้อย แต่ใบหน้าของนางกลับกลายเป็นสายลมฤดูใบไม้ผลิอย่างรวดเร็วเมื่อนางหัวเราะอย่างแผ่วเบาและกล่าวว่า
“เจ้าเก่งมาก หลังจากกินม้ามังกรของข้าแล้ว เจ้ายังทำตัวเป็นผู้ชอบธรรมอยู่ วันข้างหน้าข้าจะให้เจ้าลากรถม้าของข้าแทนม้ามังกร”
“โอ้ จะให้ข้าเป็นม้ามังกร?” เย่ฟ่านหรี่ตาลง
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้โง่ นั่นคือสิ่งที่ข้าหมายถึง” ปรมาจารย์ฉีกล่าวเบาๆ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความซับซ้อนที่ทำให้ใบหน้าของเย่ฟ่านมืดลง
“ไม่ยุติธรรม ทำไมเราไม่ทำข้อตกลงกันก่อนล่ะ?” เย่ฟ่านอ้าปากพร้อมกับกอดอกมองนางราวกับว่าเขากำลังล้อเลียน
“ข้อตกลงอะไร?” ปรมาจารย์ฉีเหลือบมองเขาด้วยความระมัดระวัง
“เราจะต่อสู้กันอย่างยุติธรรม หากข้าเป็นฝ่ายแพ้ข้าจะลากรถให้เจ้า และถ้าเจ้าแพ้แน่นอนว่าเจ้าต้องอสูรวิญญาณให้ข้า” เย่ฟ่านเปิดปากและเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“ไร้ยางอายจริงๆ!” ใบหน้าของนางแดงก่ำ คิ้วสีเข้มตั้งตรง และดวงตาขนาดใหญ่ของนางเต็มไปด้วยความโกรธ
“โอ้!”
ที่ด้านหลังเกิดความโกลาหล เจ้าเมืองผู้นี้กล้าหาญจริงๆ ความหมายคือ หากปรมาจารย์ฉีพ่ายแพ้ นางจะต้องเป็นสัตว์ขี่ของเขาใช่หรือไม่?
“เจ้าเมืองน้อยคนนี้ไปเอาความกล้ามาจากไหน เขากินดีหมีหัวใจเสือเข้าไปหรือไร?”
“เขาอยู่ในภูเขาถัดจากสำนักฉีซื่อ แต่เขาก็ยังกล้าทำเรื่องเช่นนี้ ไร้ยางอายจริงๆ เขาไม่กลัวว่าผู้ยิ่งใหญ่จากสำนักฉีซื่อจะออกมาฆ่าเขาหรือ?”
“พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว เด็กน้อยคนนี้แข็งแกร่งมากเกรงว่าผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในสำนักคงยากที่จะเอาชนะเขาได้!”
ที่ด้านหลังมีใครบางคนกล่าวอย่างเย็นชา ทุกคนรู้ดีว่าปรมาจารย์ฉีนั้นโหดร้ายเพียงใด และน้อยคนที่จะกล้าต่อต้านนาง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดเช่นนี้ทุกคนก็ยังอดที่จะเป็นห่วงนางไม่ได้