791 - นักล่าสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่
791 - นักล่าสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่
“บูม”
สิ่งน่าประหลาดใจเกิดขึ้น แขนเสื้อขนาดใหญ่พองตัวอย่างถึงที่สุดก่อนจะระเบิดออกมาทันที มันทำให้ความว่างเปล่ารอบๆ กำลังจะพังทลายลง
“ทลายความว่างเปล่าหรือ?” จางเหวินตกใจ
“บูม”
แรงระเบิดเคลื่อนตัวไปทางท้องฟ้า แขนเสื้อถูกฉีกขาด เย่ฟ่านปรากฏตัวในความว่างเปล่า ฝ่ามือของเขากระแทกหน้าอกของชายชุดม่วงจนปลิวกระเด็นกลับไปทางด้านหลัง
ปัง!
“เจ้า…”
ชายชุดสีม่วงตกใจ จักรวาลในแขนเสื้อของเขาถูกทำลาย ทักษะศักดิ์สิทธิ์สูงสุดนี้ไม่เคยผิดพลาด แต่ตอนนี้ร่างกายของเขาแตกร้าวแม้แต่วิญญาณก็ยังสั่นคลอน
ชายคนนี้เป็นใครกันแน่?
ผู้คนจำนวนมากรู้สึกเหลือเชื่อ แขนเสื้อกลายเป็นโลกใบเล็กของตัวเอง หากผู้ใดถูกขังอยู่ข้างในมันจะเป็นเรื่องยากที่พวกเขาคิดจะเอาตัวรอดได้
พลังต่อสู้สูงสุดของเย่ฟ่านทำให้พวกเขาประหลาดใจ แม้แต่ริมฝีปากที่งดงามขององค์หญิงอวี้เตี่ยก็ยังเปิดกว้าง และดวงตาที่งดงามของนางก็เปล่งประกายด้วยแสงจ้า
“เจ้ายังต้องการให้ข้าคุกเข่าที่สำนักฉีซื่อหรือไม่ ทำไมเจ้าไม่มาคุกเข่าที่หน้าหมู่บ้านของข้าสักสามวัน”
อักขระเต๋าของเย่ฟ่านหอบหิ้วชายหนุ่มชุดม่วงขึ้นมาจากพื้นก่อนที่กำปั้นของเย่ฟ่านจะกระแทกลงไปอีกครั้ง
“บูม!”
ชายชุดม่วงกระอักเลือดและล้มลงกับพื้นเหมือนท่อนไม้ ร่างกายของเขาแตกกระจายไปหลายที่ และเลือดก็ไหลรินอย่างไม่สิ้นสุด
“ปัง”
เย่ฟ่านกดฝ่ายตรงข้ามลงที่พื้นแล้วเตะเขาออกไปเหมือนลูกหนัง ร่างของชายชุดสีม่วงแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่ต้องกล่าวถึงจักรวาลในแขนเสื้อของเขา ตอนนี้แม้แต่การจะเอาชีวิตรอดก็ยังเป็นเรื่องยากแล้ว
“คุกเข่าอยู่นอกหมู่บ้านโบราณเป็นเวลาสามวันสามคืน เจ้าอยากให้ข้าทำสิ่งนี้ในสำนักฉีซื่อไม่ใช่หรือ? เจ้าสามารถสาธิตให้ข้าดูก่อนได้”
“อ่า...” ชายชุดสีม่วงตะโกน ตัวสั่นอย่างรุนแรง คิ้วของเขาขมวดแน่น
“พี่เย่ลืมมันไปเถอะ ปล่อยเขาไป”
องค์หญิงอวี้เตี่ยก้าวไปข้างหน้าเพื่อเกลี้ยกล่อมเพราะกลัวว่าเรื่องจะใหญ่เกินจะควบคุม
เฉิงฮุ่ย จางเหวินและหลี่ซินเยว่ก็ก้าวไปข้างหน้า พยายามเกลี้ยกล่อมเขาเพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมา
“ไม่มีทาง!” เย่ฟ่านผนึกชายชุดสีม่วงและเตะเขาไปที่ทางเข้าหมู่บ้านโดยไม่ใส่ใจ
“เจ้า...เจ้าอยากเป็นเจ้าเมืองที่นี่จริงๆ?” องค์หญิงอวี้เตี่ยกล่าวไม่ออก
คืนนั้นในส่วนลึกของภูเขาอมตะ หลายคนรู้ข่าวมาและกล่าวคุยกัน ถ้าไม่ใช่เพราะข้อบังคับของสำนักฉีซื่อ พวกเขาคงออกจากภูเขาและร่วมชมความสนุกสนานด้วยอย่างแน่นอน
“เจ้าได้ยินไหมว่าม้ามังกรของปรมาจารย์ฉีถูกใครบางคนกินเข้าไป ผู้ส่งสารรู้ข่าวเรื่องนี้เขาโกรธมากจึงไปทวงคืน แต่เขากลับถูกลงโทษให้คุกเข่าอยู่ด้านนอกของหมู่บ้านโบราณแทน”
“ข้ารู้มาบ้างแล้ว เจ้าเมืองคนนั้นกล้าทำแบบนี้จริงๆ มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก?”
วันรุ่งขึ้นผู้คนมากมายต่างรู้ข่าวและการสนทนาที่เข้มข้นก็เป็นไปตลอดทั้งวัน
“นายท่านคนนี้หยิ่งทระนงเกินไป เขากล้าที่จะทำเช่นนี้ ข้าพูดอะไรไม่ออกจริงๆ”
“ปรมาจารย์ฉียังไม่ออกจากด่านฝึกฝน ไม่เช่นนั้นนางจะออกมาจัดการด้วยตนเองอย่างแน่นอน”
“แต่น่าเสียดายที่เราออกไปดูไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเราจะได้เห็นคนผู้นี้ด้วยตาของเราเอง”
ในอีกไม่กี่วันถัดมา เย่ฟ่านต่อสู้กับผู้คนไม่เว้นวัน ทุกคนต้องการพาตัวเขาไปรับโทษที่สำนักฉีซื่อ
คนเหล่านี้ไม่ใช่บุคคลธรรมดา แต่เป็นยอดฝีมือระดับสูงในห้าภูมิภาค มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่สามารถเข้าไปในสำนักฉีซื่อซึ่งจะเปิดสำนักทุกๆ หมื่นปีได้
น่าเสียดายที่เขาพ่ายแพ้ให้แก่เย่ฟ่านทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ในสำนักฉีซื่อตอนนี้หลายคนรู้ว่ามีชายหนุ่มฝีมือดีอาศัยอยู่นอกภูเขาและต้องการออกไปร่วมสนุกกับความปั่นป่วนในครั้งนี้
ปรมาจารย์ทั้งหกคุกเข่าในกระท่อมร้างในตอนกลางคืน ในตอนเช้าทุกคนกลับมาพร้อมอาการบาดเจ็บสาหัส
ในหมู่พวกเขามีสามคนขี่ม้าออกไป ทั้งหมดล้มเหลวไม่มีใครกลับมาได้และสัตว์อสูรทั้งหมดที่ถูกใช้เป็นพาหนะก็กลายเป็นอาหารเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้านตลอดสามวันสามคืนที่ผ่านมา
“เจ้าเมืองคนนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ เขากินอสูรวิญญาณไปอีกสามตัว”
“ชายคนนี้มาจากไหนกัน ปรมาจารย์ทั้งหกพ่ายแพ้อย่างอนาถ พวกเขาคุกเข่าทั้งคืนโดยไม่กล่าวอะไรสักคำและปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามกินสัตว์อสูรของตัวเอง พวกเขาทนรับได้อย่างไร?”
ผู้คนในสำนักฉีซื่อรู้เรื่องนี้มันทำให้เกิดคลื่นของความอยากรู้อยากเห็น และหลายคนพยายามหาทางออกไปข้างนอก
ถ้าไม่ใช่เพราะความยากลำบากในการออกไปจากภูเขา ผู้คนจำนวนมากจะต้องออกไปดูพยัคฆ์ร้ายตัวนี้อย่างแน่นอน และแม้แต่ในหมู่สาวงามหลายคนก็ยังอยากรู้อยากเห็นและต้องการดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“ตอนนี้ปรมาจารย์คนที่เจ็ดพ่ายแพ้ แม้แต่กิเลนม่วงของเขาก็ยังถูกเคี่ยวในหม้อเหล็ก”
“ตอนนี้ชายคนนั้นกินสัตว์อสูรเป็นกิจวัตรแล้ว ว่ากันว่าเขาทำธนูขนาดใหญ่พิเศษซึ่งเอาไว้ล่าสัตว์อสูรโดยเฉพาะ เขาบอกว่าบริเวณนี้มีสัตว์แปลกๆมากมาย ซึ่งเพียงพอจะเลี้ยงดูคนทั้งหมู่บ้านได้อย่างยาวนาน”
พอข่าวเช่นนี้แพร่ออกไป หลายคนก็ตกตะลึงและอยากรู้ว่านายท่านคนนี้เป็นเจ้าเมืองแบบไหนกันแน่
“คนผู้นี้ทำให้เรากล่าวไม่ออกจริงๆ”
หลายคนทำได้เพียงถอนหายใจ
และแล้ววันหนึ่งปรมาจารย์ฉีก็ออกจากด่านฝึกฝน ทุกคนต่างตื่นเต้นกับข่าวนี้
“ข้ายอมถูกลงโทษ ข้าจะออกไปจากภูเขาเพื่อชมการต่อสู้ครั้งนี้” หลายคนกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว
ในเมืองลู่เฉิง ทุกคนรู้ดีว่าเจ้าเมืองตัวน้อยคนนี้ไม่เคยทำหน้าที่เจ้าเมืองเลย ในแต่ละวันเขาเพียงยิงธนูเพื่อสังหารสัตว์อสูรและนำมาทำเป็นน้ำแกงเลี้ยงผู้คนในหมู่บ้าน
“มีเหยื่อเข้ามาที่นี่อีกหรือไม่?”
“ดูเหมือนจะไม่มีเลยนายท่าน ในรัศมีร้อยลี้ไม่มีสัตว์อสูรขนาดใหญ่ อย่างมากก็มีกระต่ายเพียงสองถึงสามตัว”
ผู้คนในเมืองต่างก็แปลกใจ ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเขาถึงทำเช่นนั้น แต่ภายในเวลาไม่กี่วันพวกเขาก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง
“โอ้ สวรรค์ นี่คือสัตว์อสูรที่ท่านเจ้าเมืองล่ามาหรือ? ใหญ่โตเกือบจะเท่าภูเขา!”
ทุกคนได้แต่ถอนหายใจ เขาล่าสัตว์อสูรในตำนานทั่วดินแดนที่น่าสงสารแห่งนี้
ในเมืองลู่เฉิงชาวบ้านกินสัตว์อสูรขนาดใหญ่จนเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่เมื่อไม่นานมานี้เจ้าเมืองของพวกเขาไล่ล่าเหล่าสัตว์อสูร ตั้งแต่ระดับล่างจนถึงระดับสูง
และหลายคนกังวลว่าเขาจะไม่สามารถชดเชยได้เพราะสัตว์อสูรเหล่านั้นมีค่าเกินไป
พวกมันทั้งหมดเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยในการเพิ่มพลังวิญญาณและช่วยเพิ่มอายุให้ผู้คนได้มากมาย และที่สำคัญที่สุดพวกมันเป็นสมบัติของภูเขาเซียนที่อยู่ด้านข้าง
ไม่ว่าจะเป็นแผ่นหนัง กระดูก หรือแม้กระทั่งขน ทุกสิ่งทุกอย่างถูกทำให้แห้งและตากไว้ตามต้นไม้โบราณ พวกมันสะดุดตามาก เย่ฟ่านเปลี่ยนให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นโรงฆ่าสัตว์ไปแล้ว
เย่ฟ่านเอาชนะปรมาจารย์หลายคนติดต่อกัน บางคนมีการฝึกฝนที่ไม่ธรรมดาและมีทักษะที่ไม่สิ้นสุด การกระทำของเขาทำให้ผู้คนมากมายในเมืองเกิดแรงบันดาลใจที่จะฝึกฝนการต่อสู้
ทุกวันนี้เย่ฟ่านมักจะนั่งสมาธินอกป่าไม้โบราณ เขารู้สึกถึงพลังพิเศษบางอย่าง แต่เขาไม่สามารถเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้
ความลับของกระท่อมของจักรพรรดิโบราณนี้ไม่มีใครสามารถบอกได้อย่างชัดเจนตั้งแต่สมัยโบราณ
เย่ฟ่านเคยไปที่ใจกลางป่าโบราณแห่งนี้แล้ว แต่เขารู้สึกได้ถึงวิกฤตและไม่กล้าที่จะอยู่ต่อ ดังนั้นจึงได้แต่ถอยกลับด้วยความคับแค้น
“เย่เจ๋อเทียน ออกมารับความตาย!”
ในที่สุดก็มีเสียงตะโกนมาจากด้านนอกกระท่อมรกร้างอีกครั้ง ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆและหมอก ผู้คนจำนวนมากออกมาจากภูเขาเซียน
ผู้คนจำนวนหลายร้อยเต็มไปด้วยความตื่นเต้น พวกเขามาจากห้าภูมิภาคหลักของโลกอำพรางสวรรค์
คนกลุ่มใหญ่เช่นนี้ล้วนมีประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดา แต่ละคนล้วนเป็นตำนานของแต่ละภูมิภาค และเป็นการยากที่จะรวมตัวกันเช่นนี้ได้