ตอนที่ 095 ต้นทุนคือเจ้าโลก
ตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นญี่ปุ่นถ้าเทียบกับตลาดหุ้นอเมริกาแล้ว มูลค่าตลาดยังคงต่ำกว่ามาก ในขณะที่ตลาดหุ้นอเมริกามีมูลค่าตลาดมหาศาลจนสามารถแข่งขันกับตลาดหุ้นทั่วโลกได้
การทุ่มเงิน 500 ล้านลงในตลาดหุ้นทั้งสองก็เหมือนกับการโยนหิน 2-3 ก้อนไปในทะเล สุดท้ายแล้วหินก้อนนั้นไม่จมลงก็ต้องถูกคลื่นซัดไปอยู่ดี
ยิ่งกว่านั้นหากนำเงินก้อนนั้นไปลงตลาดหุ้นประเทศเพื่อนบ้านในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้มันก็เหมือนกับกระโดดลงไปว่ายน้ำในบ่อจระเข้นั้นแหละ โดนงับตายแน่นอน
"มีอีกเรื่องหนึ่งค่ะหัวหน้า"
จางหม่านพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
"ทาง HSBC ให้ความสนใจกับเงิน 70 ล้านของเจ้านายค่ะ"
"อย่างงั้นเหรอ"
ซูแคนมีแววตาเป็นประกาย
ตอนนี้ก็ทำแค่เพียงรอให้ HSBC กระโดดลงมาในหลุมที่ซูแคนได้ขุดไว้ เขาตั้งหน้าตั้งตารอมานานแล้ว ข่าวนี้เป็นข่าวที่ดีกว่าได้กำไรจากหุ้นอีก
จางหม่านพูดต่อว่า
"ผู้จัดการหวางเชิญฉันไปทานอาหารเย็นเมื่อวานโดยจัดห้องพิเศษให้ด้วย"
"โดยผู้จัดการหวางแจ้งว่า หากทางบริษัทว่านเซี่ยงต้องการดำเนินการธุรกิจอะไรที่ต้องใช้เงิน ทาง HSBC ยินดีที่จะร่วมมือกับธุรกิจนั้นของว่านเซี่ยงทันทีค่ะ ทาง HSBC พร้อมในการร่วมมือรอบใหม่"
ซูแคนส่ายหน้าและตอบว่า
"ยังก่อน"
"ทำไมคะ?"
จางหม่านประหลาดใจที่เจ้านายบอกปฏิเสธ เธอเห็นได้ชัดว่าเจ้านายจงใจให้ HSBC รู้ถึงการดำเนินการธุรกิจตัวใหม่ในเครือของบริษัทว่านเซี่ยง
แสดงว่าเจ้านายต้องการร่วมมือกับทาง HSBC สิ
แต่ทำไมเจ้านายถึงปฏิเสธ HSBC จริงๆแล้วเจ้านายต้องการที่จะร่วมมือกับ HSBC ไหมเนี่ย?
"เดี๋ยวจะเสียผลประโยชน์ยังไงล่ะ"
ซูแคนพูดเบาๆ
เมื่อได้ยินซูแคนพูด จางหม่านก็หายใจถี่ขึ้นด้วยความงุนงงยิ่งกว่าเดิม เธออ้าปากค้างและทำหน้าไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้านายเธอจะสื่อ
ซูแคนได้ยินเสียงหายใจของจางหม่านดังขึ้น เขาก็มั่นใจได้เลยว่าจางหม่านตอนนี้ต้องทำหน้ามึนงงอยู่ที่โทรศัพท์แน่ นางแม่มดตามเกมของเขาไม่ทันซะแล้ว
ซูแคนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า
"ตอนนี้ผู้จัดการหวางกำลังเล่นเกมกับพวกเราอยู่ หากเจรจาร่วมมือกับทาง HSBC ตอนที่ฉันไม่อยู่ ผลประโยชน์ที่เราจะได้รับอาจลดลงเป็นอย่างมาก นี่คือแผนของผู้จัดการหวาง"
"แต่สุดท้ายแล้วยังไงทาง HSBC จะต้องกังวลใจเกี่ยวกับเม็ดเงินของเราอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นเราก็จะสามารถใช้โอกาสนี้ในการเรียกผลตอบแทนที่ได้ประโยชน์สูงสุดได้"
จางหม่านอุทานออกมาเสียงดัง
"พระเจ้าช่วย"
เธอไม่คิดเลยว่าซูแคนจะมองเกมของผู้จัดการหวางขาดขนาดนี้
เจ้านายรู้เกี่ยวกับผู้จัดการหวางดีไปหมดทุกเรื่องเลย
รึว่าคืนนั้น…..
ใบหน้าของจางหม่านก็มีสีแดงขึ้นทั่วทั้งใบหน้าไม่รู้เป็นเพราะความอิจฉาหรือความเขินอาย
เจ้านายจะทำอะไรเธอก็เป็นสิทธิของเขา เราจะไปยุ่งด้วยทำไมกัน
แต่ทำไมจางหม่านกลับรู้สึกว่าเธอร้อนลนภายในใจของเธอเหลือเกิน
เธอรีบสลัดความรู้สึกแปลกๆออกทันทีแล้วถามกับซูแคนว่า
"ตอนนี้ให้ทางฉันติดต่อกับทาง HSBC อยู่ใช่ไหมคะ"
"ใช่!"
ซูแคนพยักหน้า
เขากับจางหม่านอยู่ห่างกันหลายพันกิโล ทำให้ซูแคนไม่สามารถเห็นใบหน้าที่แดงของจางหม่านได้
ซูแคนพูดต่อ
"ไม่ว่าผู้จัดการหวางจะวางแผนอะไรกับเธอ เธอห้ามหลงกลผู้จัดการหวางเด็ดขาด เธอต้องทำให้ผู้จัดการหวางรู้สึกว่าบริษัทของเรากำลังทำตามแผนอะไรบางอย่างอยู่"
"เธอจะไปทำอะไรก็ได้ แต่ต้องทำให้ทาง HSBC สนใจเงินก้อนนั้นของเรา"
"ได้ค่ะเจ้านาย เรื่องการแสดงฉันเก่งอยู่แล้ว"
จางหม่านตอบด้วยรอยยิ้ม
ซูแคนหัวเราะเล็กน้อยหลังจากที่ได้ยิน
เขาจำได้จางหม่านมีการแสดงที่ดีอยู่แล้ว ปลอมเป็นทนายที่จบจากมหาวิทยาลับระดับโลกได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาป่านนี้ สูเจิ้งเหมาคงถูกจางหม่านหลอกเรียบร้อยแล้ว
การรับมือกับผู้จัดการหวางไม่ได้ยากอะไรเลย
นี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้วนับตั้งแต่ซูแคนได้จากเซียงเจียงมา แต่ทาง HSBC ยังเดินตามแผนของเขาอยู่
เห็นได้ชัดบริษัทยักษ์ใหญ่ยังไงก็ต้องมาจับตามองที่บริษัทของเราอยู่แล้ว
พอรู้แบบนี้แล้วต้องเก็บแผนฟิวเจอร์น้ำมันไว้เป็นความลับสุดยอด
ยิ่งลับมากแค่ไหนทาง HSBC จะต้องสนใจมากเท่านั้น
ทาง HSBC รู้แค่ว่าตอนนี้เราได้เตรียมเงิน 70 ล้านสำหรับลงทุนในธุรกิจบางอย่างอยู่ หลังจากสัญญาการร่วมทุนก่อนหน้านี้สิ้นสุดลงเราก็จะนำเงินทั้งหมดมาลงที่ฟิวเจอร์น้ำมัน
พอถึงตอนนั้นแหละทาง HSBC จะต้องให้เงินสนันสนุนโปรเจคนี้อย่างแน่นอน
บางอีกอาจจะได้เงินจาก HSBC มากกว่าเดิมถึง 3.5 เท่า ไม่สิ 4-5 อาจจะ 6 เท่าเลยก็เป็นไปได้
แค่คิดก็สนุกแล้ว
ซูแคนวางสายลง เขาถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ตราบใดที่จางหม่านทำตามที่เขาบอกอยู่ แผนของเขาก็สามารถเริ่มได้ในเวลาไม่กี่ปี
ซูแคนไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน
เขารู้ดีว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะมีพายุใหญ่ที่รอให้เขาเกี่ยวผลประโยชน์อยู่ เขาสามารถทำกำไรได้มากแค่ไหนขึ้นอยู่กับเงินทุนของเขาตอนนี้
ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าคุณมีเงินทุน 1,000 หยวน ใน 1 ปีสามารถทำกำไรได้มหาศาลจนเงินเติบโต 10 เท่า เต็มที่ก็ได้แค่ 10,000 หยวน แต่ถ้าหากมีเงิน 100,000 หยวนต่อให้ทำกำไรต่อเดือนได้แค่ 30% แค่นี้ก็ได้แล้ว 30,000 หยวน เห็นได้ชัดว่าต้นทุนเยอะย่อมได้เปรียบ
ต้นทุนนี่แหละคือเจ้าแห่งทุกอย่าง….
"พ่อหนุ่ม"
มีเสียงทุ้มดังขึ้นมาทำให้ซูแคนหลุดออกจากความคิดของเขา ซูแคนหันไปมองก็พบว่าเป็นชายชราที่เล่นหมากรุกกำลังพูดกับเขาอยู่
ถ้าจำไม่ได้ชายชราคนนี้จะมีชื่อว่าหวาง..อะไรสักอย่าง
"ผู้เฒ่าหวาง ไม่เล่นหมากรุกต่อแล้วเหรอ?"
ซูแคนถามด้วยสีหน้าที่นิ่ง
"เมื่อกี้พ่อหนุ่มพูดภาษาอังกฤษใช่ไหม?"
ชายชรามองซูแคนด้วยความประหลาดใจ
"นอกจากพูดภาษาจีนกวางตุ้งได้แล้ว ยังพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยเหรอ"
"ผมพูดได้นิดหน่อยเอง"
ซูแคนตอบอย่างสุภาพ
ไม่คิดเลยว่าชายชราคนนี้จะรู้จักภาษาจีนกวางตุ้งด้วย เขาคิดว่าฉันเป็นคนบ้าที่กำลังพูดเรื่องทำเงินเป็นร้อยๆล้านสินะ รายได้เฉลี่ยต่อหัวเดือนละ 30 หยวนแต่กลับพูดถึงเงินเป็นร้อยๆล้าน
"พ่อหนุ่มนี้เก่งใช้ได้"
ชายชรายกนิ้วโป้งให้กับซูแคน
"ฉันอยู่ที่หนานจิงมาหลายสิบปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนที่พูดได้สองภาษา"
ซูแคนมองบนด้วยความเหนื่อยใจ นี่เขารู้สึกเหมือนถูกผู้เฒ่าหวางกำลังดูหมิ่นเขาอยู่เลย
"พ่อหนุ่มน่าจะพูดภาษาอังกฤษเก่งสุดแล้วในหนานจิง"
"ต้องเป็นลูก GI แน่ๆเลย"
"หลานสาวตัวน้อยของฉันอายุเท่ากับพ่อหนุ่มเลย เดี๋ยวฉันจะแนะนำให้รู้จัก"
ซูแคนเบิกตากว้างออกทันทีที่ได้ยินประโยคหลังสุด
ปล. GI คือที่เอาไว้เรียกทหารของอเมริกา บางครั้งก็นำไปใช้เรียกแทนพวกชาวต่างชาติ