Ep.241 - ลิซแห่งโลกวิญญาณ
4/4
Ep.241 - ลิซแห่งโลกวิญญาณ
ไอ้เรื่องความขัดแย้งภายในสมาคมโลกวิญาณ
ฮังอวี่ไม่สนใจ
แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในตอนนี้ ชัดเจนว่าหวงหยุนหลงไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ปล่อยให้พวกเขาสู้กันก่อน แล้วค่อยหาจังหวะเหมาะๆโจมตี
ทั้งสามเปิดใช้งานสกิลแทบจะพร้อมกัน
หวงหยุนหลงเปิดใช้งานสกิลพรสวรรค์ของเขา ชุดเกราะบนตัวรวมไปถึงโล่ในมือสาดแสงสีทองในเวลาเดียวกัน นี่คือสกิลเสริมพลังแก่อุปกรณ์ป้องกันที่ช่วยเพิ่มพลังป้องกันได้อย่างยอดเยี่ยม
ซูเจิ้งเฉิงเองก็เปิดใช้งานสกิลพรสวรรค์ของเขาเช่นกัน ใบกระบี่ที่ถือด้วยสองมือลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิง แต่ไม่กระจัดกระจายออกไป มันเกาะตัวกันแน่น นี่ดูเหมือนจะเป็นสกิลเสริมธาตุไฟให้แก่อาวุธ
สถานการณ์ฝั่งซูหยุนปิงดูจะน่าอึดอัดที่สุด
เนตรมนต์เสน่ห์ของเธอใช้ไม่ได้ผลกับหวงหยุนหลง เพราะมนต์เสน่ห์นั้นยากที่จะส่งผลต่อผู้ที่มีพลังรบต่างกันเพียงเล็กน้อย บวกกับอีกฝ่ายอยู่ในสภาพเต็มร้อย ดังนั้นช่องว่างความแข็งแกร่งระหว่างทั้งคู่ค่อนข้างกว้าง
ร่างของซูหยุนปิงส่ายไปมา
ก่อนแยกออกเป็นสามร่างในพริบตา
นี่คือสกิล ‘ร่างเงาหุ่นเชิด’ มรดกขั้น 1 ของอาชีพนักมายากล สิ่งนี้ไม่ใช่ร่างโคลน แต่เป็นเงาที่สร้างขึ้นซึ่งมีพลังชีวิตและพลังจิตเพียง 1 หน่วยเท่านั้น อีกทั้งระยะเวลาคงอยู่ยังมีจำกัด
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่สกิลไร้ประโยชน์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อซูหยุนปิงสามารถครอบครองมรดกของนักมายากลได้สมบูรณ์แล้ว เมื่อเธอและร่างเงารักษาระยะห่างกันระยะหนึ่ง เธอสามารถสลับตำแหน่งกับร่างเงาได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งในช่วงเวลาวิกฤตเจ้าสิ่งนี้สามารถช่วยเธอหลีกเลี่ยงการโจมตีร้ายแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซูหยุนปิง ซูเจิ้งเฉิง ทั้งคู่อยู่ในเลเวล 6 พวกเขานับเป็นยอดฝีมือในเจียงเฉิง หากสู้กันแบบสองต่อหนึ่ง หวงหยุนหลงมีโอกาสน้อยมากที่จะชนะ
อย่างไรก็ตาม
หวงหยุนหลงมีคนคอยสนับสนุน
หวงจื่อหมิงที่สวมชุดคลุมดำยกไม้เท้าโครงกระดูกชี้ไปข้างหน้า และวาดเป็นรูปดาวหกแฉกสามรูปแบบ
ม่านตาฮังอวี่หดลีบลงทันที “สกิลอัญเชิญ?”
สกิลมรดกประเภทอัญเชิญมีน้อยมากในช่วงต้นเกม สกิลประเภทนี้อย่างน้อยที่สุดจัดอยู่ในขั้น 2 และมันหายากมากๆ
ไม่ต้องกล่าวถึง
การอัญเชิญสามรูปแบบพร้อมกัน
อย่างน้อยที่สุด การที่สามารถทำแบบนี้ได้แสดงว่ามันคือสกิลขั้น 3 ที่อัพเลเวลเต็มแล้วมิใช่หรือ?
โครงกระดูกทั้งสามค่อยๆคืบคลานออกจากอาคมหกแฉกอย่างช้าๆ พวกมันต่างจากโครงกระดูกทั่วไป กระดูกบนตัวมีสีทองเข้ม มันวาวราวกับโลหะ ในมือกุมหอกยาวที่ห่อหุ้มไปด้วยไอสีดำ
มอนสเตอร์ชั้นยอดขั้นโกลด์เลเวล 7 - โครงกระดูกผู้บุกเบิก!
อัญเชิญมอนสเตอร์ชั้นยอดสามตัวพร้อมกันในทีเดียว!
และพวกมันทั้งหมดเป็นชนชั้นยอดขั้นโกลด์!
ฮังอวี่นึกถึงกับดักศพพิษที่เจอในตอนลอบสังหารครั้งก่อน ดูท่าว่านั่นน่าจะเป็นสกิลมรดกเดียวกันกับสกิลอัญเชิญโครงกระดูกนี้
“ระวัง!”
ในเวลาเดียวกัน ซูหยุนปิงตะโกนเตือน
เธอรีบปลดปล่อยสกิลกักวิญญาณออกไป
มอนสเตอร์ประเภทอันเดธตามปกติแล้วมีภูมิคุ้มกันต่อสกิลควบคุมจิตใจทุกประเภท อย่างไรก็ตาม เทคนิคกักวิญญาณ มรดกของคนเฝ้าสุสานเหมือนจะเป็นข้อยกเว้น และยังได้ผลดีเสียด้วย
โครงกระดูกตัวหนึ่งหยุดชะงักไปทันที
ทว่าโครงกระดูกอีก 2 ตัวพุ่งฉิวราวกับลูกศร ตรงเข้าหาทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว
พวกมันว่องไวมาก!
ทั้งซูเจิ้งเฉิง ซูหยุนปิง ต่างมีเลเวลแค่ 6 เท่านั้น
มันยากเกินไปหากปล่อยให้พวกเขาต้องรับมือกับชนชั้นยอดขั้นโกลด์ในเลเวล 7
หวงจื่อหมิงร่ายสกิลเสร็จก็ต่อด้วยสกิลอื่นอย่างรวดเร็ว เขาเริ่มวาดลวดลายที่คล้ายกับในตอนอัญเชิญ พวกมันปรากฏขึ้นใต้เท้าของสองพ่อลูก มือกระดูกยื่นขึ้นมา คว้าจับเท้าของทั้งคู่เอาไว้ ไม่ปล่อยให้หลบการโจมตีอันแสนดุร้ายที่กำลังจะมาถึง
“ไม่ได้การ!”
ซูเจิ้งเฉิงสะบัดกระบี่เพลิงของเขา
คมกระบี่ฟาดอย่างแรงลงบนหอกของโครงกระดูกผู้บุกเบิก
ทว่าปลายหอกยังคงนิ่งอย่างน่าประหลาดใจ มันเพียงเบี่ยงวิถีเล็กน้อย สุดท้ายเจาะเข้าที่ไหล่ของซูเจิ้งเฉิง
ซูหยุนปิงเปิดใช้งานเอฟเฟกต์ใหม่ของร่างเงาหุ่นเชิด ในช่วงเวลาวิกฤต ตำแหน่งของเธอสลับกับร่างเงาทันที หอกโครงกระดูกแทงลงบนร่างเงาอย่างแม่นยำ
เธอวาดคทาในมือ “เพลิงมายากล!”
เปลวเพลิงลุกโชนออกมา
คลื่นเปลวเพลิงมุ่งเป้าไปยังโครงกระดูกขาว แต่ในจังหวะที่กำลังจะโดน จู่ๆมันกลับหักเลี้ยวกะทันหัน ก่อนแปรสภาพเป็นตาข่ายไฟกางเข้าโอบหวงหยุนหลง
หนึ่งในสกิลมรดกของนักมายากล ‘เพลิงมายากล’ นั้นยืดหยุ่นมาก มันสามารถเพิ่มลดความเร็ว ปรับเปลี่ยนทิศทาง และรูปแบบได้ตามต้องการ นับเป็นหนึ่งในสกิลที่ทรงพลัง!
“รวมปราณสะบั้น!”
หวงหยุนหลงระเบิดคมดาบอันยอดเยี่ยม
ตาข่ายเปลวเพลิงขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แม้จะมีบางส่วนตกลงบนร่างเขา แต่ด้วยพลังป้องกันของหวงหยุนหลง การโจมตีระดับนี้ไม่สามารถสร้างอาการบาดเจ็บแก่เขาได้
พุ่งปะทะ!
หวงหยุนหลงระเบิดอีกสกิลหนึ่งพุ่งเข้าหาซูหยุนปิง
ซูหยุนปิงสับเปลี่ยนตำแหน่งกับร่างเงาอีกครั้ง ปล่อยให้มันรับการโจมตีแทนตัวเอง ร่างเงาถูกศัตรูแยกออกเป็นชิ้นๆ
ทั้งสองฝ่ายห่างชั้นกันเกินไป
การต่อสู้ในลักษณะนี้ สำหรับอาชีพผู้ใช้วิญญาณแล้วนับว่าเสียเปรียบมาก
“ทำได้แค่นี้เองหรอ?”
หวงหยุนหลงหยุดสกิลของซูหยุนปิงด้วยโล่ของเขา และพุ่งเข้าหาเธออีกครั้ง แต่ขณะที่คมดาบกำลังจะฟาดฟันลงบนร่างของซูหยุนปิง หอกยาวที่ทอประกายกระแสไฟฟ้าอ่อนๆจู่ๆก็โผล่ออกมาจากในอากาศที่ว่างเปล่า
มันพุ่งเข้าจุดตายโดยเล็งตำแหน่งไม่ให้โดนอุปกรณ์ป้องกัน
ปลายหอกเจาะเข้าที่ลำคอของหวงหยุนหลงโดยตรง
เสียงและการโจมตีของหวงหยุนหลงถูกหยุดลงอย่างกะทันหัน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คาดฝันว่าจะถูกลอบโจมตีในรูปแบบนี้ .... สกิลล่องหน? แต่โจมตีดุดันมาก แสดงว่าอีกฝ่ายเป็นยอดฝีมือ!
ความคิดหลากหลายผุดขึ้นมาในหัวเขาอย่างรวดเร็ว
หวงหยุนหลงใช้โล่ปัดหอกเพื่อป้องกันจุดสำคัญแล้วรีบถอยออกมา
แม้ตรงตำแหน่งคอที่ถูกโจมตีจะไม่มีเกราะป้องกัน แต่เอฟเฟกต์อุปกรณ์และสกิลของโลกวิญญาณนั้นสามารถครอบคลุมได้ทั้งร่างกาย ดังนั้นแม้บริเวณลำคอจะเป็นจุดที่อ่อนแอ แต่ก็ยังพอมีพลังป้องกันอยู่บ้าง
การโจมตีนี้ทำให้หวงหยุนหลงบาดเจ็บสาหัสก็จริง
แต่ยังห่างไกลจากความตาย
ในเวลานี้ โครงกระดูกที่ถูกควบคุมโดยสกิลกักวิญญาณเหมือนจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง มันร่วมมือกับโครงกระดูกอีกสองตัว แม้หวงหยุนหลงจะล่าถอยออกมา แต่ก็ยังยากที่จะจัดการกับโครงกระดูกทั้งสาม
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะพวกมันเป็นถึงชนชั้นยอดขั้นโกลด์!
และพวกมันทุกตัวแข็งแกร่งกว่าหวงหยุนหลง!
ในเวลานี้ ฮังอวี่วาดหอกยาวขวางหน้าสองพ่อลูกตระกูลซูเอาไว้ เอ่ยเสียงต่ำว่า “พวกคุณถอยไป ให้ผมจัดการเอง!”
สามชนชั้นยอดขั้นโกดล์
แต่เขาคิดจะรับมือคนเดียว?
อย่างไรก็ตาม เวลานี้คงมัวแต่ห่วงคนอื่นไม่ได้ ซูเจิ้งเฉิงได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ซูหยุนปิงอ่อนแอเกินไปสำหรับการต่อสู้ระยะประชิด จำเป็นต้องถอยกลับเป็นระยะๆ ดังนั้นจึงตัดสินใจล่าถอยอย่างรวดเร็ว
โครงกระดูกทั้งสามตัวโจมตีฮังอวี่พร้อมกัน
ณ ขณะนี้ มือกระดูกจำนวนมากเหยียดขึ้นมาจากพื้นเบื้องล่าง พวกมันรั้งเท้าฮังอวี่เอาไว้ ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
“ไม่ได้การ!”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ใบหน้าของซูหยุนปิงเปลี่ยนแปลงไป
อย่างไรก็ตาม วินาทีถัดมา บางสิ่งที่ทำให้เธอต้องแตกตื่นตกใจก็ปรากฏขึ้น
ร่างกายของฮังอวี่พลันเดือดพล่านจนเริ่มแดงก่ำ ตัวเขาราวกับรถไฟความเร็วสูง มือกระดูกที่รั้งเท้าเอาไว้ถูกกระชากหลุดจากพื้น ทั้งคนทั้งร่างเขาพุ่งเข้าชนหนึ่งในโครงกระดูกอย่างรวดเร็ว
และการปะทะกันครั้งนี้
ร่างโครงกระดูกตนนั้นแหลกออกจากกันเป็นชิ้นๆ
ซูหยุนปิง ซูเจิ้งเฉิงตกใจมาก
ว่องไวอะไรเช่นนี้! แถมแรงปะทะยังรุนแรง หรือจะเป็นสกิลประเภทพุ่งโจมตี? ไม่สิ ไม่ใช่แค่สกิลพุ่งโจมตี แต่สกิลนี้ยังดูเหมือนว่าจะมาพร้อมกับความสามารถที่ช่วยให้หลุดพ้นจากข้อจำกัด!
ถูกต้อง!
สกิลประจัญบานไม่เพียงเป็นสกิลที่ทรงพลังเท่านั้น
แต่มันยังเหมาะอย่างยิ่งสำหรับสลัดหลุดจากสกิลพันธนาการ
หวงจื่อหมิงในชุดคลุมดำเมื่อเห็นแบบนี้ เขายกมือขึ้นและยิงลำแสงเปลวเพลิงสีเขียวออกไป เปลวเพลิงลุกโหมเข้าใส่ฮังอวี่ด้วยความเร็วที่ใกล้เคียงกับกระสุนปืน
ในเวลาเดียวกัน
โครงกระดูกทั้งสองยังเปิดใช้งานสกิลวิ่ง
ฮังอวี่ถูกโจมตีโดยศัตรูจากหลายทิศทาง และทั้งหมดไวมาก หากสถานการณ์นี้ถูกแทนที่ด้วยซูหยุนปิง ไม่ต้องกล่าวถึงหลบหนี เกรงว่าเธอคงไม่มีเวลาแม้จะตอบโต้ และสุดท้ายถูกโจมตีอย่างน้อยสองครั้ง
“โจมตีลมกรด!”
ฮังอวี่ซึ่งเดิมถูกห่อหุ้มไปด้วยออร่าสีแดง เวลานี้กลับปรากฏชั้นออร่าสีฟ้าขึ้นทั่วร่างกายเขา ทั้งคนทั้งร่างวูบไหวเป็นภาพติดตา หายวับไปจากจุดเดิม พุ่งออกไปมากกว่า 10 เมตร ก่อนวนกลับมาเบื้องหลังโครงกระดูกตัวหนึ่ง
“ปะทะเดือด!”
สองสกิลซ้อนทับกันก่อกำเนิดพลังมหาศาล
ปลายหอกแหลมแทงลงบนกระดูกสันหลังช่วงเอวของโครงกระดูกอัญเชิญ ตัดการเชื่อมต่อระหว่างช่องบนกับช่วงล่าง แยกมันเป็นสองส่วนล้มลงกับพื้น
โครงกระดูกตัวสุดท้ายไม่มีเวลาทันได้วกกลับมาโจมตีเขา
ฮังอวี่กระหน่ำแทงต่อเนื่อง หอกในมือพริ้วไหวกว่า 5 - 6 ครั้ง แต่ละครั้งทิ่มลงบนกระดูกสันหลังช่วงเอวเหมือนกับตัวที่แล้ว และสุดท้ายพบจุดจบเดียวกัน
การโจมตีของเขาในระลอกนี้
ทำให้คนอื่นๆแตกตื่นตกใจไปตามๆกัน
ขั้นแรกสร้างบาดแผลสาหัสแก่หวงหยุนหลงจากนั้นพุ่งประจัญบานอย่างโหดเหี้ยมเพื่อสลัดหลุดจากพันธนาการและทำลายโครงกระดูกตัวแรก แล้วต่อด้วยโจมตีลมกรด อ้อมไปโจมตีอีกตัวให้ล้มลง และโจมตีต่อเนื่องใส่ตัวสุดท้าย
ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตาเดียว
โครงกระดูกทั้งสามถูกโค่นลงทั้งๆอย่างนี้!
ช่างเป็นพลังรบอัน่นาสะพรึงกลัว!
ซูเจิ้งเฉิงเคยได้ยินจากลูกสาวเขา ว่าฮังอวี่นั้นแข็งแกร่งมาก แต่หลังจากได้เห็นกับตาตัวเอง เขาถึงค่อยเข้าใจว่าพลังรบของตัวเองอ่อนแอแค่ไหน!
ต่อให้ฮังอวี่ไม่ใช้สกิล
แต่ด้วยความเร็ว พละกำลัง และปฏิกิริยาระดับนี้ ... ตนเทียบอีกฝ่ายไม่ได้เลย!
อย่างไรก็ตาม โครงกระดูกทั้งสามไม่ได้ตายง่ายขนาดนั้น ฮังอวี่เพียงอาศัยจุดอ่อนเพื่อทำลายมัน แต่ในขณะนี้ โครงกระดูกที่หักเริ่มประกอบตัวเองอย่างรวดเร็ว และไม่นานพวกมันจะกลับมายืนขึ้นได้อีกครั้ง
แต่คนอย่างฮังอวี่มีหรือจะให้ได้โอกาสนั้นไป!
รากไม้แหลมคมนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาจากพื้นดิน
ก่อนที่โครงกระดูกจะซ่อมแซมตัวเอง พวกมันถูกทุบตีอีกครั้ง โดนฟาดจนแหลกละเอียดโดยการโจมตีของเจ้าต้นไม้หนึ่ง
ขณะเดียวกัน เจ้าต้นไม้สองเปิดใช้งานสกิล
แสงสีเขียวถ่ายเทลงมา
ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บแก่ซูเจิ้งเฉิงให้สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
ฝั่งตรงข้ามมีมอนสเตอร์ชั้นยอดคอยช่วยเหลือ ฝั่งเขาเองก็มีเหมือนกัน!
เจ้าต้นหนึ่งและต้นสองมีพลังรบไม่ด้อยไปกว่าโครงกระดูกพวกนี้ หรือบางทีอาจทรงพลังกว่าพวกโครงกระดูกด้วยซ้ำ และด้วยความช่วยเหลือจากต้นไม้วิญญาณอันทรงพลังทั้งสอง ต่อให้พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่น ก็ยังสามารถรับมือได้
หวงหยุนหลงฉวยจังหวะนี้ยกโพชั่นขึ้นดื่ม
แผลบริเวณคอหายไปอย่างรวดเร็ว
สีหน้าท่าทีของเขากลายเป็นมืดมน
เสียงที่แหบแห้งราวกับไม่ได้กินน้ำมาหลายวันพลันดังขึ้น
“นึกไม่ถึงจริงๆว่าในสถานที่แบบนี้จะมีชนชั้นยอดซ่อนตัวอยู่ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เหล่าซูเลือกมาซ่อนตัวที่นี่”
“น้องชาย ฉันขอยอมรับในพลังรบของนาย”
“แต่ด้วยศักยภาพของนาย คงน่าเสียดายถ้าอยู่กับพวกเขา ทำไมไม่มาติดตามฉันล่ะ? ฉันสัญญาว่าจะพัฒนานายให้เก่งยิ่งกว่านี้”
“แล้วอีกอย่าง ถึงพลังรบของนายจะแก่กล้า แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะจื่อหมิง เพราะจื่อหมิงตอนนี้ไร้เทียมทาน ไม่มีใครในเจียงเฉิงเป็นคู่ต่อสู้กับเขาได้”
ฮังอวี่หลุดหัวเราะออกมา
หวงหยุนหลงเอ่ยถามเสียงขรึม “เจ้าหนู แกหัวเราะอะไร?”
“คุณคิดจริงๆหรือว่าคนที่ยืนอยู่ข้างคุณคือหวงจื่อหมิงลูกชายของตัวเอง?”
“แกหมายความว่ายังไง?”
“ลูกชายของคุณตายไปตั้งนานแล้ว คนข้างๆคุณเป็นแค่ลิซจอมเจ้าเล่ห์จากโลกวิญญาณ มันใช้ร่างกายของลูกชายคุณในการฟื้นคืนชีพ--
--คุณกำลังถูกมันหลอกใช้!”