789 - คำเตือนของเจ้าเมือง
789 - คำเตือนของเจ้าเมือง
ห่างออกไปไม่ไกลนัก คนรับใช้เหล่านั้นเดินโซเซแทบจะล้มลงกับพื้น
นี่เขาจะกินมันจริงหรือ? มันเป็นสัตว์อสูรล้ำค่าที่มีมูลค่าเก็บเท่าต้นกำเนิดบริสุทธิ์หลายหมื่นจิน คนเหล่านี้จะกินมันเหมือนม้าป่าได้อย่างไร
“เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!”
หลายคนวิ่งหนีโดยไม่หันกลับมามองและไม่ต้องการที่จะอยู่ที่นี่ต่อแม้แต่ลมหายใจเดียว พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดเช่นนี้ได้
“กลับไปรายงานนายท่านเถอะ ต้องมีคนจัดการเจ้าบ้านั่นให้สาสม!”
“บ้าเอ้ย เขาทุบตีเราจนเกือบจะตาย กระทั่งจะกินเนื้อม้ามังกรของนายท่านเสียด้วยซ้ำ เขาคงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่!”
“จะไม่เกิดเรื่องขึ้นหรือ?” ชายชราในทุ่งนาตัวสั่นเพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น
“ไม่มีอะไรหากมีปัญหาให้รีบมาหาข้า ไปกันเถอะทุกคน นำม้ามังกรตัวนี้ไปปรุงอาหาร นี่เป็นอาหารชั้นยอดที่สามารถต่ออายุทุกคนได้หลายปี” เย่ฟ่านพูดด้วยรอยยิ้ม
…
ในตอนเย็นเงาหลายเงาโผล่ออกมาจากท้องฟ้า หนึ่งในนั้นงดงามเป็นพิเศษ ท่ามกลางแสงอาทิตย์สีแดงที่ร้อนแรง นางร่อนลงมาเหมือนเทพธิดาลึกลับจากเก้าสวรรค์
กระโปรงยาวกำลังร่ายรำตามลม ผ้าไหมสีน้ำเงินกำลังโบกสะบัด และทั้งหมดถูกย้อมด้วยแสงสีทองอ่อนของแสงอาทิย์อัสดง
ในหมู่บ้านโบราณ เด็กกลุ่มหนึ่งมองขึ้นไปบนฟ้าและทุกคนก็ร้องออกมา
“ดูสิ เทพธิดามา!”
“เทพธิดาได้ลงมายังโลกและมาที่หมู่บ้านของเราแล้ว!”
เด็กกลุ่มหนึ่งปรบมือและตะโกน เจ้าเด็กน้ำมูกก็รีบวิ่งไปเรียกเย่ฟ่านออกมาดู
เย่ฟ่านประหลาดใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่าองค์หญิงอวี้เตี่ยจะมาที่นี่ในเวลาอันรวดเร็ว เขาไม่ได้พบหน้านางมาครึ่งเดือนแล้ว นางงดงามขึ้นเรื่อยๆ และดูราวกับเทพธิดาที่ห่างไกลจากความเป็นมนุษย์ ข้างๆนางมีบุรุษสองคนและสตรีหนึ่งคน
“ทำไมองค์หญิงถึงมาที่นี่?” เย่ฟ่านถามด้วยรอยยิ้ม เขาไม่รู้จักอีกสามคนที่เหลือ
“ข้ามาดูว่าพี่เย่คุ้นเคยกับชีวิตที่นี่หรือไม่” องค์หญิงอวี้เตี่ยยิ้มสดใส
“ข้าอยู่ที่นี่ได้ และทุกอย่างเรียบร้อยดีขอบคุณองค์หญิงสำหรับ ความกังวลของท่าน” เย่ฟ่านพูดด้วยรอยยิ้ม
“ข้าได้ยินมาว่าพี่เย่กักขังม้ามังกรของปรมาจารย์ฉีไว้ ข้าไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
อวี้เตีjยเป็นหญิงงามลำดับสามของจงโจว ดวงตาของนางเป็นประกาย มีเสน่ห์ที่น่าอัศจรรย์
“ใช่ ข้าจับมันไว้จริงๆ” เย่ฟ่านพยักหน้า
“ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน?” องค์หญิงอวี้เตี่ยถาม
“นั่นน่ะเหรอ มันถูกปรุงในหม้อเหล็กใบใหญ่นั่น” เย่ฟ่านขมวดคิ้วและทำท่าทางไม่สนใจ
“อะไรนะ หม้อ?”
“หมายถึงม้ามังกรตัวนั้นถูกปรุงในหม้อเหล็กใบใหญ่นั่นหรือ?”
องค์หญิงอวี้เตี่ยและสหายทั้งสามคนที่อยู่ข้างๆ ล้วนตะลึงงัน พูดอะไรไม่ออก
“เจ้ากินม้ามังกรจริงๆ?”
หลายคนจ้องเขาเหมือนสัตว์ประหลาด ชายที่อยู่ข้างหน้าปรุงม้ามังกรในหม้อเหล็กขนาดใหญ่ เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นใครบางคนทำเรื่องที่น่าทึ่งเช่นนี้
“นี่เป็นอาหารเสริมปราณที่ยิ่งใหญ่ มันมีสายเลือดมังกรที่แท้จริงอยู่เล็กน้อย พวกเจ้ามาทันเวลาพอดี เชิญองค์หญิงร่วมโต๊ะกับพวกเรา รับเอาช่วงเวลาที่ดีเช่นนี้ร่วมกัน” เย่ฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ก็... เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อกินเนื้อม้ามังกร!” คนข้างๆ รู้สึกว่าชายที่อยู่ข้างหน้าผิดปกติเกินไป
“เราต้องการมาขอให้เจ้าคืนม้ามังกรให้แก่ปรมาจารย์ฉีเพื่อแก้ไขความขุ่นเคือง ไม่เช่นนั้นปรมาจารย์ฉีจะไม่มีวันยอมแน่” องค์หญิงอวี้เตี่ยกล่าว
“ข้าปรุงมันแล้ว อย่างมากที่สุดข้าทำได้แค่ส่งเนื้อตุ๋นนี้กลับไปหนึ่งชามเพื่อที่พวกเขาจะได้ลองชิมดูด้วย” เย่ฟ่านตอบ
“เจ้าเจอปัญหาเข้าแล้วล่ะ ปรมาจารย์ฉีชอบม้ามังกรตัวนั้นมากที่สุด ถ้าเจ้ากินมันไปแบบนี้คงเป็นเรื่องยากที่เขาจะระงับโทสะได้!” ชายอีกคนกล่าวเบาๆ
“เจ้าโทษข้าไม่ได้สำหรับเรื่องนั้น คนพวกนั้นหยาบคายมาก มันเป็นเรื่องยากที่ข้าจะปล่อยวางความแค้นหากไม่ได้กินเนื้อของม้าตัวนี้” เย่ฟ่านไม่สนใจมากนัก
“องค์หญิง เพื่อนของท่าน...ช่างแตกต่างจริงๆ!” หญิงงามอีกคนส่งเสียงกระแอมเบาๆ
“ท่านผู้สูงส่ง ขออภัยที่ข้าเสียมารยาทสอดแทรกการสนทนาของท่าน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับท่านเจ้าเมืองมันเป็นความผิดของเราทั้งหมด”
ลุงของเอ้อโกวเดินกะเผลกเข้ามา เขากลัวว่าจะสร้างปัญหาร้ายแรงให้ท่านเจ้าเมืองจึงพูดว่า
“ม้าตัวนี้ถูกตุ๋นไปแล้ว ข้าจะมอบลาจากครอบครัวของข้าเพื่อชดเชยให้”
องค์หญิงอวี้เตี่ยรู้สึกขบขันและหัวเราะเบาๆ นางได้เห็นลาแก่ถูกล่ามอยู่ไม่ไกล จะให้พามันไปทดแทนม้ามังกรเพื่อไม่ให้ปรมาจารย์ฉีโกรธเคืองนั่นคงจะเป็นไปไม่ได้
“ลืมมันไปเถอะ ข้าไม่สนใจเรื่องนี้แล้ว” สาวงามที่อยู่ข้างๆ แทบจะสบถด้วยความโกรธ
“ข้าซาบซึ้งในความกรุณาของพวกเจ้า ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นแล้ว เนื้อม้ามังกรกำลังสุกได้ที่ ขอเชิญทุกคนเพลิดเพลินกับมันไปพร้อมกับเรา” เย่ฟ่านเชิญด้วยความจริงใจ
“ข้าไม่กิน ไปกันเถอะ” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น
“น่าเสียดาย ข้าบอกได้เลยว่าม้ามังกรตัวนี้เป็นอาหารเสริมปราณที่หาได้ยากยิ่ง ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจไปตลอดชีวิต” เย่ฟ่านยังคงโน้มน้าวต่อ
ข้างป่าโบราณมีโต๊ะและเสาหินตั้งอยู่ มันเคยเป็นแท่นบูชาเก่าแก่ ผู้คนในหมู่บ้านเตรียมข้าวของเรียบร้อยแล้ว หม้อใหญ่และชามเล็กก็ถูกยกขึ้น เนื้อตุ๋นส่งกลิ่นหอมฟุ้งทั่วบริเวณ และบนแท่นบูชามีสุราตั้งอยู่หนึ่งไหใหญ่
นอกจากเนื้อม้ามังกรแล้วยังมีลูกแกะย่างอีกกว่าสิบตัว สิ่งนี้เย่ฟ่านนำมาเองทั้งหมด มิฉะนั้นแม้ว่าหมู่บ้านจะเล็กแต่ม้ามังกรตัวเดียวก็ไม่เพียงพอสำหรับคนทั้งหมู่บ้าน
“กินเนื้อม้ามังกร...” กลุ่มเด็กๆร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้น
“มาเถิดพี่น้อง ข้าจะให้ของดีแก่ทุกท่าน”
“ชิ้นนี้เป็นแก่นแท้ของเนื้อม้ามังกร ให้พวกเจ้าทุกคนได้ลองลิ้มรสชาติ!”
“นี่คือเอ็นของม้ามังกร มันช่วยบำรุงแก่นปราณ พวกเจ้าทุกคนควรชิมมัน”
เย่ฟ่านคีบเนื้อหลายชิ้นและเป็นไปด้วยความกระตือรือร้น ต้นกระโดงโบราณกำลังแกว่งไกว สุราหมักก็มีกลิ่นหอม หลายคนก็ถูกดึงดูดด้วยกลิ่นอันเย้ายวนนี้โดยไม่รู้ตัว
…
หลังจากที่ร่วมดื่มสุรากันจนเริ่มเมามายเล็กน้อย เย่ฟ่านก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“ทุกคนกินเนื้อม้ามังกรด้วยกัน และเมื่อถึงเวลาพวกเจ้าทุกคนต้องช่วยข้า”
จู่ๆ ทั้งสี่คนก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ และชายคนหนึ่งก็พูดว่า
“เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว เจ้าเชิญพวกเรากินเนื้อม้ามังกรและอยากจะลากพวกเราลงโคลนด้วยกันใช่หรือไม่”
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร เป็นไปได้หรือที่ข้าจะเป็นคนไร้ยางอายเช่นนี้” เย่ฟ่านพูดอย่างชอบธรรม
“ข้าแค่ต้องการสร้างความบันเทิงให้พวกเจ้า และหากมีข่าวใดๆ เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้จะเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากหากพวกเจ้าแจ้งข้าก่อน”
ชายทั้งสองเป็นผู้คุ้มครองขององค์หญิงอวี้เตี่ยและสตรีอีกคนคือสหายขององค์หญิง แม้ว่านางจะไม่ใช่คนแบบเซียวหมิงหยวนแต่นางก็อดกลอกตาไม่ได้
“มา มา มา ยินดีต้อนรับ กินเนื้อม้ามังกร ดื่มสุราชั้นดี ไม่มีอะไรจะมีความสุขไปกว่านี้อีกแล้วในชีวิต” เย่ฟ่านยังคงรินสุราให้พวกเขา
“ข้าจะต้องบอกเจ้า พี่เย่ควรใส่ใจเมื่อปรมาจารย์ฉีออกจากด่านฝึกฝนข้ารับประกันว่าเขาจะสังหารเจ้าแน่นอน”
“ถูกต้อง เขาเลี้ยงม้าตัวนี้มาหลายร้อยปีมันไม่มีทางที่เขาจะละเว้นเจ้า ทางที่ดีเจ้าควรหลบหนีออกจากที่นี่ซะ”
สหายขององค์หญิงอวี้เตี่ยอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์เรื่องนี้
“เจ้าอาจไม่รู้อะไร ยอดฝีมือหลายคนในสำนักฉีซื่อของเราได้ยินมาว่ามียอดฝีมือปรากฏขึ้นในพื้นที่ของหุบเขา ดังนั้นพวกเขาจึงกระตือรือร้นออกตามหาคนคนนั้น”
เย่ฟ่านแตะคางเมื่อได้ยินข่าวและกล่าวว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ข้าเจอปัญหา การฝึกฝนของข้าติดคอขวดและต้องการการต่อสู้อย่างหนักเพื่อทะลุทะลวง
พวกเจ้าก็ช่วยบอกพวกเขาด้วยว่าข้าอยู่ที่นี่ แต่อย่าให้พวกเขาเข้ามาพร้อมกัน เพราะเช่นนั้นข้าคงรับไว้ไม่ได้”
องค์หญิงอวี้เตี่ยมองเขาด้วยความโกรธ ผิวของนางเหมือนหยกที่สวยงาม และดวงตาของนางก็ทำให้ผู้คนที่ถูกต้องมองรู้สึกมึนเมา
“การกระทำของเจ้าในวันนี้สร้างความโกรธแค้นให้ผู้คนมากมาย เจ้าต้องระวังด้วย” หลี่ซินเยว่สหายขององค์หญิงอวี้เตี่ยตักเตือนอีกครั้ง
“เจ้าเมืองลู่เฉิงออกมา!”
ในขณะนั้นก็มีเสียงตะโกนดังมาจากภูเขาที่อยู่ข้างเคียง