788 - ข้ารับใช้ของสำนักฉีซื่อ
788 - ข้ารับใช้ของสำนักฉีซื่อ
ในทุ่งนาที่อยู่ห่างออกไปหลายลี้มีคนกำลังนั่งร้องไห้ พ่อของเจ้าเด็กน้ำมูกนอนอยู่บนพื้นทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือด ดูเหมือนว่าลมหายใจของเขาจะหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ยังมีชายชราที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสกำลังประคองชายวัยกลางคนที่อยู่บนพื้นด้วยความเศร้าโศก
ชาวบ้านหลายคนรวมตัวกัน พวกเขาโกรธแค้นแต่ไม่กล้าพูดอะไร ในทิศทางตรงกันข้ามมีผู้บ่มเพาะหลายคนที่มีท่าทางหยิ่งยโสยืนมองพวกเขาอย่างเงียบๆ
มีสัตว์อสูรหลายตัวในทุ่งนา หนึ่งในนั้นคือม้ามังกรซึ่งกำลังกินพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้าน
“พวกเจ้ารังแกคนแบบนี้ได้อย่างไร?” ชาวบ้านบางคนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้อง
“แค่สัตว์อสูรกินพืชผลเท่านั้น ข้าจะให้เหรียญเงินแก่เจ้า อย่ารบกวนพวกมัน” คนผู้หนึ่งแค่นเสียงอย่างเย็นชา
“พืชผลคือชีวิตของเรา” ชาวบ้านหลายคนไม่พอใจ
“เสียงดังจริงๆ” ชายคนนั้นหัวเราะเยาะและมองทุกคนอย่างดูถูกเหยียดหยาม
เย่ฟ่านสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสัตว์อสูรเหล่านั้นไม่ใช่สัตว์อสูรธรรมดา พวกมันเป็นสัตว์พาหนะของผู้บ่มเพาะระดับสูงอย่างแน่นอน
แม้ว่าคนเหล่านี้จะแต่งตัวสวยหรู แต่เมื่อมองแวบแรกพวกเขาก็เป็นเพียงบริวารของคนอื่นซึ่งมีหน้าที่ดูแลสัตว์อสูรเท่านั้น และผู้ที่ครอบครองสัตว์เหล่านี้ย่อมเป็นยอดฝีมือของสำนักฉีซื่ออย่างไม่ต้องสงสัย
สำนักฉีซื่อในภูเขาอมตะอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก สัตว์อสูรของพวกเขาต้องได้รับการดูแล และมันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะออกไปหาอาหารข้างนอก
ในไม่ช้าชาวบ้านคนหนึ่งก็ยืนยันการคาดเดาของเขาและกล่าวว่ามันเป็นสัตว์อสูรจากยอดเขาเซียนที่อยู่ด้านข้าง คนเหล่านี้ปรากฏตัวเกือบทุกวันและลงมืออย่างเด็ดขาดต่อทุกคนที่ต่อต้าน
“ขอโทษชาวบ้านของข้า จ่ายค่าชดเชยการสูญเสียและรีบออกไปจากที่นี่ทันที” เย่ฟ่านกล่าวอย่างเย็นชา
เขานั่งลงที่ด้านข้างของผู้ได้รับบาดเจ็บพร้อมกับหยิบน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ออกมาเล็กน้อย เทใส่ปากของลุงของเอ้อโกวพร้อมกับถ่ายทอดพลังปราณเพื่อรักษากระดูกที่แตกหักของเขา
ชายชราหน้าซีด น้ำตาไหลจากดวงตาที่ขุ่นมัวและเลือดไหลหยดจากมุมปาก เป็นภาพที่น่าสังเวชอย่างยิ่ง
เย่ฟ่านยืนขึ้นและกล่าวว่า “ข้ากำลังคุยกับเจ้า ได้ยินหรือไม่?”
“เจ้าเป็นใคร เจ้าคิดว่าเจ้ายิ่งใหญ่มาจากไหน?” หนึ่งในนั้นเยาะเย้ย และคนอื่นๆ ก็มีความเย่อหยิ่งอย่างยิ่ง
“เจ้าก็เป็นแค่ทาสกลุ่มหนึ่ง ยังกล้ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่ เจ้านายของพวกเจ้าเคยสอนมารยาทให้หรือไม่?” เย่ฟ่านตะโกน
“เจ้า...เจ้าเป็นใคร” หลายคนหน้าซีดลง
“ข้าเป็นเจ้าเมืองที่นี่ และทั้งพื้นที่และผู้คนที่นี่อยู่ภายใต้การปกครองของข้า ไม่ว่าใครจะเข้ามาต้องปฏิบัติตามกฎของข้า” เย่ฟ่านกล่าวอย่างเย็นชา
“ฮ่าฮ่า... เป็นแค่เจ้าเมืองแต่กล้าที่จะวางท่ายิ่งใหญ่และรบกวนสัตว์อสูรของเรา ต่อให้มีสิบชีวิตก็คงไม่พอชดใช้” หนึ่งในนั้นหัวเราะ
“ดูเหมือนเจ้าจะไม่รู้คำว่าตายสะกดอย่างไร” เย่ฟ่านพูดจบก็กระแทกฝ่ามือออกไป
ปัง!
คนเหล่านั้นล้มคว่ำลงกับพื้นและไม่สามารถลุกขึ้นได้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว
“เจ้า...กล้าโจมตีพวกเรา? ไม่รู้หรือว่าพวกข้าเป็นใคร?”
“เป็นแค่ข้าทาสไม่ใช่หรือ รีบก้มหัวขอโทษซะ” เย่ฟ่านเยาะเย้ยและกล่าวว่า
“ส่วนมังกรวารีและม้าเหล่านี้จะถูกยึดเพื่อเป็นอาหารของชาวบ้าน หากเจ้านายของพวกเจ้าไม่พอใจก็ให้มาคุยกับเขาโดยตรง”
“เจ้ารู้ผลที่ตามมาของการทำเช่นนี้หรือไม่?”
“น่ากลัวจริง”
เย่ฟ่านเดินไปข้างหน้าพืชผลยังไม่โตเต็มที่และเป็นต้นอ่อนอยู่ ทั้งหมดเสียหายเพราะถูกสัตว์อสูรเหยียบย่ำและกัดกิน นี่เป็นการทำงานอย่างหนักของชาวบ้าน แต่กลับต้องเสียหายเพราะคนที่ไร้ความคิดเหล่านี้
“เจ้าจะทำอะไร?”
“ปัง”
เย่ฟ่านเตะชายคนนั้นกระเด็นออกไปหลายสิบจั้งแล้วตกลงที่นอกไร่
“อ่า...”
“เจ้ากล้าดีอย่างไร ชีวิตเจ้าได้จบไม่สวยแน่!”
“เสียงดังจริงๆ” เย่ฟ่านเดินหน้าเข้าหาคนต่อไป
“อย่า...อย่าเข้ามา เราจะชดเชยความสูญเสียให้” คนพวกนี้ต่างก็ขี้ขลาด เมื่อเห็นผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ปรากฏขึ้นพวกเขาก็เกิดความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
“เจ้าก็มีความกลัวด้วยหรือ?”
เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้าและเตะชายคนนั้นทันที ความแข็งแกร่งของเขาไม่ใช่เรื่องเล่นๆ คนเหล่านี้เปรียบเสมือนไก่ตัวน้อย ลอยละลิ่วข้ามท้องถนนและตกอยู่บริเวณนอกสวนของชาวบ้าน
แม้ว่าคนเหล่านี้จะเป็นผู้ฝึกตน แต่เนื่องจากพวกเขามีความแข็งแกร่งที่ห่างไกลจากเย่ฟ่านหลายขุม ดังนั้นพวกเขาจึงถูกจัดการอย่างง่ายดาย
สองคนหมดสติทันทีและอีกสี่คนกระดูกหัก พวกเขาคร่ำครวญอย่างน่าเวทนา
ชาวบ้านทั้งหมดต่างก็ตกตะลึง เด็กอายุราวสิบหกสิบเจ็ดปีผู้นี้กลับจัดการคนชั่วอย่างแสนสาหัสได้อย่างง่ายดาย
“พี่ใหญ่แข็งแกร่งมาก”
“พี่ใหญ่จัดการคนเลวหมดแล้ว เจ้าเด็กน้ำมูกหยุดร้องได้แล้ว”
เด็กกลุ่มหนึ่งร้องขึ้น น้ำตาของพวกเขายังไม่แห้ง ทุกคนดูเหมือนลูกแมวตัวน้อย ดูไร้เดียงสาและเต็มไปด้วยความสุข
“อย่าเข้ามา...”
คนเหล่านี้ตกใจกลัว เมื่อเห็นเย่ฟ่านเดินออกจากไร่ ทุกคนตัวสั่นพยายามคลานหนี
“ปัง”
“ปัง”
เย่ฟ่านยกเท้าเตะอย่างดุเดือด เขาไม่เห็นอกเห็นใจคนแบบนี้ เสียงกระดูกหักดังออกมาให้ได้ยินไม่หยุดหย่อนราวกับกำลังฆ่าเป็ดฆ่าไก่ คนเหล่านั้นคร่ำครวญอย่างน่าสังเวช
“เราจะชดใช้ให้”
“เราขออภัยจริงๆ ไว้ชีวิตพวกเราด้วย!”
พวกเขากรีดร้องอย่างสิ้นหวังเพราะกลัวจริงๆว่าเย่ฟ่านจะเตะพวกเขาจนตาย
แต่ก็ยังมีคนกระดูกแข็งอยู่สองคน พวกเขาตะโกนข่มขู่ว่า “เรื่องนี้จะไม่จบลงง่ายๆแน่ เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม แม้ว่าเจ้าจะเป็นเจ้าเมือง แต่เจ้าต้องถูกนายท่านของเราลงโทษอย่างสาสม!”
“คิดว่าข้ากลัวเหรอ?”
เย่ฟ่านไม่พูดอะไร แม้แต่ครึ่งเซียนเขาก็ยังฆ่ามาแล้ว นับประสาอะไรกับเจ้านายของคนเหล่านี้
ปัง!
ปัง!
“เจ้า... อ่า…” ตอนนี้ทุกคนตกใจมาก ชายสองคนนอนอยู่บนพื้น ก้มหน้าก้มตารับการโจมตีอย่างขมขื่น
“ได้โปรด ปล่อยพวกเราไปเถอะ”
ยังมีคนที่พอจะฉลาดอยู่บ้าง เขาเริ่มที่จะขอความเห็นใจจากชาวบ้านในทุ่งและรีบกล่าวขอโทษอย่างรวดเร็ว
“ข้าขออภัยทุกท่าน เราผิดเอง เป็นความผิดของเรา ได้โปรดอภัยให้เราด้วย”
ภายใต้การเตะของสัตว์ประหลาดตนนี้ พวกเขาไม่มีร่องรอยของความเย่อหยิ่งอีกต่อไป ทุกคนยอมแพ้และอ้อนวอนอย่างหนักเพราะกลัวว่าจะต้องทิ้งชีวิตตนเองไว้ที่นี่
เมื่อเย่ฟ่านถามคนเหล่านี้ตอบทุกคำที่พวกเขารู้ พวกเขาไม่กล้าปิดบังอะไรเลย คนเหล่านี้ออกมาจากภูเขาเซียนจริงๆ และพวกเขาเป็นผู้ดูแลของสำนักฉีซื่อที่รับผิดชอบในการดูแลสัตว์อสูร
“เจ้าช่างวางท่าโอ่อ่าจริงๆ พวกเจ้าเป็นผู้บ่มเพาะแต่กล้าสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”
ผู้บ่มเพาะนั้นถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่เดินอยู่ในเส้นทางแห่งการเป็นเทพ พวกเขาจะแยกตัวตนออกจากมนุษย์ธรรมดาโดยสมบูรณ์ ดังนั้นการกระทำของคนเหล่านี้จึงถือเป็นการละเลยข้อห้ามและเป็นสิ่งที่น่าละอาย
“ม้ามังกรตัวนั้นทิ้งไว้ให้ข้า...” เย่ฟ่านยืนอยู่บนถนนและพูดอย่างใจเย็น
กลุ่มคนนำสัตว์อสูรออกจากที่นี่และทิ้งม้ามังกรที่มีความแข็งแกร่งไว้ให้เย่ฟ่าน
“ท่านทั้งหลาย คืนนี้ข้าจะให้พวกท่านได้ลิ้มรสเนื้อกันสัตว์อสูร” เย่ฟ่านยิ้ม