เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 268
ตอนที่ 268
“ส่งทักษะบ่มเพาะของเจ้าและทำลายลมปราณรวมถึงอวัยวะเสีย แล้วไม่แน่ว่าข้าจะเมตตาพอไว้ชีวิตทั้งยังให้เจ้ากลายเป็นสุนัขรับใช้ของนายน้อยหยิง” จ้าวจินซาเอ่ยหยอกเย้า มันทำราวกับว่าบัดนี้หลินซวนพ่ายแพ้แล้วอย่างไรอย่างนั้น
พวกมันต่างหัวเราะออกมาดังลั่นและฉีกยิ้มโหดเหี้ยมดุร้าย
“คิดจะรังแกพวกเราด้วยคนที่มากกว่ารึ?” กลิ่นอายของหวงหาวสั่นไหว เขากำลังจะเข้าไปช่วยหลินซวน ทว่าทันใดนั้นเองเขาและคนอื่นๆ ก็ถูกหยุดเอาไว้
ด้วยเหตุผลบางประการ เถาวัลย์ปีศาจจำนวนมากถาโถมเข้าหาพวกเขา กิ่งก้านของพวกมันชูขวางเส้นทางด้านหน้า และถัดไปจากเถาวัลย์เหล่านั้นก็มีผู้บ่มเพาะคอยยืนเฝ้ามองอยู่
หวังเถิงเฟยรู้มานานแล้วว่าคนข้างกายของหลินซวนนั้นไม่มีผู้ใดอ่อนแอ และโลหิตของผู้บ่มเพาะก็เป็นตัวดึงดูดเถาวัลย์ปีศาจได้เป็นอย่างดี บัดนี้ เมื่อหลินซวนกำลังจะเริ่มการต่อสู้ มันเลยส่งคนของตนเองไปขยี้หญ้าโลหิตให้เกิดกลิ่นเลือดใกล้ๆ กันกับที่ซึ่งหวงหาวยืนอยู่
แม้ว่าผู้บ่มเพาะแดนสร้างรากฐานจะไม่จำเป็นต้องใช้หญ้าโลหิตในการบ่มเพาะ โดยปกติมันไม่ต่างจากหญ้าสามัญ แต่มันก็มีคุณสมบัติบางอย่าง หลังจากถูกบดหรือขยี้ จะปลดปล่อยกลิ่นอายคล้ายเลือดออกมา นี่สามารถช่วยให้เหล่าเถาวัลย์ทั้งหลายหยุดหวงหาวและพวกเอาไว้ได้
“สารเลว!” หวงหาวสาปแช่งอย่างโกรธแค้น แต่เขาก็ไม่อาจทำอย่างอื่นได้ ต้นไม้ปีศาจในบริเวณนี้มีมากเกินไป การจะจัดการพวกมันทั้งหมดในเวลาอันสั้นย่อมมิอาจเป็นไปได้ เป่ยเฉินหลานและคนอื่นๆ ทำได้เพียงขบฟันแน่นอย่างมีโทสะ
“คอยหยุดพวกมันเอาไว้ ข้าจะมอบรางวัลให้พวกเจ้าในภายหลัง” องค์ชายสามเอ่ยปากกับคนที่ช่วยพวกมันล่อต้นไม้ปีศาจมา
“ขอบพระคุณองค์ชายสาม!”
“ไม่ต้องห่วงข้า คนพวกนี้ไม่สามารถทำอันใดแก่ข้าได้หรอก” หลินซวนกวาดสายตามองไปรอบด้าน
เขายกมือขวาของตนขึ้นอย่างเฉยชา อัสนีคำรามลั่นบนท้องนภา จากนั้นพลังสายฟ้าก็ถูกส่งมาถึงเขา เถาวัลย์รอบกายต่างถูกทำลายสิ้น
การต่อสู้ของหลินซวนทำให้รุ่นเยาว์ทั้งหลายมุ่งความสนใจมาอีกครั้ง
แม้ว่าจะมีรุ่นเยาว์จำนวนไม่น้อยที่โจมตีใส่คนใกล้เคียงด้วยต้องการจะลงคู่แข่งลง แต่ความน่าสนใจของคนเหล่านั้นก็ด้อยกว่าหลินซวนไปไกลลิบ
“เขาจะต่อกรกับผู้บ่มเพาะจำนวนมากโดยลำพัง?” อัจฉริยะผู้หนึ่งกล่าวขึ้นอย่างไม่อาจเชื่อถือ
การปะทะกันระหว่างยอดฝีมือแดนหมุนวนทะเลปราณมิใช่พบเห็นได้โดยง่าย นี่นับว่าเป็นมหรสพชั้นเยี่ยมที่ดึงดูดผู้คนทั้งหลาย
เสียงสะเทือนเลือนลั่นดังขึ้นเบื้องบน อัสนีสวรรค์เก้าชั้นฟ้าปรากฏขึ้น พลังทำลายล้างของมันทำให้หัวใจของคนทั้งหลายสั่นสะท้าน
แล้วยังทำให้หยิงเจากับพวกของมันถอยหนีอย่างต่อเนื่อง ม่านตาของพวกมันหดแคบ คนมากมายกลุ้มรุมเด็กน้อยเพียงหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถเหนือกว่าได้เช่นนั้นหรือ
“ประกายแสงเยือกแข็ง!”
องค์ชายสามผู้นั้นเป็นคนแรกที่เริ่มลงมือโจมตี ปราณวิญญาณในใต้หล้าถูกมันดึงดูดเข้าสู่ร่างกาย และปราณกระบี่บนร่างของมันก็ซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ ราวกับว่าบุคคลตรงหน้ามิใช่องค์ชายสามแห่งราชวงศ์อมตะอีกต่อไป หากแต่เป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งยง
พลังที่แผ่ออกมาทำให้หวังเถิงเฟยและคนอื่นๆ ตกตะลึงไปตามๆ กัน
“นี่เป็นทักษะร้างชื่อขององค์ชายสาม มันต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน” แม้ว่าหวังเถิงเฟยจะเก็บตัวฝึกวิชาอยู่นานปี มันก็ยังสามารถเข้าใจเรื่องราวความเป็นไปของราชวงศ์อมตะได้อย่างดี
“เก้าอักขระลับ สร้าง!”
หลินซวนมิได้คิดจะหลบหลีก ด้วยพลังที่ถูกเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่าจากเก้าอักขระลับ การรับมือกับองค์ชายสามนับว่าเป็นเรื่องง่ายดายยิ่ง
ทั้งคู่เข้าปะทะกัน ทำให้โลกทั้งใบสั่นสะเทือน รัศมีโดยรอบกว่าร้อยลี้ถูกผลกระทบจากแรกกระแทกที่เกิดขึ้น สถานการณ์ ณ จุดศูนย์กลางมิอาจมองเห็นได้อย่างชัดเจน
องค์ชายสามหน้าเปลี่ยนสี กระบวนท่าของมันถูกแก้ไขได้อย่างง่ายดาย ประกายเยือกเย็นที่มันปลดปล่อยออกมาหายไปในชั่วพริบตาโดยไร้ร่องรอยราวกับว่าถูกบางสิ่งสูบกลืนไปทั้งอย่างนั้น
หมัดของหลินซวนพุ่งเข้ามาราวกับดาวตก ทำให้องค์ชายสามผู้นั้นต้องถอยหนีอย่างต่อเนื่อง ในทุกครั้งที่มันปะทะเข้ากับหลินซวน โลหิตและลมปราณของมันกลับกลายเป็นปั่นป่วน ราวกับว่ามันกำลังปะทะอสูรโบราณที่แสนดุร้ายอยู่
“พวกเจ้ารอคอยพระบิดาเสด็จมาเปิดฤกษ์รึ? รีบจู่โจมเข้ามาได้แล้ว!”
องค์ชายสามมองไปยังหยิงเจาและพวกมันคนอื่นๆ พลางคำรามลั่น หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป มันต้องตกตายลงภายใต้น้ำมือของหลินซวนอย่างแน่นอน และในตอนนั้น จะไม่มีผู้ใดสามารถรอดพ้นไปได้อย่างแน่นอน
หยิงเจามีปฏิกิริยาตอบรับโดยพลัน มันหยุดดูชมการต่อสู้เบื้องหน้า กระบี่เล่มยาวในมือแทงเข้าใส่หลินซวนราวกับเป็นอสรพิษตนหนึ่ง บีบบังคับให้เขาต้องยอมล่าถอยจากการโจมตีองค์ชายสาม
หมัดหนึ่งใกล้ปะทะเข้ากับใบหน้าของหยิงเจา มันไร้ทางเลือกนอกเสียจากต้องสะบัดกระบี่ในมือกลับมาป้องกัน หลังจากหลินซวนเห็นกระบี่เล่มนั้นเขาก็ต่อยใส่กระบี่เพื่อให้มันกระเด็นออกไป
“วิญญาณรวมเป็นหนึ่ง!”
ในระหว่างที่หวังเถิงเฟยท่องมนตรา ปราณวิญญาณทั้งใต้หล้าดูเรากับจะมีจิตวิญญาณเป็นของตนเอง พวกมันถูกดึงดูดมายังหวังเถิงเฟยผู้นั้นก่อนจะหมุนวนรอบแขนของมันอย่างช้าๆ คล้ายกับว่าเป็นสมบัติวิเศษสักอย่าง
“ค้อนถล่มปฐพี!” จ้าวจินซากระโดดขึ้นสู่เบื้องบน มันยกค้อนยักษ์ในมือและรวบรวมพลังทั้งหมดก่อนจะฟาดลงใส่หลินซวนอีกครั้ง
การโจมตีการผู้บ่มเพาะแดนสร้างรากฐานกว่าสิบคนก็ตามมาโดยพร้อมเพรียงกัน ราวกับว่าพวกมันต้องการจะทำลายโลกใบนี้ให้แตกสลาย
“เจ้าเด็กนั่นมีบางอย่างผิดปกติ ระวังให้ดี!” องค์ชายสามที่เกือบจะถูกทุบตีจนยับเยินเอ่ยออกมาโดยมีร่องรอยของความหวาดผวาแฝงอยู่
หยิงเจารู้ดีว่าหลินซวนน่าหวาดหวั่นเพียงใดจึงพยักหน้ารับ มันต้องการจะจบการต่อสู้นี้ให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หากว่าการปะทะกันยังดำเนินไปเป็นเวลาเนิ่นนาน มันอาจโดยฝ่ายตรงข้ามสังหารลงในไม่ช้าก็เร็ว
หนึ่งอยู่เบื้องหน้า หนึ่งด้านซ้าย หนึ่งด้านขวา พวกมันโจมตีใส่หลินซวนอย่างมีแบบแผน หากว่าพวกมันไม่ระวังให้ดี คงจะต้องพบเจอกับความเสียใจชั่วกาล
ยิ่งพวกมันต้องการจัดการหลินซวนให้เร็วเท่าไหร่ พวกมันก็ยิ่งกระวนกระวายมากเท่านั้น ทว่า หลินซวนยังคงตอบโต้อย่างใจเย็น ในการปะทะกันเช่นนี้ ใครที่ไม่สามารถรักษาความเยือกเย็นไว้ได้จะต้องกลายเป็นผู้พ่ายแพ้ในที่สุด
หลินซวนลืมตาขึ้น การเคลื่อนไหวของพวกมันเชื่องช้าลงในสายตาเขา จุดอ่อนนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่ตรงหน้า
เขากำหมัดแน่นก่อนจะปลดปล่อยกลิ่นอายที่แตกต่างออกไปจากเดิม ราวกับว่าเขาได้ผสานรวมกับโลกใบนี้ไปเสียแล้ว ทุกคราที่เขาจู่โจม คล้ายเขานั้นคือตัวแทนของโลกทั้งใบ
“นั่นมันสภาวะหมัดสัมบูรณ์!”
จ้าวจินซากรีดร้องอย่างตื่นตระหนก หลินซวนที่ดูเหมือนยังไม่ถึงช่วยวัยรุ่นเสียด้วยซ้ำ การเข้าใกล้สภาวะหมัดสัมบูรณ์ในวัยเพียงเท่านี้นับว่าเหนือจินตนาการจนเกินไป
การฝึกฝนจิตแห่งหมัดนั้นนับว่าเป็นเรื่องไม่ยากเย็นนัก แต่การเข้าสู่สภาวะหมัดสัมบูรณ์นั้นย่อมหมายถึงคนที่กระทำเช่นนี้ได้จะสามารถควบคุมเต๋าอันยิ่งใหญ่ของฟ้าและดินให้เป็นไปตามปรารถนา ในโลกภายนอก ผู้ที่สามารถบรรลุสภาวะหมัดสัมบูรณ์ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่อยู่ในระดับบรรพบุรุษหรืออาวุโสของตระกูลใหญ่ทั้งสิ้น และคนเหล่านั้นมีชีวิตมาเนิ่นนานหลายพันหรืออาจจะหลายหมื่นปี
หากคนเหล่านั้นรู้ว่ามีอัจฉริยะเฉกเช่นหลินซวนอยู่ พวกเขาย่อมต้องต่อสู้กันจนตายไปข้างหนึ่งเพื่อให้ได้หลินซวนมาเป็นศิษย์ภายใต้การดูแลของตน
รุ่นเยาว์ทั้งหลายที่รายล้อมอยู่กลับตื่นตะลึงเสียยิ่งกว่า
พวกเขาบัดนี้ยังทำได้แค่เพียงเรียนรู้การใช้จิตแห่งหมัดอย่างยากลำบาก แต่ผู้อื่นกลับสามารถบรรลุสภาวะหมัดสัมบูรณ์ได้ในวัยเท่ากัน เรื่องเช่นนี้ย่อมทำให้ผู้คนเกรี้ยวกราดจนกระอักโลหิตตายได้เสียด้วยซ้ำ
“พวกเราปะทะกับมันโดยตรงมิได้ หลบออกมา!”
ร่างของหยิงเจาถอยหนีออกมาอย่างเร่งรีบ บัดนี้ ผู้คนทั้งหลายล้วนแล้วแต่หวาดกลัวหลินซวนจนไม่หลงเหลือความต้องการสู้อีกต่อไป หากว่าพวกมันยังดึงดันเข้าปะทะกับเขา โอกาสชนะย่อมไม่มีแม้แต่น้อย พวกมันทำได้เพียงหลบหลีกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาและโต้กลับเท่าที่โอกาสจะเอื้ออำนวย
สภาวะหมัดสัมบูรณ์หลินซวนบัดนี้เข้าถึงขีดจำกัดสูงสุด เขากลายเป็นดั่งพยัคฆ์ร้ายที่กระโจนเข้าใส่ผู้คนและคำรามออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง
หยิงเจาและพรรคพวกของมันกลายร่างเป็นเพียงกลุ่มก้อนแสงและหลบหนีจากไปนานแล้ว เหลือไว้เพียงผู้บ่มเพาะแดนสร้างรากฐานจำนวนหนึ่งที่เป็นเหยื่อล่อให้พวกมันสามารถหลบหนีได้อย่างสะดวกเท่านั้น
กลิ่นอายจากสภาวะหมัดสัมบูรณ์ของหลินซวนห้อมล้อมคนเหล่านี้เอาไว้ แรงกดดันอันทรงพลังทำให้พวกมันกระอักโลหิตจนตาย กระทั่งร่างกายก็ถูกบีบอัดจนเปลี่ยนรูปร่างไป
หลังจากกระทำเช่นนั้น หลินซวนก็มองไปยังทิศทางที่พวกมันหนีจากไปและมิได้ไล่ตามต่อ
ทุกชั้นของหอสวรรค์จุติเป็นเหมือนโลกใบเล็กที่แยกจากกันเป็นเอกเทศ หลินซวนอาจจะต้องใช้เวลาถึงครึ่งวันในการค้นหาพวกมันที่หลบซ่อนอยู่ เขาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น ไม่ช้าก็เร็ว พวกมันจะตกตายลงด้วยน้ำมือเขาอยู่ดี
ยิ่งกว่านั้น พวกมันอาจจะกลับไปหลบซ่อนยังชั้นที่สามของหอคอย ทำให้การค้นหายากเย็นยิ่งขึ้นไปอีก
หลินซวนไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับพวกมัน เขาเพียงก้าวเดินไปด้านหน้าและปรากฏตัวขึ้นในระยะพันลี้จากจุดเดิม
มองไปยังเหล่าคนที่คอยห้อมล้อมต้นไม้ปีศาจ มังกรไฟที่ยาวถึงพันฉื่อปรากฏขึ้นในทันที