ตอนที่ 090 ร้านอาหารวังหลวง
"คุณซูลองชิมเมนูอื่นดูบ้างสิ"
เฒ่าจางพูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น
ไม่ได้ทำอาหารให้คนอื่นกินมานานแค่ไหนแล้วนะ 10-20 ปีเห็นทีจะได้
ซูแคนพยักหน้าและหยิบผัดพริกหยวกมาที่จะกิน
เมื่อมองใกล้ๆแล้ว ซูแคนก็เห็นความปราณีตในการหั่นพริกหยวก
ความหนา ความบาง ความยาวของพริกหยวกถูกหั่นออกมาได้เท่ากันหมด เหมือนถูกหั่นโดยเครื่องจักร
น้อยคนมากที่จะมีฝีมือในการใช้มีดดีเช่นนี้
ทันทีที่ซูแคนตักพยิกหยวก 1 ชิ้นเข้าปาก
ดวงตาของเขาก็เป็นประกายทันที
รสชาติของพริกหยวกก็กระจายออกไปทั่วปากของซูแคน กลิ่นหอมของพริกหยวนที่ถูกทำมาอย่างดีหอมจนลมหายใจของซูแคนเต็มไปด้วยกลิ่นของพริกหยวก
รสชาติที่ถูกปรุงมาอย่างดีทำให้กลิ่นของพริกหยวกเด่นชัดขึ้นไปอีก มีรสเผ็ดติดปลายลิ้นเพียงเล็กน้อย
ยิ่งเคี้ยวยิ่งรู้สึกว่าอยากกินชิ้นต่อไปเพิ่มขึ้นอีก
ซูแคนไม่รอช้าหยิบพริกหยวกชิ้นที่ 2 มากินด้วยความเพลิดเพลิน
กรุบกรอบ หวาน และกลิ่นหอม..
ซูแคนยกนิ้วให้กับเฒ่าจาง
จากนั้นเขาก็ได้ลองซุปไก่ต่อ
ซูแคนตักน้ำซุปขึ้นมาชิมเบาๆ ทันทีที่น้ำซุปเข้าไปในปากซูแคน
ความหวานของกระหล่ำปลีที่ถูกเคี่ยวกับโครงไก่ก็กระจายรสชาติเต็มไปทั่วปากของเขา
เป็นการตัดรสชาติของพริกพยวกและซี่โครงหมูก่อนหน้าได้อย่างดี
รสชาติของน้ำซุปมีรสหวานหอมจากกระหล่ำปลีและโครงไก่
สีของน้ำซุปถึงแม้จะใส แต่รสชาติกลับเข้มข้นราวกับว่าเป็นซุปน้ำข้นเลย
ซูแคนตักเนื้อไก่ในน้ำซุปมากิน เขาก็พบว่าเนื้อไก่ก็เป็นเหมือนกับซี่โครงหมู
แต่แทนที่จะเป็นน้ำเกรวี่ที่พุ่งออกมา กลับกลายเป็นน้ำซุปที่เข้มขนพุ่งออกมาแทน
น้ำซุปที่เข้มข้น และคล่องคอ กินคู่กับเนื้อไก่ที่เคี่ยวจนแสนนุ่ม
นี่คือซุปที่วิเศษมากสำหรับซูแคน
ซูแคนกินอาหารด้วยความอร่อย ไม่นานเขาก็อิ่ม
ตั้งแต่เกิดมาใช้ชีวิตทั้งชาติก่อนและชาตินี้ มีพ่อครัวหรือเซฟมากมายที่ทำอาหารให้ซูแคนกิน เขารู้ได้เลยว่าเฒ่าจางมีฝีมือระดับต้นๆของวงการทำอาหารได้เลย
"ทำอาหารอร่อยขนาดนี้ เปิดร้านได้เลยนะคะ"
เสี่ยวผิงชื่นชนเฒ่าจางเช่นเดียวกัน หลังจากเธอได้กินจนอิ่มแล้ว
"เฒ่าจางเขาเคยทำงานในครัวมาก่อน"
เฒ่าหลี่อธิบาย
ซูแคนได้ยินเฒ่าหลี่พูด เขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อยและมองไปที่เฒ่าจาง
ฝีมือการทำอาหารระดับนี้ถ้าเอามาใช้งานในที่แบบนี้มันจะเสียของเปล่าๆ
ร้านอาหารระดับ 5 ดาวในสมัยก่อน อาจมีมูลค่าการตลาดสูงถึงหลายพันล้านก็ได้
ซูแคนมองไปที่เฒ่าจางก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
"เฒ่าจาง"
เฒ่าจางหันหน้ามามองซูแคนด้วยความเคารพ หากไม่ได้ชายคนนี้บางทีเฒ่าจางอาจจะยังต้องนอนที่ข้างถนนก็เป็นได้
"สนใจเปิดร้านอาหารไหม"
ซูแคนพูดด้วยรอยยิ้ม
"เอ่อ"
เฒ่าจางเบิกตากว้างขึ้นและนิ่งไม่ตอบอะไร
เฒ่าหลี่เห็นแบบนั้นจึงลุกขึ้นไปตบไหล่ของเฒ่าจางเบาๆ และพูดอย่างรวดเร็วว่า
"ความฝันของนายไม่ใช่เหรอ? นายอย่าปฎิเสธเลย"
"คุณซู ถ้าคุณจะเปิดร้านผมยินดีที่จะเป็นพ่อครัวในร้านเอง"
เฒ่าจางพูดอย่างรวดเร็วด้วยความดีใจ
"ไม่ใช่ฉัน"
ซูแคนส่ายหัว
เฒ่าจางมองซูแคนด้วยความสงสัย
"งั้นใครจะเป็นเจ้าของร้านล่ะ?"
"เฒ่าจางนั่นแหละที่จะเป็นเจ้าของร้าน"
ซูแคนตอบเบาๆ
"ห้ะ!!"
เฒ่าจางถามด้วยความสงสัยว่า
"คุณซูผมจะเปิดร้านอาหารเองได้ยังไงกัน"
เฒ่าจางรู้ดีว่าเขามีความสามารถแค่ไหน แต่เขาก็รู้ว่าดีว่าเขาไม่สามารถเปิดร้านอาหารในหนานจิงได้
"เดี๋ยวฉันจะให้เงินเปิดร้านก้อนหนึ่ง เฒ่าจางเอาไปจัดการซื้อของทุกอย่างที่ต้องการได้เลย พอร้านเปิดแล้ฉันจะคิดส่วนแบ่งของฉันเอง"
ซูแคนพูดอย่างเคร่งขรึม
"คุณซูผมต้องขอปฎิเสธ ให้ผมเป็นพ่อครัวและเจ้าของร้านพร้อมกัน ผมคิดว่าน่าจะไม่ไหว"
เฒ่าจางตอบปฏิเสธซูแคน
เฒ่าหลี่ได้ยินก็พูดขึ้นมาว่า
"เฒ่าจาง นี่เป็นโอกาสที่แกจะได้แสดงฝีมือออกมาแล้วนะ อย่าปฏิเสธเลย ซูแคนคงมองเห็นอะไรในตัวแกแน่ๆ ถึงได้มอบโอกาสที่ดีแบบนี้ รีบขอบซูแคนเร็วเข้า"
เฒ่าจางได้ยินก็รีบก้มหัวอย่างรวดเร็ว
"ผมนี่ช่างโง่เขลา คุณซูอุตส่าห์มอบโอกาสแต่ผมตอบปฎิเสธ โปรดอภัยให้ผมด้วย"
ซูแคนโบกมือขึ้นมาปัด
"ไม่เป็นไร"
"ฉันมีบ้านหลังหนึ่งอยู่ริมถนนไทเชียนเหมิน มันเหมาะกับเป็นร้านอาหารขนาดเล็กอยู่ เดี๋ยวฉันจะให้เฒ่าจางดูแลจัดการร้านนั่น เฒ่าจางจะตกแต่งอะไรก็ได้ตามใจชอบ เดี๋ยวเรื่องเงินฉันจัดการเอง"
"ขอบคุณครับคุณซู ขอบคุณครับ"
เฒ่าจางรีบขอบคุณซูแคนอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ถูกช่วยเหลือจากเด็กที่มาทำร้าย ต่อมาให้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ และจะเปิดร้านอาหารให้ทำงานอีก
นี่เป็นคงเป็นลิขิตจากสรรค์สินะแน่ๆ
"ถนนไทเชียนเหมิน.."
ชายชราหลี่หรี่ตาเล็กน้อยก่อนพูดขึ้นมาว่า
"เฒ่าจางแถวนั้นทำเลดีมาก แถวนั้นเต็มไปด้วยผู้คน หากเปิดร้านอาหารที่นั่นจะต้องทำเงินได้มากมายอย่างแน่นอน"
"ว่าแต่นายจะเปิดร้าน นายมีชื่อรึยังเฒ่าจาง?"
"ทั้งหมดได้รับการส่งเสริมโดย คุณซู"
ชื่อ?
ซูแคนขมวดคิ้วเล็กน้อย
"ผมว่าจะตั้งชื่อร้านว่า ซูเจียไค"
เฒ่าหลี่ได้ยินก็ยิ้มออกมา
"เป็นชื่อที่ดีมาก"
ซูแคนหันไปทางเฒ่าหลี่ทันที
ดีบ้าอะไรเล่า คิดออกมาได้ยังไง
เอาชื่อตระกูลฉันมาตั้งเป็นชื่อร้าน ฉันไม่ยอมเด็ดขาด
ตระกูลซูต้องมาเปิดร้านอาหารอย่างงั้นเหรอ ถ้ามีใครยินเข้าละก็จะต้องเป็นเรื่องอย่างแน่นอน
ซูแคนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็คิดชื่อร้านออก
"เฒ่าจางได้บอกว่าฝืมือของเฒ่าจางนั้นเป็นระดับที่เสิร์ฟให้กับฮ่องเต้ไม่ใช่เหรอ เพราะงั้นร้านอาหารนี้ตั้งชื่อว่าร้านอาหารวังหลวงจะดูดีกว่า ว่าไหม"
ซูแคนพูดด้วยรอยยิ้ม
ชื่อนี้อาจทำให้ร้านไม่ค่อยได้รับความนิยมซักเท่าไหร่ แต่ในอีก 10-20 ปีข้างหน้า
การจัดเลี้ยงหรือการเลี้ยงฉลองของครอบครัวใหญ่ๆในหนานจิง ส่วนใหญ่จะต้องมากินอาหารแนวนี้กันทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นชื่อนี้แหละ น่าจะใช้ได้อีกนานหลายปี มันฟังดูเรียบหรูและมีสไตล์อย่างมาก
"ผมว่าเป็นชื่อที่ไม่แย่เลยนะ"
เฒ่าจางชื่นชมก่อนจะหัวเราะออกมา