ตอนที่แล้วSWO ตอนที่ 50
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSWO ตอนที่ 52 วิธีใช้แต้มโชคแบบใหม่

SWO ตอนที่ 51 การดำรงอยู่ที่ไม่ธรรมดา


โจวเฮาเหลือบมองหน้าจอเสมือน และพบว่าแต้มโชคตอนนี้ขึ้นมาเป็น: 757,400

“อย่างที่คาดไว้จากราชันอสูรขั้นสูง มิงค์เมฆาเจ็ดหางตัวนี้มอบแต้มโชคให้ข้าถึง 200,000 แต้ม!” โจวเฮารู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อเห็นแต้มโชคที่ได้มา

ตอนนี้เขามีแต้มสะสมอยู่ 750,000 แต้ม อีกนิดเดียวก็จะถึง 1,000,000 แต้มอย่างที่หวังไว้ ในไม่ช้าเขาก็จะสามารถเปิดกล่องปริศนาสีเงินได้อีกครั้ง

เขาตื่นเต้นมากเมื่อคิดถึงสิ่งที่จะได้รับจากกล่องปริศนาสีเงิน ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคบ่มเพาะอย่าง ‘เทคนิคเก้ากายาทองคำแปรผัน’, ‘เทคนิคแยกสวรรค์’ หรือ ‘เกราะเทพเต่าดำ’ พวกมันทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นของชั้นยอดในสายตาเขาทั้งสิ้น!

ถ้าเขาสามารถเปิดได้อันใดอันหนึ่ง ความแข็งแกร่งของเขาจะกระโดดไปอีกขั้นทันที

หลังจากจัดการอารมณ์แล้ว เขาก็เก็บร่างของมิงค์เมฆาเจ็ดหางกลับไป จากนั้นจึงหันกลับ และเดินไปหาผู้บัญชาการจ้าว

เหล่าปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธรู้ดีว่าพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ขอวมิงค์เมฆาเจ็ดหาง แต่พวกเขายังคงก้าวออกไปต่อสู้โดยไม่กลัวตาย นั่นทำให้โจวเฮาชื่นชมพวกเขาจากใจ

โจวเฮารู้สึกว่าเขาคงไม่สามารถทำเช่นเดียวกันได้ถ้าเขาอยู่ในสถานการณ์เดียวกับพวกเชา

อย่างไรก็ตามเมื่อเขามาถึง เขาสังเกตเห็นว่าผู้บัญชาการจ้าว และคนอื่น ๆ กำลังมองเขาแปลกไป

“ผะ ผู้อาวุโสโจว ท่านทะลวงผ่านด่านปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธขั้นสูงสุดแล้วงั้นรึ?” ผู้บัญชาการจ้าวอดถามไม่ได้

ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธคนอื่น ๆ ต่างรอคอยคำตอบของโจวเฮา

เหนือระดับปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธคือระดับอภินิหาร!

อาจกล่าวได้ว่าเมื่อก้าวเข้าสู่ระดับอภินิหาร ผู้ที่ไปถึงขั้นนั้นจะเป็นอิสระจากกายเนื้อ ก้าวข้ามขีดจำกัด และมีความสามารถที่คาดไม่ถึงทุกประเภท

เป็นเพราะมนุษย์บนดาวเคราะห์โลกมีตัวตนอยู่เช่นนี้อยู่ พวกเขาจึงสามารถรักษาบ้านของพวกเขาจากการรุกรานอย่างบ้าคลั่งของเผ่าพันธุ์ภายนอกได้

หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง โจวเฮาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เขาส่ายหัวก่อนกล่าว “ผู้บัญชาการจ้าว ข้าไม่ได้ทะลวงไปถึงระดับอภินิหาร เหตุผลหลักที่ข้าสามารถจัดการมิงค์เมฆาเจ็ดหางได้ก็เพราะเทคนิคกระบี่เฉพาะตัวของข้า!”

“เทคนิคกระบี่?”

ผู้บัญชาการจ้าว เจิ้นหง และปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธที่เหลือตกตะลึง

อย่างไรก็ตามไม่นานพวกเขาก็จำท่ากระบี่เมื่อครู่ได้

เจิ้นหงนึกย้อนไปถึงเทคนิคกระบี่ที่อัจฉริยะไร้เปรียบคนนั้นใช้ เมื่อเขาลองเปรียบเทียบทั้งสองดูแล้ว เขาพบว่าพวกมันค่อนข้างคล้ายกัน

ที่โรงเรียนในขณะนั้น อัจฉริยะไร้เปรียบได้อาศัยเทคนิคกระบี่ของเขาเพื่อปราบปราม และสังหารแม่ทัพอสูรขั้นสูงสามตัว

มาคราวนี้ผู้อาวุโสโจวได้ใช้เทคนิคกระบี่ที่คล้ายกันนี้เพื่อจัดการมิงค์เมฆาเจ็ดหาง

ท้ายที่สุดในโลกนี้ระดับการบ่มเพาะไม่ได้หมายถึงทุกสิ่ง บางครั้งเทคนิคลับก็สำคัญกว่า

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เจิ้นหงก็อดถามไม่ได้ “ผู้อาวุโสโจว ท่านรู้จักนักเรียนอัจฉริยะจากโรงเรียนมัธยมเมืองฉูหรือไม่? เทคนิคกระบี่ที่นักเรียนคนนั้นใช้ค่อนข้างคล้ายกับท่าน! ทั้งยังทรงพลังมากด้วย!”

หัวใจของโจวเฮาเต้นผิดจังหวะ เขาจดจ่อกับการจัดการมิงค์เมฆาเจ็ดหางมากเสียจนลืมปิดบังเทคนิคกระบี่ของเขา

“โรงเรียนมัธยมเมืองฉู?” เขาแสร้งทำเป็นงุนงง “ข้าไม่เคยไปที่นั่น แต่ถ้ามีเวลา ข้าจะไปพบเด็กคนนั้นแน่นอน เทคนิคกระบี่ของข้านั้นกลั่นมาจากความเข้าใจ มันถูกตัดแปลงจาก 'กระบี่เงา' ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่คนอื่นจะเลียนแบบ!”

“กระบี่เงา… ถึงว่าคุ้นเคยนัก ที่แท้ก็เป็นกระบี่เงานี่เอง!” ผู้บัญชาการจ้าวมองไปที่โจวเฮา และอดกล่าวไม่ได้ “ผู้อาวุโสโจวน่าประทับใจจริง ๆ ท่านสามารถสร้างเทคนิคที่ทรงพลังเช่นนี้ได้จากเทคนิคกระบี่ธรรมดา!”

โจวเฮารีบโบกมือ ก่อนกล่าวอย่างเป็นกันเอง “ไม่ได้สุดยอดขนาดนั้น ข้าแค่พยายามเต็มที่เท่านั้น!”

เจิ้นหง และปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธคนอื่นพูดไม่ออกเมื่อได้ยิน

พวกเขาทั้งหมดได้ศึกษาความลับของศิลปะการต่อสู้มาหลายปี แต่พวกเขากลับไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันกลับมาเลย

ไม่นานพวกเขาก็ได้ยินโจวเฮากล่าวขึ้นอีกครั้ง “ผู้บัญชาการจ้าว ช่วงนี้เผ่าพันธุ์ภายนอกกำลังอาละวาดอย่างหนัก หากนักเรียนคนนั้นสามารถคิดเทคนิคกระบี่ที่คล้ายข้าได้จริง ท่านต้องซ่อนเขาไว้เพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะปลอดภัย มิเช่นนั้นเกรงว่าเขาคงต้องทนทุกข์ทรมานจากการลอบสังหารอย่างบ้าคลั่งจากเผ่าพันธุ์ภายนอกเป็นแน่”

ผู้บัญชาการจ้าวกล่าวอย่างเคร่งขรึมทันที “ผู้อาวุโสโจวไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น เราจะปกป้องโรงเรียนมัธยมเมืองฉู และความปลอดภัยของนักเรียนอย่างแน่นอน”

ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธคนอื่น ๆ ก็พยักหน้าอย่างจริงจังเช่นกัน

โจวเฮาถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเขาเห็นว่าสามารถเปลี่ยนหัวข้อได้สำเร็จ เขามองไปที่เหอเปียว “อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?”

“แค่ก… ขอบคุณ… ขอบคุณผู้อาวุโสโจวที่ช่วยชีวิตข้า!” เหอเปียวกล่าวสลับไอเป็นระยะ

ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธทุกคนมีพลังชีวิตที่เหนียวแน่น ไม่ว่าอาการบาดเจ็บของพวกเขาจะรุนแรงแค่ไหน พวกเขาก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

โจวเฮาโล่งใจ “แมลงเงาพวกนั้นเจ้าเล่ห์จริง ๆ พวกมันใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ และเลือกโจมตีเมื่อพวกเจ้าจนมุม ดูเหมือนเราต้องกำจัดพวกมัน มิฉะนั้นปัญหาจะไม่มีวันจบสิ้น!”

ผู้บัญชาการจ้าวเห็นด้วย “ใช่ แมลงเงาเปรียบเสมือนระเบิดเวลา เพราะไม่เพียงแต่เมืองต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลา แม้แต่ทีมที่มักจะมาพื้นที่รกร้างเพื่อล่ายังต้องเพิ่มความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ อีกทั้งเมื่อมีพวกมันอยู่รอบ ๆ ทีมจะไม่สามารถทำความสะอาดสัตว์อสูรได้อย่างสงบ”

เจิ้นหงยังกล่าวอีกว่า “ผู้อาวุโสโจว ผู้บัญชาการจ้าว ตอนนี้มิงค์เมฆาเจ็ดหางตายแล้ว ราชันอสูรตัวอื่นจึงไม่เป็นภัยคุกคามอีกต่อไป ข้าขอแนะนำว่าหลังจากพักผ่อน และฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บเรียบร้อย เราควรดำเนินตามแผนเดิมต่อไป และกำจัดแมลงเงาให้หมดสิ้น!”

“เห็นด้วย!”

“ข้าก็เห็นด้วย!”

ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธคนอื่น ๆ พยักหน้า

หลังจากประสบกับความสิ้นหวังเมื่อครู่ พวกเขาก็เริ่มตระหนักถึงภัยคุกคามของแมลงเงามากขึ้น

ผู้บัญชาการจ้าวยืนขึ้น “เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นก็พักสักครึ่งชั่วโมงก่อนแล้วค่อยทำตามแผน!”

หลังจากที่มิงค์เมฆาเจ็ดหางถูกโจวเฮาจัดการ เขตอันตรายที่เหลืออยู่โดยพื้นฐานแล้วมีเพียงราชันอสูรขั้นกลางเท่านั้น แม้การเผชิญหน้ากับมันปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธอาจตกอยู่ในอันตรายก็จริง แต่เนื่องจากพวกเขาเดินทางเป็นคู่ ดังนั้นราชันอสูรขั้นกลางจึงไม่ใช่ภัยคุกคามที่อันตราย

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ผู้บัญชาการจ้าว และปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธคนอื่น ๆ ที่หายจากอาการบาดเจ็บต่างเร่งค้นหาเงาแมลง

เดิมทีโจวเฮาต้องการฆ่าราชันอสูรตัวอื่นต่อไปเพื่อสะสมแต้มโชค

แต่ไม่นานเขาก็พบว่าไม่มีสัตว์อสูรระดับราชันเลยสักตัวเดียวในพื้นที่สีแดงกว่า 30 แห่งบนแผนที่!

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด