เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 266
ตอนที่ 266
หลินซวนบัดนี้ทั่วร่างเปี่ยมล้นไปด้วยแสงสว่างสีทองเรืองรอง หอกทองคำที่ก่อขึ้นจากทักษะมหาวัชระพุ่งเข้าไปใจกลางกลุ่มของเถาวัลย์ปีศาจ เถาวัลย์มากมายถูกทำลาย แต่ทันใดนั้น รากฐานของเถาวัลย์ที่อยู่ใต้ดินก็กลั่นปราณปีศาจในอากาศเพื่อสร้างเถาวัลย์ขึ้นมาใหม่
นี่ทำให้หลินซวนขมวดคิ้ว ทุกสรรพสิ่งต้องมีจุดอ่อน ไม่มีทางที่โลกใบนี้จะมีสิ่งที่เป็นอมตะอย่างแท้จริง มีเพียงจุดอ่อนที่ยังไม่ถูกค้นพบเท่านั้น
“ทักษะมหาวัชระ!”
“ทักษะจ้าวมังกรไฟ!”
หลินซวนที่แต่เดิมต้องการจะปกปิดความแข็งแกร่ง แต่ในการต่อสู้ที่ชั้นสามทำให้เขาเปิดเผยไพ่ตายทั้งหมดออกมา และผู้คนก็จดจำไพ่ตายเหล่านั้นได้เสียแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การจะต่อสู้อย่างสุดความสามารถย่อมเป็นสิ่งที่สมควรทำมากกว่า
หอกทองคำถูกขว้างไปกลางอากาศ มังกรไฟพุ่งขึ้นท้องฟ้าและม้วนพันรอบหอกนั้น ปราณปีศาจสีเขียวถูกเผาไหม้จะระเหยหายไปด้วยกลิ่นอายจากทักษะของหลินซวน เมื่อเขาคำรามออกมา หอกที่ห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงมังกรก็กลับมาสู่มือของเขาจากนั้นเขาก็กวัดแกว่งมันไปรอบด้าน
เถาวัลย์ที่แต่เดิมล้อมรอบเขาเอาไว้ถูกตัดกลายเป็นชิ้นๆ อุณหภูมิที่สูงล้ำทำให้พวกมันถูเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน พวกมันไม่อาจฟื้นฟูตัวเองได้เป็นเวลานาน และตกตายลงอย่างสมบูรณ์
เถาวัลย์ปีศาจเริ่มตระหนักได้ว่าหลินซวนนั้นน่าเกรงกลัวเพียงใด ในชั่วลมหายใจ เถาวัลย์จำนวนมากก็พุ่งเข้ามาใส่เขา พวกมันม้วนพันกันไปมาจนกลายเป็นตาข่ายยักษ์
“ทักษะจ้าวมังกรไฟ ปะทุ!”
มังกรไฟบนหอกของหลินซวนพุ่งออกไปและปะทะเข้ากับตาข่ายที่ก่อร่างจากเถาวัลย์เหล่านั้น มันลุกเป็นไฟลามไปทั่วกลายเป็นดั่งทะเลเพลิง
การเคลื่อนไหวที่เกิดจากหลินซวนดึงดูดความสนใจของอัจฉริยะมากมาย เมื่อพวกเขาค้นพบว่าเถาวัลย์ที่ถูกหลินซวนสังหารนั้นมิได้ฟื้นฟูกลับมา พวกเขาก็ทำได้เพียงแหกปากร้องตะโกน
“ข้าเข้าใจแล้ว เถาวัลย์เหล่านี้พ่ายแพ้แก่เปลวเพลิง ไฟสามารถทำลายพวกมันได้!”
“ธาตุทั้งห้าต่างเกี่ยวพัน เกื้อหนุน และต่อต้านซึ่งกันและกัน ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน”
“ไม่เพียงเท่านั้น เจ้ามิสังเกตหรือว่าเขาโจมตีไปที่รากของพวกมัน? หากพวกเราเล็งไปที่พลังชีวิตของมัน มันย่อมไม่อาจฟื้นฟูตนเองได้”
เหล่าอัจฉริยะที่ตอนแรกเริ่มถอดใจกลับมามีความหวังอีกครั้ง
หลังจากรับรู้ว่าการสังหารเถาวัลย์เหล่านี้ต้องใช้วิธีใด รุ่นเยาว์ทั้งหลายก็ทะยานออกไปราวกับว่าต้องการเสี่ยงชีวิตเพื่อระบายความโกรธที่สะสมมาก่อนหน้านั้น
เมื่อองค์ชายสามที่อยู่ไกลออกไปเห็นเช่นนั้น มันก็แค่นเสียง
“คงน่าเบื่อหน่ายยิ่งนักหากลงมือกับพวกมันเร็วเกินไป เจ้าคิดว่าทุกคนเป็นพวกไร้สมองกันหมดหรือไร?”
หลินซวนสังหารเถาวัลย์ปีศาจสามต้นเบื้องหน้าเขาด้วยกระบวนท่าเดียว เขาหันหลังไปและจ้องมององค์ชายสามผู้นั้นเพียงชั่วครู่ก็ละความสนใจ
ในความคิดของเขา นอกเหนือจากลมปากแล้ว คนผู้นี้ช่างไร้ค่านัก
“อสนีบาตฟาดฟัน!” เล่ยหยุนซีหัวเราะร่าในระหว่างที่เขาลอยตัวอยู่กลางอากาศ สายฟ้าบางเบาปะทุออกมาจากในดวงตา ก้อนสายฟ้าสองก้อนควบรวมกับในเงื้อมมือเขาก่อนที่เขาจะปามันลงไปยังด้านล่าง สายฟ้าทำหน้าที่ของมันอย่างต่อเนื่อง
เถาวัลย์เบื้องล่างจำนวนมากถูกเข่นฆ่า มันกลายเป็นเศษซากที่แม้แต่ผู้คนยังไม่อยากหันมอง
ทันใดนั้นเอง เถาวัลย์ปีศาจทั้งหมดก็ล่าถอยและเริ่มแหวกออกเป็นช่องตรงกลาง พวกมันทั้งหมดหมอบราบลงกับพื้นดินราวกับว่ากำลังรอต้อนรับบางอย่าง
เป่ยเฉินหลานและคนอื่นๆ เริ่มมาปรากฏตัวอยู่ข้างหลินซวน พวกเขากุมกระบี่ไว้ในมือแน่นก่อนจะพูดคุยกับหลินซวน
“พวกมันกำลังกระทำสิ่งใด?”
“มีบางอย่างผิดปกติ ดูเหมือนว่าพวกมันแท้จริงแล้วเป็นเพียงทหารเลวที่ไร้ประโยชน์เท่านั้น” ปราณวิญญาณในร่างของหลินซวนทะลักเข้าสู่หอกอย่างต่อเนื่อง เตรียมพร้อมจะโจมตีได้ทุกเมื่อ
พื้นดินดูเหมือนกำลังม้วนตัวราวกับว่าถูกกระแทกด้วยค้อนที่หนักนับพันจิน มันสั่นไหวอย่างรุนแรง คล้ายว่ามีฝูงของสัตว์อสูรจำนวนมากกำลังวิ่งเข้ามา
ต้นหลักของเถาวัลย์ซึ่งมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ที่สูงนับพันฉื่อสะบัดเถาวัลย์ของมัน มันปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางช่องว่างที่เหล่าเถาวัลย์ต้นเล็กๆ เว้นไว้ เถาวัลย์แต่ละเส้นของมันปลดปล่อยกลิ่นอายระดับหมุนวนทะเลปราณออกมา
หัวใจของเหล่ารุ่นเยาว์บางส่วนตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มพร้อมทั้งร่างกายที่สั่นสะท้าน พวกเขาทำได้เพียงสูดหายใจอย่างหนาวเหน็บ นี่มันต้นไม้ปีศาจระดับหมุนวนทะเลปราณ!
สำหรับโลกภายนอก ระดับหมุนวนทะเลปราณอาจเป็นเพียงอาวุโสสายนอกหรือเหล่าทหารยามเท่านั้น พวกเขามิอาจนับได้ว่าเป็นยอดฝีมือแต่อย่างใด
ทว่า มันกลับแตกต่างไปในหอสวรรค์จุติแห่งนี้ มีเพียงสองคนเท่านั้นท่ามกลางรุ่นเยาว์นับหมื่นที่บรรลุถึงแดนหมุนวนทะเลปราณ ช่างเป็นจำนวนที่น้อยนิดจนน่าเวทนา
เพียงเถาวัลย์ปีศาจยังทำให้รุ่นเยาว์ทั้งหลายใช้ทุกวิถีทางในการเอาชนะพวกมัน มีอัจฉริยะนับพันตกตายลง ต้องรู้ก่อนว่าที่โลกภายนอกนั้น อัจฉริยะเหล่านั้นเป็นรุ่นเยาว์ที่ทางตระกูลทั้งหลายบ่มเพาะขึ้นมาโดยคาดหวังให้พวกเขาเป็นผู้สืบทอดตระกูลต่อไป หากสักคนตกตายลง มันย่อมเป็นความสูญเสียอันใหญ่หลวง
“เจ้าพวกมดปลวก จงศิโรราบและกลายเป็นอาหารให้พวกเราเสีย” เถาวัลย์ต้นนั้นปลดปล่อยเสียงที่น่าหวั่นผวา ทำให้ผู้คนขนลุกชัน
“อาศัยเพียงปีศาจต้นไม้ชั้นต่ำเช่นเจ้าเหตุใดจึงกล้าหยิ่งผยองเช่นนี้?”
ผู้ที่เอ่ยเช่นนี้ขึ้นมาคือองค์ชายสาม ก่อนหน้านี้ มันฉกชิงแกนกลางของเถาวัลย์ปีศาจทั้งหลายมาไว้กับตัว เรื่องของหลินซวนนั้นส่งผลกับมันอย่างยิ่ง โชคดีนักที่นอกจากราชวงศ์อมตะแล้ว คนจากอาณาเขตเหนือครามมีจำนวนน้อยนิดยิ่ง ไม่เช่นนั้น หากข่าวเกี่ยวกับผู้บ่มเพาะอิสระแพร่ออกไป นั่นย่อมทำให้ศึกชิงบัลลังก์ของมันได้รับผลกระทบไปด้วย
“ประกายแสงเยือกแข็ง!” องค์ชายสามเอ่ยอย่างเย็นชา มันสะบัดกระบี่ในมือและแทงใส่ต้นไม้ปีศาจ จากนั้นปราณกระบี่นับไม่ถ้วนก็ล้อมรอบกายของมัน เถาวัลย์บางส่วนที่ต้องการจะแตะต้องตัวมันถูกทำลายเป็นเศษซากด้วยปราณกระบี่เหล่านี้
ในเวลาเดียวกัน มันก็ปล่อยกลิ่นอายระดับหมุนวนทะเลปราณออกมา ปีศาจต้นไม้ยังไม่ทันได้มีโอกาสโต้ตอบ แกนปีศาจของมันก็ถูกองค์ชายสามใช้กระบี่ของตนแทงจนทะลุ พลังในเถาวัลย์ของมันลดลงอย่างต่อเนื่อง ก่อนท้ายที่สุดจะกลายเป็นเช่นขยะกองหนึ่ง
เมื่อเห็นพลังที่องค์ชายสามปล่อยออกมา อัจฉริยะบางคนถึงกับชะงักค้างไป
แดนหมุนวนทะเลปราณ! ยอดฝีมือแดนหมุนวนทะเลปราณที่อายุน้อยกว่าห้าสิบปีนับได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่พบเจอได้อย่างยากเย็นนัก คนเช่นนั้นย่อมสามารถกลายเป็นผู้สืบทอดหลักของตระกูลตนเองได้อย่างง่ายดายหากบรรลุพลังปราณในขั้นนี้
ต้องรู้ก่อนว่าพวกเขามีอายุไม่ต่างจากองค์ชายสามผู้นั้น บัดนี้ยังเป็นได้เพียงผู้บ่มเพาะแดนสร้างรากฐานที่เพิ่งจะทำให้พลังปราณของตนเสถียรได้ ทว่าผู้อื่นกลับสามารถเลื่อนขั้นไปยังแดนหมุนวนทะเลปราณแล้ว นี่มันแตกต่างกันมากเกินไป
เมื่อองค์ชายสามพบเห็นสายตาเคารพบูชาจากผู้อื่น มันก็เผยรอยยิ้ม มันต้องการจะเป็นจุดสนใจเสมอ สายตาของมันจ้องไปยังหลินซวนด้วยความดูแคลน
เสี่ยวหวงก้าวมาด้านหน้าในทันทีและกำหมัดชูขึ้น แต่หลินซวนกลับดึงเสี่ยวหวงกลับมาและส่ายหน้า
“ข้าสามารถจะทุบตีมันจนต้องร้องไห้หามารดาได้ด้วยหมัดคู่นี้” เสี่ยวหวงกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด
สายตาเกียจคร้านของหลินซวนจ้องไปยังเถาวัลย์ปีศาจระดับหมุนวนทะเลปราณก่อนจะเอ่ยอย่างใจเย็น
“ยังมีเถาวัลย์เหล่านี้จำนวนมากมาย หากว่ามันต้องการจะจัดการต้นไม้ปีศาจทั้งหลายให้พวกเรา แล้วเหตุใดพวกเราจะไม่รับเอาไว้เล่า?”
ในชั้นที่สี่ของหอสวรรค์จุติ ปราณปีศาจพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ผืนดินปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์ นอกเหนือจากนั้น มีเพียงปราณวิญญาณจำนวนน้อยนิด แม้จะสามารถทดแทนปราณเหล่านั้นได้ด้วยหินวิญญาณหรือเม็ดโอสถ แต่หลังจากใช้ของเช่นนั้นจนหมด ก็ทำได้เพียงปล่อยให้โชคชะตาตัดสินอนาคตเสียแล้ว
เป่ยเฉินหลานและคนอื่นตระหนักได้จากทำพูดของหลินซวนและมองหน้าเขาอย่างชื่นชม
ถัดมา อัจฉริยะบางส่วนที่ยังไม่สามารถก้าวขึ้นสู่แดนหมุนวนทะเลปราณได้ก็เดินออกมา ปราณวิญญาณที่ทรงพลังของพวกเขากวาดผ่านไปทั่วบริเวณ และทั่วทั้งสมรภูมิก็เต็มไปด้วยปราณกระบี่และปราณจำนวนมหาศาล
ในตอนแรก อัจฉริยะเหล่านั้นก็ยังคงได้เปรียบอยู่ แต่ไม่นานนัก พวกเขาก็สูญเสียความแข็งแกร่งไป ตรงกันข้ามกับเหล่าต้นไม้ปีศาจที่สามารถดูดกลืนปราณปีศาจในอากาศมาใช้ต่อสู้ได้ ทำให้พวกมันไร้เทียมทาน
“อัสนีสวรรค์เก้าชั้นฟ้า จุติ!”
หลินซวนไม่ทำเพียงแค่เฝ้ามองอีกต่อไป หากว่ารุ่นเยาว์เหล่านั้นหมดสิ้นพลังต่อสู้ เขาคงต้องเผชิญหน้ากับเถาวัลย์ปีศาจนับร้อยล้านเพียงลำพัง
อัจฉริยะทั้งหลายที่เหลืออยู่เริ่มทำการโจมตี….