CD บทที่ 232 วิธีการอันไร้สาระ
เหมี่ยวอิงกลอกตา เธอไม่สนใจสิ่งที่จ้าวหยู่พูด เธอได้ลองคิดถึงความเป็นไปได้อื่นอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า
“ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงพูดชื่อโฮ่วเมิงในทันที เป็นไปได้ไหมที่ทั้งคู่เพิ่งรู้ว่าเห็นสิ่งผิดปกติในวีดิโอและรู้ว่าโฮ่วเมิงเป็นฆาตกร พวกเขาจึงโทรหาตำรวจ อืม… ไม่สิ…” คิ้วของเหมี่ยวอิงย่น “ไม่ มันไม่ถูกต้อง! หากพวกเขาโทรหาตำรวจ พวกเขาจะโทรหาคุณทำไม จ้าวหยู่บอกฉันมาที มันเกิดอะไรขึ้น!?”
“ฮี่ฮี่ฮี่…” จ้าวหยู่ยิ้มอย่างหื่นกาม “หัวหน้าทีมเหมี่ยว คุณลองจูบฉันก่อนสิ ไม่แน่นะ ฉันอาจจะบอกอะไรคุณก็ได้ แถมที่ตรงนี้เป็นที่ตรงนี้ลับตาคน ไม่มีใครเห็นแน่นอน… ฮิฮิฮิ…”
“จ้าวหยู่!” สีหน้าของเหมี่ยวอิงเผยความหงุดหงิดจนถึงขีดสุด เธอกำหมัดแน่นเพื่อเป็นการเตือน “ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคุณได้รับบาดเจ็บล่ะก็ ฉันจะ…”
“อะไรนะ? คุณจะฆ่าสามีคุณเหรอ?” เมื่อจ้าวหยู่รู้อย่างนี้เขายิ่งปามลามมากขึ้น
เหมี่ยวอิงโกรธมาก เธอต้องการผลักประตูรถออกและเตะจ้าวหยู่ เมื่อเห็นเหมี่ยวอิงโกรธจริง ๆ จ้าวหยู่ก็หยุดหยอกล้อเธอและพูดอย่างจริงจังอีกครั้ง
“หัวหน้าทีมเหมี่ยว ฉันคิดว่ามันถึงเวลาที่เราจะคุยถึงธุระของเราได้แล้วนะ”
ใบหน้าของจ้าวหยู่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทันที ก่อนหน้านี้ เขาดูกะล่อนมากแต่ตอนนี้พลิกกลับมาดูตึงเครียดในพริบตา
"ดูสิ เรามีหลักฐานแล้วแต่เรายังคงไม่พบคนร้ายเลย แต่หลักฐานชิ้นนี้เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับโฮ่วเมิงที่จะช่วยให้เขาพ้นผิดได้ เราควรรายงานเรื่องนี้ดีมั้ย?”
เมื่อได้ยินจ้าวหยู่พูดอย่างจริงจัง เหมี่ยวอิงก็ไม่สามารถโกรธเคืองเขาได้อีกต่อไป เธอทำได้เพียงระงับความโกรธของเธอในขณะที่เธอพูดว่า
"มันไม่ชัดเจนหรือ ตอนนี้เราพิสูจน์ได้แล้วว่าโฮ่งเมิงถูกใส่ร้ายจริง ๆ!"
"อะไรนะ?" จ้าวหยู่กระพริบตา “คุณต้องการรายงานเรื่องนี้จริง ๆ หรือ แล้วภารกิจลับของคุณล่ะ? คุณไม่ได้อยากได้รถหรูหรือคฤหาสน์แล้วใช่ไหม?”
การแซะของจ้าวหยู่ทำให้เหมี่ยวอิงหงุดหงิดอีกครั้ง แต่ก่อนที่เธอจะโต้กลับจ้าวหยู่ก็เปลี่ยนน้ำเสียงของเขาทันที เขาพูดอย่างจริงจังว่า
“เหมี่ยวอิง แม้ว่าคุณจะโกหกฉันและหลอกฉัน แต่เมื่อฉันได้ลองนึกย้อนกลับไป สิ่งที่คุณโกหกมาทั้งหมด มันก็มีความจริงที่ไม่อาจมองข้ามได้ จริงมั้ย?”
“คุณ... คุณหมายความว่ายังไง” เหมี่ยวอิงมองจ้าวหยู่อย่างสับสน เธอตามความคิดของจ้าวหยู่ไม่ทัน
“ฮ่าวเกิงรับสารภาพแล้ว เขารู้ว่าเขากำลังจะเข้าคุก ถ้าการตายของคูปิงเกี่ยวข้องกับคดีลักพาตัวเมียนหลิง เขาก็คงจะสารภาพไปแล้ว!” จ้าวหยู่อธิบายต่อว่า "แล้วตอนนี้เราฏ้มีหลักฐานว่าโฮ่วเมิงถูกใส่ร้ายแล้ว คำถามคือ ใครคือฆาตกร คุณคิดว่าเป็นสองคนที่ปรากฏในวิดีโอนี้รึเปล่า?"
"ก็อาจจะ..." เหมี่ยวอิงรู้สึกว่าจ้าวหยู่โน้มตัวเข้าใกล้เธอมากเกินไปขณะที่เขาพูด ดังนั้นเธอจึงผลักเขาออกไปตามสัญชาตญาณ
“เนื่องจากมีความเป็นไปได้ ดังนั้น… การตายของคูปิงเป็นการวางแผนครั้งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย หากต้องการฆ่าคูปิงอย่างรวดเร็วและหาแพะรับบาปในเวลาเดียวกัน คนธรรมดาจะไม่มีทางทำอย่างนี้ได้!” จ้าวหยู่พูดอย่างแข็งกร้าว “มันต้องใช้กำลังคนมากขนาดนี้เพื่อฆ่าเธอ พวกเขาต้องมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญบางอย่าง ดังนั้น… สองประเด็นที่คุณกล่าวถึงนั้นน่าจะถูกต้องที่สุดแล้ว!”
“อันไหน… สองประเด็นไหน?” เหมี่ยวอิงสับสน เธอลืมคำพูดของเธอเอง
"หนึ่ง!" จ้าวหยู่ช่วยเตือนความจำเธอ “ฆาตกรต้องมีภูมิหลังที่กว้างขวาง หากเรายังคงตรวจสอบการเสียชีวิตของคูปิงต่อไป เราจะตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวงซึ่งน่าจะนำไปสู่ความตาย!
สอง คุณบอกว่ามีสายลับในกองกำลังตำรวจ ความเป็นไปได้นั้นยังคงมีอยู่!"
"อา!?" เหมี่ยวอิงนึกขึ้นได้ทันทีและรู้ว่าจ้าวหยู่หมายถึงเรื่องอะไร เธอหันไปถามว่า "ถ้าอย่างนั้นเรายังต้องสืบสวนอย่างลับ ๆ แต่… โฮ่วเมิงกำลังจะถูกตัดสิน เราจะไม่ปล่อยผู้บริสุทธิ์เข้าคุกใช่ไหม?”
“ขอฉันคิดก่อน…” จ้าวหยู่ตกอยู่ในความคิดและเริ่มไตร่ตรองทางเลือกของพวกเขาอย่างจริงจัง เนื่องด้วยตัวฆาตกรทั้งลึกลับและอันตรายอย่างยิ่ง เขาต้องคิดหาวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับสถานการณ์นี้
เหมี่ยวอิงไม่กล้าขัดจังหวะเขา เธอทำได้แค่จ้องมองที่เขาอย่างเงียบ ๆ สีหน้าของเธอดูซับซ้อนมาก
จ้าวหยู่คิดอยู่หนึ่งถึงสองนาทีเต็มก่อนที่เขาจะได้ทางออก เขาพูดกับเหมี่ยวอิงว่า
"หัวหน้าทีมเหมี่ยว! ฉันคิดว่าการสืบสวนการฆาตกรรมคูปิง เราไม่สามารถทำอย่างลับ ๆ ได้ เราต้องทำตรงกันข้าม ไม่เช่นนั้นเราจะตกอยู่ในอันตราย!"
"ตรงกันข้าม?" เหมี่ยวอิงถามด้วยความสับสน หัวสมองเธอว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง
“คุณเคยเล่นบิลเลียดมาก่อนหรือเปล่า” โดยไม่คาดคิด จ้าวหยู่ได้ถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมา "มีวลีคลาสสิกในบิลเลียดที่กล่าวว่า 'ความแข็งแกร่งคือปาฏิหาริย์' ฉันคิดว่านี่เหมาะสมกับสถานการณ์นี้มาก"
“ความแข็งแกร่งคือปาฏิหาริย์?”
"ใช่แล้ว!" จ้าวหยู่หัวเราะอย่างเย็นชาในขณะที่เขาพูด “ถ้าคุณถามฉันล่ะก็ เราควรใช้หลักฐานในมือของเราและทำให้เกิดความโกลาหล ยิ่งมีคนรู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ทำให้ทุกคนรู้ไปเลยว่าโฮ่วเมิงถูกใส่ร้ายและฆาตกรเป็นคนอื่น ที่สำคัญต้องทำให้ทุกคนรู้ว่าการฆาตกรรมคูปิงนั้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนการครั้งใหญ่!”
“เพียงเท่านี้ พวกเราจะรับประกันความปลอดภัยและทำให้ศัตรูสับสน! บางที แม้แต่สายลับในสถานีตำรวจก็ไม่รู้จะรับมือกับเหตุการณ์นี้อย่างไร!”
“คุณ…” เหมี่ยวอิงพิจารณาคำพูดของจ้าวหยู่อย่างจริงจัง “ทำให้เกิดความโกลาหล? แต่มัน…”
"ไม่มีแต่!" จ้าวหยู่ดูจริงจังเป็นพิเศษ "เราจะไม่ลงเอยแบบเดียวกับหัวหน้าทีมคู คนที่ฆ่าหัวหน้าทีมคูต้องมีอิทธิพลอย่างแน่นอน หากเราสอบสวนอย่างลับ ๆ เราจะถูกเก็บไม่ช้าก็เร็ว แต่ถ้าเราเผยแพร่ข้อมูลนี้ไปในวงกว้าง แม้ว่าพวกเขาจะพยายามปกปิดมันทั้งหมดแต่พวกเขาก็ไม่สามารถฆ่าตำรวจทั้งสถานีตำรวจได้ใช่ไหม?”
“โอ้…” ในที่สุด เหมี่ยวอิงก็เข้าใจและเริ่มพิจารณาแผนการของจ้าวหยู่อย่างจริงจัง เธอพบว่ามันคงข้างสมเหตุสมผล มีเพียงการเผยแพร่คดีเท่านั้นที่พวกเขาสามารถสอบสวนได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ ในการหาตัวฆาตกร พวกเขาไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง พวกเขาต้องการกำลังคนเพิ่มขึ้นจากทางสถานี
“แต่สำหรับหัวหน้าสถานี…” เหมียวอิงกังวลเล็กน้อย “ฟังนะ คดีลักพาตัวเมียนหลิงใกล้จะจบลงแล้วและตอนนี้เราก็มีงานสำคัญอีกงานหนึ่งขึ้นมา แถมเรายังยอมรับว่าเราจับคนผิด สำหรับหัวหน้าสถานีแล้ว เรื่องนี้มันไม่ต่างจากการฆ่าตัวตายชัด ๆ ฉันเกรงว่ามันคงจะไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ที่เราทำแบบนี้”
“ฮี่ฮี่…” จ้าวหยู่หัวเราะแล้วถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าหัวหน้าทีมเหมี่ยวจะรู้เรื่องลึก ๆ ของทางเบื้องบน ถึงกับมองสิ่งต่าง ๆ จากมุมมองของคนที่สูงกว่าเสมอแต่เราควรทำเพื่อหัวหน้าทีมคู เราไม่สามารถปล่อยให้เธอตายอย่างเปล่าประโยชน์จริงมั้ย?”
“ใช่แล้ว! ไม่ว่าพวกเบื้องบนจะมองอย่างไร แต่เราก็ต้องหาความจริงให้ได้!” เหมี่ยวอิงพยักหน้าทันที “จ้าวหยู่ หากเราสามารถเปิดคดีนี้ได้ เราก็จะสามารถทำการสอบสวนได้อย่างเต็มที่ทันที
นอกจาก เรื่องของโฮ่วเมิงแล้ว เรายังต้องสอบสวนหัวหน้าทีมคูด้วยและดูว่าเธอทำอะไรในขณะที่เธอยังมีชีวิตอยู่ มันอาจมีหลักฐานอื่นที่จะนำเราไปสู่ฆาตกร!"
"ถูกต้อง!" จ้าวหยู่กล่าวอย่างจริงจังว่า "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องหาใครก็ตามที่ฆ่าหัวหน้าทีมคูเพื่อแก้แค้นให้กับเธอ!"
“ถ้าอย่างนั้น” เหมี่ยวหยิงหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมา “เราไม่ควรรออีกต่อไปแล้ว เราไปรายงานตัวกับพวกเบื้องบนกันเลยดีไหม?”
"ไม่!" จ้าวหยู่ส่ายหัว “เราไม่สามารถทำอย่างรีบร้อนได้ อย่าลืมสิว่ายังมีสายลับอยู่ที่สถานี ถ้าคุณถามฉันว่าเราควรจะทำอะไรตอนนี้ เราควรจะไปร้านลั่วฉินชานและไปกินเลี้ยงกัน คุณได้เชิญทุกคนออกไปทานอาหารเย็นแล้ว เราจะทำลายมันได้อย่างไร?”