เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 265
ตอนที่ 265
พวกมันทำได้เพียงนิ่งเงียบอยู่เช่นนั้น สิ่งที่หวังเถิงเฟยพูดก็มิใช่สิ่งที่ไร้เหตุผลเสียทีเดียว
หยิงเจาเป็นผู้แรกที่พยักหน้าเห็นด้วย ทางด้านจ้าวจินซาที่ถูกผู้ยิ่งใหญ่จากอาณาจักรศิลากำกับให้ดูแลหยิงเจาให้ดี ทำให้มันเองก็เห็นด้วยกับคำพูดนั้นเช่นกัน
“แผนของเจ้าเป็นเช่นไร?” องค์ชายสามเอ่ยถาม
หวังเถิงเฟยหัวเราะออกมาก่อนจะให้เขาทั้งสามขยับเข้ามาใกล้เพื่อกระซิบแผนการให้ฟัง
……….
หลังจากจัดการกับคนเหล่านั้นแล้ว หลินซวนก็เดินตรงมายังเป่ยเฉินหลานและสหาย
ผู้บ่มเพาะข้างกายเป่ยเฉินหลานเกรงว่าหลินซวนจะสังหารพวกเขาจึงได้รีบหลบหนีไป
“เจ้านี่ยอดเยี่ยมเสียจริง” เป่ยเฉินหลานตบไหล่หลินซวนพลางหัวเราะดังลั่น
“หากมิใช่เพราะข้าต้องคอยเก็บงำความสามารถ ผู้ที่ต้องการสังหารข้าคงต่อแถวรอกันนอกแดนลึกลับยาวนับพันลี้” หลินซวนมองไปยังฉิงหู่อย่างไร้เดียงสา ก่อนนำแส้ที่เพิ่งได้รับออกมา ก่อนพูดบางอย่าง
“ข้าจะมอบมันให้เจ้า”
ฉิงหู่มองไปยังแส้น้ำแข็งบรรพกาลที่หลินซวนส่งมาให้ด้วยดวงตาเบิกกว้าง นางกล่าวอย่างไม่อาจเชื่อถือ
“นี่คือแส้โบราณระดับสรวงสวรรค์เชียวนะ!”
“มันล้ำค่ามากหรือ? เช่นนั้นหากเจ้าไม่ต้องการก็ลืมมันเสียเถิด” หลินซวนยังคงกล่าวอย่างสงบนิ่ง
“ข้าต้องการมัน”
เมื่อเห็นว่าหลินซวนกำลังจะดึงแส้กลับ ฉิงหู่จึงรีบคว้าแส้นั้นมา ด้วยกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจเสียก่อน
กระทั่งในตระกูลของนาง อาวุโสทั้งหลายยังมิยินยอมจะมอบสมบัติระดับสรวงสวรรค์ให้โดยง่าย ยอดฝีมือแดนก่อตั้งจิตที่ทรงพลังบางคนยังไม่มียุทธภัณฑ์ระดับสวรรค์แม้เพียงชิ้นเดียวเสียด้วยซ้ำไป ทว่าหลินซวนกลับมอบมันให้ผู้อื่นอย่างง่ายดายเช่นนี้ หากเหล่าตัวตนแดนก่อตั้งจิตเหล่านั้นรับรู้ พวกเขาคงตบตีหลินซวนจนตายอย่างแน่นอน
เป่ยเฉินหลานและเล่ยหยุนซีเดาะลิ้นอย่างต่อเนื่อง พวกเขามีสีหน้าราวกับล่วงรู้บางสิ่ง
รู้วิธีจะเกี้ยวสาวตั้งแต่ในวัยเช่นนี้ อนาคตของเขาคงสดใสไม่น้อย
หลินซวนตวัดสายตาไปยังคนทั้งสองทันที คิดว่าเขาเป็นคนเช่นนั้นหรือไร?
ฉิงหู่มองมายังเหล่าผู้ชายทั้งสามอย่างแปลกพิกล
“พวกเจ้ากำลังเอ่ยถึงสิ่งใด?”
“ไม่มีอันใดหรอก”
หลินซวนและชายหนุ่มทั้งสองเอ่ยขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“หวงหาวมิได้อยู่กับเจ้าหรอกหรือ?” หลินซวนอยู่ก็ถามขึ้นมา
เป่ยเฉินหลานส่ายหน้า
“ในตอนที่พวกเขาขึ้นมาถึงชั้นที่สาม เขาก็ไม่อยู่ที่นี่แล้ว คาดว่าเขาคงขึ้นไปยังชั้นที่สี่เสียแล้ว”
“อย่าได้เสียเวลาอีกเลย ไปยังชั้นที่สี่กันเถิด” หลินซวนนำเอาหอคอยขนาดเล็กออกมาและเดินหน้าไปยังชั้นสี่ คนที่เหลือเดินก็ตามไปพร้อมกัน
ร่างของหลินซวนปรากฏในชั้นที่สี่ ชั้นนี้เต็มไปด้วยความมืดมิดและมีเสียงลมหวีดหวิว จุดสีแดงมากมายปรากฏขึ้นที่ด้านบนสุดของชั้นนี้ มันดูชั่วร้ายยิ่งนัก ราวกับว่าจุดจบของโลกกำลังจะมาถึง
“ทารกน้อย!”
เสียงที่แสนคุ้นเคยดังขึ้น หวงหาวกระโดดออกยังเบื้องหน้าของพวกเขา
“เสี่ยวหวง” หลินซวนและหวงหาวทักทายกัน
“เหตุใดข้าจึงไม่เห็นเจ้าในชั้นที่สาม?” หลินซวนถามอีกฝ่าย
เสี่ยวหวงเผยใบหน้าเป็นกังวล
“ไม่มีใครมาที่นี่ในตอนที่ข้ามาถึง ยิ่งกว่านั้น ชั้นที่สี่จะเปิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อมีคนขึ้นมาครบตามจำนวน หลังจากรอคอยอยู่ที่แห่งนี้ครึ่งวัน ในที่สุดเจ้าก็ตามมาทันข้าแล้ว”
จากประโยคของเสี่ยวหวง เขาน่าจะเป็นผู้แรกที่มาถึงชั้นที่สี่นี้ นี่ทำให้พวกเขาแปลกใจไม่น้อย หรือว่าชั้นที่สามของหอคอยจะไม่ส่งผลใดกับเขาแม้แต่น้อย?
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เหล่าอัจฉริยะในชั้นที่สามก็ทยอยกันปรากฏตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ชัดเจนว่าเหล่าคนที่ผ่านขึ้นมานั้นมีจำนวนน้อยลงกว่าที่ชั้นสาม นั่นหมายความว่ามีคนที่ไม่สามารถผ่านบททดสอบของชั้นที่สามมากมายเพียงใด
หอสวรรค์จุติในที่สุดก็เริ่มเคลื่อนไหว อักษรสีเลือดปรากฏขึ้นอย่างเป้นระเบียบกลางอากาศ
“สังหารปีศาจโบราณร้อยล้านตัว มีเพียงเต๋าอันยิ่งใหญ่ทั้งสามพันเท่านั้นจะได้ผ่านไปยังชั้นถัดไป คนที่เหลือจะต้องพินาศสิ้น!”
“นั่นหมายความเช่นใด?”
รุ่นเยาว์บางส่วนกำลังสับสนกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ก่อนจะมีใครได้ตอบสิ่งใด ม่านที่กั้นชั้นที่สี่เอาไว้ก็ทลายลงพร้อมเสียงระเบิด พื้นดินสั่นสะเทือน และเสียงกระทบกันของโครงกระดูกดังออกมาจากใต้ดิน ราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น
ฟุ่บ!
ที่ซึ่งรุ่นเยาว์คนหนึ่งเหยียบย่ำอยู่ปรากฏเป็นเถาวัลย์ที่ดูคล้ายอสรพิษศิลาผุดขึ้นมาอย่างกะทันหันและม้วนพันเท้าของเขาเอาไว้ ก่อนที่เขาจะทันได้ชักอาวุธซึ่งสะพานอยู่บนหลัง เถาวัลย์นั้นก็ห้อมล้อมร่างกายของเขาเอาไว้ทั้งหมดแล้ว ตามมาด้วยเสียงแตกหักของบางอย่าง
เมื่อเถาวัลย์เหล่านั้นคลายลง รุ่นเยาว์ผู้นั้นก็หายไป เหลือทิ้งไว้เพียงกระดูกสีขาวโพลนไม่กี่ชิ้น
เถาวัลย์ที่เคยเขียวขจีเริ่มปรากฏสีของโลหิตขึ้น และรูปร่างของมันดูชั่วร้ายขึ้นเช่นกัน ในเวลาเดียวกันนั้น เถาวัลย์จำนวนถึงร้อยล้านเส้นก็ผุดจากพื้น ทันใดนั้น ปราณปีศาจก็ท่วมทับไปทั่วท้องนภา ตามมาด้วยแสงสีเขียวสว่างไสว
“สังหารปีศาจโบราณร้อยล้านตน นี่เป็นการบอกว่าพวกเราต้องจัดการเถาวัลย์ปีศาจเหล่านี้ทั้งหมดเพื่อไปยังชั้นถัดไป” อัจฉริยะคนหนึ่งคาดเดาความหมายของประโยคก่อนหน้านั้น และสีหน้าของเขากลับกลายเป็นซีดเผือด
แม้ว่าเหล่ารุ่นเยาว์จะมีกันจำนวนมาก แต่พวกเขาแทบทั้งหมดก็อยู่เพียงแดนปราณสร้างรากฐาน ทว่าเถาวัลย์ปีศาจกลับมีระดับที่ชั้นที่สิบของแดนสร้างรากฐาน ยิ่งไปกว่านั้น สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยปราณปีศาจจำนวนมาก ทำให้เหล่าผู้บ่มเพาะไม่อาจฟื้นฟูปราณวิญญาณของตนได้อย่างเต็มที่นัก พวกเขาอาจจะจัดการกับศัตรูจำนวนหนึ่งได้ แต่ด้วยจำนวนนับร้อยล้านของพวกมันแล้วการสังหารปีศาจที่มากมายเช่นนี้จะเป็นไปได้เช่นไร?
ใบหน้าของหลินซวนและผู้คนทั้งหมดกลับกลายเป็นมืดมน เขามองไปยังอักษรสีเลือดบนท้องฟ้าก่อนจะเอ่ยอย่างเยือกเย็น
“มีเพียงเต๋าอันยิ่งใหญ่ทั้งสามพันที่จะผ่านไปได้ ที่เหลือล้วนพินาศสิ้น!”
“ความหมายของประโยคนี้น่าจะหมายความว่ามีเพียงสามพันคนที่จะตอบสนองกับเต๋าอันยิ่งใหญ่ทั้งสามพัน เพียงสามพันคนที่สามารถไปยังชั้นที่ห้าได้ คนที่เหลือ….ไม่ตกตายก็ต้องถูกกำจัด”
ทันทีที่เขาเอ่ยจบ อัจฉริยะผู้หนึ่งก็ตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“หอสวรรค์จุตินี่บัดซบสิ้นดี มันมิใช่โอกาสอันดีแต่เป็นเพียงดินแดนแห่งความตายเท่านั้น พวกเราจะข้ามผ่านไปได้อย่างไรกัน?”
ฟุ่บ!
พลังทำลายล้างปรากฏขึ้นมาจากอากาศอันว่างเปล่า และทำให้อัจฉริยะคนนั้นกลับกลายเป็นเพียงบ่อโลหิตในชั่วพริบตา ม่านตาของผู้คนรอบด้านหดเล็กลงฉันพลัน
“การคงอยู่ของหอสวรรค์จุติย่อมเป็นสิ่งพิเศษยิ่ง ย่อมมิใช่สิ่งที่คนเช่นเจ้าสามารถวิจารณ์ได้อย่างง่ายดาย ทางเลือกอยู่ในมือของพวกเจ้า ไม่มีใครบีบบังคับให้เจ้าเข้ามาในนี้” เสียงไร้อารมณ์ดังขึ้นไปทั่วทั้งชั้นที่สี่
ไม่มีใครกล้าพูดคำใดอีกต่อไป
ใช่แล้ว เป็นพวกเขาเองที่เลือกอยากเข้ามาในหอสวรรค์จุติแห่งนี้ ไม่มีผู้ใดบังคับให้เข้ามา และพวกเขาไม่จำเป็นจะต้องฝ่าฟันให้ผ่านอุปสรรคนี้แม้แต่น้อย
ในตอนนี้ รุ่นเยาว์เกือบหมื่นคนเริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาต่างกลับไปรวมกลุ่มกับกองกำลังของตนเองเพื่อปกป้องตนเองและกองกำลังของตนจากกองกำลังอื่นๆ ทางด้านผู้บ่มเพาะอิสระก็แยกตัวออกมา ไม่มีใครเชื่อถือคนนอกอีกต่อไป
ในเวลาเดียวกัน เถาวัลย์เส้นหนาก็เริ่มพุ่งทะลุผืนดิน รุ่นเยาว์บางคนถูกลากลงไปใต้ดินโดยไม่ทันได้กรีดร้องเสียด้วยซ้ำ แก่นโลหิตของพวกเขาถูกดูดออกมาจนแห้งเหือดก่อนจะตกตายลง กลายเป็นปุ๋ยให้เหล่าเถาวัลย์
รุ่นเยาว์ทั้งหลายเริ่มจับกลุ่มเล็กๆ และพุ่งเข้าไปกลางดงของเถาวัลย์ปีศาจและสังหารพวกมันอย่างไร้ความเกรงกลัว
ยอดฝีมือบางส่วนแสดงฝีมือออกมา และบางส่วนก็เลือกจะสังหารผู้บ่มเพาะด้วยกัน คนที่ถูกฆ่ากลายเป็นหมอกเลือดก่อนจะลอยเข้าไปยังเถาวัลย์ทั้งหลาย
ไม่เพียงพวกเขาต้องสังหารเถาวัลย์ทั้งหมด พวกเขายังต้องระวังมิให้ตนเองตกตายลงด้วยน้ำมือของผู้บ่มเพาะด้วยเช่นกัน
“อ๊าก ข้ายังไม่อยากตาย”
“อ่อก เถาวัลย์ปีศาจพวกนี้สามารถงอกใหม่ได้”
อัจฉริยะผู้หนึ่งซึ่งถือมีดสั้นไว้ในมือตัดเถาวัลย์รอบตัวทั้งหมด แต่เหตุการณ์แปลกประหลาดก็บังเกิดขึ้น เถาวัลย์ที่ถูกตัดออกไปงอกกลับมาอีกครั้ง ราวกับพวกมันเป็นอมตะ
เห็นฉากเช่นนั้น รุ่นเยาว์บางส่วนมีสีหน้ามืดมนและสิ้นหวัง
เป่ยเฉินหลาน เล่ยหยุนซี และคนที่เหลือยังคงโจมตีต่อไป ทุกครั้งที่กระบวนท่าของพวกเขาถูกใช้ออก เถาวัลย์ปีศาจจำนวนมากจะถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ อย่างไรก็ดี ไม่นานหลังจากนั้น เถาวัลย์ก็งอกกลับมาตามเดิม ดูเหมือนไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาสามารถกระทำได้อีกต่อไป…