เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 263
ตอนที่ 263
ไม่เพียงเขาจะสำเร็จการบ่มเพาะทักษะจ้าวมังกรไฟในชั้นที่สองของหอคอย แต่ระดับการบ่มเพาะของเขาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ดูเหมือนว่าในตอนนี้เขาได้รับโอกาสอันยอดเยี่ยมมาไม่น้อยเลยทีเดียว
หลินซวนเพิ่งหายไปจากชั้นที่สองของหอสวรรค์จุติในตอนที่เสียงไร้อารมณ์ของหอคอยดังขึ้นมาอีกครั้ง
“หวงซวนบรรลุขีดจำกัดของหอสวรรค์จุติและเป็นผู้แรกที่สร้างสถิตินี้ เขาได้รับรางวัลเป็นสมุนไพรวิญญาณโบราณ หญ้าสามใบ!”
เมื่อหลินซวนได้ยินว่ารางวัลในครั้งนี้คือหญ้าสามใบ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น
แม้ว่าชื่อของหญ้าสามใบจะดูสามัญยิ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้วมันคือสมุนไพรวิญญาณชั้นยอดที่ใช้ในการบ่มเพาะร่างจำแลง แต่ละใบสามารถจะสร้างร่างจำแลงได้หนึ่งร่าง เมื่อรวมกับสมบัติธรรมชาติอื่นๆ และชำระล้างมันพร้อมกับศาสตร์ไตรพิสุทธิ์ จะทำให้ผู้ชำระล้างมันได้รับร่างจำแลงมาอย่างง่ายดาย
เมื่อเหล่ารุ่นเยาว์ทั้งหลายที่กำลังกระเสือกกระสนอย่างขมขื่นในชั้นที่สามได้ยินว่าหวงซวนทำลายสถิติอีกครั้ง พวกเขาก็เผยใบหน้าอันโง่งมยิ่ง
สถิติของหอสวรรค์จุตินั้นถูกสร้างขึ้นโดยเหล่าผู้บ่มเพาะที่มีชื่อเสียงเลื่องลือตั้งแต่ครั้นบรรพกาล แล้วเหตุใดมันจึงสามารถถูกพิชิตได้อย่าง่ายดายเช่นนี้?
“เจ้าหวงซวนนี่... การจะทำลายสถิติมันง่ายดายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?” คำถามเกิดขึ้นจากรุ่นเยาว์คนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของพวกเขา และพวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องยอมรับมัน
ในเมื่อเขาสามารถทำลายสถิติได้ ก็ให้มันเป็นเช่นนั้น แม้ว่าในความเป็นจริงการจะยอมรับเรื่องเช่นนี้ได้ หากว่าอีกฝ่ายมีระดับในหอคอยแห่งนี้เป็นลำดับต้นๆ คงจะง่ายดายยิ่งนัก แต่หวงซวนกลับอยู่ในอันดับที่เจ็ดพันกว่าๆ เสียอย่างนั้น นี่มิใช่ว่าเป็นการเยาะเย้ยพวกของที่ลำดับมากกว่าหวงซวนเช่นนั้นหรือ?
หลินซวนที่มาปรากฏตัวยังชั้นที่สาม สีหน้าของเขาสงบนิ่งพลางมองหาร่างของเสี่ยวหวงในหมู่ผู้คน แต่กลับไม่พบร่องรอยของเด็กน้อยผู้นั้น
“หรือว่าเสี่ยวหวงจะไปยังชั้นที่สี่แล้ว?” หลินซวนพึมพำกับตนเอง
ทันใดหลังจากนั้น รูปแบบของทักษะที่ไม่สมบูรณ์ก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของเขา ลำแสงสาดส่องเข้าไปยังห้วงสำนึกและกลายเป็นอักขระจำนวนมาก
“ย่างก้าวเงาสุดขั้ว ทักษะการบ่มเพาะระดับสร้างรากฐาน จงสำเร็จวิชานี่ในระหว่างการต่อสู้”
“ต่อสู้?”
หลินซวนที่เพิ่งมายังชั้นที่สามนั้นมิได้เข้าใจในกฎเกณฑ์ของชั้นนี้
แสงสีขาวพลันส่องสว่างออกมาจากร่างของเขา เบื้องหน้าแสงสีขาวนั้น หลินซวนรู้สึกราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังมองทะลุผ่านทุกสรรพสิ่งที่เขามี
จากนั้น แสงสีขาวก็เปลี่ยนแปรไปเป็นประตูบานหนึ่ง และมีคนเดินออกมาจากประตูนั้นด้วยรอยยิ้ม
หลินซวนเบิ่งตากว้างในทันที มิใช่ว่าเบื้องหน้านั้นเป็นตัวเขาเองหรอกหรือ?
“ถ้าเจ้าตกตายลงด้วยน้ำมือข้า ข้าจะใช้ชีวิตที่เหลือของเจ้าต่อไปเอง” หลินซวนร่างจำลองเผยรอยยิ้มชั่วร้าย
“เจ้ายังไม่คู่ควร!” หลินซวนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา การจะแทนที่เขาด้วยตัวปลอมเช่นนี้ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้
ดวงตาของหลินซวนตัวปลอมกะพริบไหว มันสะบัดมือของตน จากนั้นมังกรไฟสีแดงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่หลินซวนด้วยพลังมหาศาล
เห็นเหตุการณ์เช่นนั้น หลินซวนก็สบถออกมาอย่างเงียบงัน ทักษะจ้าวมังกรไฟที่เขาเพิ่งจะบ่มเพาะสำเร็จถูกเลียนแบบไปเสียแล้ว
หลินซวนเองก็มิได้นิ่งเฉย เขาพลันกระโดดขึ้นกลางอากาศ
เสียงมังกรคำรามดังลั่นสะท้อนไปทั่วทั้งชั้นที่สาม ประกายไฟร่วงหล่นจากท้องฟ้า และกลิ่นอายที่สามารถเผาไหม้ทุกสรรพสิ่งได้ก็ทำให้หัวใจของผู้คนสั่นระรัว
ครืน....
มังกรไฟสองตัวเข้าปะทะกัน และมันทั้งสองก็แตกสลายในเวลาเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด ร่างของเด็กน้อยทั้งสองต่างข่มเสียงสะอึกในลำคอและถอยหลังกลับไปหลายก้าว
นี่ทำให้หลินซวนรู้สึกไม่อาจยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นได้มากไปอีก จนถึงตอนนี้ ไม่เคยมีใครทัดเทียมเขามาก่อน
ห้วงความคิดของเขาหมุนวนอย่างรวดเร็วด้วยเขากำลังพยายามจะสำเร็จวิชาย่างก้าวเงาสุดขั้ว
“อัสนีสวรรค์เก้าชั้นฟ้า!”
“อัสนีสวรรค์เก้าชั้นฟ้า จุติ!”
คนทั้งสองต่างคำรามใส่กันและปราณโลหิตทั่วทั้งร่างปะทุเดือด ปลดปล่อยกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา
กลิ่นอายทั้งคู่เข้าปะทะกันและทำให้เกิดคลื่นกระแทกอย่างรุนแรงตามมา ผู้คนโดยรอบไร้ทางเลือกนอกจากต้องถอยหลบไป พื้นที่ในรัศมีร้อยจั้งกลับกลายเป็นดั่งดินแดนต้องห้าม
คนทั้งสองยังคงปะทะกันอย่างต่อเนื่อง จากผืนฟ้าลงมายังแผ่นดิน
เมื่อเหล่าคนที่ยังไม่กล้าพอจะรับความท้าทายจากหอคอยได้เห็นเหตุการณ์เช่นนั้น หัวใจของพวกเขาก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง
“พวกเราจะสามารถผ่านชั้นที่สามนี้ไปได้จริงหรือ?”
พลังที่หลินซวนซึ่งดูอ่อนแอปลดปล่อยออกมากลับทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าหาญพอจะเฉียดเข้าไปใกล้
“ทักษะมหาวัชระ!”
“เจ็ดก้าวสวรรค์กลับกลาย เหยียบย่ำ!”
“เก้าอักขระลับ สร้าง!”
“นัยน์ตาผู้ยิ่งใหญ่ จงเปิด!”
ยิ่งหลินซวนปะทะกับร่างจำแลงของเขานานขึ้น เขาก็ยิ่งแกร่งกล้าขึ้นเช่นกัน เขาใช้ทุกวิถีทางที่มีเพื่อการต่อสู้ครั้งนี้ ในชั่วพริบตา แสงสีทองปกคลุมท้องฟ้า ร้อยมิติถูกฉีกกระชาก ความว่างเปล่าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และลำแสงถูกยิงออกมาจากดวงตาของเขา ราวกับว่าเขาต้องการจำผ่าท้องนภาแห่งหอสวรรค์จุติ
ร่างจำแลงของอัจฉริยะบางส่วนสลายหายไปทันทีเมื่อเจอกับผลกระทบจากการโจมตีนี้ ทิ้งไว้เพียงความตกตะลึงของผู้คน มีสิ่งใดเกิดขึ้นกัน?
ร่างจำแลงเหล่านั้นมีพลังเทียบเท่าเจ้าของร่างทุกประการ แต่มันมิอาจทนทานผลกระทบที่เกิดจากการโจมตีของผู้อื่นได้ มันถูกสังหารโดยมิอาจต่อต้านแม้แต่น้อย
ผลกระทบนั้นเกิดขึ้นแค่เหล่าร่างจำแลง แต่หากว่าเป็นพวกเขาเหล่ารุ่นเยาว์ที่ถูกการโมตีเช่นนี้เข้าด้วยตนเองแล้ว ผลลัพธ์คงยากที่จะจินตนาการได้
เหล่ารุ่นเยาว์ทั้งหลายต่างก็หลั่งเหงื่อเย็นเยียบ
ครึ่งหนึ่งของผู้คนในชั้นที่สามถอยไปอยู่ด้านหลังของหลินซวนในทันที ส่วนที่เหลือก็เลือกจะหลบไปยังชายขอบของชั้นสาม พวกเขาไม่ต้องการจะกลายเป็นตัวแทนรับเคราะห์ของผู้อื่น
เล่ยหยุนซี ฉิงหู่ และเป่ยเฉินหลานเพิ่งจะจัดการร่างจำแลงของตนได้และเตรียมจะขึ้นไปยังชั้นที่สี่ของหอคอย ทว่ากลับโดยแรงกระแทกที่เป็นลูกหลงจากการต่อสู้ของหลินซวนเข้าเสียก่อน
“นั่น...หวงซวนใช่หรือไม่?” เล่ยหยุนซีดวงตาเบิกกว้างและกล่าวด้วยความไม่เชื่อถือ
“ข้าคิดว่าใช่” เป่ยเฉินหลานเองก็ตื่นตะลึงกับความรุนแรงของการต่อสู้ที่หลินซวนก่อขึ้นเช่นกัน
เหล่าผู้ที่อยู่ห่างไกลจากการปะทะกันนั้นทำให้เพียงเนื้อตัวสั่นเทา นี่เขาเป็นเพียงคนธรรมดาจริงๆ เช่นนั้นหรือ?
“อย่าได้พยายามโดยเสียเปล่า ข้านั้นล่วงรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับเจ้าและรู้ทุกสิ่งที่เจ้ายังมิได้รับรู้ด้วยเช่นกัน เจ้าจะใช้สิ่งใดมากำราบข้าได้?” ร่างจำแลงของหลินซวนเปล่งเสียงอันน่าหลงใหลออกมา
“ไหนเล่าหลักฐาน?” หลินซวนหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ด้วยกำปั้นข้าอย่างไรเล่า!”
“เป็นเพราะข้ามิได้เกรงกลัวสิ่งใด!”
“เป็นข้าที่สร้างเจ้าขึ้นมา!”
หลินซวนโต้กลับอย่างองอาจ กลิ่นอายบนร่างของเขาปะทุออกมา ในตอนนั้นเอง เขาก็เข้าสู่สภาวะสูงสุดและกระทำบางสิ่งซึ่งสั่นสะท้านหัวใจของทุกคน
“ข้าหวังว่าหมัดของเจ้าจะดีได้เท่าปากนะ” ร่างจำแลงของหลินซวนจนคำพูดในทันที มันคำรามลั่นพลางเร่งปราณสร้างเป็นมังกรไฟหมุนวนรอบกาย ด้วยการเพิ่มพลังจากอักขระลับ ‘สร้าง’ นัยน์ตาผู้ยิ่งใหญ่สามารถมองผ่านกาลเวลาได้ และดัชนีกักสวรรค์ขังปฐพีปรากฏขึ้นเหนือศีรษะราวกับร่างนั้นได้กลายเป็นเช่นเทพสงครามผู้หนึ่ง
กลิ่นอายของทั้งสองปะทะกันอย่างหนักหน่วง
บัดนี้ ผู้คนจากราชวงศ์อมตะปรากฏขึ้นมาในหมู่ผู้คน เมื่อมองเห็นทักษะที่หลินซวนใช้ออกมา พวกมันต่างเผยแววตาที่เต็มไปด้วยความโล�
“หัวหน้าหยาน ในเมื่อมันกำลังเบ่งสมาธิและไม่สามารถดูแลตัวเองได้อย่างเต็มที่เช่นนั้น นี่เป็นโอกาสอันที่จะสังหารมันลงได้หากพวกเราจู่โจมออกไป”
“และหากพวกเราส่งทักษะของมันให้องค์ชายแล้ว ย่อมต้องได้รับรางวัลอย่างามแน่นอน” พวกมันคนหนึ่งที่ถูกหลินซวนปล่อยให้มีชีวิตรอดกำลังปลุกระดมผู้ติดตามขององค์ชายสามผู้นั้น
ได้ยินเช่นนั้น หัวหน้าหยานของพวกมันก็ปรายตามองไปยังหลินซวนที่กำลังต่อสู้อยู่ มันรู้สึกว่าตนเองมิได้มีความมั่นใจมากพอที่จะเข้าไปต่อสู้กับหลินซวน
“หัวหน้าหยาน อย่าได้ลืมว่ายังมีผู้อื่นคอยช่วยเหลือเราอยู่ จะเป็นไปไมได้เชียวหรือที่ด้วยความแข็งแกร่งเช่นท่านจะไม่สามารถจัดการศัตรูตัวน้อยเช่นนั้นได้?”
หากว่ามันมิเห็นด้วยกันความคิดนี่ ก็ย่อมหมายความว่ามันเกรงกลัวหลินซวน ในอนาคต เมื่อองค์ชายสามขึ้นครองบัลลังก์ มันจะกลายเป็นขุนพลคู่บารมีของเขาได้อย่างไร?
หัวหน้าหยานผู้นั้นมองไปยังหลินซวนและกัดฟันพูด
“ตกลง”
พวกมันบางส่วนมีความสุขยิ่งนักเมื่อได้เห็นว่าหัวหน้าหยานของตนตกลงเห็นชอบในข้อเสนอของพวกมัน
คลื่นอากาศที่รุนแรงปรากฏขึ้น ร่างนับสิบทะยานเข้าไปและโจมตีใส่หลินซวนพร้อมกัน ทำให้ในดวงตาของทารกน้อยปรากฏแววเย็นเยียบ...