STY-ตอนที่ 80 เตรียมลงจากเขา!
“แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ได้กลายเป็นนิกายอมตะระดับสูงแล้ว ข้าสงสัยว่าทุกคนคิดเห็นอย่างไร?”ในขณะนี้ เซียวเลี่ย ได้มองไปที่อีก 6 คนที่เหลือและกล่าวถาม
ทั้งหกคนได้นิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร
จนกระทั่งเวลาผ่านไปนาน
จางเหวิ่นซานได้เป็นคนเปิดปากพูดขึ้น “ข้าไม่คิดเลยว่าปรมาจารย์ยุทธ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรทันฑ์สวรรค์ ณ จุดนี้ พวกเขาจะสงสัยหรือไม่ว่าพวกเราเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการชักนำนิกายปีศาจทมิฬไปโจมตีพวกเขา?”
หลินเจิ้งหยวน ได้คิดอยู่ชั่วครู่และกล่าวออกมา “พวกเราได้กระทำการอย่างลับ ๆ ดังนั้นพวกเขาไม่ควรจะรู้เรื่องนี้หรอกกระมัง!”
อีก 4 คนได้นั่งเงียบและกำลังใช้ความคิดของพวกเขา
แต่ในขณะนี้ เซียวเลี่ย ก็ได้เปิดปากและกล่าวออกมา “ในเมื่อพวกเราได้ลงมือไปแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวผลลัพธ์ที่จะตามมา ไม่ว่าเขาจะรู้หรือไม่ ด้วยชื่อเสียงบรรพบุรุษของตระกูลเซียวของข้า ข้าไม่เชื่อหรอกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์จะกล้าทำอะไรกับเมืองหยุนไท่ของข้า”
“นอกจากนี้ เมืองหยุนไท่ของข้าก็คือ 1 ในเมืองของแคว้นตงหวง การละเมิดเมืองหยุนไท่ของเราก็เทียบเท่ากับการต่อต้านแคว้นตงหวง เพราะนอกเหนือจากผู้เชี่ยวชาญที่มีพลังในอาณาจักรทันฑ์สวรรค์แล้ว ข้าไม่เชื่อหรอกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์จะกล้าท้าทายแคว้นตงหวง!”
หลังจากที่เซียวเลี่ยพูดจบ ทุกคนก็พยักหน้า
แม้ว่า เมืองหยุนไท่ จะดูแปลกยากและมีระบอบการปกครองส่วนตัว แต่พวกเขาก็ยังถือเป็น 1 ในเมืองของแคว้นตงหวง
ที่นี่ดูไม่เหมือนนิกาย หรือ ได้รับการสนับสนุนใด ๆ
แต่แท้จริงแล้ว เมืองหยุนไท่ กลับได้รับการสนับสนุนจากประเทศที่อยู่เบื้องหลัง ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้ว เขาไม่มีอะไรต้องกลัวในการกระทำสิ่งใด
นอกจากนี้ เหตุผลที่ เซียวเลี่ย กลายเป็นกล้าหาญมากยิ่งขึ้น เป็นเพราะการมีอยู่ของบรรพบุรุษตระกูลเซียวที่มีพลังในขั้นปลายของอาณาจักรทันฑ์สวรรค์ มีข่าวลือว่าบรรพบุรุษเฒ่ามีชีวิตอยู่มานานกว่าพันปีแล้วและเป็นตัวตนที่กำลังจะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์
ดังนั้นแม้ว่า แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ จะรู้ว่าพวกเขาคือผู้อยู่เบื้องหลัง แต่ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ก็ไม่น่าจะกล้าแตะต้องพวกเขา
“เอาล่ะ ในเมื่อ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ได้ช่วยพวกเรากำจัดนิกายปีศาจทมิฬ มันก็ได้ช่วยเหลือพวกเราให้พ้นจากปัญหามากมาย”เซียวเลี่ย ได้กล่าวออกมา
“ท่านเจ้าเมือง เช่นนั้นพวกเราจะทำอย่างไรกับแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ในอนาคต?”จางเหวิ่นซานได้กล่าวถาม
ในขณะนี้ เซียวเลี่ย ได้กล่าวพูดอย่างใจเย็น “แม้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์จะไม่กล้าแตะต้องพวกเรา และ เราก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเขาเพราะการมีอยู่ของผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรทันฑ์สวรรค์ได้ ดังนั้น มันจะเป็นการดีที่สุดถ้าพวกเรามีข้อตกลงที่ดีกับพวกเขาในอนาคต เว้นแต่ว่าพวกเราจะขัดแย้งกันถึงขั้นเด็ดขาดจริง ๆ”
ทุกคนได้พยักหน้า
ตระกูลเซียว ยังมีบรรพบุรุษที่ต่อกรกับปรมาจารย์ยุทธ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
แต่อย่างไรก็ตาม อีก 6 ตระกูลของพวกเขากลับไม่มีอะไรเลย
ดังนั้นพวกเขาจะเอาอะไรไปใช้ต่อกรกับแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์?
เพราะงั้นตอนนี้ สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ก็คือการพึ่งพาตระกูลเซียวเท่านั้น และ 6 ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ต่างก็เคารพนับถือในตระกูลเซียว
…
แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
ในขณะที่ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าและมีเมฆขาวลอยตัว
เย่เฉิน ยังคงอยู่บนภูเขาเพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง
ในห้องเขาได้เปลี่ยนเป็นใบหน้าของตัวเอง
เขาปลอมตัวมา 8 ปีแล้ว ในที่สุด เขาก็สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ ต่อจากนี้ไป เขาจะไม่ใช่ปรมาจารย์ยุทธ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์อีกต่อไป และ ไม่ใช่ บุตรแห่งสวรรค์ เย่กู่เฉิง ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ รวมถึงไม่ใช่อัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับ 1
เขาก็คือเขา เขาคือเย่เฉิน
เย่เฉิน จ้าวซือเหยา และ ซู่ชิวหยา ได้มาพบ เซียนหยกอมตะ พร้อมกัน
เซียนหยกอมตะ มองไปที่ ลูกชายของนางและศิษย์ทั้ง 2 คนของนางด้วยสีหน้าที่พึงพอใจ
นี่คือ ลูกชายของนางและศิษย์ของนาง
เย่เฉิน ในปัจจุบัน มีอายุครบ 16 ปีแล้ว และ เขายังเป็นบุรุษที่สูงมากกว่า 7 ฟุตอีกด้วย
จ้าวซือเหยา ก็กลายเป็นหญิงสาวที่สง่างามเช่นเดียวกัน และ สำหรับ ศิษย์คนโตของนาง ซู่ชิวหยา ตอนนี้นางก็มีรัศมีของความเป็นผู้ใหญ่
เซียนหยกอมตะ มองไปที่ เย่เฉิน ด้วยสายตาที่เป็นห่วง
นางได้สัมผัสใบหน้าของเย่เฉินและกล่าวออกมา “เฉินเอ๋อร์ เมื่อออกไปข้างหน้าเจ้าจะต้องดูแลตัวเองด้วย”
เย่เฉิน พยักหน้าและตอบกลับ “ข้าเข้าใจแล้ว ท่านแม่!”
“ตอนนี้ เจ้าเองก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว เจ้ามีภาระหน้าที่ในการปกป้องและดูแลศิษย์พี่ทั้งสองของเจ้า นอกจากนี้ ข้าได้ยินว่าเจ้าจะออกไปตามหาศิษย์พี่ของเจ้าที่เหลือด้วยใช่หรือไม่?”เซียนหยกอมตะ ได้ยิ้มและกล่าวถามต่อไป
เย่เฉิน ได้พยักหน้าอีกครั้ง
“เอาล่ะ ข้าหวังว่าเจ้าจะพาศิษย์พี่คนอื่น ๆ ของเจ้ากลับมาด้วย และ ครอบครัวของพวกเราจะได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง”เซียนหยกอมตะ ได้กล่าวออกมา
เย่เฉิน มองไปที่ แม่ของเขา และ ทุบหน้าอกของตัวเอง “ท่านแม่โปรดวางใจ ข้าจะพาพวกนางกลับมาอย่างแน่นอน!”
หลังจากที่พวกนางกลับมา พวกนางทั้งหมดจะกลายเป็นลูกสะใภ้ของท่าน
แน่นอนว่า เย่เฉิน ได้คิดเรื่องนี้ในใจและไม่ได้กล่าวออกมา
“เอาล่ะ พวกเจ้าไปเถอะ โอ้ จริงสิ เกือบลืมไป ก่อนจะไปก็แวะไปทักทายประมุขนิกายอวี๋เซียวก่อนล่ะ”เซียนหยกอมตะ ได้กล่าวเตือน
เย่เฉิน ได้พยักหน้า
จากนั้นทั้ง 3 คนก็ออกจากพระราชวังหยกอมตะ
ซู่ชิวหยา เป็นหัวหน้าผู้อาวุโส ดังนั้นเมื่อนางต้องการจะลงจากเขาของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ นางจะต้องไปแจ้งประมุขนิกายอวี๋เซียวก่อน
สำหรับ เย่เฉิน ตอนนี้ เขาได้เปลี่ยนสถานะกลับมาเป็น เย่เฉิน แล้ว กล่าวอีกนัยนึงคือ เขาถือได้ว่าเป็นหลานชายของประมุขนิกายอวี๋เซียว แน่นอนว่า เขาย่อมต้องไปเยี่ยมอีกฝ่ายก่อน
ในอดีต เขาเป็นถึงปรมาจารย์ยุทธ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ แต่ตอนนี้กลับต้องกลายมาเป็นหลานชายของอีกฝ่าย มันทำให้ เย่เฉิน ไม่พอใจเล็กน้อย
แต่เมื่อเขารู้ว่าอีกฝ่ายดูแลแม่ของเขาอย่างดีในตลอดหลายปีที่ผ่านมา เย่เฉิน ก็ให้อภัยเขา
จากนั้นพวกเขาก็ได้เตรียมตัวออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
เมื่อเหล่าศิษย์หญิงของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์เห็น เย่เฉิน เดินไปพร้อมกับศิษย์พี่หญิงใหญ่และศิษย์พี่หญิงเจ็ดพวกนางก็เริ่มพูดคุยในทันที
“นั่นใครกัน…?”ศิษย์หญิงคนนึงได้กล่าวถาม
“เจ้าไม่รู้จักเขางั้นเหรอ?เขาก็คือบุตรชายของเซียนหยกอมตะท่านปรมาจารย์ของยอดเขาของพวกเรา”ศิษย์หญิงที่อยู่ด้านข้างได้ตอบกลับ
“ข้าไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน แต่ทำไมเขาถึงดูดีอย่างนี้ล่ะ?”นางได้กล่าวถามอีกครั้ง
ในเวลานี้ ก็มีคนข้าง ๆ กล่าวออกมา “ใช่แล้ว เขาหน้าตาดี ในแง่ของรูปลักษณ์เขาดูดีกว่าบุตรแห่งสวรรค์เย่กู่เฉิงเสียอีก แต่น่าเสียดาย ที่เขาไม่สามารถบ่มเพาะพลังได้ เพราะว่าตัวเขานั้นเกิดมาพร้อมกับรากวิญญาณที่ว่างเปล่า”
“เห้อ น่าเสียดาย!”
ในเวลานี้ เย่เฉิน ค่อย ๆ เดินศิษย์หญิงทั้งสองคน
ศิษย์หญิงทั้ง 2 ที่มองไปที่รูปลักษณ์ของ เย่เฉิน ดูเหมือนว่าพวกนางจะตกหลุมรักเขา อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกนางเห็น ศิษย์พี่หญิงใหญ่ และ ศิษย์พี่หญิงเจ็ดของ เย่เฉิน พวกนางก็โค้งคำนับในทันที “คาราวะหัวหน้าผู้อาวุโสซู่! สวัสดีนายน้อย”
ในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ เหล่าศิษย์หญิงเหล่านี้ได้เรียก เย่เฉิน ว่าเป็นนายน้อย
เย่เฉิน ที่ได้ฟังการสนทนาของพวกเขา เขาไม่ได้สนใจ
จากนั้นเขา ศิษย์พี่หญิงใหญ่ และ ศิษย์พี่หญิงเจ็ด ก็ได้ขี่กระบี่ไปที่ยอดเขาอวี๋เซียวในทันที
เมื่อทุกคนเห็น ซู่ชิวหยา พวกเขาก็โค้งคำนับในทันที
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พวกเขาเห็น เย่เฉิน และ ศิษย์พี่หญิงทั้งสองคนของเขา พวกเขาก็เริ่มพูดคุยกัน
โดยปกติแล้ว เย่เฉิน จะไม่แสดงใบหน้าของเขาบนยอดเขาอวี๋เซียว เพราะเมื่อเขามาถึง เขาจะใช้ใบหน้าของ เย่กู่เฉิง หรือ ใบหน้าอื่นแทน
ดังนั้นมีเพียงยอดเขาหยกอมตะเท่านั้นที่เขาจะเปิดเผยใบหน้าของเขา
และมีเพียงคนจากยอดเขาหยกอมตะเท่านั้นที่รู้จักเย่เฉิน
“ใครคือคนที่ติดตามหัวหน้าผู้อาวุโสซู่มา?อา ข้าอิจฉาเขาจัง!”
“แม้ว่าข้าจะไม่เคยเห็นเขามาก่อน แต่ข้าได้ยินมาว่า เซียนหยกอมตะ มีบุตรชายที่ดูเหมือนจะมีอายุใกล้เคียงกับเขา”
“บุตรชายของเซียนหยกอมตะ?นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาได้ใช้เวลาทุกวันไปกับเทพธิดาทั้ง 7 ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ของเรางั้นหรือไม่?”
“นอกจากนี้ ข้ายังได้ยินมาอีกว่าเขาเกิดมาพร้อมกับรากวิญญาณที่ว่างเปล่าและไม่สามารถฝึกฝนได้!”
“อา—รากวิญญาณที่ว่างเปล่าแต่ได้อยู่กับเทพธิดาทั้ง 7 ในทุกวัน…ทำไมสวรรค์ถึงไม่ยุติธรรมกับข้าเลย?”