STY-ตอนที่ 76 เย่เฉินเคลื่อนไหว
โม่หยุนเฟย ตกใจในทันที
เมื่อมองดูม่านพลังที่ปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าของเขา เขาแทบไม่อยากจะเชื่อในสายตาตัวเองเลย ในปัจจุบันเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรทันฑ์สวรรค์ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะม่านพลังนี้ได้?
โม่หยุนเฟย พุ่งไปด้วยความโกรธ เขาได้ชกไปที่ม่านพลังอีกครั้ง
ปั้ง!
เสียงดังขนาดใหญ่ได้ปะทุขึ้น
กระแสพลังงานอันไม่มีที่สิ้นสุดได้พุ่งเข้าใส่ม่านพลังในทันที
ครื่น ครื่น—
โม่หยุนเฟย ได้ระเบิดการโจมตีอย่างต่อเนื่องจนทำให้เกิดประกายไฟลุกเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่า โม่หยุนเฟย จะโจมตีอย่างไร เขาก็ไม่สามารถทำลายม่านพลังได้
โม่หยุนเฟย แทบไม่อยากจะเชื่อในสายตาของตัวเอง
“นี่เป็นไปได้ยังไง?”
ในตอนนี้ เขาดูเหมือนจะโกรธมากจริง ๆ เลยหยิบกระบี่สีดำออกมา
เขาได้ถือกระบี่สีดำฟาดไปที่ม่านพลังที่ด้านหน้าของเขา
จากนั้นเขาก็กล่าวพูดออกมาอย่างเย็นชา “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะไม่สามารถทำลายม่านพลังนี้ได้!”
เขาฟันไปที่ด้านหน้าด้วยพละกำลังทั้งหมดของเขา
ประกายไฟได้ส่องสว่างไปทั่วทุกทิศทาง
อย่างไรก็ตาม ม่านพลังป้องกันกลับไม่ได้รับผลกระทบเลย กระทั่งไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนของมัน
“นี่เป็นไปไม่ได้…แม้แต่การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของข้า ก็ไม่สามารถแม้แต่จะสร้างรอยได้งั้นหรือไม่?เป็นไปได้ยังไง?นี่มันเป็นไปไม่ได้!”โม่หยุนเฟย ได้สั่นศีรษะและกล่าวออกมา
ความเป็นจริงก็คือเขาไม่สามารถทำลายม่านพลังป้องกันนี้ได้เลย
ดังนั้นเขาจึงได้ถอยกลับและบินขึ้นไปบนฟ้า
จากนั้นก็มองไปที่ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์และกล่าวออกมา “ข้าได้ยินมาว่าแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์มีปรมาจารย์ยุทธ์ที่ไร้เทียมทาน ดังนั้นข้าขอท้าต่อสู้กับเจ้า!”
เขาไม่สามารถทำลายม่านพลังได้ เลยต้องการจะเปลี่ยนไปต่อสู้กับ เย่เฉิน แทน ในความสิ้นหวัง สิ่งที่เขาทำได้ก็คือการใช้วิธีการดั้งเดิมที่สุด นั่นก็คือการตะโกนออกมา
“ม่านพลังนี้ข้าเชื่อว่ามันน่าจะถูกสร้างโดยเจ้า?ข้ายอมรับเลยว่าม่านพลังนี้แข็งแกร่งมาก มันทำให้ข้าอยากจะเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเจ้านัก ดังนั้นเจ้ากล้าออกมาต่อสู้กับข้าหรือไม่?”โม่หยุนเฟย ยังคงตะโกนต่อไป
เสียงของ โม่หยุนเฟย ได้ส่งผ่านไปทั่วแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
ในเวลานี้ ทุกคนจะสามารถได้ยินเสียงของเขา
ในปัจจุบัน เย่เฉิน กำลังคาบใบหญ้าไว้ในปากและหนุนตักศิษย์พี่หญิงใหญ่ซู่ชิวหยา
ซู่ชิวหยาที่สวมชุดสีแดงนางได้นั่งลงเบา ๆ ข้างทะเลสาบ
จมูกของ เย่เฉิน เต็มไปด้วยกลิ่นที่หอมของศิษย์พี่หญิงใหญ่สิ่งนี้มันทำให้เขารู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก
แม้แต่ ซู่ชิวหยา นางก็ค่อย ๆ มัดผมของศิษย์น้องเล็กของนาง
ทว่าในเวลานี้ ก็มีเสียงดังมาจากข้างนอก
“ศิษย์น้องเล็ก ดูเหมือนว่าโม่หยุนเฟยกำลังมองหาเจ้า!”
เย่เฉิน ไม่ได้ลุกขึ้น แต่กลับพลิกตัวและนอนอยู่ในอ้อมแขนของศิษย์พี่หญิงใหญ่ “ข้าคิดว่า โม่หยุนเฟย ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรทันฑ์สวรรค์จะมีอะไรดีซะอีก แต่ตอนนี้ข้าค้นพบแล้วว่าเขาก็แค่สุนัขบ้า”
“เขาไม่สามารถทำลายรูปแบบป้องกันที่ข้าจัดวางเอาไว้ได้ ดังนั้นจึงได้เริ่มเห่าอย่างบ้าคลั่ง ศิษย์พี่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง รอให้เขาเห่ามากกว่านี้อีกหน่อยเถอะ!”
ในเวลานี้ ซู่ชิวหยา ได้มองไปที่ ศิษย์น้องเล็กของนางและกล่าวออกมา “เจ้านี่นิสัยไม่ดีเลยนะ!”
“ศิษย์พี่ ตอนนี้ข้าโตแล้ว ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เลวร้ายไปกว่านั้น ท่านคิดว่าข้าจะพอใจอยู่กับแค่นี้งั้นเหรอ?”เย่เฉิน กล่าวพูดด้วยรอยยิ้ม
“ดูเหมือนว่าคนที่เป็นฝ่ายต้องกลัวก็คือเขากระมัง”ซู่ชิวหยา ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
…
ที่ด้านนอกประตูภูเขา
โม่หยุนเฟย ที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ความโกรธของเขาได้
เขายังคงโจมตีใส่ม่านพลังของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ แต่ทว่าม่านพลังป้องกันก็ยังป้องกันการโจมตีทั้งหมดของเขาได้สำเร็จ
ภายในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
ก่อนหน้านี้ ประมุขนิกายอวี๋เซียว และ เหล่าผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ยังคงกังวลอยู่เลยว่า หลังจากที่นิกายปีศาจทมิฬบุก แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ จะต้องย้อมไปด้วยโลหิตของพวกเขาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเห็นว่า โม่หยุนเฟย ไม่สามารถทำลายม่านพลังป้องกันของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ได้ พวกเขาก็ถอนหายใจออกมา
ประมุขนิกายอวี๋เซียว มองไปที่ โม่หยุนเฟย ที่ทำอะไรไม่ถูกและโกรธเป็นฝืนเป็นไฟอยู่ข้างนอก
แม้แต่เหล่าศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ก็แทบจะผล็อยหลับไปในตอนนี้
ในขณะนี้ ประมุขนิกายอวี๋เซียว ได้กล่าวออกมาอย่างเฉยเมย “รูปแบบก่อตัวที่ท่านปรมาจารย์สร้างแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ทุกคนแยกย้ายกันไปซะ มองหาสถานที่ฝึกฝน และ พักผ่อน เราผู้เฒ่าก็จะกลับไปงีบหลับยามบ่ายเช่นเดียวกัน!”
ทุกคนได้แยกย้ายไปในทันที
แม้ว่าการดำเนินการนี้จะไม่ส่งผลต่อร่างกายของ โม่หยุนเฟย แต่มันก็ทำให้เขาละอายใจเป็นอย่างยิ่ง!
โม่หยุนเฟย ที่มองผ่านม่านพลังและพบเห็นคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ไม่ได้สนใจเขาอยู่ในสายตาอีกต่อไป เขาก็กลายเป็นโกรธเคืองมากยิ่งขึ้น
“เจ้าคิดที่จะทำตัวเป็นตัวหัวหดที่หลบอยู่ในกระดองงั้นหรือไม่? รีบออกมาสู้กับข้าซะ!”
“หรือว่า เจ้าคิดจะซ่อนตัวอยู่ในกระดองเช่นนี้ตลอดไป!”
โม่หยุนเฟย ได้โจมตีอย่างบ้าคลั่งและคำรามออกมาด้วยความโกรธ
ในขณะนี้ ผู้อาวุโสของนิกายปีศาจทมิฬ ได้มาหา โม่หยุนเฟย และ กล่าวออกมา “ท่านประมุข ในเมื่อพวกเราไม่สามารถทำลายม่านพลังป้องกันของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ทำไมพวกเราถึงไม่ล่าถอยกันก่อน?”
“ล่าถอย?”โม่หยุนเฟย รู้สึกโกรธมาก
หากเขาล่าถอยกลับไปเช่นนี้ เขาจะนอนหลับได้อย่างไร เจ้าพวกแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ มันหยามเขามากเกินไป
“ถ่ายทอดคำสั่ง ปิดล้อมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์และต่อสู้จนตัวตาย!”
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพวกมันจะซ่อนตัวอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ได้ตลอดไปและไม่มีวันออกมา!”
“ขอรับ!”
เหล่าศิษย์ของนิกายปีศาจทมิฬ ได้ทำการปิดล้อม และ ยืนห่างออกไปเล็กน้อยและไม่กล้าเข้าใกล้
อีกอย่างจะต้องรู้ว่ารูปแบบนี้ไม่ธรรมดาเหมือนกับพวกม่านพลังป้องกันปกติ เพราะพวกเขาได้เห็นมังกรทองและกระบี่บินจำนวนมาก พวกเขาที่ไม่อยากจะตาย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าเข้าไปใกล้บริเวณที่มีม่านพลัง
สำหรับ โม่หยุนเฟย เขายังคงโจมตีต่อไปและตะโกนเสียงดัง
“ใสหัวออกมาซะ ออกมา!”
อย่างไรก็ตามไม่มีใครในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์สนใจเขา
เย่เฉิน ได้โน้มตัวลงไปในอ้อมกอดของศิษย์พี่หญิงใหญ่และผล็อยหลับไป
นี่เป็นสถานการณ์วิกฤติที่ศัตรูบุกโจมตี! แต่ทว่าเย่เฉินกลับดูไร้กังวลเป็นอย่างมาก
หลังจากตื่นนอน เย่เฉิน ก็บิดตัวอย่างเกียจคร้าน
ในเวลานี้ แสงระเรื่อของดวงอาทิตย์ที่ตกก็ได้เหยือเหนือขอบฟ้าแล้ว
เย่เฉิน ได้นั่งลงและมองดูเมฆสีแดงที่ขอบฟ้าอย่างนุ่มนวล
ในขณะเดียวกัน โม่หยุนเฟย ก็ยังคงสาปแช่งเขาและต้องการให้ เย่เฉิน ออกมาต่อสู้กับเขา
เย่เฉิน ได้สั่นศีรษะและตอบกลับ “เหตุใดสุนัขบ้านี่ถึงเห่าไม่หยุดสักที?”
“ปล่อยเขาไปเถอะ ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก!”ซู่ชิวหยา ได้กล่าวพูดอย่างใจเย็น
ในเวลานี้ เย่เฉิน ได้ยืนขึ้นและยิ้มออกมา “ในเมื่อสุนัขบ้าตัวนี้ได้แสดงท่าทีก้าวร้าวออกมา และ ต้องการจะพบข้ามาก ข้าก็จะออกไปพบเขา!”
หลังจากพูดจบ เย่เฉิน ก็หยิบหน้ากากออกมาและสวมบนใบหน้าของเขา
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าจะออกไปจริง ๆ เหรอ?”ซู่ชิวหยา กล่าวถามด้วยความเป็นห่วง
เย่เฉิน ยิ้มและตอบกลับ “ศิษย์พี่ท่านไม่ต้องกังวล ท่านกลับไปอุ่นเหล้ารอ หลังจากที่ข้าฆ่าเขาเสร็จแล้ว ข้าจะกลับไปดื่ม!”
เย่เฉิน ที่สวมหน้ากาก เขาได้บินออกมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
“ไอ้เวรเอ้ย ที่แท้เจ้าก็เป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าออกมาเผชิญหน้ากับข้างั้นหรือไม่?”
“ใสหัวออกมาสู้กับข้าซะ!”
โม่หยุนเฟย ยังคงตะโกนเสียงดังต่อไป
ในขณะนี้ เย่เฉิน ที่สวมชุดสีขาว เขาได้เอามือไขว่หลังและลอยอยู่ในอากาศพร้อมกับจ้องมองไปที่ โม่หยุนเฟย อย่างสงบ “เจ้าสุนัขบ้า เห่ามาทั้งวัน ไม่เหน็ดเหนื่อยเลยงั้นหรือไม่?”
โม่หยุนเฟย ได้เอียงศีรษะและพบชายหนุ่มในชุดขาว
กลิ่นอายที่ทรงพลังที่แผ่ออกมาจากร่างของชายหนุ่มในชุดขาวและมันทรงพลังเป็นอย่างมาก นอกจากร่างที่ผอมบางของเขาแล้ว เขาก็สวมหน้ากากสีขาวบนใบหน้าของเขา
“เจ้าคือ ปรมาจารย์ยุทธ์ผู้อยู่ยงคงกระพันของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์?”โม่หยุนเฟย ได้กล่าวถาม เย่เฉิน
เย่เฉิน ได้ยิ้มออกมา “ใช่แล้ว!”
“ในที่สุดก็ใสหัวออกมา ข้าคิดว่าเจ้าจะทำตัวเป็นเพียงเต่าขี้ขลาดที่หลบซ่อนตัวอยู่ในกระดอง และ หวาดกลัวที่จะต่อสู้กับข้าเสียอีก”โม่หยุนเฟย ได้กล่าวออกมาอย่างเย็นชา
เย่เฉิน ยิ้มและตอบกลับ “อันที่จริงก่อนหน้านี้เป็นเวลาช่วงพักเที่ยงของข้า และ มันไม่คุ้มค่าที่จะสละเวลาพักเที่ยงของข้าเพื่อมาจัดการเจ้า!”