ตอนที่แล้วEp.231 - ฮัสกี้นักปรัชญา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.223 - คำเชิญ

Ep.232 - ทรมานมนุษย์ปลา


3/3

Ep.232 - ทรมานมนุษย์ปลา

ซูหยุนปิงมาที่บ้านของฮังอวี่

เธอมาพร้อมกับเฉารุ่ย หลินหลาน และยอดฝีมืออีกห้าคน

อาจเพราะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ถูกลอบสังหารครั้งก่อน เธอจึงระมัดระวังตัวมากขึ้น

“พวกนายรออยู่ที่นี่”

ซูหยุนปิงเข้าใจนิสัยของฮังอวี่ เธอรู้ว่าเขาไม่ชอบให้คนมากๆรบกวน ดังนั้นปล่อยยอดฝีมือหลายคนให้อยู่ในบริเวณนี้ ส่วนเธอนำเฉพาะคนสนิทอย่างเฉารุ่ยกับหลินหลาน

นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เธอเข้ามาในบ้านของฮังอวี่

ลานบ้านของฮังอวี่นั้นเต็มไปด้วยพืชวิญญาณคุณภาพสูง เช่นดอกไม้แมวปีศาจ ฯลฯ วัสดุเหล่านี้ล้ำค่าเกินไป เขาไม่สบายใจที่จะนำไปฝากฝังไว้กับลูกน้อง จึงปลูกทั้งหมดไว้ในบ้านและให้เสี่ยวไป๋รับผิดชอบดูแล

พวกมันจะเติบโตใต้ต้นไม้วิญญาณทั้งสองต้น

ด้วยการปกป้องจากต้นไม้วิญญาณ + ฮังอวี่

ต่อให้เป็นกองกำลังติดอาวุธที่ดีที่สุดในสมัยก่อยก็ไม่มีทางเข้ามาขโมยพวกมันได้

ฮังอวี่ไม่หวาดกลัวการโจมตีด้วยอาวุธร้อนธรรมดาอีกต่อไป กระสุนที่ปราศจากพลังงานวิญญาณ อาศัยเพียงพลังงานจลน์ไม่มากพอที่จะสร้างบาดแผลสาหัสให้แก่เขา

นี่คือปรมาจารย์ที่ซ่อนตัวอยู่กลางเมืองใหญ่อย่างแท้จริง!

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ซูหยุนปิงกับคนสนิทกำลังเดินอยู่ในตัวบ้าน

ภายในห้องหนึ่ง จู่ๆก็มีเสียงเพลงการ์ตูนแว่วออกมา “อย่าเห็นฉันเป็นแค่แกะ~ เพราะฉันคือแกะน้อยจอมป่วน~”

ทั้งสามคนตัวแข็งทื่อ

หรือว่าปรมาจารย์ที่ซ่อนตัวอยู่กลางเมืองเจียงเฉิงผู้นี้แท้จริงแล้วจะมีหัวใจเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสา?

“อาจารย์ซูในที่สุดคุณก็มา”

“ผมขอโทษจริงๆที่ต้องต้อนรับจากในที่ไกลๆ”

เสียงดังออกมาจากสวนหลังบ้าน จะเป็นใครอื่นไปได้อีกหากไม่ใช่ฮังอวี่

ซูหยุนปิงมองฮังอวี่ จากนั้นมองไปที่ห้องแล้วถามว่า “ยังมีคนอื่นอยู่ในบ้านอีกหรอ?”

“นั่นเป็นน้องสาวของผม เธอค่อนข้างขี้อาย เลยไม่ชอบออกมาพบปะผู้คน”

ซูหยุนปิงเผยสีหน้าสงสัย

เธอเคยตรวจสอบข้อมูลของฮังอวี่มาแล้ว เขาเป็นลูกชายคนเดียว ไม่มีญาติพี่น้องในเจียงเฉิง แล้วไหงจู่ๆถึงมีน้องสาวมานั่งดูแกะน้อยจอมป่วนในบ้านได้?

“ผมจำเป็นต้องรู้ข้อมูลที่ชัดเจน” ฮังอวี่เอ่ยถาม “ขอค่าพลังวิญญาณ ค่าจิตวิญญาณ กับจำนวนค่าพลังจิตของอาจารย์ตามจริงกับผมด้วย”

ค่าคุณสมบัติทั้งสามนี้ส่งผลต่อสกิลเนตรมนต์เสน่ห์

ซูหยุนปิงไม่ได้ปิดบัง “ฐานพลังวิญญาณของฉันคือ 3 , จิตวิญญาณคือ 5 , และค่าพลังจิตคือ 47”

ไม่เลว

อาจารย์ซูมีพัฒนาการที่ดี

อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่ยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอ

“แล้วถ้าสวมอุปกรณ์เพิ่จะสามารถขึ้นไปได้ถึงขนาดไหน?”

“ฉันมีอุปกรณ์ดีๆอยู่สองสามชิ้นแต่ไม่สามารถนำมันออกมาได้ ภายใต้โบนัสของอุปกรณ์ พลังวิญญาณจะขึ้นไปถึง 7 หน่วย , จิตวิญญาณขึ้นไปถึง 8 หน่วย และค่าพลังจิตขึ้นไปถึง 58 หน่วย”

ก็ยังรู้สึกว่าไม่พออยู่ดี

“ฉันพึ่งเรียนรู้สกิลใหม่ที่ชื่อว่าเทคนิคกักวิญญาณ ด้วยเอฟเฟกต์ของสกิลนี้ มันจะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จของเนตรมนต์เสน่ห์ได้เป็นอย่างมาก”

เมื่อเห็นว่าฮังอวี่ยังคงดูไม่พอใจ ซูหยุนปิงจึงเอ่ยเสริมอีกประโยคหนึ่ง บ่งบอกชัดว่าเธอเริ่มหมดความอดทนแล้ว “นายต้องการให้ฉันทำอะไรกันแน่ อย่ามัวแต่อมพะนำ รีบบอกมาซักที!”

เทคนิคกักวิญญาณ?

เป็นสกิลที่ไม่เลว!

นี่คือมรดกของ ‘คนเฝ้าสุสาน’ เป็นสกิลขั้น 1 ของอาชีพผู้ใช้วิญญาณ

มันคือสกิลสะกดจิตมอนสเตอร์ แต่สามารถใช้ร่วมกับเนตรมนต์เสน่ห์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้

เป๊าะ!

ฮังอวี่ดีดนิ้ว

กิ่งและใบเขียวชอุ่มของต้นไม้วิญญาณกางออก

เผยร่างของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่ถูกห่อเป็นเกี๊ยวภายใต้กลีบดอกไม้จำนวนมากออกมา

มันคือมนุษย์ปลาระดับสูงที่โดนอดอาหารมาตลอดหลายวัน

เนื่องจากไม่ได้รับพลังงานทางวิญญาณเติมเต็มเข้ากระเพาะ เวลานี้มันจึงอยู่ในสถานะอ่อนแออย่างรุนแรง ไม่แม้จะสามารถเอาชนะสุนัขหวังเอ๋อได้ นี่ยังไม่กล่าวถึงเรื่องที่ว่ามันถูกผนึกเอาไว้อีกนะ

ร่างกายของมันเวลานี้อยู่ในสภาพใกล้ตาย

ค่าพลังจิตว่างเปล่าไม่สามารถใช้สกิลได้

ต่อให้จะหลุดจากการกักขังของฮังอวี่ มันก็ไม่สามารถวิ่งหนีออกไปจากสวนแห่งนี้ได้อยู่ดี

ไม่ต้องกล่าวถึงเสี่ยวไป๋ที่อยู่บ้านเกือบตลอดเวลา และต้นไม้วิญญาณที่คอยเฝ้าดู อย่าได้นึกฝันว่าจะหนีไปได้

ยังไงก็ตาม มนุษย์ปลาระดับสูงยังคงไม่ยอมแพ้ เมื่อมันเห็นพวกฮังอวี่ก็เริ่มด่าทอทันที “เจ้าพวกเผ่าพันธุ์ไร้ยางอายที่แสนโสมม ผู้เบิกทางแห่งเผ่าวายุคลั่งจะไม่มีวันยอมจำนน เจ้าจะไม่มีทางได้อะไรจากข้า เผ่าพันธุ์ของข้าจะล้างแค้นพวกเจ้าอย่างแน่นอน!”

แน่นอน

ภาษาที่มันพูดคือภาษาโลกวิญญาณ

ฮังอวี่เอามนุษย์ปลาออกมา

แค่นี้ก็ทำให้ผู้มาเยือนทั้งสามประหลาดใจมากพอแล้ว

ยิ่งเมื่อได้เห็นมนุษย์ปลาอ้าปากพูด มันก็ยิ่งทำลายมุมมองและความรู้ความเข้าใจของทั้งสาม

เฉารุ่ยกับหลินหลานอ้าปากค้าง รู้สึกคล้ายว่าฝันไป

ซูหยุนปิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอสิ่งมีชีวิตจากโลกวิญญาณที่มีสติปัญญา “นี่คือ ...”

ฮังอวี่อธิบาย

“นี่คือมนุษย์ปลาระดับสูงที่ผมจับได้”

“มันมีจิตสำนึกเป็นของตัวเอง มีสติสัมปชัญญะ ไม่ต่างจากพวกเรามากนัก”

“ผมอยากจะใช้สกิลเนตรมนต์เสน่ห์ของอาจารย์ซูควบคุมมัน แล้วรีดข้อมูลที่เป็นประโยชน์ออกมา”

“ถึงเจ้าหมอนี่จะอยู่ในระดับเจ้าถิ่น แต่ตอนนี้มันติดอยู่ในสามสถานะ : ใกล้ตาย อ่อนแออย่างรุนแรง และถูกผนึก เวลานี้มันเปราะบางมาก ด้วยความสามารถของอาจารย์ซู มันสมควรถูกควบคุมได้ชั่วคราว”

โอ้พระเจ้า!

ระดับเจ้าถิ่นที่มีสติปัญญา!

หลินหลานและเฉารุ่ยต่างเผยสีหน้าเหลือเชื่อ

แม้เคยมีบางคนเดาว่าพวกมนุษย์ปลาน่าจะมีตัวที่มีสติปัญญาอยู่ แต่สิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงก็คือ ตัวตนที่แม้แต่สกายเน็ตยังจับไม่ได้

ฮังอวี่กลับสามารถจับได้หนึ่งตัว

ชายคนนี้เป็นปรมาจารย์ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดอย่างแท้จริง ฮ๊าาาาา!

ในช่วงต้นเกมแบบนี้ การกำจัดมอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่นต้องไปเป็นทีมใหญ่ ระหว่างกระบวนการมีความยุ่งยากและลำบากอย่างยิ่ง และเจ้าถิ่นที่มีสติปัญญา ย่อมรับมือยากกว่ามอนสเตอร์เจ้าถิ่นที่ไม่มีสติปัญญาอย่างไม่ต้องสงสัย!

แต่ภายในบ้านของฮังอวี่กลับมีเจ้าสิ่งนี้อยู่

จะมีอะไรบ้าไปกว่านี้อีกไหม!

เป็นแบบนี้นี่เอง

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงขอความร่วมมือจากฉัน!

เหตุผลที่เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้ฆ่ามนุษย์ปลาระดับสูงก็เพราะเขาตั้งใจจะดึงข้อมูลอันมีค่าออกมา

“ผมมีสมุนไพรวิญญาณดีๆอยู่ที่นี่ มันสามารถช่วยเพิ่มค่าจิตวิญญาณ 10 หน่วยได้ระยะเวลาหนึ่ง” ฮังอวี่จงใจดึงพืชวิญญาณล้ำค่าออกจากสวนและมอบให้เธอ “ที่เหลือขอฝากอาจารย์ซูด้วย”

ที่ในสวนของฮังอวี่มีพืชวิญญาณดีๆมากมายเช่นนี้ เพราะทุกครั้งที่ทีมล่าสมบัติของโล้นซ่ากลับมาพร้อมของดีๆ พวกมันจะถูกย้ายเข้ามาในลานบ้านและปลูกเอาไว้

ซูหยุนปิงสูดหายใจเข้าลึกๆ “ฉันจะลองดู”

เตรียมการกันถึงขั้นนี้

หากนี่ยังไม่พอที่จะควบคุมมนุษย์ปลา มันคงจะไร้เหตุผลเกินไปหน่อย

ซูหยุนปิงรับสมุนไพรวิญญาณมา ค่าจิตวิญญาณของเธอที่ไม่น้อยอยู่แล้วเวลานี้เพิ่มขึ้น 10 หน่วย

เมื่อจิตวิญญาณเพิ่มขึ้น

เธอรวบรวมทั้งหมดเอาไว้และปลดปล่อยในคราวเดียว

ม่านตาของซูหยุนปิงเปล่งประกายไปด้วยแสงอันทรงเสน่ห์ ซึ่งกระบวนการนี้คงอยู่ราวๆ 2-3 วินาที มนุษย์ปลาระดับสูงตอนแรกตกอยู่ในสภาพเฉื่อยชา จากนั้นกระตุกอย่างแรง มันพยายามดิ้นรนแต่สุดท้ายค่อยๆสูญเสียจิตใจ และในที่สุดก็สงบลง

“สำเร็จใช่ไหม?”

“อืม เกือบไม่รอดเหมือนกัน แต่ถึงจะติดอยู่ในสถานะหลงเสน่ห์ แต่ฉันคงควบคุมจิตใจของมนุษย์ปลาได้ไม่เกิน 10 นาทีเท่านั้น นี่คือทั้งหมดที่ทำได้ในตอนนี้”

ก็คงต้องอย่างงั้น

เจ้าหมอนี่ปากแข็งมาก

ถ้าไม่ใช่เพราะใกล้ตาย โดนผนึก และตกอยู่ในสถานะอ่อนแออย่างรุนแรงในเวลาเดียวกัน คงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ซูหยุนปิงจะเข้าควบคุมมัน

ได้แค่ 10 นาทีก็เพียงพอแล้ว

ฮังอวี่ขอให้ซูหยุนปิงสั่งให้มนุษย์ปลาตอบคำถามของเขาตามความจริง

ที่ไม่ให้เธอถามเอง เพราะซูหยุนปิงไม่รู้ภาษาของโลกวิญญาณ

เธอสามารถสั่งการผ่านความคิดของตัวเองเท่านั้น ไม่สามารถเค้นข้อมูลอันสลับซับซ้อนได้ ดังนั้นนี่จึงต้องเป็นหน้าที่ของฮังอวี่

ปากแข็งไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร

สุดท้ายก็ถูกเข้าควบคุมได้อยู่ดี!

ฮังอวี่เอ่ยถามเป็นภาษาเผ่าทะเล “แกชื่ออะไร มาจากไหน?”

ครั้งนี้บุคลิกของมนุษย์ปลาระดับสูงเปลี่ยนไป มันตอบอย่างตรงไปตรงมาทันทีว่า “นามของข้าคือชาลู่ มาจากอ่าววายุคลั่ง เป็นสมาชิกของเผ่าวายุคลั่ง”

อ่าววายุคลั่ง?

ชื่อฟังดูน่าเกรงขามนิดหน่อยแฮะ

ฮังอวี่เอ่ยถามอีกครั้ง “ในเผ่าวายุคลั่งมีจำนวนเท่าไหร่ แล้วส่งทหารบุกมาโลกนี้มากแค่ไหน?”

“มีมนุษย์ปลาหลายล้านตัวในอ่าววายุคลั่ง ส่วนใหญ่เป็นมนุษย์ปลาระดับต่ำ มีมนุษย์ปลาระดับสูงอยู่ประมาณ 3000 ตัวเช่นเดียวกับข้า พวกเราเชื่อว่าการเกิดขึ้นของโลกใหม่คือโอกาสอันยิ่งใหญ่ ดังนั้นวางแผนส่งทหารมาอย่างน้อยครึ่งเผ่าเพื่อล่าอาณานิคม”

ครึ่งเผ่า?

นั่นมันโคตรเยอะเลยไม่ใช่หรอ!

ส่วนเหตุผลที่มนุษย์ปลาพวกนี้บุกโลก? ไม่จำเป็นต้องถามเลย เพราะนอกจากอยากยึดดินแดนแล้ว เหตุผลหลักคือเพิ่มประชากร

ในโลกวิญญาณ มันค่อนข้างยากที่สิ่งมีชีวิตสติปัญญาต่ำจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา

ทว่าในโลกมนุษย์น่ะไม่เหมือนกัน โลกใบนี้ยังไม่ถูกหลอมรวมด้วยกฏเกณฑ์ของโลกวิญญาณ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่จะปลุกภูมิปัญญาให้แก่ชนเผ่าเป็นจำนวนมากด้วยวิธีการบางอย่างที่ไม่สามารถใช้ในโลกวิญญาณได้

อ๊าาาา! สถานการณ์ค่อนข้างเลวร้ายจริงๆ

ฮังอวี่เอ่ยถามคำถามสำคัญพร้อมกันสามมข้อ “กำลังทหารกลุ่มอื่นประจำการอยู่ที่ไหน? แกเก็บทรัพยากรทั้งหมดไว้ที่ไหน? แล้วช่องว่างรอยแยกมิติที่ใช้เข้ามาอยู่ตรงไหน?”