Ep.231 - ฮัสกี้นักปรัชญา
2/3
Ep.231 - ฮัสกี้นักปรัชญา
“ฮ่ง ฮ่ง”
“จู่ๆก็รู้สึกหิว!”
“การเดินทางครั้งนี้เหนื่อยจริงๆ”
เมื่อกลับถึงบ้าน หวังเอ๋อล้มตัวนอนหงาย นอนนิ่งกับพื้นในท่าสุนัขตาย
การเดินทางครั้งนี้หวังเอ๋อทำงานหนักมากจริงๆ มันต้องสำรวจเส้นทางและคอยเตือนทุกคน
หากไม่มีเรดาร์สุนัข และร่างแยกที่ถูกแบ่งออกไปสำรวจเส้นทางต่างๆ
ท่ามกลางเขาวงกตที่มีทางตันจำนวนมาก พวกเขาคงเสียเวลาไปเยอะแน่นอน
หากไม่มีสุนัขคอยแจ้งเตือน ต่อให้ในทีมมีฮังอวี่อยู่ด้วย เกรงว่าสุดท้ายพวกเขาคงถูกมอนสเตอร์ที่ซ่อนตัวอยู่โจมตีจากที่มืด หรืออาจไปแตะรังของมอนสเตอร์บางตัวเข้า
กล่าวได้เลยว่า
ที่สามารถรอดปลอดภัยในเขาวงกต
ฮัสกี้มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง
“การเดินทางครั้งนี้ต้องยกเครดิตให้นาย ฉันจะบอกเจ้าอ้วนให้คนส่งอาหารมา นายสามารถกินเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ”
“ฮ่ง!”
“เจ้านายช่างมีแสนดี!”
หมาหวังเอ๋อฟื้นคืนชีพทันที
มันหอบหายใจลิ้นห้อยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข
เห็นท่าทางร่าเริงของสุนัข ฮังอวี่อดส่ายหัวไม่ได้ “ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมหมาอย่างนายถึงมีความสุขได้ทั้งวัน”
ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ไม่มีวันไหนเลยที่หวังเอ๋อจะไม่มีความสุข
มันมักจะดูร่าเริง กระดิกหาง ใบหน้าแสดงถึงความสุขเสมอ แม้บางครั้งจะพบกับปัญหา แต่ก็กลับมาตลกขบขันอย่างรวดเร็ว
หวังเอ๋อเอียงหัวพลางครุ่นคิด
“ฮ่ง เปิ่นหวังคิดว่าความแตกต่างที่เด่นชัดที่สุดระหว่างสุนัขกกับมนุษย์คือ สุนัขนั้นจมอยู่กับปัจจุบัน”
“ฟังดูน่าสนใจดีนี่ ไหนลองอธิบายให้ฟังหน่อยซิ”
ไหนๆก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว
ฮังอวี่ล้มตัวลงนอนเช่นกัน
เขาพักสมองและรับฟังฮัสกี้บรรยาย
“ฮ่ง เปิ่นหวังเชื่อว่าเหตุผลที่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่มีความสุขก็เพราะพวกเขาจมอยู่กับอดีตไม่ก็อนาค น้อยคนนักที่จะจมอยู่กับชีวิตในปัจจุบัน”
“ฮ่ง จากการสังเกตของหวังเอ๋อ ทุกครั้งที่มนุษย์ทำอะไรบางอย่าง พวกเขามักคาดหวังผลลัพธ์ที่ต้องการเสมอ”
“เรียนหนักเพราะหวังว่าตัวเองจะมีความรู้ ออกกำลังกายหนักๆเพราะหวังว่าตัวเองจะหุ่นฟิตปั๋ง ใจดีกับคนอื่นเพราะคาดหวังว่าคนอื่นจะชอบ และทำงานหนักเพราะคาดหวังว่าจะสำเร็จในอาชีพการงาน”
“แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ไม่สมดั่งที่คาดหวัง พวกเขาก็จะรู้สึกไม่มีความสุขและเสียใจ จากนั้นก็จะจมอยู่กับความล้มเหลวในอดีตได้อย่างง่ายดาย”
“แต่สุนัขอย่างพวกเราต่างกัน พวกเราไล่ตามหางตัวเองทุกวัน นอนหงายพุงเฝ้าดูเมฆเคลื่อนไหว เราสามารถอยู่อย่างสบายใจและสนุกไปกับมัน ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันไม่ได้คิดมากถึงอนาคต”
“...”
ฮังอวี่คิดทบทวนดู
เขาพบว่าในช่วงเดือนนี้ที่ผ่านมา สุนัขมีพัฒนาการก้าวหน้าเป็นอย่างมาก
ดูจากที่มันพูดในตอนนี้ คาดว่าต่อไปคงกลายเป็นนักปรัชญา
“พี่ชาย หมาหวังเอ๋อ กลับมากันแล้วหรอ!”
ในตอนนั้นเอง ประตูห้องถูกผลักเปิดออก เด็กสาวผมสีเงินหูแหลมก้าวเข้ามา
ในสายตาเธอ เห็นแค่เพียงหนึ่งคนหนึ่งฮัสกี้นอนคุยกันอยู่ในลานบ้าน มองดูท้องฟ้าและเมฆไหลคล้อย เด็กสาวก็อดชะงักไปไม่ได้
“เอาล่ะ เจ้าหมานักปรัชญา ลุกขึ้นมาทำงานให้ฉันได้แล้ว!” ฮังอวี่เขกหัวฮัสกี้ ผุดลุกขึ้น “ถึงนายจะได้กินอาหารดีๆ แต่ธุระของเจ้านายยังต้องทำให้เสร็จเข้าใจไหม”
“ฮ่ง เข้าใจแล้วเจ้านาย”
ฮัสกี้สั่งการผ่านความคิด
มันหมุนตัว เปิดใช้งานสกิลร่างแยกสุนัข
“เปิ่นหวังกำลังทำงาน!”
“ช่วยเจ้านายจัดการเรื่องร้านขายโพชั่น”
ฮัสกี้หลายตัวแยกย้ายกันไปคนละทางอย่างรวดเร็ว
ไม่รอให้ฮังอวี่บอกว่าต้องทำอะไร หวังเอ๋อก็สามารถรู้ได้ทันที
ร้านขายโพชั่นมีกำหนดการที่จะเปิดในถนนมังกรฟ้าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
นี่เป็นเรื่องเร่งด่วน!
เพราะฮังอวี่ต้องการหินคริสตัล!
ปัจจุบันหินคริสตัลได้กลายเป็นสกุลเงินหลักของมนุษยชาติไปแล้ว
และฮังอวี่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการแลกเปลี่ยนกับพ่อค้าลึกลับ
ดังนั้นต้องรีบรวบรวมหินคริสตัลมาให้ได้มากที่สุด
สินค้าของพ่อค้าลึกลับนั้นมีราคาแพงกว่าการซื้อมันจากแผ่นศิลา กระนั้น ถึงมันจะมีราคาแพงกว่าก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะคลังสินค้าของคนผู้นี้อุดมสมบูณ์มาก สิ่งใดที่คุณตามหา เขามีขายเกือบทุกอย่าง
ซึ่งสิ่งที่ฮังอวี่ต้องการมีมากเกินไป
หนึ่งในนั้นคือสกิลหลักของนักท่องวายุ
นอกจากนี้ยังมีอีกสองสกิลของมรดกเบอร์เซิร์กเกอร์
ราคาหินสกิลขั้น 2 ทั้งสามก้อนที่กล่าวมานี้ไม่ต่ำเลย ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าพ่อค้าลึกลับยังมีของดีๆอีกมากมาย ดังนั้นต้องเตรียมหินสกิลให้พร้อมที่สุด
เมื่อถึงเวลา อะไรที่ควรจ่ายก็ต้องจ่าย
นี่ถือเป็นการลงทุน!
แน่นอน ฮังอวี่ไม่ได้ยากจน
ทว่าหินคริสตัลในมือเขาตอนนี้ยังมีไม่เพียงพอ
จึงจำเป็นต้องหาช่องทางรายได้เพิ่มเติม
รายได้จากร้านอาหารของต้าไห่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆก็จริง ทุกวันนี้สามารถสร้างรายได้หลายสิบหินคริสตัลขาวต่อวัน และกำลังจะเปิดร้านสาขาที่ 2 ในอนาคต ซึ่งนั่นจะทำให้มีรายได้สูงขึ้น และมั่นคงมากขึ้น
ส่วนเรื่องบาร์นักท่องราตรีของอาจารย์ซู?
การลงทุนนี้มั่นใจว่าสามารถทำกำไรมากอย่างแน่นอน
แต่บาร์ยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงยังเร็วไปที่จะรับเงินปันผล สมาคมมังกรฟ้ายังอยู่ในช่วงพัฒนา และผลกำไรส่วนใหญ่หมดไปกับการลงทุนและขยายองค์กร
ตอนนี้ สิ่งที่คาดหวังว่าจะสามารถทำเงินได้เร็วที่สุดจึงมาตกอยู่ที่ร้านโพชั่นมังกรฟ้า
เกณฑ์ในการผลิตโพชั่นและความหลากหลายนั้นสูงกว่าอาหารอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นจึงง่ายต่อการสร้างเม็ดเงินและอัตรากำไรที่สูง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ที่โพชั่นยังเป็นที่ขาดแคลน
เจียงเฉิงไม่เคยมีร้านขายยาจากโลกวิญญาณปรากฏขึ้นมาก่อน
ดังนั้นร้านขายโพชั่นมังกรฟ้าจึงมีโอกาสรวยในชั่วข้ามคืน ภายในหนึ่งหรือสองวัน ฮังอวี่จะสามารถได้รับหินคริสตัลเป็นจำนวนมาหศาล
ฮังอวี่เอ่ยถามว่า “เสี่ยวไป๋ เรื่องกลั่นโพชั่นลับแต้มวิญญาณเป็นยังไงบ้าง?”
เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวไป๋กลั่นโพชั่นอยู่ทั้งคืน เธอพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ตอบว่า “ปะการังถูกใช้หมดแล้ว เสี่ยวไป๋กลั่นโพชั่นลับของมนุษย์ปลาได้ 109 ขวด”
ความยากในการกลั่นโพชั่นลับค่อนข้างสูง
เขามอบวัสดุหลัก 120 ชิ้นให้เด็กสาว แต่เธอกลับสามารถผลิตได้สำเร็จถึง 109 ขวด
อัตราความสำเร็จในการกลั่นโพชั่นของเสี่ยวไป๋นับว่าสูงจนน่าประทับใจ
โพชั่นลับแต้มวิญญาณของมนุษย์ปลา ขวดนึงสามารถเพิ่ม 50 แต้มวิญญาณ มี 100 ขวดก็เท่ากับเพิ่มได้ 5000 แต้มวิญญาณ!
ขณะที่ตอนนี้ ฮังอวี่ต้องการเพียง 3000 แต้มวิญญาณเท่านั้นในการอัพเลเวล
โพชั่นลับ 100 ขวดนี้หากนำมาใช้งาน
ในทางทฤษฏี แค่นอนอยู่เฉยๆก็สามารถอัพเลเวล 8 ได้
แน่นอน
ในทางปฏิบัติยุ่งยากกว่ามาก
เพราะโพชั่นลับมีรอบการย่อยอยู่ที่ 4 ชั่วโมง
ถึงฮังอวี่จะสามารถเรียกราชินีมดหน้าคนออกมา แล้วใช้ความสามารถครองแต้มวิญญาณของมัน มอบโพชั่นลับให้แก่มดยักษ์ที่ถูกอัญเชิญดื่ม แล้วหลังจากได้รับแต้มวิญญาณในร่างกาย ก็ให้ราชินีมดถ่ายโอนมายังตัวเขาได้ก็จริง
แต่ในทางปฏิบัติยังมีอุปสรรคอยู่
ประการแรก ราชินีมดหน้าคนมีเลเวลแค่ 2 ดังนั้นมดยักษ์ที่อัญเชิญมาจึงมีเลเวล 2 เช่นกัน หากให้พวกมันดื่มโพชั่นลับแต้มวิญญาณลงไป สุดท้ายแต้มวิญญาณก็จะถูกเจือจางคุณภาพลงกลายเป็นแต้มวิญญาณเลเวล 2
ขณะที่ปัจจุบัน ฮังอวี่อยู่ในเลเวล 7 แล้ว หากเขาดูดซับแต้มวิญญาณเลเวล 2 ไม่ทราบว่าปริมาณจะลดลงมากแค่ไหน คิดดูแล้วมันส่งผลเสียมากกว่าผลดี
อันดับแรกช่วยราชินีมดอัพเลเวลก่อนแล้วกัน!
ฮังอวี่ตัดสินใจแบ่งโพชั่นลับแต้มวิญญาณออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกให้ใช้กับราชินีมดยักษ์ ส่วนต่อมานำไปขายในราคาสูง และส่วนสุดท้ายเก็บสำรองไว้ภายใน
“เสี่ยวไป๋ ฉันได้พิมพ์เขียวใหม่มา เธอช่วยดูหน่อยสิว่าพอจะสร้างมันได้ไหม”
ฮังอวี่หยิบพิมพ์เเขียวธนูคำสาปหินออกมา
เสี่ยวไป๋กล่าวว่า “อาวุธสีเขียวเลเวล 7? ถึงสกิลหลอมอาวุธของเสี่ยวไป๋จะอ่อนกว่าสกิลกลั่นโพชั่น แต่ถ้าเป็นแค่อาวุธสีเขียวเลเวล 7 เสี่ยวไป๋คิดว่าตราบใดที่รวบรวมวัสดุได้มากพอ ก็ไม่น่าจะยากเกินมือ”
“ตกลง ฉันจะรวบรวมวัสดุมาให้ เรื่องธนูฉันฝากให้เธอจัดการ เจ้าสิ่งนี้มีประโยชน์กับฉันมาก”
“นี่คือสิ่งที่เสี่ยวไป๋ควรทำ!”
เอฟเฟกต์ของธนูคำสาปหินนั้นดีมาก
วัสดุหลักของคันธนูนี้คือหัวใจการ์กอยล์หิน 10 ชุด และส่วนนี้ฮังอวี่มีอยู่แล้ว ตอนนี้ที่ต้องทำคือเตรียมวัสดุเสริมอื่นๆ
ซึ่งน่าจะแลกเปลี่ยนมันจากในแบทเทิลเน็ตได้
หรือหากไม่มีในแบทเทิลเน็ต ก็ขอให้หวังเอ๋อส่งคนไปประกาศซื้อมันในเมือง
ฮังอวี่หวังว่าจะได้ธนูคันนี้โดยเร็วที่สุด หากได้ครอบครองมัน เขาก็มีโอกาสสังหารมอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่นได้เพียงลำพัง แต่ในตอนนั้นเอง เขาได้รับข้อความจากซูหยุนปิง
“ตอนนี้ฉันอัพเลเวล 6 แล้ว”
“ความร่วมมือที่นายเคยพูดถึง ตอนนี้ยังทันอยู่ใช่ไหม?”