SWO ตอนที่ 48 ราชันอสูรขั้นสูง มิงค์เมฆาเจ็ดหาง
บูม!
ร่างกายขนาดใหญ่ของเสือดาวเงาสี่ปีกที่สูงเกือบ 500 เมตรตกกระแทกอย่างรุนแรง ดวงตาที่เคยเย็นเยียบของมันบัดนี้กลับเต็มไปด้วยความกลัว
กระทั่งตายมันยังไม่เข้าใจเลยว่ามันถูกคู่ต่อสู้ฆ่าในพริบตาได้อย่างไร! ท้ายที่สุดมันนั้นเป็นถึงราชันอสูรขั้นกลางที่ฉลาดพอ ๆ กับมนุษย์ ทั้งยังครอบครองพื้นที่รกร้างรอบเมืองหัวตงมานานหลายทศวรรษ
โจวเฮาเก็บกระบี่ของเขา และลงไปคว้าศพของเสือดาวเงาสี่ปีกก่อนโยนมันเข้าไปในกระเป๋ามิติของชุดเต่าดำ
การฆ่าสัตว์อสูรระดับราชันขั้นกลางนั้นไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญสำหรับเขา
ท้ายที่สุดกระบี่ระดับราชันนั้นคมมากจนทำให้เขาสามารถปลดปล่อย ‘เจ็ดเงากระบี่’ ออกมาได้อย่างสมบูรณ์ เป็นผลให้พลังในการต่อสู้ของเขาเกือบจะถึงขีดจำกัดของปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธขั้นสูงสุด
โจวเฮาเหลือบมองหน้าจอเสมือนอย่างทุกที
แต้มโชค: 147,200 (ระดับปัจจุบัน: โชคท่วมท้น)
“ไม่เลว สัตว์อสูรระดับราชันขั้นกลางให้แต้มโชคตั้ง 80,000 แต้ม!” ดวงตาของเขาเป็นประกาย จากแผนที่ เขาได้รู้ว่ามันยังมีสัตว์อสูรระดับราชันขั้นกลางอีกเกือบ 20 ตัวอยู่ในพื้นที่รกร้างนอกเมืองหัวตง
หากจัดการพวกมันทั้งหมด แต้มโชคที่เขาได้รับอาจสูงถึงหนึ่งล้าน
“ต่อไป!”
เขารีบย้ายไปยังพื้นที่ถัดไปอย่างอารมณ์ดีทันที
ด้วยการออกล่าอย่างบ้าคลั่งของโจวเฮา เขาได้ไปยังแอเรีย 231, 242, 273… ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง สัตว์อสูรระดับราชันขั้นกลางในห้าพื้นที่ทั้งหมดถูกจัดการจนสิ้น
น่าเสียดายที่หากเขาไม่ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเดินทาง เขาคงจัดการสัตว์อสูรได้มากกว่านี้
กรี๊ซ!!
ณ พื้นที่รกร้างทางตะวันตกของเมืองหัวตง
ราชันอสูรขั้นสูง มิงค์เมฆาเจ็ดหางซึ่งควบคุมสัตว์อสูรระดับราชันจำนวนมากสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของผู้ใต้บังคับบัญชาที่กำลังหายไปอย่างรวดเร็ว
ด้วยความตกใจปนโกรธ มันส่งเสียงคำรามอึกทึกทันทีเพื่อเรียกราชันอสูรที่เหลือ
ทั้งสี่ทีมที่แยกจากกันได้ยินเสียงร้องอันน่าสะพรึงกลัวที่ดังราวกับฟ้าร้อง
“ไม่ดีแน่ นั่นมันเสียงของมิงค์เมฆาเจ็ดหาง! มันกำลังร้องเรียกราชันอสูรตัวอื่น!”
สีหน้าของปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธหลายคนเปลี่ยนไปกะทันหัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในพื้นที่รกร้าง แต่พวกเขารู้ว่าเมื่อมีราชันอสูรจำนวนมากมารวมตัวกัน พวกมันจะเข้าโจมตีเมืองหัวตงแน่นอน
ท้ายที่สุดสิ่งนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เกือบจะพร้อมกัน เสียงของผู้บัญชาการจ้าวก็ดังขึ้นในช่องสื่อสาร “ทุกทีมรีบไปที่แอเรีย 301 หยุดมิงค์เมฆาเจ็ดหางจากการเรียกราชันอสูรตัวอื่นด้วยทุกสิ่งที่มี!”
"รับทราบ!"
"รับทราบ!"
ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธตอบกลับทีละคน พวกเขาทั้งหมดเข้าใจถึงความเร่งด่วนของเรื่องนี้ และเลิกค้นหาแมลงเงาก่อนจะรีบไปที่แอเรีย 301 ทันที
อันที่จริงพวกเขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าพวกเขาจะสามารถจัดการกับราชันอสูรขั้นสูงอย่างมิงค์เมฆาเจ็ดหางได้หรือไม่ เพราะแม้ว่าพวกเขาจะร่วมมือกัน แต่ก็ยังยากสำหรับพวกเขาที่จะเอาชนะมิงค์เมฆาเจ็ดหางได้
กระทั่งชีวิตของพวกเขาก็อาจตกอยู่ในอันตราย
แต่ถึงกระนั้นมันกลับไม่มีปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธแม้แต่คนเดียวที่ถอยกลับ
โจวเฮาที่ได้ยินเสียงจากช่องสื่อสารอดสงสัยไม่ได้“ทำไมมิงค์เมฆาเจ็ดหางถึงเรียกราชันอสูรตัวอื่นไปหามัน?”
แต่ความสงสัยก็ส่วนความสงสัย เขายังคงเปิดแผนที่ และรีบเดินทางตามเส้นทางไปยังแอเรีย 301 ทันที
โชคดีที่เวลานี้ตำแหน่งปัจจุบันของเขาอยู่ห่างจากแอเรีย 301 เพียงเล็กน้อย
…
ณ พื้นที่ 301
ที่แห่งนี้คือสระน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็ง
หมอกบาง ๆ ล่องลอยอยู่รอบ ๆ ขณะที่กลางสระมีใบสีเขียวหยกคล้ายดอกบัวจำนวนมากเติบโตอยู่กลางสระ
เมื่อผู้บัญชาการจ้าว และปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธคนอื่น ๆ มาถึง พวกเขาก็เห็นมิงค์เมฆาเจ็ดหางยืนอยู่บนยอดใบสีเขียวคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า
เสียงคำรามของมันยังคงดังเช่นครั้งก่อน
ราวกับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธที่มาถึง มิงค์เมฆาเจ็ดหางหยุดเสียงคำรามอันเกรี้ยวกราด และกวาดตาสีแดงเลือดของมันไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา
สวู๊ช
ผู้บัญชาการจ้าว และปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธอีกสองคนสัมผัสได้ว่าร่างกายของพวกเขาถูกล็อคโดยกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว
"ช้าก่อน!"
ผู้บัญชาการจ้าวไม่ได้ผลีผลาม
มิงค์เมฆาเจ็ดหางเป็นราชันอสูรขั้นสูง อีกทั้งด้วยเลือดอันสูงส่งของมันทำให้มันยิ่งทรงพลังเข้าไปอีก
ไม่ต้องพูดถึงปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธขั้นสูง เพราะแม้แต่ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธขั้นสูงสุดเองก็อาจไม่คู่ควรหากมันทุ่มสุดตัว
และแม้ว่าพวกเขาทั้งสามจะร่วมมือกัน หนทางข้างหน้าก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่
เหอเปียว และปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธหยูยังคงดูใจเย็นดังเดิม แต่ลึก ๆ แล้วหัวใจพวกเขากังวลจนแทบหลุดออกมา
ภายใต้สถานการณ์ปกติ พวกเขาไม่กล้ามาที่แอเรีย 301
อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ว่าทำไมวันนี้มิงค์เมฆาเจ็ดหางถึงเกิดบ้าขึ้นมา และต้องการรวบรวมราชันอสูรตัวอื่นที่อยู่ใต้อาณัติของมัน
“ผู้บัญชาการจ้าว ข้าเกรงว่าอสูรตัวนี้คงไม่รอเฉยให้พวกเรารวมตัวกับปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธคนอื่น แน่!” เหอเปียวกระซิบ
ผู้บัญชาการจ้าวพยักหน้า "ข้ารู้ ถ้าเกิดการต่อสู้ขึ้นเจ้าควรอยู่ข้างข้าไว้ อย่าห่างจากข้าไปไกลเด็ดขาด”
“ครับ!”
เหอเปียว และอีกสองคนพยักหน้าอย่างหนักแน่น
ซีซี่!
ทันทีที่ทั้งสามพูดจบ มิงค์เมฆาเจ็ดหางก็เป็นฝ่ายโจมตีก่อนตามที่คาดไว้ คลื่นน้ำวนจากสระน้ำเย็นเฉียบม้วนตัวขึ้นเปลี่ยนกลายเป็นหนวดน้ำแข็งสามเส้นงอกออกมาจากกระแสน้ำวนอย่างบ้าคลั่ง เพียงช่วงสั้น ๆ พวกมันเข้าโจมตีผู้บัญชาการจ้าว และคนอื่น ๆ ทันที
คลิก
ผู้บัญชาการจ้าว และอีกสองคนไม่ได้หลบเลี่ยง แต่กลับเผชิญหน้ากับหนวดน้ำแข็งโดยตรง ก่อนสับพวกมันด้วยกระบี่ในมือของพวกเขา จากนั้นทั้งสามก็ยืนหลังชนกัน
ชู่!
สระน้ำปั่นป่วน คลื่นขนาดใหญ่ม้วนตัวและควบแน่นเป็นมังกรน้ำแข็งขนาดยักษ์
มังกรน้ำแข็งคำราม และพยายามกลืนจะผู้บัญชาการจ้าว และอีกสองคน
"ระวัง!"
ตาที่เฉียบคมของผู้บัญชาการจ้าว และสังเกตเห็นว่ามิงค์เมฆาเจ็ดหางที่อยู่กลางสระบัดนนี้ได้หายไป
แม้เหอเปียว และปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธหยูจะระแวดระวัง แต่เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีอย่างกะทันหันจากมังกรน้ำแข็ง พวกเขาจึงทำได้เพียงกัดฟันและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจัดการกับมันจนไม่มีเวลาไปสนใจอย่างอื่น
บูม!
ขณะที่มังกรน้ำแข็งสร้างความเสียหาย พื้นดินก็ระเบิดขึ้นทันที จากนั้นหางของมิงค์เมฆาเจ็ดหางก็ขยายออกไปอย่างบ้าคลั่งราวกับเถาวัลย์ และกวาดไปทางพวกเขา
ปัง! ปัง! ปัง!
ทั้งสามถูกหางสีขาวกวาดแยกออกจากกัน พร้อมกันนั้นมังกรน้ำแข็งก็หันกลับมา และโจมตีเข้าใส่ผู้บัญชาการจ้าว
“พวกเจ้าถอยออกมาเร็ว!” ผู้บัญชาการจ้าวตะโกน
เขาสามารถบอกได้ว่ามิงค์เมฆาเจ็ดหางนั้นฉลาดมาก มันพยายามจัดการพวกเขาทีละคน
ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา เหอเปียว และปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธหยูไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันเลยสักนิด อันที่จริงพวกเขาอาจอยู่ได้ไม่ถึงสิบลมหายใจด้วยซ้ำ
ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธทั้งสองหันกลับมา และพยายามหนี แต่หางสีขาวขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหลังพวกเขายังคงกระแทกลงมา
“ท่านประธานเหอ… พวกเรามาช่วยแล้ว!”
เวลานี้มีปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธอีกสองคนรีบวิ่งเข้ามา
เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้าพวกเขาจึงรีบเร่งเข้าไปช่วยทันที
ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธทั้งสี่ร่วมมือกันแต่ก็ยังต้านทานการโจมตีจากหางขนาดใหญ่แทบไม่ได้
เมื่อเวลาผ่านไปผู้บัญชาการจ้าวก็ค่อย ๆ เสียเปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากต้องรับมือกับการคุกคามจากมังกรน้ำแข็ง และการโจมตีจากหางของมิงค์เมฆาเจ็ดหางทั้งสองทาง
เหอเปียว และคนอื่น ๆที่เห็นสถานการณ์ของผู้บัญชาการจ้าวรู้สึกกังวล แต่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะทางพวกเขาเองก็เริ่มไม่ไหวแล้วเช่นกัน..