STY-ตอนที่ 72 กลยุทธ์ในการเผชิญหน้ากับศัตรู!
ห้องโถงอวี๋เซียว
ในปัจจุบันปรมาจารย์ทั้ง 4 ยอดเขา และ ผู้อาวุโสบางคนได้มารวมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่
ในฐานะ หัวหน้าผู้อาวุโสของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ซู่ชิวหยา ย่อมต้องเข้าร่วมการประชุมนี้โดยธรรมชาติ
โดยปกติแล้ว การกระทำของ ยอดเขาทั้ง 4 ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ พวกเขามักจะทำการของตัวเองโดยไม่ยุ่งเกี่ยวซึ่งกันและกัน ดังนั้น จึงมีโอกาสน้อยครั้งมากที่พวกเขาจะเรียกประชุมทั้ง 4 ยอดเขา โดยอย่างมาก พวกเขาก็จะจัดการประชุมปีละครั้ง อย่างไรก็ตาม สำหรับการประชุมในวันนี้แสดงว่าจะต้องมีเรื่องสำคัญบางอย่างเกิดขึ้น
สำหรับเหตุการณ์สำคัญที่ว่ามันคืออะไร ทุกคนก็พอจะได้ยินมาเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้
ดังนั้นไม่นานทุกคนก็มารวมตัวกันครบ
ประมุขนิกายอวี๋เซียว ได้กล่าวพูดเป็นคนแรก “ทุกคน เหตุผลที่ข้าเรียกทุกคนมาในวันนี้ เป็นเพราะว่า แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ของเรากำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติครั้งใหญ่”
เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ใบหน้าของทุกคนก็เผยให้เห็นร่องรอยของความเคร่งขรึม
“บางทีทุกคนอาจจะเคยได้ยินข่าวมากมายในช่วง 2 วันมานี้ ว่ากันว่า ประมุขนิกายปีศาจทมิฬโม่หยุนเฟย ได้ทะลวงเข้าสู่อาณาจักรทันฑ์สวรรค์แล้ว และ หลังจากที่เขาออกมาจากความสันโดษเขาก็ได้แสดงความไร้เทียมทานออกมา!”
“ในปัจจุบันเขาได้ทำลายล้างไปหลายนิกายแล้ว อย่างไรก็ตาม ข้าก็ไม่รู้ว่าข่าวแพร่มาจากไหน ว่ากันว่า โม่หยุนเฟย ไม่ใช่คู่ต่อกรของปรมาจารย์ยุทธ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตาของพวกเรา”
“โม่หยุนเฟย ที่เป็นคนหยิ่งทะนงในตัวเอง เขาที่คิดว่าตัวเองอยู่คงกระพันในโลก ตอนนี้เขากำลังนำคนจากนิกายปีศาจทมิฬมุ่งหน้ามาที่แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเราแล้ว และ เขาต้องการที่จะต่อสู้กับปรมาจารย์ยุทธ์ของพวกเรา!”ประมุขนิกายอวี๋เซียว ได้กล่าวออกมา
ในขณะนี้ แม้แต่ ซู่ชิวหยา และ เซียนหยกอมตะ ก็ได้แสดงสีหน้าเคร่งขรึมออกมา
พวกนางย่อมรู้โดยธรรมชาติว่าใครคือปรมาจารย์ยุทธ์ที่มีพลังในอาณาจักรเทวะของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
ยิ่งไปกว่านั้น พวกนางยังรู้ด้วยว่า เย่เฉิน ได้อยู่บนจุดสูงสุดของอาณาจักรเทวะแต่ยังไม่ได้ทะลวงเข้าสู่อาณาจักรทันฑ์สวรรค์
แต่ โม่หยุนเฟย เป็นผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรทันฑ์สวรรค์
ถ้าเขามาที่ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเขาจริง ๆ แม้ว่า เย่เฉิน จะเคลื่อนไหว ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะจัดการเรื่องนี้
“ตอนนี้ ในหมู่พวกเราไม่มีใครสามารถติดต่อกับท่านปรมาจารย์ยุทธ์ได้เลย ข้าเกรงว่าพวกเราคงต้องเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ด้วยตัวเองแล้ว”
“ยิ่งไปกว่านั้น ความแข็งแกร่งที่ปรมาจารย์ยุทธ์แสดงออกมายังอยู่แค่อาณาจักรเทวะเท่านั้น แน่นอนว่า ข้าไม่ได้ดูถูกปรมาจารย์ของพวกเรา แต่ข้ากลัวว่า การเผชิญหน้ากับ โม่หยุนเฟย ที่มีพลังอยู่ในอาณาจักรทันฑ์สวรรค์เกรงว่าจะเป็นเรื่องลำบาก!”
เมื่อคำพูดเหล่านี้ออกมา การแสดงออกของ ทุกคนก็กลายเป็นเคร่งขรึม
“ศิษย์พี่ประมุขนิกาย ท่านมีวิธีรับมืองั้นหรือไม่?”เซียนหยกอมตะ มองไปที่ ประมุขนิกายอวี๋เซียว
ในฐานะแม่ของเย่เฉิน นางรู้ว่า โม่หยุนเฟย เป็นศัตรูที่ทรงพลัง ดังนั้นนางจึงไม่ต้องการให้ เย่เฉิน เคลื่อนไหว
หลังจากที่ประมุขนิกายอวี๋เซียวครุ่นคิดเขาก็กล่าวออกมา “ดูเหมือนว่าทางเลือกเดียวของพวกเราก็คือการรักษาความแข็งแกร่งเอาไว้ให้ได้มากที่สุด!”
“ศิษย์พี่ ท่านหมายความว่ายังไง?”เซียนหยกอมตะ ได้กล่าวถามอีกครั้ง
“ในแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา หากท่านปรมาจารย์ยุทธ์ไม่เคลื่อนไหว พวกเราก็มีผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรมหายานแค่ 5 คน เท่านั้น ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรทันฑ์สวรรค์ ผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรมหายานยังคงไม่เพียงพอ ดังนั้นแม้ว่าเราจะสู้ไปก็พ่ายแพ้อย่างแน่นอน!”
“อีกอย่าง ชิวหยา แม้จะบุกทะลวงเข้าสู่อาณาจักรมหายานแต่นางก็ยังเด็กมาก นางจะกลายเป็นเสาหลักของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเราในอนาคต ดังนั้นข้าขอเสนอให้ ชิวหยา นำศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเรารีบรุดหน้าออกไปจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ก่อน ส่วนพวกเราคนเฒ่าคนแก่จะใช้กระดูกเฒ่าของพวกเราปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์แห่งนี้จนตัวตาย พวกเราจะอยู่และตายไปพร้อมกับแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์”
“หากไม่ล่มสลายพวกเราก็มีวันที่จะหวนคืน ดังนั้นแม้ว่าพวกเราจะตาย แต่แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเราก็มีคนที่มีความสามารถมากมาย เพราะงั้นพวกเราจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง!”ประมุขนิกายอวี๋เซียวได้กล่าวออกมา
ต้องบอกว่า แม้ว่าประมุขนิกายอวี๋เซียวจะขี้ขลาดเล็กน้อย แต่การพิจารณาของเขาสำหรับสถานการณ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ก็ถือได้ว่าเป็นวิธีการที่ดีที่สุด
เขาที่เป็นคนเสนอแผนการนี้ย่อมไม่คิดที่จะจากไปด้วยตัวเอง ดังนั้น เขาจึงได้เสนอทิ้งเมล็ดพันธุ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ไว้เบื้องหลัง
“ข้าคิดออกแค่วิธีนี้วิธีเดียว หากใครคนใดมีแผนการที่ดีกว่านี้ ก็เสนอมาได้เลย”ประมุขนิกายอวี๋เซียว ได้กล่าวถาม
ในเวลานี้ ทุกคนต่างนิ่งเงียบ
“แสดงว่าพวกท่านทุกคนเห็นด้วยกับวิธีนี้ใช่หรือไม่?”ประมุขนิกายอวี๋เซียว ได้กล่าวถามอีกครั้ง
เซียนหยกอมตะ ได้เป็นผู้นำในการกล่าว “ข้าเห็นด้วย!”
“ท่านอาจารย์!”ซู่ชิวหยา มองไปที่ อาจารย์ของนาง
ในเวลานี้ เซียนหยกอมตะ เหลือบมองไปที่ ซู่ชิวหยา และ ส่งกระแสจิตไปหานาง “เจ้าก็น่าจะรู้ว่าต่อให้ศิษย์น้องของเจ้าจะเคลื่อนไหวในตอนนี้ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะชนะใช่หรือไม่?”
“ดังนั้น แทนที่พวกเราจะส่งศิษย์น้องเล็กของเจ้าไปตาย มันจะเป็นการดีกว่าหากพวกเราได้ใช้กระดูกเฒ่าของพวกเราเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงแทน และ ในอนาคตเมื่อเจ้าและศิษย์น้องของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นพวกเจ้าก็ยังสามารถล้างแค้นให้พวกเราได้!”
เซียนหยกอมตะ ได้ส่งกระแสจิตไปหา ซู่ชิวหยา
ซู่ชิวหยา เข้าใจว่า อาจารย์ของนางต้องการปกป้องศิษย์น้องของนาง
ศิษย์น้องของนาง อยู่ที่จุดสูงสุดของอาณาจักรเทวะเท่านั้น เขาย่อมเสียเปรียบเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรทันฑ์สวรรค์ อีกอย่าง ในฐานะคนเป็นแม่ เซียนหยกอมตะ ย่อมไม่ปล่อยให้ เย่เฉิน ไปแบกรับความเสี่ยงนี้ได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางจะต้องปกป้อง เย่เฉิน
“ชิวหยา เจ้าจะต้องพาศิษย์น้องเล็กของเจ้าไปด้วยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”เซียนหยกอมตะ ได้ส่งกระแสจิตอีกครั้ง
แม้ว่า ชิวหยา จะกังวลเกี่ยวกับอาจารย์ของนางและไม่สามารถทิ้งอาจารย์ของนางไว้เบื้องหลังได้ แต่นางก็เข้าใจว่านี่เป็นวิธีการที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนี้
เนื่องจาก ศิษย์น้องเล็ก ไม่มีโอกาสชนะ 100% นางจึงไม่ต้องการให้เขาเคลื่อนไหว
“พวกเราเองก็เห็นด้วย!”
ในขณะนี้ จ้าวฉีหยาง และ เยี่ยเจิ้งชุน ก็ได้กล่าวพูดออกมา
แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเขามีข้อดีอย่างนึงก็คือ ความสามัคคีกันของพวกเขา
ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ เซียนหยกอมตะ ออกไปฝึก และ นางได้นำภาระกลับมา ถ้าเป็นนิกายอมตะอื่น พวกเขาคงไล่นางออกไปแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ไล่นางออก แต่พวกเขาก็ไม่ปล่อยให้นางกลายเป็นปรมาจารย์ของยอดเขาแบบนี้แน่
แต่ทางแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์นั้นไม่สนใจอดีตของเซียนหยกอมตะและยินดีรับนางเอาไว้
เป็นเพราะเหตุนี้เองแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์จึงแตกต่างไปจากนิกายอมตะอื่น ๆ เพราะว่าพวกเขาเป็นคนที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันยามลำบาก
ในเวลานี้ ประมุขนิกายอวี๋เซียว ได้กล่าวออกมา “ในเมื่อทุกคนเห็นด้วย จากนี้พวกเราก็จะใช้กระดูกเฒ่าของพวกเรา…ชิวหยา เมื่อถึงเวลาเจ้าจะต้องรีบพาศิษย์ทั้งหมดของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ออกไปให้ได้”
“ข้าไม่เห็นด้วย!”
ในเวลานี้เอง ชายหนุ่มคนนึงก็เดินเข้ามาจากทางด้านนอกประตูห้องโถงอวี๋เซียว
เป็นบุตรแห่งสวรรค์ของพวกเขา เย่กู่เฉิง!
อันที่จริงเขาก็คือ เย่เฉิน
เมื่อเห็น เย่กู่เฉิง เดินเข้ามา ทุกคนก็ประหลาดใจมาก
โดยเฉพาะ เซียนหยกอมตะ และ ซู่ชิวหยา
เซียนหยกอมตะ รีบส่งกระแสจิตไปหา เย่เฉิน อย่างเร่งรีบ “เฉินเอ๋อร์ เจ้ามาทำอะไรที่นี่?แม้ว่าแม่จะรู้ว่าเจ้าแข็งแกร่งมาก แต่ตอนนี้ศัตรูที่เจ้าเผชิญคือผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรทันฑ์สวรรค์ แม้แต่เจ้า แม่กลัวว่าจะ…”
เย่เฉิน ได้ขัดจังหวะแม่ของเขาและส่งกระแสจิตกลับไป “ท่านแม่โปรดเชื่อใจข้า ข้าจะไม่ล้อเล่นกับชีวิตของตัวเองอย่างเด็ดขาด และ ข้าก็ไม่ต้องการให้ท่านใช้ชีวิตของท่านเป็นเดิมพัน นั่นก็เพราะข้ามีวิธีที่จะเอาชนะวิกฤตินี้ได้”
เซียนหยกอมตะ มองไปที่ ความแน่วแน่ของ เย่เฉิน ในที่สุด นางก็เลือกที่จะเชื่อใจ เย่เฉิน
ในฐานะคนเป็นแม่ นางจะไม่เชื่อใจลูกชายของตัวเองได้อย่างไร?
ในเวลานี้ เย่กู่เฉิง ได้เดินไปที่ใจกลางของห้องโถงและมองไปที่ทุกคนพร้อมกับกล่าวออกมา “ท่านอาจารย์ของข้า บอกว่าพวกเราแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ไม่จำเป็นจะต้องอพยพไป พวกเราจะรอให้คนจากนิกายปีศาจทมิฬมาที่นี่ ส่วนเรื่องต่อจากนี้ท่านอาจารย์จะจัดการด้วยตัวเอง!”
“ข้าใคร่สงสัยว่าท่านปรมาจารย์ยุทธ์มีแผนการแบบใด ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยบอกข้าได้!”ประมุขนิกายอวี๋เซียวรีบกล่าวถาม
ในเวลานี้ เย่กู่เฉิง ยิ้มและกล่าวออกมา“ท่านอาจารย์ขอให้ข้านำข้อความมาส่งต่อให้กับทุกคน”
“ข้อความอะไร?”ทุกคนรีบกล่าวถาม
เย่กู่เฉิง ยิ้มและตอบกลับ“ท่านอาจารย์บอกว่าโม่เฟยน้อยไม่ใช่ปัญหาอะไรสำหรับเขาเลย!”
ทันทีที่เขาพูดแบบนี้ ทุกคนก็ดูประหลาดใจเป็นอย่างมาก
โม่หยุนเฟย ประมุขนิกายปีศาจทมิฬ เป็นผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรทันฑ์สวรรค์ การที่ปรมาจารย์ยุทธ์ของพวกเขากล่าวเช่นนี้มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอ?
“ท่านปรมาจารย์ยุทธ์สามารถต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรทันฑ์สวรรค์ได้งั้นหรือไม่?ท่านปรมาจารย์ยุทธ์มีความมั่นใจที่จะจัดการกับ โม่หยุนเฟย จริง ๆ?”ประมุขนิกายอวี๋เซียวได้กล่าวถามอย่างรวดเร็ว
เย่กู่เฉิง ยิ้มและตอบกลับ “ท่านอาจารย์คาดเดาไว้แล้วว่าพวกท่านจะต้องสงสัย ดังนั้นเขาจึงขอให้นางมากับข้า!”
ขณะที่ เย่กู่เฉิง พูดจบ
ทันใดนั้น ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ก็ปรากฏตัวขึ้น ณ ใจกลางของ ห้องโถงใหญ่
เมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนก็ดูตกใจในทันที
นี่คือปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง
ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางได้กล่าวพูดด้วยภาษามนุษย์ว่า “นายท่านของข้าได้จัดตั้งรูปแบบป้องกันขนาดใหญ่ไว้ที่ตีนภูเขาแล้ว แม้แต่คนที่ก้าวข้ามอาณาจักรทันฑ์สวรรค์ไปก็ไม่สามารถบุกเข้ามาได้ นอกจากนี้ ข้าก็มีพลังในอาณาจักรทันฑ์สวรรค์ พวกเจ้าคิดว่าข้ากับนายท่าน จะไม่สามารถจัดการกับโม่หยุนเฟยได้?”