STY-ตอนที่ 71 หลังจากที่แก้แค้นสำเร็จข้าจะแต่งงานกับท่าน!
“เมื่อ 3 ปีที่แล้ว แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ได้ถือกำเนิดปรมาจารย์ยุทธ์ที่มีพลังอาณาจักรเทวะขึ้นมา ด้วยชื่อของผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรเทวะ ชื่อเสียงของเขาก็ไม่ได้แตกต่างไปจากพวกเรา”
“อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็ได้เห็นความเย่อหยิ่งและจองหองของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์แล้วใช่หรือไม่?”เซียวเลี่ย ได้กล่าวถาม อย่างเย็นชา
“พวกเราได้ส่งคนจากนิกายอมตะและแดนศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากไปเพื่อเยี่ยมพวกเขา และ กระทั่งส่งบุตรแห่งสวรรค์ของตระกูลพวกเราไป แต่แล้วแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ทำอย่างไร?พวกมันไม่ไว้หน้าแม้แต่พวกเรา กระทั่ง ปรมาจารย์เทวะคนนั้นก็ยังไม่ออกมาให้เห็นหน้า”
“ยิ่งไปกว่านั้น คนที่เราส่งไปล้วนเป็นศิษย์ที่โดดเด่นของตระกูล พวกเขาคือรุ่นเยาว์ที่เป็นที่โปรดปรานของสวรรค์ อย่างไรก็ตาม แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ กลับรู้สึกว่า บุตรแห่งสวรรค์ในตระกูลของพวกเราไม่คู่ควรแม้แต่กับศิษย์หญิงไม่กี่คนของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเขา…พวกเขาทั้งหมดล้วนถูกไล่กลับมา ดังนั้น จะบอกว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ทำตัวเย่อหยิ่งเกินไปจริงๆ!”เซียวเลี่ย ได้กล่าวเสริม
เซียวเลี่ย ได้ส่งบุตรชายของเขาไป อีกฝ่ายได้รับการยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับ 1 ในหมู่รุ่นเยาว์ เซียวจ้านเถียน
แต่ท้ายที่สุด เขาก็โดน เย่กู่เฉิง ทุบตีจนหมดสติจนถูกผู้อาวุโส 2-3 คน ลากกลับมา
ดังนั้น เซียวเลี่ย จึงมักจะไม่พอใจแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์แห่งนี้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยพบโอกาสที่จะจัดการกับ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
แต่ในที่สุดตอนนี้เขาก็พบโอกาสเสียที
ในเวลานี้ หวังเหวิ่นเซียน ได้มองไปที่ เซียวเลี่ย และ กล่าวถาม “ท่านเจ้าเมือง ท่านหมายถึง…?”
“แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์มีปรมาจารย์ยุทธ์ที่อยู่ยงคงกระพันไม่ใช่เหรอ?ถ้าพวกเราประกาศข่าวออกไปและทำให้ โม่หยุนเฟย รู้ ด้วยความเย่อหยิ่งของอีกฝ่าย โม่หยุนเฟย จะต้องพุ่งเป้าไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์อย่างแน่นอน”
“เมื่อถึงตอนนั้น ปรมาจารย์ยุทธ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์จะต้องเคลื่อนไหว หากปรมาจารย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ชนะ พวกเราก็จะไม่ถูกคุกคามโดยนิกายปีศาจทมิฬ แต่ถ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์พ่ายแพ้ พวกเราก็ไม่เสียหายอะไร…มันคงจะดีถ้าพวกเขาช่วยพวกเรากำจัดส่วนนึงของกองกำลังนิกายปีศาจทมิฬได้ และ จากนั้นข้าก็จะเชิญท่านปู่ทวดของตระกูลเซียวออกมากำจัดนิกายปีศาจทมิฬนี้!”
“พวกเราจะปล่อยให้ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ และ นิกายปีศาจทมิฬกัดกันเหมือนสุนัข และ ไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะ ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ทั้งหมดก็ยังคงเป็นพวกเรา!”เซียวเลี่ย ได้กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา
เมื่อเขาพูดแบบนี้ทุกคนก็ตกใจ
พวกเขามองไปที่ เซียวเลี่ย และ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจต่อความฉลาดของ เซียวเลี่ย
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้เลือกผิดในตอนนั้น
เซียวเลี่ย แข็งแกร่งกว่า ซู่เจิ้นหยิง เป็นร้อยเท่า!
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เตรียมพร้อมที่จะรับคำสั่งของท่านเจ้าเมือง!”
ประมุขตระกูลทั้ง 6 ได้ยืนขึ้นและโค้งคำนับ
…
แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
เย่เฉิน ไม่ได้ลงจากภูเขาและยังคงลงชื่อเข้าใช้และฝึกฝนต่อไป
ในขอบเขตปัจจุบันหากปล่อยไปตามปกติ แม้แต่ เย่เฉิน ยังพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะทะลวงด่านพลังขนาดใหญ่ภายใน 1-2 ปี และ นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้คนส่วนใหญ่ที่มีพลังในอาณาจักรเทวะ หรือ อาณาจักรทันฑ์สวรรค์ ล้วนมีอายุยืนยาวมากกว่า 50-60 ปี กระทั่ง 70-80 ปี
เย่เฉิน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่เชิงเขา
อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้ยินข่าวลือบางอย่าง ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา
ว่ากันว่า ประมุขนิกายปีศาจทมิฬโม่หยุนเฟย ได้ทะลวงจากอาณาจักรเทวะเข้าสู่อาณาจักรทันฑ์สวรรค์แล้ว
นอกจากนี้ ในสมัยนั้น นิกายอมตะจำนวนมาก ก็ได้ทำการปิดล้อมนิกายปีศาจทมิฬและบังคับให้พวกเขากลับเข้าไปในภูเขาที่เชื่อมต่อกับท้องฟ้าเพื่อเอาชีวิตรอด ตอนนี้ประมุขนิกายปีศาจทมิฬได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว เขาจะต้องกลับมาล้างแค้นอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เย่เฉิน ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์เลย
เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เย่เฉิน ได้จัดตั้งรูปแบบป้องกันที่ยอดเยี่ยมเอาไว้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาณาจักรทันฑ์สวรรค์แม้ว่าอีกฝ่ายจะก้าวข้ามอาณาจักรทันฑ์สวรรค์ ก็ไม่อาจฝ่ารูปแบบอันยิ่งใหญ่ที่ เย่เฉิน ตั้งขึ้นได้
ดังนั้น เย่เฉิน จึงยังคงลงชื่อเข้าใช้และฝึกฝนในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ต่อไป
หลังจากนั้นไม่กี่วัน
ในที่สุด เย่เฉิน ก็ได้ยินมาว่า โม่หยุนเฟย ได้ออกมาจากการปิดด่านฝึกตนแล้ว โดย เขาได้ทำลายนิกายอมตะเล็ก ๆ 2-3 แห่งในบริเวณโดยรอบพร้อมกับมุ่งหน้าไปหา นิกายอมตะและแดนศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ
ไม่กี่วันต่อมา เขาได้ยินว่า โม่หยุนเฟย ได้มุ่งหน้าไปที่เมืองหยุนไท่ และ สังหารผู้บ่มเพาะพลังจาก 7 ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ในเมืองหยุนไท่ อย่างไรก็ตาม ก็ไม่มีใครออกมาหยุดเขาได้ สิ่งนี้มันทำให้เขามั่นใจว่าตนเองนั้นอยู่ยงคงกระพัน
ผ่านไปหลายวัน คราวนี้ไม่ใช่ข่าวของ โม่หยุนเฟย แต่เป็นข่าวเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเขา
เขาไม่รู้ว่าข่าวนี้มาจากไหน แต่ มันได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหยุนไท่ว่า มีปรมาจารย์ยุทธ์ผู้อยู่ยงคงกระพันของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์เท่านั้นที่สามารถหยุดโม่หยุนเฟยได้
แน่นอนว่าข่าวนี้ก็มาถึงหูของโม่หยุนเฟยเช่นเดียวกัน
อีกทั้ง เย่เฉิน ยังได้ยินมาว่า โม่หยุนเฟย กำลังมุ่งหน้ามายังแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์แล้ว
ณ วันนึง
เย่เฉิน กำลังนอนบนตักของศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขา
ทั้งสองกำลังเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศที่เย็นที่ใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่
ศิษย์พี่หญิงใหญ่ซู่ชิวหยา กำลังหวีผมให้กับ เย่เฉิน
นางในตอนนี้แต่งกายด้วยชุดสีแดงเหมือนเดิม และ ใช้ตักของนางเป็นหมอนรองศีรษะให้กับ เย่เฉิน
ศิษย์พี่หญิงใหญ่ในปัจจุบัน มีพลังอยู่ในขั้นต้นของอาณาจักรมหายานแล้ว
หลังจากที่ ศิษย์พี่ของเย่เฉินทยอยกันจากไป ด้วยความช่วยเหลือลับ ๆ ของ เย่เฉิน เซียนหยกอมตะ แม่ของ เย่เฉิน ในที่สุดนางก็ทะลวงเข้าสู่อาณาจักรมหายานและกลายเป็นมาผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรมหายานคนที่ 3 ของ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
ณ จุดนี้ จากยอดเขาทั้ง 4 ของ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ มีเพียง เยี่ยเจิ้งชุน ของ ยอดเขาเฉินติง เท่านั้น ที่ยังไม่ทะลวงเข้าสู่อาณาจักรมหายาน
แต่ว่าภายในปีหน้า ผู้คนในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ต่างก็พูดกันว่า เยี่ยเจิ้นชุน กำลังจะทะลวงผ่านอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่าและเข้าสู่อาณาจักรมหายาน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ไม่มีใครคาดคิดว่า ซู่ชิวหยา ศิษย์คนโตของเซียนหยกอมตะ จะก้าวเข้าสู่อาณาจักรมหายานก่อนหน้า เยี่ยเจิ้งชุน และ กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญคนที่ 4 ของ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
ซู่ชิวหยา ที่ก้าวเข้าสู่อาณาจักรมหายาน ล้วนทำให้ ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก
ในขณะนี้ ผู้คนจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีกต่อไปเลยตัดสินใจมอบตำแหน่งผู้อาวุโสให้กับ ซู่ชิวหยา
นอกจากนี้ ฐานการบ่มเพาะพลังของ ซู่ชิวหยา ยังสูงที่สุดในบรรดาผู้อาวุโส ดังนั้นนางเลยได้รับตำแหน่งหัวหน้าผู้อาวุโส ในขั้นต้น ความแข็งแกร่งของ ซู่ชิวหยา ควรจะอยู่ในระดับเดียวกันกับ ปรมาจารย์ของยอดเขาทั้ง 4 แล้ว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก ซู่ชิวหยา เป็นศิษย์ของเซียนหยกอมตะ นางก็ยังถือเป็นรุ่นเยาว์อยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ต่อหน้าผู้อาวุโสเหล่านั้น พวกเขาจะต้องเรียกนางว่าหัวหน้าผู้อาวุโสซู่
และต่อหน้าศิษย์เหล่านั้น พวกเขาก็ต้องเรียก ซู่ชิวหยา ว่า ผู้อาวุโสซู่
แน่นอนว่าภายในปีหน้า เยี่ยเจิ้งชุน ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง ในที่สุดเขาก็ทะลวงเข้าสู่อาณาจักรมหายานได้สำเร็จ
ณ จุดนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ มีผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรมหายานทั้งหมด 5 คน นอกจาก เย่เฉิน ที่อยู่ห่างจากอาณาจักรทันฑ์สวรรค์เพียงครึ่งก้าวแล้ว ความแข็งแกร่งของ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ถือได้ว่าอยู่บนจุดสูงสุดของนิกายอมตะในเมืองหยุนไท่
เย่เฉิน ได้เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ภูเขาทั้ง 2 ลูกของศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขา จากนั้นเขาก็กล่าวออกมาเบา ๆ “ศิษย์พี่ เรื่องของตระกูลซู่ในตอนนั้นข้าได้ตรวจสอบมันอย่างชัดเจนแล้ว ตอนนี้พวกเราสามารถยืนยันได้แล้วว่าสาเหตุที่ตระกูลซู่ถูกทำลายในตอนนั้นเกี่ยวข้องกับตระกูลที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 7 ของเมืองหยุนไท่ในปัจจุบัน!”
เมื่อเขาพูดเช่นนี้ การแสดงออกของ ซู่ชิวหยา ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“เป็นพวกเขาจริง ๆ งั้นหรือไม่?”
เย่เฉิน ค่อย ๆ บอก ซู่ชิวหยา เกี่ยวกับ ข่าวที่ ไป๋ลั่วหลี่ นำมาให้
หลังจากฟังแล้ว ซู่ชิวหยา ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“เข้าใจแล้ว อาจเป็นเพราะท่านพ่อของข้าเข้มงวดเกินไปและไม่รู้ว่าควรจะวางตัวอย่างไร ดังนั้น ตระกูลซู่ของข้าจึงถูกทำลาย!”
ในเวลานี้ เย่เฉิน ได้ลุกขึ้นจากตักของศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขา และ มองไปที่นางอย่างจริงจัง “ศิษย์พี่ ข้าไม่คิดว่าท่านลุงเป็นคนผิด ถ้าความซื่อตรงเป็นสิ่งที่ผิด ดังนั้นอะไรคือสิ่งที่ถูกในโลกนี้?”
“ไม่ใช่ท่านลุงที่ผิด แต่เป็นพวกที่โลภมากเหล่านั้นต่างหาก ศิษย์พี่ เมื่อข้าทะลวงเข้าสู่อาณาจักรทันฑ์สวรรค์ ข้าจะลงจากเขาไปทวงความยุติธรรมให้กับพ่อของท่าน!”เย่เฉิน มองไปที่ ซู่ชิวหยา และ กล่าวพูดโดยตรง
“เฉินน้อย เจ้าไม่ต้อง…”
ก่อนที่ ซู่ชิวหยา จะพูดจบ เย่เฉิน ก็ปิดปากของนางในทันที
แน่นอนว่าเขาได้ใช้ปากของเขา!
“ศิษย์พี่ ตอนนี้ข้าโตแล้ว หลังจากที่ข้าแก้แค้นให้กับท่าน ข้าจะแต่งงานกับท่าน!”เย่เฉิน ได้ตอบกลับเบา ๆ
ใบหน้าของ ซู่ชิวหยา ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที
“อะแฮ่ม…”ในขณะนี้ พวกเขาก็ได้ยินเสียงไอสองครั้ง เป็นศิษย์พี่หญิงเจ็ดของเย่เฉิน,จ้าวซือเหยา
“ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ท่านอาจารย์ให้ข้ามาตามท่านและบอกให้ท่านรีบไปที่ห้องโถงอวี๋เซียว…ดูเหมือนว่าท่านอาจารย์มีเรื่องสำคัญจะคุยกับท่าน”