780 - ห้าดินแดนใหญ่ของโลก
780 - ห้าดินแดนใหญ่ของโลก
วันที่สอง ข่าวแพร่กระจายออกมายังโลกภายนอก เย่ฟ่านลงมือสังหารทายาทของศาลสวรรค์ถึงรัง ในคืนเดียวนั้นเขาฆ่าคนไปกว่าร้อยแปดสิบศพ
ทุกคนต่างไปดูด้วยตาของตัวเอง มันเป็นสิ่งที่น่าตกใจจริงๆเย่ฟ่านมีวิธีการเช่นนี้ แม้แต่นักฆ่าโบราณของศาลสวรรค์เขาก็ยังกล้าโต้กลับ
แม้ว่าสถานที่แห่งนั้นจะไม่ใช่วังของศาลสวรรค์ แต่มันก็เป็นสถานที่ลับที่ยากจะค้นพบได้ นี่เป็นการตบหน้ากลุ่มนักฆ่าโบราณอย่างรุนแรง
“ข้าจะตัดสินโทษของพวกเจ้าเอง”
นี่คือเสียงที่หนักแน่นที่เย่ฟ่านทิ้งไว้ในตงหวงซึ่งทำให้ทุกคนอยากที่จะสงบใจลงได้ ตอนนี้ใครก็ตามที่อยากจะลงมือกับเขาต้องชั่งน้ำหนักการสูญเสียก่อน
เย่ฟ่านไม่คิดจะอยู่ในตงหวงต่อไป ในวันเดียวกันนั้น เขาได้ข้ามความว่างเปล่าและออกจากดินแดนรกร้างตะวันออก ม่านแห่งสายฟ้าและพลังก็สิ้นสุดลง และเขาก็เริ่มออกเดินทางไปยังดินแดนตะวันตก
เย่ฟ่านสร้างชื่อเสียงที่น่าตกตะลึง แล้วเลือกที่จะหันหลังจากไป เขาทิ้งตำนานในดินแดนรกร้างตะวันออกไว้เบื้องหลัง
หลังจากที่เขาจากไป ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายก็ออกตามหาร่างของปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์และบุตรศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาจนพบ
การกระทำของเย่ฟ่านทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับกลางและระดับล่างมากมายเต็มไปด้วยความอัปยศอดสู
ผู้ฝึกตนหลายคนเห็นว่าเย่ฟ่านลงมือโหดเหี้ยมเช่นนี้จะต้องมีสงครามเกิดขึ้น แต่ใครจะคิดว่าเขาจะหายไปจากดินแดนแห่งนี้ในพริบตา
จงโจว เป่ยหยวน ตงหวง ซีม่อ และหนานหลิง ห้าภูมิภาคนั้นกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต แม้จะเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกันแต่การเดินทางไปทั่วดินแดนก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยเป็นสิบปี
……….
ผ่านไปอีกหนึ่งหมื่นปีในที่สุดสำนักฉีซื่อก็เปิดขึ้นอีกครั้ง ยอดฝีมือรุ่นเยาว์ของห้าภูมิภาคกำลังเคลื่อนไหว บ้างมาจากสถานที่สวยงาม บ้างมาจากภูเขาแห้งแล้ง
แต่ที่นี่ไม่มีการจำกัดสถานะ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ราชวงศ์อมตะ และหลายนิกายมากมายเลือกที่จะส่งลูกหลานมาที่นี่ ไม่มีการแบ่งชนชั้นหากมีความแข็งแกร่งเพียงพอก็สามารถมาที่นี่ได้
หลักฐานยืนยันตัวตนเพียงอย่างเดียวคือต้องมีพลังการต่อสู้และทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่ง!
สำนักฉีซื่อตั้งอยู่ในเทือกเขาหลิงซาน มีน้ำตกสีเงินตกลงมา หน้าผาสูงตระหง่าน หินงอกหินย้อยมีความงดงามอย่างถึงที่สุด ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ก็ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปหลายหมื่นปี
บนแท่นหินสะอาดและปราศจากฝุ่น มีกิเลนนอนอยู่เพียงลำพังมันดมกลิ่นหญ้าวิญญาณอย่างมีความสุข บนหน้าผามีหมอกสีม่วงลอยอ้อยอิ่ง ดอกกล้วยไม้สีม่วงส่งกลิ่นหอม ร่ายรำพลิ้วไหวตามสายลม
ภูเขาเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ดอกไม้วิเศษเบ่งบาน ต้นไม้สูงตระหง่านโยกไหว กวางขาวกระโดดโลดเต้น จิ้งจอกฟ้าไล่จับวิหคจิตวิญญาณ และนกกระเรียนดำบินไปมาเป็นครั้งคราว
ในวันแรก ผู้คนนับหมื่นมาที่สำนักฉีซื่อและรวมตัวกันนอกประตูที่เชิงเขา ทุกคนมีลักษณะพิเศษที่ไม่ธรรมดา
เป็นไปได้ว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะมีคนมาเพิ่มมากขึ้นแต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่สามารถเข้าไปข้างในได้ เพราะในอดีตมีเพียงสองสามร้อยคนเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเพียงพอ
เมื่อพิจารณาจากบันทึกโบราณ สาวกส่วนใหญ่ของสำนักฉีซื่อจะมีไม่เกินแปดร้อยคนและขั้นต่ำก็เพียงห้าร้อยคนเท่านั้น โดยทั่วไปจะอยู่ในช่วงจำนวนนี้
ทุกคนมีความมั่นใจที่จะมาที่นี่ พวกเขามาไกลจากบ้านเกิดหลายสิบล้านลี้ ทุกคนล้วนเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นยากที่จะหาผู้ใดทัดเทียมได้
เฉพาะในวันแรก ปรากฎว่าชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งที่มาจากหนานหลิงสามารถกวาดล้างทุกคนอย่างเด็ดขาด และไม่มีใครหยุดเขาได้
เขาเป็นคนแรกที่ได้เข้าสำนัก นับว่าเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง
ในวันที่สอง สัตว์ประหลาดอีกคนปรากฏตัวขึ้นเข่นฆ่าผู้ท้าชิงด้วยพละกำลัง ทุกคนในโลกต่างตกตะลึง เขาได้เข้าสู่สำนักฉีซื่อและผ่านการทดสอบได้สำเร็จ
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อที่สุดคือชายผู้นี้เน้นการฝึกฝนร่างกายด้วยทักษะโบราณ!
สำนักฉีซื่อมีเวลาเปิดประตูเพียงแค่เดือนเดียว เกือบทุกวันจะมีคนที่น่าทึ่งปรากฏตัวขึ้น
ในช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่หลายคนรู้สึกว่ายุคสมัยของพวกเขากำลังจะหมดลงแล้ว หากคนกลุ่มนี้เติบโตขึ้น พวกเขาจะได้เป็นราชาแห่งมวลมนุษย์อย่างแน่นอน
“คนเช่นนี้หาได้ยากมาตั้งแต่สมัยโบราณ ทุกคนล้วนมีพรสวรรค์โดดเด่น!”
“มีคนกล่าวไว้ว่า ในสมัยโบราณเมื่อปราชญ์โบราณยังเด็ก พวกเขาก็มีพรสวรรค์โดดเด่นเช่นเดียวกัน เพียงแต่พวกเขาทั้งหมดไร้มนุษยธรรม!”
หลายคนอดไม่ได้ที่จะสาปแช่ง และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงนึกถึงบุคคลหนึ่งจากดินแดนรกร้างตะวันออก
“อย่างที่รู้กัน ยังมีสัตว์ประหลาดในดินแดนรกร้างตะวันออก ซึ่งอาศัยภัยพิบัติสวรรค์ในการข้ามขีดจำกัดทำลายและสังหารหมู่เหล่ายอดฝีมือ นี่คือสิ่งที่เรียกว่าความไร้มนุษยธรรมที่แท้จริง!”
ผู้คนจากภูมิภาคอื่นก็เคยได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน
“จริงหรือ? แม้แต่ครึ่งเซียนก็ยังถูกสังหาร ช่างเป็นภัยพิบัติอันน่าสะพรึงกลัว” หลายคนประหลาดใจและไม่เชื่อถือ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากคนอื่นๆ
ตราบใดที่มีคนกล่าวถึงเขา ทุกคนต้องให้ความสนใจ เพราะนั่นจะต้องเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาในอนาคต
“น่าเสียดายข้าได้ยินมาว่าชายคนนั้นจะไม่มาที่สำนักฉีซื่อ เขาปฏิเสธคำเชิญของผู้อาวุโสอย่างเด็ดขาดแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ในงานเทศกาลทะเลสาบหยก ผู้อาวุโสสามคนจากสำนักฉีซื่อเชิญเขามาเข้าร่วมสำนักอย่างจริงจัง แต่เขาส่ายหัวปฏิเสธ”
เมื่อมีคนพูดเช่นนี้ทุกคนต่างก็ประหลาดใจมาก ทำไมเขาถึงไม่สนใจโอกาสดีๆ เช่นนี้
“ข้าอยากเจอเขา จะเก่งแค่ไหนกันเชียว มันคงเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมทางได้ต่อสู้กับคนเช่นนี้ในอนาคต”
ในสำนักฉีซื่อเหล่าศิษย์ที่เข้ามาใหม่ล้วนเป็นคนรุ่นเดียวกันทั้งหมด สำนักฉีซื่อเปิดประตูภูเขาเป็นเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้นยอดฝีมือนับหมื่นหลั่งไหลเข้ามาทุกวัน แต่สุดท้ายเหลือเพียงเจ็ดร้อยยี่สิบคนเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ได้
คนที่มาที่นี่ล้วนเป็นบุคคลชั้นนำของรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถและพรสวรรค์ที่โดดเด่น แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการทดสอบ จากคนนับหมื่นกลับมีเหลืออยู่เพียงเจ็ดร้อยยี่สิบคน
หลังจากหนึ่งเดือนแห่งความโกลาหล ในที่สุดการทดสอบก็จบลง บางคนรู้สึกกดดันและบางคนก็ตื่นเต้น หลังจากนี้พวกเขาจะต้องใช้ชีวิตร่วมกันกับทุกคนที่นี่อย่างยาวนาน
อนาคตของสำนักฉีซื่อจะเป็นสถานที่ที่มังกรและหงส์โบยบินสู่ท้องนภาอย่างไม่ต้องสงสัย
“น่าเสียดายที่เย่ฟ่านไม่มา” บางคนเสียใจที่เสียคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือไป นี่คือความมั่นใจของผู้แข็งแกร่ง
“เส้นตายหมดไปแล้วและเขาก็ยังไม่มา ดูเหมือนเขาไม่พร้อมจะปรากฎตัวจริงๆ!”
ยังคงเป็นชายที่แข็งแกร่งที่กล่าวออกมา ทุกคนต้องการเห็นคนคนผู้นี้ ท้ายที่สุดเขาเป็นคนเดียวที่ปฏิเสธคำเชิญของผู้อาวุโส
“ปีนี้ผู้คนในดินแดนรกร้างตะวันออกดูไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร ไม่มีบุคคลที่โดดเด่นอื่นใดนอกจากเขาคนนั้นหรือ?” บางคนกระซิบถามเสียงเบา
“เจ้าคิดผิดแล้ว เจ้าเห็นชายคนนั้นหรือไม่? บุตรศักดิ์สิทธิ์เหยากวง ว่ากันว่าเขาถูกสายฟ้าฟาดเมื่อเขาก้าวขึ้นสู่อาณาจักรแปลงมังกรเพียงแต่เขายังไม่แสดงฝีมือเท่านั้น”
“ใช่แล้ว นั่นมันชายชุดม่วงคนนั้น ผู้เป็นราชาแห่งดินแดนรกร้างตะวันออก เจ้าคงเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเขาหรือไม่?”
“นอกจากนี้ยังมีตัวอ่อนเต๋าโดยกำเนิด เมื่อเข้าสู่อาณาจักรปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ พลังเช่นนี้สามารถต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตอมตะได้โดยไม่เป็นรอง”
ครั้งนี้เหล่าผู้คนที่โดดเด่นมีพลังอย่างที่พวกเขาคิด ซึ่งทำให้ผู้คนในสำนักฉีซื่อประหลาดใจอย่างมาก
ทันทีที่ผ่านไปสามสิบวัน คนอื่นๆ ก็ทำได้เพียงจากไปอย่างน่าเศร้า เพราะไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ
แต่ทว่าในวันที่สามสิบเอ็ด คนป่าเถื่อนถือกระบองเขี้ยวหมาป่าและสวมเสื้อคลุมขนสัตว์วิ่งเข้ามาและพยายามผ่านประตูภูเขา
“อาจารย์ คนผู้นี้มาจากภูเขาที่ห่างใกล ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าไป จะให้เปิดประตูรับเขาหรือไม่?”
“ตึง” ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกซึ่งทำให้ทุกคนตะลึงงัน
“บังอาจ…”
“เจ้ากล้าทำลายประตูภูเขา?” ในสำนักฉีซื่อ ชายผู้ทรงพลังปรากฏตัวขึ้น เขายืนอยู่ในความว่างเปล่าและเอ่ยถาม
“ข้ามาช้า ได้โปรดให้โอกาสข้าด้วย” เขาสูดลมหายใจและแทงกระบองลงกับพื้น ด้วยเสียง “ตึง” ทั้งภูเขาก็สั่นสะเทือน
“ชายป่าเถื่อนคนนี้แข็งแกร่งจริงๆ ข้ารู้สึกว่าเขาเป็นผู้มีพรสวรรค์คนหนึ่ง!”
“นี่......อาจเป็นสัตว์ประหลาดจากดินแดนรกร้างตะวันออก?”
หลายคนตกใจ ผู้คนหลายร้อยคนอยู่ในประตูภูเขาได้ยินเช่นนี้สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปในทันที