อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 103 วอลล์สตรีท?
ตอนที่ 103 วอลล์สตรีท?
เมื่อนึกย้อนไปที่ภาพยนตร์ 'wolf of Wall Street' ในตอนนั้น ฮาร์ดี้ชื่นชมวิธีการของจอร์แดนมากๆ
พวกเขาส่วนใหญ่เน้นไปที่หุ้นขนาดเล็กและหุ้นของบริษัทมหาชนโดยการประโคมข่าวให้เกินจริง เพื่อที่จะหลอกนักลงทุนรายย่อยให้ซื้อหุ้น
ตัวอย่างก็สิ่งที่เรียกว่า 'ผู้นำการสื่อสารในอนาคตของสหรัฐ' ในภาพยนตร์ที่กำลังประชุมเชิงปฏิบัติการ ที่ไม่ได้ดูดีไปกว่าการแสดงข้างถนนเลยสักนิด
พวกเขาขายหุ้นโดยการปั่นราคาหุ้น ทำให้ดิ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนสร้างความประทับใจและดึงดูดเงินของนักลงทุนให้เข้ามามากขึ้น เมื่อหุ้นไปถึงจุดสูงสุดคนที่ปั่นหุ้นก็จะเริ่มขายและทำกำไรกับมัน และนักลงทุนรายย่อยที่เข้ามาใหม่ที่ซื้อในราคาสูงๆ ก็จะติดดอยในที่สุด
ในความเป็นจริงการทำแบบนี้มันคือการฉ้อโกงทางการเงินดีๆ นี้เอง
หากโดนตรวจสอบโดยหน่วยงานที่กำกับดูแล ก็มีโอกาสที่จะโดนจับเข้าคุกอย่างแน่นอน
ทว่าตอนนี้คือปี 1946 การทำธุรกรรมต่างๆ ยังทำด้วยกระดาษ และโทรศัพท์ในการใช้ติดต่อกัน
มันไม่มีทางที่จะย้อนดูการสื่อสาร รวมถึงบัญชีที่ใช้ทำธุรกรรมเหล่านี้ได้แน่นอน
เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคโนโลยี ทำให้หน่วยงานที่กำกับดูแลขาดเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงกฎหมายที่ยังมีช่องโหว่อยู่ถ้าลงมือไม่โจ่งแจ้งเกินไป ยังไงก็ไม่มีใครตรวจสอบได้แน่ๆ
และในสหรัฐอเมริกาปี 1970 ถึง 1980 ก็ยังเป็นเช่นนี้อยู่ ถึงจะอยู่ในยุคปัจจุบันช่องโหว่แบบนี้ก็ยังมีหลงเหลืออยู่เหมือนกัน
ส่วนในศตวรรษข้างหน้าการทำธุรกรรมก็จะถูกควบคุมโดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์
ข้อมูลทุกประเภทจะถูกเก็บไว้
มีกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ กำกับดูแล
แม้กระทั่งการโทรศัพท์ก็จะได้รับการตรวจสอบจากหน่วยงาน
แต่บางคนก็ยังปั่นหุ้นหลอกนักลงทุนโง่ๆ เข้ามาได้อยู่ดี
…
เหมืองแร่วอลช์ในมือของฮาร์ดี้เป็นหุ้นขยะหรือหุ้นขนาดเล็ก และเขายังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อีก
มันจึงง่ายต่อการดำเนินการ
"แอนดี้ฉันจะปล่อยเรื่องนี้ให้นายทำ ส่วนเงินก็สัก 200,000 ดอลลาร์ นายคิดว่ามันจะพอไหม?" ฮาร์ดี้ยิ้ม
"ฮ่าๆๆ พอแน่นอน!"
แอนดี้ขอให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทรักษาความปลอดภัยไปเปิดบัญชีเพิ่ม และเขาก็ไม่ได้ใช้อันที่ฮาร์ดี้เคยใช้มาก่อนเพราะมีร่องรอยของการใช้งานอยู่
ทำให้ตอนนี้เขามีบัญชีใหม่ทั้งหมด 60 บัญชี
พร้อมกับเงินสามหรือสี่พันดอลลาร์ที่ถูกใส่ไว้ในแต่ละบัญชี
แอนดี้ไม่ได้รีบร้อนที่จะซื้อหุ้นเนื่องจากมูลค่าปัจจุบันของเหมืองแร่วอลช์นั้นต่ำเกินไป
เป็นไปไม่ได้ที่จะลงทุนไม่กี่ดอลลาร์แล้วหุ้นจะขึ้น
สองวันต่อมา
เหมืองแร่วอลช์ได้เปิดเผยรายได้ประจำไตรมาส
รายงานทางการเงินแสดงให้เห็นว่า
ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา รายได้ของเหมืองแร่วอลช์นั้นเป็นศูนย์และยังมีหนี้เพิ่มขึ้นอีก 110,000 ดอลลาร์ ซึ่งใช้สำหรับค่าจ้างและค่าใช้จ่ายอื่นๆ แล้วเมื่อเอาไปรวมกับหนี้สินของบริษัททำให้ตอนนี้พวกเขามีหนี้ทั้งหมด 346,000 ดอลลาร์
เดิมทีหุ้นของเหมืองแร่วอลช์ก็เป็นขยะอยู่แล้ว มันไม่มีมูลค่าสำหรับการลงทุน ทำให้ราคาหุ้นยังคงอยู่ที่ประมาณ 0.03 ดอลลาร์
ส่วนสาเหตุที่ยังมีผู้ถือหุ้นอยู่ เพราะราคาตอนนี้มันต่ำเกินไป
และผู้คนที่ถือหุ้นก็ยังมีความหวัง ที่ราคาหุ้นจะพุ่งสูงขึ้นอีกสักนิด...
พุ่งขึ้นไปให้สุด
แต่หลังจากที่รายงานทางการเงินออกมา มันก็แสดงให้เห็นว่าบริษัทยังคงเป็นหุ้นขยะอยู่และไม่มีโอกาสที่จะเติบโตเลย
ด้วยการเปิดเผยรายงานทางการเงินของบริษัทครั้งนี้ทำให้นักลงทุนจำนวนมากรู้สึกผิดหวังมากขึ้นในเหมืองแร่วอลช์ เพราะเดิมทีพวกเขาคิดว่าจะซื้อหุ้นราคาต่ำๆ ไม่กี่พันดอลลาร์เพื่อที่จะรอให้หุ้นเติบโต
แต่ก็ไม่คิดว่าเหมืองแร่วอลช์จะเป็นหลุมไม่มีก้นขนาดนี้
"ฉันคิดว่าบริษัทขยะนี้น่าจะถูกเอาออกจากกระดานหุ้นในไม่ช้า ดังนั้นฉันควรจะถอนเงินลงทุนออก ไม่อย่างนั้นฉันคงจะไม่ได้อะไรกลับมาเลยสักบาท"
"ฉันก็จะไม่ถือหุ้นตัวนี้อีกแล้ว ฉันจะขายมัน"
ในขณะที่นักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่นในเหมืองแร่วอลช์อีกครั้ง ราคาหุ้นของเหมืองแร่วอลช์ก็ลดลงจาก 0.03 ดอลลาร์เป็น 0.02 ดอลลาร์และก็มีคำสั่งขายจำนวนมาก
อาจจะเป็นเพราะผู้คนต้องการที่จะถอนตัวออกจากหุ้นขยะนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ในเวลาเดียวกันแอนดี้ก็เริ่มทำการช้อนหุ้นของเหมืองแร่วอลช์ จากคนที่ขายในราคา 0.02 ดอลลาร์
เขาจะซื้อมันเมื่อมีคนขายออกมา
ด้วยวิธีนี้ราคาหุ้นจึงพุ่งขึ้นอย่างกะทันหันอีก 0.01 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตามหลายคนยังคงไม่มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตของบริษัทนี้
หลายคนหัวเราะและพูดว่า "บางทีผู้ถือหุ้นรายใหญ่อาจซื้อเองก็ได้ มันอาจจะเป็นการพยายามครั้งสุดท้าย ฮ่าๆ"
"และเราจะไม่กระโดดลงหลุมนี้อีกแล้ว"
ไม่กี่วันต่อมาราคาหุ้นของเหมืองแร่วอลช์ก็ทรงตัว เหนือสิ่งอื่นใดมูลค่าของมันยังมีน้อย และยังคงมีคนที่เต็มใจที่จะยอมรับมันและหวังว่าจะได้เห็นหุ้นตัวนี้เพิ่มขึ้นสักวันหนึ่ง
ในขณะเดียวกันก็มีบทความวิเคราห์จากหนังสือพิมพ์การเงินออกมา จึงทำให้เหมืองแร่วอลช์ไม่มีความน่าสนใจอีกต่อไป
…
เหมืองแร่วอลช์มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ซานฟรานซิสโก แทบไม่มีโครงการที่ทำกำไรได้ ยกเว้นสำนักงานใหญ่ที่เดียว
และตอนนี้การลงทุนก็มีแค่ที่เดียวเหมือนกันคือนิวเม็กซิโก แต่ข้อเท็จจริงก็ออกมาแล้วว่าไม่มีเหมืองแร่ที่นั่น
บางคนอาจบอกว่าเหมืองแร่วอลช์อาจถูกบังคับให้ออกจากกระดานหุ้น เมื่อราคาหุ้นต่ำลงไปอีก
ส่วนผู้ถือหุ้นตัวนี้ก็จะสูญเสียเงินของพวกเขาไป
ทำให้คนที่ถือหุ้นของเหมืองแร่วอลช์อยู่ก็ไม่ทนรออีกต่อไป พวกเขาตัดสินใจขายมันอย่างเจ็บปวดใจ
ส่งผลให้ราคาหุ้นของเหมืองแร่วอลช์ลดลงอีกครั้ง แต่กลับมีคำสั่งซื้อจำนวนมากปรากฏขึ้น
ด้วยโอกาสนี้แอนดี้ก็ได้หุ้นมาอยู่ในมือเพิ่ม
ในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์เขาใช้บัญชีหลายสิบบัญชีเพื่อซื้อหุ้นอีก 80% ของคนที่ลงทุนกับเหมืองแร่วอลช์
ทำให้ราคาหุ้นยังคงอยู่ที่ประมาณ 0.03 ดอลลาร์
และเมื่อผู้คนคิดว่าหุ้นของเหมืองแร่วอลช์จะไม่ขึ้นอีกแล้ว โฆษณาตัวหนึ่งก็ปรากฎขึ้นที่นิวยอร์กไทมส์ซึ่งเป็นสื่อที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา
รูปภาพเป็นขวดแก้วที่สวยงาม เหมือนกับขวดน้ำแร่ยี่ห้อหนึ่ง แต่รูปนี้เป็นลวดลายของภูเขาร็อกกี้และเครื่องหมายการค้าที่ติดอยู่ข้างๆ
'น้ำแร่ร็อคกี้เมาท์เท่น'
"น้ำแร่จากเทือกเขาร็อกกี้ที่มีค่า PH อยู่ที่ 7.3 มันมีความเป็นด่างอ่อนๆ มีรสชาติของธรรมชาติ เกิดขึ้นในธารน้ำแข็งของเทือกเขาร็อกกี้ที่ละลายสะสมกันเป็นเวลาหลายพันปี มันประกอบไปด้วยโพแทสเซียม แคลเซียม โซเดียม แมกนีเซียม กรดเมตาซิลิกและแร่ธาตุอื่นๆ ที่จำเป็นต่อร่างกายของมนุษย์ ยังมีไอออนและธาตุตามธรรมชาติที่บริสุทธิ์ มีรสชาติหวาน มันเป็นน้ำแร่ที่มีคุณภาพสูงที่ดีต่อสุขภาพ และเหมาะสำหรับการดื่มในระยะยาวเพื่อบำรุงร่างกายของคุณ"
"ร็อคกี้เมาน์เทนสปริงชีวิตใหม่ที่ดีต่อสุขภาพ เริ่มต้นด้วยน้ำแร่ร็อคกี้เมาน์เทน!"
"บริษัทของเราได้เปิดตัวเครื่องดื่มสองชนิดคือน้ำแร่และน้ำสปาร์คกลิ้งเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคุณ!"
มีโฆษณามากมายในหนังสือพิมพ์ แต่ผู้คนก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับมันมากนัก พวกเขาคิดว่าน้ำแร่พวกนี้ราคาคงจะสูง ส่วนไอออน และแร่ธาตุอะไรพวกนี้ยังเป็นคำศัพท์ใหม่สำหรับผู้คนในยุค 1940
ซึ่งมันดูเหมือนกำลังหลอกตัวเอง
ฮานส์เป็นบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์และเขามีงานอดิเรกคือเล่นหุ้น เขาไม่ได้สนใจโฆษณามากนักหลังจากอ่านจบ
แต่ก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นชื่อของบริษัทน้ำแร่โดยบังเอิญ
บริษัทน้ำแร่ภูเขาร็อกกี้นั้นมีอยู่ถึงสองชื่อคือบริษัทน้ำแร่เมย์บาว และเหมืองแร่วอลช์
เป็นอย่างนี้ได้ยังไง
ทำไมเหมืองแร่วอลช์จึงได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำแร่?
เมื่อเขาอยากรู้ เขาจึงโทรไปสอบถามเกี่ยวกับแผนกการจัดการพาณิชย์และพบว่าบริษัทน้ำแร่แห่งนี้มีหุ้นอยู่ในเหมืองแร่วอลช์
มีหุ้นอยู่ถึง 20 % ในเหมืองแร่วอลช์ เวลาในการซื้อขายคือเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก
หลังจากการค้นพบเทือกเขาร็อคกี้และพบแหล่งน้ำ ฮาร์ดี้ก็โทรหาไมค์ เพราะที่ดินนี้เป็นของเขา
ไมค์รู้สึกว่าเขาจะมาใช้ที่นี่เลยไม่ได้ ทั้งสองจึงนั่งคุยกัน
และพวกเขาก็สรุปได้ว่าจะดีกว่าที่จะสร้างแบรนด์แยกอย่างอิสระสำหรับบริษัทน้ำแร่
น้ำแร่ในเทือกเขาร็อกกี้ก็ให้เรียกว่าน้ำแร่จากเทือกเขาร็อกกี้ พวกเขาเลยไปจัดตั้งบริษัทแยกต่างหาก
ฮาร์ดี้และไมค์ต่างก็มีสัดส่วนหุ้น 40% ในขณะที่เหมืองแร่วอลช์ครอบครองที่ดินและน้ำจึงได้ 20% ของหุ้น
หากพบทรัพยากรน้ำแร่ในสถานที่อื่นๆ ในอนาคตจะมีการคำนวณต้นทุนทรัพยากรตามสถานการณ์นั้นๆ
หากบริษัทน้ำแร่ซื้อหุ้นในมือของเหมืองแร่วอลช์ไป ทั้งสองบริษัทก็จะได้คนละ 50%
สัญญาอย่างเป็นทางการจึงถูกนำมาจากนิวยอร์กในไม่กี่วันก่อน หลังจากฮาร์ดี้ลงนามในสัญญามันก็มีผลบังคับใช้ทันที และเขาก็ยกให้แอนดี้ดูแล
ฮานส์ไม่ใช่คนเดียวที่ค้นพบสิ่งนี้ ไม่กี่วันต่อมาหนังสือพิมพ์การเงินฉบับหนึ่งได้รายงานเหตุการณ์นี้
"บนพื้นที่ที่ซื้อโดยเหมืองแร่วอล์ชในนิวเม็กซิโก มันไม่พบสินแร่แต่กลับพบทรัพยากรน้ำคุณภาพสูงจำนวนมาก บริษัทน้ำแร่พบว่าน้ำแร่ที่นี่มีคุณภาพสูงมาก ทั้งสองบริษัทจึงทำข้อตกลงความร่วมมือกับเหมืองแร่วอลช์"
"ในข้อตกลงนี้เหมืองแร่วอลช์จะลงทุนในทรัพยากรที่ดินและแหล่งน้ำ เหมืองแร่วอลช์จึงได้หุ้น 20% ของบริษัทน้ำแร่ ตัวแทนของบริษัทน้ำแร่กล่าวว่าบริษัทน้ำแร่แห่งนี้กำลังเตรียมสร้างโรงงานขนาดใหญ่ที่มีผลผลิตต่อปีถึง 50,000 ตัน (5 ล้านลิตร)"
"ผู้สื่อข่าวคำนวณคร่าวๆ ว่า ถ้าประสิทธิภาพการขายของบริษัทน้ำแร่นั้นดี ด้วยปริมาณการขาย 50,000 ตันต่อปีพวกเขาจะทำกำไรได้ถึงหนึ่งล้านดอลลาร์ กล่าวคือเหมืองแร่วอลช์จะได้ปันผลที่ 200,000 ดอลลาร์ในทุกๆ ปี และก็จะได้ส่วนแบ่งเพิ่มอีกด้วย"
"ก่อนหน้านี้เหมืองแร่วอลช์นั้นเป็นหุ้นขยะที่ขุดไม่ขึ้นอย่างแน่นอน พวกเขาใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่ก็ไม่พบสินแร่ใดๆ ยิ่งการลงทุนของพวกเขาก็ไม่ได้อะไรกลับมา แต่ตอนนี้พวกเขาได้ค้นพบทางเลือกนอกจากสินแร่ ทรัพยากรแหล่งน้ำเหล่านี้จะกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้บริษัทเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง การลงทุนทั้งหมดจะถูกกู้คืนภายในหนึ่งปี และจะได้กำไรนับไม่ถ้วนในปีต่อๆ ไป"
"ตอนนี้เหมืองแร่วอลช์ได้หลุดพ้นจากคำว่าขยะแล้ว"
ทันทีที่รายงานออกมา ผู้คนจำนวนมากก็ให้ความสนใจกับหุ้นเหมืองแร่วอล์ชทันที
"เหมืองแร่วอลช์กลับมาจากความตายแล้ว พวกเขาได้ค้นพบเส้นทางการทำเงินแล้ว มันไม่ได้พบเหมืองทองแดงหรือแร่เหล็ก แต่กลับพบแหล่งน้ำแร่ "
"ครึ่งเดือนที่ผ่าน รายงานทางการเงินของพวกเขายังถือได้ว่าไม่มีรายรับใดๆ และยังมีหนี้สิ้นเพิ่มขึ้นอีก และข่าวนี้จะใช่เรื่องจริงหรือเปล่า?”
"ซึ่งมีคนได้ตรวจสอบแล้ว และสถานการณ์ก็เป็นความจริง"
"แล้วทำไมรายงานรายได้จึงไม่ปรากฏขึ้นก่อนหน้านี้? ฉันมารู้ก็หลังจากที่ฉันขายหุ้นของบริษัทนี้ไปแล้ว มันน่าเกลียดมากจริงๆ"
"สิ่งนี้มันไม่ปกติ แสดงว่ารายงานทางการเงินของบริษัทนั้นเป็นของไตรมาสที่แล้ว และข้อตกลงความร่วมมือนี้ก็คงจะเสร็จขึ้นในภายหลัง หรืออาจจะใช้เวลานานเพราะต้องรอจนกว่าบริษัทน้ำแร่จะมีรายได้ ซึ่งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมารายได้ของเหมืองแร่วอลช์ยังคงเป็นศูนย์..."
"ฉันเสียใจที่ขายหุ้นของเหมืองแร่วอลช์ไปเมื่อไม่นานนี้ เพราะตอนนี้พวกเขาได้พบเส้นเลือดของการทำเงินแล้ว ทำให้ราคาหุ้นของเหมืองแร่วอลช์คงจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแน่นอน”
"แล้วพวกคุณจะรออะไร? ไปซื้อมันสิ!"
ผู้คนนับไม่ถ้วนเริ่มเข้าสู่ตลาดหุ้น และทำการสั่งซื้อหุ้นของเหมืองแร่วอลช์ แต่พวกเขาก็ค้นพบว่าหุ้นของเหมืองแร่วอลช์นั้นไม่มีบนกระดานหุ้น // เม่า
พวกเขาไม่ได้โง่
เมื่อรู้ว่าหุ้นของเหมืองแร่วอลช์จะพุ่งสูงขึ้น คนที่ถือหุ้นตัวนี้ไว้จะขายมันทำไม?
ซึ่งหุ้นส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในมือของแอนดี้ เขานั่งนิ่งๆ อยู่บนยอดดอย แล้วทำไมเขาถึงต้องขายมัน?
มันก็แค่นั้นแหละ
ราคาหุ้นของเหมืองแร่วอลช์เริ่มทะยานขึ้นจาก 0.03 ดอลลาร์ และก็พุ่งขึ้นไปทีละ 0.04 ดอลลาร์ 0.05 ดอลลาร์ 0.06 ดอลลาร์ พูดง่ายๆ คือกำลังเพิ่มขึ้นทีละ 0.01 ดอลลาร์
แค่ไม่กี่วัน
ราคาก็ไต่ขึ้นไปที่ 0.55 ดอลลาร์ต่อหุ้น ในราคานี้ ราคาของหุ้นก็เริ่มสงบลง แต่มันก็ยังเป็นข่าวดีอยู่ถึงแม้จะยังไม่เห็นผลที่เกิดขึ้นก็ตาม เพราะบริษัทน้ำแร่ยังไม่ได้รับการจัดตั้งขึ้น และยังไม่มีผลกำไรที่แท้จริง
ใครจะรู้ว่าจะทำเงินได้มากแค่ไหน?
แต่ถึงอย่างนั้นราคาก็พุ่งสูงขึ้นถึง 18 เท่าจากราคาต่ำสุด
หลายคนจึงกลับมาได้กำไร
เหนือสิ่งอื่นใดยังคงมีหุ้นที่ค้างอยู่ในตลาด และก่อนหน้ายังนี้มีคนที่ซื้อหุ้นของเหมืองแร่วอลช์ที่ราคา 1,000 ดอลลาร์
ทำให้ตอนนี้มันกลายเป็น 18,000 ดอลลาร์ไปแล้ว
แน่นอน
ฮาร์ดี้เป็นคนที่ทำเงินได้มากที่สุด
เขามีหุ้นอยู่ 75% และหุ้นที่จำหน่ายได้แล้ว 80% ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 92.5% ตอนนี้ราคาหุ้นได้พุ่งสูงขึ้น 18 เท่าและมูลค่าหุ้นของเหมืองแร่วอลช์ในมือของเขาก็พุ่งสูงขึ้นถึง 5 ล้านหุ้น
หลังจากอ่านข้อมูล ฮาร์ดี้ก็แสดงรอยยิ้มที่สบายใจบนใบหน้าของเขา มันง่ายมากที่จะทำเงินเพราะแอนดี้ในคือผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินที่เก่งกาจที่สุด
ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา
เขาได้ยินคำกล่าวว่าเหมืองทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกไม่มีความสำคัญในวอลล์สตรีท
เพราะวอลล์สตรีทเป็นเหมืองทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นเอง
"แอนดี้นายจะขายหุ้น และหมุนเวียนเป็นเงินสดต่อไปหรือไม่?" ฮาร์ดี้ถาม
แอนดี้ส่ายหัว "เหมืองแร่วอลช์ยังคงมีพื้นที่สำหรับการปั่นหุ้นอยู่อีกมาก ถ้าคุณต้องการเงินฉันสามารถช่วยคุณกู้เงินจากธนาคารสำหรับหุ้นที่คุณถืออยู่ได้ มันเป็นเรื่องง่ายที่จะได้สักสองหรือสามล้าน"
"โอเคถ้าอย่างนั้นก็ช่วยฉันยืมเงินมาสัก 1 ล้านก่อนนะ"