บทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 4 การตอบโต้ของผู้จงรักภักดีในการประชุมสภานิติบัญญาญัติจประจำจังหวัด (The Loyalist Action in Provincial Legislative Assembly)
การตอบโต้ของผู้จงรักภักดีในการประชุมสภาสภานิติบัญญัติประจำจังหวัด
(The Loyalist Action in Provincial Legislative Assembly)
รัฐโจเซ อาคารประชุมเร่งด่วนชั่วคราว
โต๊ะไม้ถูกตั้งล้อมรอบเป็นวงรี โดยหันหน้าไปทางที่นั่งชิดกำแพง ทุกโต๊ะมีชื่อของผู้ปกครองสูงสุด เหล่ากลุ่มผู้มีอำนาจในการปกครองทั้งหมด 10 รัฐของอาณานิคมอาริกาเซีย ในส่วนของโต๊ะที่ชิดกำแพงนั้นเป็นชื่อของตัวแทนรัฐโจเซ ดรูว์ แมคคอล ผู้ถูกเลือกให้เป็นประธานในที่ประชุม แม้ว่าตัวเขาไม่ได้อยากจะเป็น
ในห้องมีผู้คนจำนวนมาก มากเสียยิ่งกว่าการประชุมครั้งแรกในศาลากลางเมืองโรค การประชุมระดับนี้จำเป็นต้องมีผู้ช่วยในการคิดช่วย นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า เหตุใดกันที่หนึ่งโต๊ะจึงได้มีที่นั่งตามหลังหลายที่นั่ง
“ข้าไม่เข้าใจ” หนึ่งในผู้แทนกล่าวขึ้นในที่ประชุม
“การที่พวกเราจะต้องมานั่งพูดคุยในขณะที่พวกเราเองล้วนแล้วมีอำนาจในการเลือกการกระทำอยู่แล้ว” ชายวัยกลางคนผู้กล่าวในที่ประชุม บนโต๊ะของเขามีป้ายชื่อที่เป็นการบ่งบอกว่าเขาเป็นใครและมาจากรัฐอาณานิคมใดบนอาริกาเซีย
เฟรดดี้ มาร์ติน ผู้นำตระกูลใหญ่มาร์ติน ผู้แทนจากอาณานิคมชาร์ลส
“ก็เพราะว่า มีการลุกฮือโดยเจ้าพวกตอนใต้ยังไงเล่า!? พวกเราจึงต้องมาหารือที่พวกเราต้องแก้ไขโดยด่วน!” ชายชราใช้ไม้เท้าเคาะไปที่พื้นหลายครั้ง ชื่อของเขาถูกตั้งไว้บนโต๊ะผู้แทนจากนิลเฟล เอ็ดเวิร์ด เคลลี่ ผู้แทนจากอาณานิคมนิลเฟล
เมื่อไม่นานมานี้ ที่เอคริสเปียได้มีการต่อสู้กันเกิดขึ้น และชาวอาณานิคมได้ทำการลุกขึ้นมาตอบโต้ทหารประจำการลีโอเนียที่พยายามเข้าเมืองกรีนโมตาลีเพื่อค้นอาวุธนอกกฎหมาย การตอบโต้นั้นสร้างความเสียหายไปยังทหารลีโอเนียที่ประจำการในอาริกาเซียอย่างมาก ไม่เพียงแค่ชาวบ้านธรรมดาต่อต้าน แต่พวกเขาก็ยังสามารถชนะกองกำลังที่เป็นมหาอำนาจของอองโทรานได้อีกด้วย
แน่นอนว่าไม่ช้า เจ้าอาณานิคมจะต้องส่งกองทัพเข้าปราบปรามผู้ที่กล้าต่อต้าน และมันก็จะเป็นการปราบปรามที่โหดร้ายในความคิดส่วนลึกของชาวอาณานิคมอย่างแน่นอน
ชายหนุ่มในเครื่องแบบขุนนางลีโอ ลุกขึ้นยืน ก่อนจะใช้สายตามองไปทั่วที่ประชุม เขาเริ่มกล่าวความคิดเห็นของตัวเองให้ผู้แทนคนอื่นๆในที่ประชุมได้ยินได้ฟัง
“การกระทำอันโง่เขลาของชาวเอคริสเปียที่ทำการต่อต้าน การตรวจค้นที่ถูกต้องตามกฎหมายนั้นเป็นเรื่องที่ผิด และการสังหารทหารแห่งสหจักรวรรดิลีโอเนียเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะให้อภัยได้…” เขาหยุดชะงัก “พวกเขาได้ทำให้ การพูดคุยเจรจาหาทางออกระหว่างสองโลก กลายเป็นเรื่องสูญเปล่า! พวกเราควรที่จะอยู่เฉยๆไม่ยุ่งกับเอคริสเปีย จนกว่ากองกำลังลีโอเนียจะถูกส่งมายังอาริกาเซีย และหยุดความขัดแย้งที่บ้าบอนี้เสีย…”
ผู้แทนจากอีกฝั่งก็พูดตอบโต้ทันทีที่เขากล่าวเสร็จ
“ ฉันขอเตือนคุณวาเลเรียนอีกครั้ง!
เลือดได้หลั่งไหลทั่วดินแดนไปนานแล้ว
เลือดเนื้อของชาวอาริกาเซีย!
“ในขณะที่พวกเรากำลังนั่งหาเรื่องโต้เถียงกัน พี่น้องชาวเราในเอคริสเปียนั้น กลับกำลังต่อสู้กับมหาจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่อย่างกล้าหาญ โดยตัวคนเดียว…” ผู้แทนจากอาณานิคมแคนน่าน เฮเลน ฮอว์กินส์ เธอกล่าวด้วยนํ้าเสียงที่ผิดหวังปนเศร้า สิ้นเสียงของผู้แทนสาว เสียงเคาะโต๊ะที่เป็นเหมือนการเห็นด้วยของสมาชิกสภาของอาณานิคมในที่ประชุมก็ดังขึ้น
“ไม่พอแค่นั้น! พวกเขายังเป็นเพียงแค่ชาวบ้านทั่วไป แต่พวกเขาได้สร้างปาฏิหาริย์ที่เป็นไปไม่ได้… พวกเขาขับไล่กองกำลังลีโอเนียออกจากเมืองกรีนโมตาลี!”
ใช่!! เธอหยุดให้เสร็จเห็นด้วยจากฝั่งของเธอดังขึ้นอยู่ขณะ ก่อนที่เฮเลนจะกล่าวต่อด้วยนํ้าเสียงที่จริงจัง
“เราต้องส่งอาวุธ เสบียงอาหาร และการสนับสนุนแก่เอคริสเปีย พวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากชาวเรา!”
อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าสภาจะมีแต่กลุ่มที่ต่อต้านลีโอเนียเหมือนกับเธอทั้งหมด…
ผู้ที่ถูกกล่าวว่านามวาเลเรียน ลุกขึ้นจากโต๊ะของเขาและกล่าวอภิปรายตอบโต้เฮเลนด้วยเหตุและผลของฝั่งเขา
“อาณานิคมแห่งเดียวไม่สามารถที่จะบอกให้ น้องสาว(1)คนอื่นๆมุ่งเข้าสู่สงครามที่ไม่ได้เป็นคนก่อได้” วาเลเรียน แชมเบอร์ส เป็นชายวัยกลางคน ผู้นำตระกูลแชมเบอร์สแห่งอาณานิคมนิวลีโอ นิวลีโอถือเป็นรัฐอาณานิคมที่เก่าแก่และมีอำนาจเยอะอย่างมาก
แน่นอนว่าสิ่งที่เขากล่าวมาก็ล้วนเป็นเรื่องที่ผู้แทนหลายคนเห็นด้วยเป็นส่วนมาก ใครจะไปอยากสู้กับเจ้าอาณานิคมที่ยิ่งใหญ่กัน?
“สงคราม ไม่ใช่สิ่งที่อาณานิคมต้องการ!” วาเลเรียนชะงัก “การที่ท่านมานเนสแห่งเอคริสเปีย ตั้งตัวเป็นกบฏต่อสหจักรวรรดินั้น… เป็นเรื่องที่เรามิควรยุ่งเกี่ยวด้วย ซึ่งรวมไปถึงการช่วยเหลือพวกกบฏ ไม่ว่าจะเป็นด้านใดๆก็ตามแต่ หากเราต้องการยุติความขัดแย้งระหว่างเจ้าอาณานิคมและอาณานิคมของเราเอง พวกเราจะต้องเสนอการเจรจาต่อองค์จักรพรรดิโดยตรง!” สิ้นเสียง เหล่าผู้แทนที่ลังเลก็เริ่มหันมาเห็นด้วยกับผู้แทนนิวลีโออย่างวาเลเรียนจำนวนที่เยอะขึ้น
การอภิปรายของเขาเป็นเหตุเป็นผล วาเลเรียนนั้นเป็นคนที่ตรงไปตรงมา แม้ว่าความจริงแล้วเขาจะเป็นผู้ที่ไม่ต้องการความวุ่นวายในรัฐอาณานิคมของตัวเขา
…ไม่ใช่ทุกคนที่ไม่กลัวลีโอเนียเหมือนเอคริสเปีย ผู้แทนผู้นำหลายคนล้วนแล้วไม่แน่ใจ หากการต่อต้านต่อไปเช่นนี้จะเป็นไปได้หรือไม่
“ทุกท่านที่เคารพ สันติภาพนั้นสามารถทำได้หากเราส่งสารความต้องการของเราโดยตรงไปยังราชสำนัก” วาเลเรียนหยุดชะงัก “ความขัดแย้งนั้นควรที่หยุดลง การนองเลือดนั้นไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นอีก สันติภาพจะมาสู่ทุกอาณานิคม… เราขอเสนอให้ทำการส่งสารสันติภาพไปยังราชสำนัก เพื่อคืนความสงบสุขแด่ทุกอาณานิคมแห่งลีโอเนีย ต่อให้ต้องแลกด้วยกฎหมายจากสภาสูงหรือจากราชสำนักก็ตาม…”
“สนับสนุน!!” ผู้แทนรัฐนิลเฟล เอ็ดเวิร์ดลุกขึ้นยื่นและตะโกนขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเห็นด้วยของผู้ที่เริ่มเชื่อในคำพูดของวาเรเรียน
หากจะพูดถึงกลุ่มผู้คนที่ยังรับใช้ลีโอเนียก็คงไม่พ้นนิลเฟลและนิวลีโอ ทั้งสองเป็นผู้นำรัฐอาณานิคมที่มีอำนาจอย่างมาก นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดพวกเขาถึงได้เชื่อมั่นว่าการเจรจากับสหจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ยังคงเป็นไปได้
“ขออภัย” ชายคนหนึ่งลุกขึ้นจากที่นั่งของเขา ป้ายบนโต๊ะชี้ว่าตัวเขามาจากอาณานิคมนิวเซนดัม
ประธานที่ประชุมหันไปหาผู้ช่วยที่ประชุม ก่อนที่ผู้ช่วยจะลุกขึ้นและทุบไม้เท้าลงพื้น เป็นสัญญาณให้หยุดพูดกันก่อน
“โรบิน มาร์ช… นิวเซนดัม” ประธานที่ประชุมพูดขึ้น
“ขอบคุณท่านประธาน” เขาก้มหัวก่อนจะเอ่ยขึ้นในที่ประชุม “มาตรการใดที่จะทำให้มหาอำนาจของอองโทรานยอมรับความผิดของผู้ก่อการจลาจล ต่อให้ท่านส่งมอบข้อความยุติความขัดแย้งต่อราชสำนัก ท่านคิดหรือว่าพวกเขาจะสนใจ ท่านแน่ใจแล้วหรือว่าพวกเขาจะไม่ลงโทษอาณานิคมอื่นๆ?”
“เราแน่ใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ เมื่อการจลาจลในเอคริสเปียถูกปราบปราม อาณานิคมทั้ง 11 แห่งจะกลับไปสู่วันวานที่สงบสุข” วาเลเรียนใช้หางตาเหลือบมองไปยังโต๊ะของผู้ที่ยังอยู่นั่งเงียบอยู่ แน่นอนว่าคนที่ถูกมองก็คือ ผู้นำของรัฐเอคริสเปีย มานเนส โอเวอร์ไดจ์ค เขาไม่ได้กล่าวอะไรมาตั้งแต่เข้ามายังที่ประชุมแห่งนี้
“เราจะหมดหนทางที่สงบสุขทั้งหมด หากการต่อต้านยังลุกฮือต่อไป… มานเนส โอเวอร์ไดจ์ค ท่านควรที่จะหยุดติปลุกปั่นมิให้ชาวเอคริสเปียของท่านทำการต่อต้านอันไร้ประโยชน์เสียเถิด หากท่านยังคงอยากมีลมหายใจอยู่…” วาเลเรียนกล่าวด้วยนํ้าเสียงที่อ่อนลง แต่ในคำกล่าวของเขาก็แฝงไปด้วยการดูถูก
…
“สิ่งที่คุณวาเลเรียนกล่าวมานั้น มันทำให้เราเสียหายอย่างในฐานะของรัฐที่ต้องความถูกต้อง เสรีภาพ และ ความเท่าเทียม” เหล่าผู้แทนในห้องเริ่มหันมาสนใจกับคำตอบของมานเนส เขาถอนหายใจเสียดังและกล่าวใส่หน้าของวาเลเลเรียนด้วยนํ้าเสียงที่เกรี้ยวกราด
“ท่านต้องการให้พวกเราชาวอาริกาเซียต้องอัปยศอดสู ต้องต้องการให้เราลงไปนอนลงกับพื้นดินเหมือนหมา คลานไปที่ห้องใต้คุกใต้ดินและยอมการจำนนอย่างน่าสังเวช!! อ้อนวอนถวายฎีขอการให้อภัยโทษในสิ่งที่เราไม่ผิด! หาก-”
ตึง ตึง “มานเนส โอเวอร์ไดจ์ค! โอเวอร์ไดจ์ค!”
ประธานในที่ประชุมตะโกนชื่อของมานเนส และสั่งให้ผู้ช่วยเคาะไม้เท้าหยุดการพูดของมานเนส ก่อนที่ห้องประชุมจะกลายไปเป็นสนามรบของชนชั้นสูง ประธานในที่ประชุมต้องรีบหักห้ามไว้เสียก่อน แน่นอนว่าเขาชะงักเล็กน้อยก่อนจะกล่าวออกมา
“หากท่านต้องการสันติภาพความสงบสุข ก็จงเข้าร่วมกับเราหรือตาย!”
“มานเนส! ข้าขอเตือนเจ้า การลุกฮือในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นตั้งแต่แรก แต่เจ้ากลับพาพวกมันขึ้นโผล่ขึ้นมาบนดินแดนใต้การปกครองของสหจักรวรรดิ! เจ้าควรที่จะดูแลตระกูลของเจ้าให้ปลอดภัยดีกว่าลงไปคลุกดินกับพวกชาวบ้านพวกนั้น เจ้าทำให้เหล่าผู้ปกครองเสียเกียรติ !!” เอ็ดเวิร์ดกล่าวว่าผู้นำเอคริสเปีย
“ใจเย็นๆก่อนท่านเอ็ดเวิร์ด” วาเรเรียนหักห้ามชายชรา “ข้าเข้าใจว่าชาวเมืองของท่านโกรธสิ่งที่ชาวลีโอเนียได้กระทำ แต่ว่าพวกเราควรเลือกเส้นทางที่ดีกว่านี้”
แน่นอนว่าคำพูดของเวเรเรียนนั้นคือความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ห้องประชุมสภาสภานิติบัญญัติประจำจังหวัด ได้ถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มทันที กลุ่มแรกนำโดยรัฐนิวลีโอจากตอนเหนือเป็นผู้ที่ต้องการหยุดการนองเลือด และ กลุ่มที่สองที่รวมตัวกันโดยส่วนใหญ่มาจากตอนใต้ของอาริกาเซีย ที่ต้องการต่อต้านลีโอเนีย
ประธานในที่ประชุมใช้ค้อนเคาะโต๊ะ เพื่อหยุดความวุ่นวายในที่ประชุม ก่อนประธานจะเริ่มป่าวประกาศขึ้นในห้อง
“ท่านวาเลเรียนได้จัดญัตติเพื่อยื่นคำร้องสันติภาพต่อราชสำนัก ถูกสร้างขึ้นในประชุมในครั้งนี้ ตามรูปแบบของสภาสูง เราจะดำเนินการลงมติเสียงตามชื่อรัฐทั้ง 10 แห่ง เริ่มจากตอนเหนือลงไปยังใต้ของอาริกาเซีย เว้นไว้เพียงโฟลิโอที่ยังคงไม่สามารถออกจากเมืองบอสตันได้” กล่าวเสร็จประธานในที่ประชุมก็หันไปมองผู้ช่วยของเขาเพื่อส่งสัญญาณเริ่มการลงเสียงของแต่ละรัฐอาณานิคม
“นิวลีโอ” “ใช่”
“นิลเฟล” “ใช่”
“โจเซ” “งดออกเสียง”
“วัลเทอร์” “ใช่”
“ชาร์ลส” “ใช่”
“เอคริสเปีย” “ไม่”
“เดอลากูร์” “ใช่”
“เบอร์เกน” “ไม่”
“แคนน่าน” “ไม่”
“นิวเซนดัม” “ไม่”
“ผลการลงมติ เห็นด้วยกับการส่งสารไปยังราชสำนักจำนวน 5 รัฐ ในไม่เห็นด้วย 4 รัฐ งดออกเสียง 1 รัฐ…” ทุกคนในห้องหันไปมองผู้แทนรัฐโจเซ เทลลามาซีร์ แมคคอล บุตตรีของดรูว์ แมคคอล ประธานในที่ประชุม
“สมัชชาแห่งโจเซร่าง ครั้งที่สองได้ทำการลงมติยื่นคำร้องสันติภาพต่อราชสำนัก ด้วยเสียงข้างมากชนะ พวกเราจะส่งผู้แทนพร้อมกับสารไปยังราชสำนักโดยตรงผ่านขุนนางชั้นสูงของลีโอเนีย… หากเป็นไปได้พวกเราจะใช้อุปกรณ์เวทมนตร์เพื่อความรวดเร็ว”
……
…
…
.
.
.
.
.
.
ร้านอาหารเมืองโจเซ หลังการประชุมสมัชชาอาณานิคม
โต๊ะอาหารเต็มไปด้วยผู้นำตระกูลใหญ่โต้ของอาณานิคม ทุกคนมีสีหน้าที่เคร่งเครียดอยู่บ้าง ก่อนที่ชายในชุดขุนนางจะกล่าวขึ้นบนโต๊ะอาหาร เป็นวาเรเรียน
“ขอบคุณ คุณหนูเทลลามาซีร์ ที่เลือกงดออกเสียงในครั้งนี้” เขายกยิ้มให้กับหญิงสาวอมนุษย์ตรงหน้า เธอเป็นอมนุษย์เผ่าแมว ตามมารดาของเธอที่เป็นอมนุษย์ในขณะที่บิดาของเธอ ผู้ซึ่งเป็นผู้นำรัฐโจเซเป็นมนุษย์ทั่วไป
“เราทำตามเสียงหารือกันระหว่างคนในตระกูลแมคคอล รัฐโจเซยังคงไม่สามารถบอกได้ว่าอนาคตของอาริกาเซียจะไปในทางใด” เทลลามาซีร์กล่าวเสียงนิ่ง ความจริงเธอไม่อยากจะมานั่งพูดคุยกับผู้ภักดีต่อลีโอเนียด้วยซํ่าหากแต่ มารยาทนั้นต้องมาก่อน
“การต่อต้านลีโอเนีย คือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้” วาเรเรียนชะงัก “ สิ่งที่เราจะทำก็คือก็หยุดการนองเลือดที่ไม่จำเป็น ยิ่งการต่อต้านมีความเท่าไร อาริกาเซียก็จะไม่มีที่ยืนบนอองโทรานอีกต่อไป เราจะต้องรับร่วมกับข้าราชการเพื่อยุติความวุ่นวายในอาริกาเซีย และ…
เราจะปลอดภัยภายใต้ความโกรธเกรี้ยวของสหจักรวรรดิลีโอเนีย
… เทลลามาซีร์ไม่พูดตอบอะไรชายตรงหน้าของเธอ มีเพียงแค่เสียงของคนของวาเรเรียนเท่านั้นที่ส่งเสียงเห็นด้วยกับคำกล่าวของเขา กลุ่มของผู้จงรักภักดีนั่งคุยกันต่อไปอีกหลายนาที ก่อนที่จะเทลลามาซีร์ลุกขึ้นขอตัวกลับไปทำงานของเธอ โดยหลังจากที่เธอออกไปจากร้านแล้ว เสียงดังของเอ็ดเวิร์ดก็ดังออกมาจนเธอได้ยิน
“สหจักรวรรดิลีโอเนียจงเจริญ! องค์พระจักรพรรดิอยู่ข้างเรา”
เทลลามาซีร์ผู้ซึ่งเป็นครึ่งมนุษย์รับรู้ได้เพราะหูแมวของเธอ แน่นอนว่าใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ เธอมิใช่กลุ่มผู้รักในลีโอเนีย หรือกลุ่มผู้รักความมั่นคงของดินแดนตัวเอง ผู้ที่ทำตัวประดุจดังขุนนางในลีโอเนีย
เหล่าคนที่ไม่ควรจะปกครองดินแดนบนโลกใหม่แห่งนี้…
เธอเป็นกลุ่มต่อต้านที่ไม่สามารถที่จะออกเสียงได้ ไม่ใช่ว่าเธอเลือกที่จะงดเสียงและยอมต่อลีโอเนีย เธอเป็นผู้ที่จบการศึกษาในโลกเก่าอย่างอัลชลาฟไวส์ ซึ่งหาแทบไม่ได้ที่ชาวอาณานิคมจะสามารถไปเรียนไปอัลชลาฟไวส์ เธอยกยิ้มภายใต้ความโกรธของเสียงข้างหลังของเธอ
“การเมืองคือศิลปะของความเป็นไปได้” เทลลามาซีร์กล่าวออกมาเบาๆ แม้ว่าเสียงของเธอนั้นจะเต็มไปด้วยความลังเล
“ดักลาส แมรี่แลนด์ ศิลปะที่ว่าการทำสิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้คือสิ่งที่ดีจริงแล้วหรือ? คำขอร้องของคุณมันช่างน่าแปลกใจจริงๆ”
Ref ของตอนนี้ได้4มาจากซีรี่ย์ John adams อย่างมากๆ และตอนที่ 4 นี้จะเน้นไปยังบุคคลที่ขึ้นในประวัติศาสตร์ของอองโทราน เลยทำให้มีชื่อตัวละครเยอะกว่าปกติ มีแต่บทประชุมด้านการเมืองเยอะไปหน่อย Act2 เป็นอะไรที่เหนื่อยสุดๆไปเลยเจ้าค่ะ
ปล.ขออภัยที่อัปโหลดช้าด้วยนะเจ้าค่ะ พอดีมีการแก้ไขตั้งแต่ตอนที่ 1 เลยอาจจะอัปช้าลง + งาน-โปรเจกต์เต็มหัวเลยเจ้าค่ะ--
น้องสาว(1) : หมายถึง อาณานิคมที่มีต้นกำเนิดเหมือนกันถือว่าเป็นพี่น้องอาณานิคม โดยมีมาตุภูมิจากที่เดียวกันเป็นผู้ให้กำเนิดอาณานิคม เนื่องจากอาณานิคมอาริกาเซียมีจำนวน 11 รัฐอาณานิคม ไม่ใช่อาณานิคมที่โดดเดี่ยว จึงถือว่ามีพี่น้องจำนวน 11 รัฐ