ตอนที่แล้วตอนที่ 077 ฟิวเจอร์น้ำมัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 079 ไม่เหมาะกับซื้อไว้ชั่วคราวหรอก

ตอนที่ 078 ผู้จัดการหวางอาละวาด


ซูแคนหันหน้าไปมองโทรศัพท์

ใครกัน?

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็จะลุกไปรับสาย

"เจ้านายคะ"

เสียงนุ่มละมุ่นดังขึ้น

"จางหม่านเหรอ?"

ซูแคนถามกลับเบาๆ

"ค่ะเจ้านาย ตอนนี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ตลาดหุ้นฮ่องกง และโซนเพื่อนบ้านได้เปิดแล้ว หุ้นของเราขึ้นจนทำกำไรได้แล้วค่ะ"

จางหม่านพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

"ยิ่งกว่านั้น ตลาดหุ้นอเมริกาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อวานนี้ ตอนนี้ได้กำไรจากเมื่อวาน 70 ล้านแล้วค่ะ"

"กำไรรวมสองวันตอนนี้เกือบ 300 ล้านค่ะ"

จางหม่านพูดอย่างตื่นเต้น

เงินต้น 3,000 ล้าน เข้าตลาดหุ้น 2 วันตอนนี้ได้กำไรแล้ว 300 ล้าน

ที่น่ากลัวคือสามารถทำกำไรได้มากถึง 10% ในเวลาเพียงสองวัน

จางหม่านทำงานแค่สองวันก็เห็นซูแคนมีรายได้แล้ว 300 ล้าน เธอรู้สึกว่าเงินนั้นหาง่ายเกินไปแล้ว

สมัยก่อนกว่าเธอจะหาเงินมาจ่ายค่าเทอมได้ ต้องลำบากแค่ไหน

แต่ตอนนี้เธอต้องมาจัดการเงินเป็น 100 เป็น 1,000 ล้าน จากบัญชีของบริษัทว่านเซี่ยง

นี่คือสิ่งที่เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลย เรื่องที่เกิดขึ้นมาสองวันนี้เหมือนกับความฝันของเธอ

ซูแคนเมื่อได้ยินเสียงที่ตื่นเต้นของจางหม่าน เขาก็พูดด้วยรอยยิ้ม

"ใจเย็นๆจางหม่าน ตอนนี้ตลาดมันเพิ่งเปิด เดี๋ยวหุ้นบางตัวก็ลงแล้ว"

หลังจากตลาดหุ้นเปิดจะมีหุ้นที่ขึ้นอย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้นส่วนใหญ่ภายในครึ่งชั่วโมงหุ้นพวกนั้นก็จะลงจนกราฟเป็นสีแดงทั้งนั้น

เว้นแต่จะหุ้นปีศาจ หรือหุ้นลมบ้าหมู ที่ขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่ลงมาสักนิดเดียว

แต่โอกาสที่จะเจอหุ้นพวกนี้ก็น้อยมาก

แม้ว่าจะอัดฉีดหุ้นพวกนั้นมากเกินไป ราคาของหุ้นก็จะสูงขึ้นไปอีก ซึ่งมันทำให้คนส่วนใหญ่ขายหุ้นช่วงหุ้นที่กำลังขึ้น

ในกรณีนี้ถ้าไม่มีใครใหม่มาซื้อ คนที่อัดฉีดหุ้นไปตอนแรกก็จะขาดทุนแบบยับเยิน

ซูแคนจำได้ว่าในฟองสบู่ครั้งก่อน ผู้คนจำนวนมากได้ลงเงินไปกับหุ้นจำนวนนับไม่ถ้วน

บริษัทได้เปิดตัวขึ้นอีกเป็นหลายสิบแห่งหลายร้อยแห่ง มูลค่าทางการตลาดของหุ้นก็ยิ่งแข่งกันสูงขึ้นไปอีก

จนกระทั่งฟองสบู่นั่นแตกลง เกิดเป็นวิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์

ในตลาดหุ้นอเมริกา ผู้คนนับไม่ถ้วนล้วนล้มละลาย บางคนก็กระโดดตึกหนีหนี้ แถมยังมีประเทศที่ได้รับผลจากวิกฤตการณ์นี้อีกหลายสิบประเทศ

แต่ก็คือเป็นโอกาสที่พลาดไม่ได้เช่นกัน น่าเสียดายที่กว่าจะเกิดวิกฤตนี้ก็อีกหลายสิบปี

อย่างไรก็ตามก็ยังสามารถหาประโยชน์จากโอกาสนั้นเพื่อทำเงินได้อยู่

วิกฤตการณ์นั้น ทำให้คนขาดทุนมากถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงที่สุดในประวัติศาสตร์

หากลุงทุนถูกต้องละก็ จะต้องได้รับเงินส่วนแบ่งจากคนที่ขาดทุนพวกนั้น มหาศาลเชียวล่ะ

"เข้าใจแล้วค่ะ"

จางหม่านตอบด้วยรอยยิ้มก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงสงสัยว่า

"เจ้านายคะ เมื่อวานที่ผู้จัดการหวางไปส่ง ได้มีเรื่องอะไรกันรึเปล่าคะ?"

"ว่าไงนะ..."

ซูแคนตกใจเล็กน้อย

จางหม่าน หัวเราะคิกคักและพูดต่อว่า

"ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรอกนะคะ แต่หน้าของผู้จัดการหวางวันนี้ที่ HSBC วันนี้ดูหงุดหงิดมากเลยค่ะ"

"เธอคุมงานลูกน้องของเธอโหดมากค่ะวันนี้ เหมือนมีปีศาจคอยบังการให้ทำงานอยู่ตลอดเวลา"

"เอ่อ"

หน้าผากของซูแคนมีเหงื่อออกมาเล็กน้อย

อะไรกันเนี่ย

เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย

"ไม่ได้มีเรื่องอะไรซักหน่อยนะ"

ซูแคนพูดต่อว่า

"จางหม่าน เดี๋ยวตลาดหุ้นปิดมาหาฉันหน่อย ฉันมีอะไรจะให้เธอทำ ก่อนฉันจะออกจากเซียงเจียงวันพรุ่งนี้"

"หัวหน้า จะไปจากเซียงเจียงเหรอคะ"

จางหม่านถามเสียงดัง

"ใช่"

ซูแคนตอบ

"ในอนาคต เธอจะต้องเป็นคนรับผิดชอบกิจการในเซียงเจียง เดี๋ยวฉันจะโทรหาเธอเอง"

"รับทราบค่ะ"

จางหม่านตอบ

หลังจากวางสายแล้วซูแคนก็มองไปที่นอกหน้าต่างโดยไม่รู้ว่าเขาจะร้องไห้หรือหัวเราะดี

ผู้จัดการหวางอารมณ์เสียในวันนี้ดูเหมือนจะเป็นเพราะเขาสินะ

ก็เมื่อวานมันดึกมากแล้ว จะมากินชาอะไรกันสองต่อสองอีก

"เฮ้อ"

ซูแคนถอนหายใจพร้อมกัยยิ้ม

เขากวาดสายตามองตึกที่อยู่ข้างๆหน้าเขา เกือบจะได้เวลากลับบ้านแล้วสิ

ตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบ 2 อาทิตย์แล้ว หวางเอ๋อกับเสี่ยวหู่น่าจะทำร้าน KFC ใกล้เสร็จแล้วแน่ๆ

เขาต้องกลับไปดูให้เห็นกับตาว่าร้านมันจะเป็นยังไง

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในหนานจิง บริษัทฮัวเซี่ย ก็ได้ก่อกำเนิดขึ้น ในอนาคตบริษัทนี้จะกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ไม่มีใครเทียบได้ในโลก

มูลค่าของบริษัทยักษ์ใหญ่รายนี้อาจมีสูงถึงหลายแสนล้าน หรืออาจจะเป็นล้านล้านเลยก็ได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์

ที่ผ่านมาเห็นได้ชัด บริษัทรถยนต์หลายเจ้าได้มาทำการตลาดในประเทศจีนแต่สุดท้ายส่วนใหญ่ก็ยอมแพ้ และเลิกกิจการในประเทศจีนไปเกือบหมด

เหลือแค่เพียงบริษัทรถยนตร์จากอเมริกา กับยุโรปบางเจ้าเท่านั้น ซึ่งจะขายให้เฉพาะกับกลุ่มชั้นชนกลางไปจนถึงชนชั้นสูง

ยอดขายรถในจีนสูงเป็นสองเท่าของยอดขายรถทั้งหมดในทุกประเทศซะอีก

นี่เป็นแค่อุตสาหกรรมรถยนต์อย่างเดียว

ยังมีอุตสาหกรรมที่เหลือที่เติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน ในตลาดที่มีประชาการ 1,300 ล้านคน ใครก็ตามที่ตีตลาดตรงนี้แตกได้ ก็จะได้รับผลตอบแทนมหาศาล

ซูแคนหยิบบัตรออกมาดู ในบัตรใบนี้มีเงินอยู่ข้างใน 50 ล้าน

ถ้ารวมกับเงินจากในบริษัทว่านเซี่ยงอีก 30 ก็จะมี 80 ล้าน

ซูแคนใจเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย

"ถ้าเราแบ่งเงินให้หมุนเวียนในบริษัทแค่ 10 ล้านแล้วเอาที่เหลือทั้งหมดไปลงในฟิวเจอร์น้ำมันละก็…"

ฟิวเจอร์ 70 ล้านสามารถเพิ่มได้ถึง 3 เท่า เต็มที่ก็จะได้กองทุนประมาณ 200 ล้าน

แล้วถ้าได้กำไรจาก HSBC มาด้วย แล้วนำเงินส่วนนั้นมาเลเวอเรจในการซื้อฟิวเจอร์น้ำมันอีก

ถ้า HSBC ยอมให้เราเล่นเลเวอเรจละก็….

"พวกนั้นต้องไม่ยอมพลาดโอกาสแบบนี้แน่ๆ"

ซูแคนยิ้มเล็กน้อย เขาคิดว่าธนาคาร HSBC จะยินดีร่วมมือกับเขาอย่างแน่นอน

มันเป็นโอกาสที่ดีของทั้งสองฝ่าย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด