SWO ตอนที่ 47 แต้มโชค ข้ามาแล้ว!
"อะไรนะ? ผู้บัญชาการจ้าว นี่ท่านมีของล้ำค่าขนาดนี้อยู่กับตัวด้วยงั้นรึ?”
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่มันปล่อยออกมา ประธานเหอและคนที่เหลือต่างก็มองไปทางคริสตัลสีเขียว
แม้โจวเฮาจะสงสัยว่าหินแห่งชีวิตคืออะไร แต่เขาไม่คิดถามออกไป
ผู้บัญชาการจ้าวมองไปที่หินแห่งชีวิตก่อนกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ “ข้าโชคดีได้รับมันมาจากการผจญภัยในส่วนลึกของพื้นที่รกร้าง”
ประธานเหอและคนที่เหลือมองไปยังผู้บัญชาการจ้าวด้วยความอิจฉา
“หินแห่งชีวิตนั้นหายากมาก ไม่เพียงแต่สามารถปรับปรุงยีน และเพิ่มอายุขัยได้เท่านั้น แต่ยังช่วยปรับปรุงเรื่องการควบคุมร่างกายอย่างละเอียดอีกด้วย ด้วยสิ่งนี้การจะไปถึงระดับปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธขั้นสูงสุดก็ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป หรือกระทั่งมีโอกาสทะลวงไปสู่ระดับที่สูงกว่า!” ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธสกุลหยูกล่าวอย่างอดไม่ได้
ผู้บัญชาการจ้าวพยักหน้า "ใช่ ด้วยหินแห่งชีวิตข้าจึงค่อย ๆ เลื่อนขั้นตัวเองจนเป็นปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธขั้นสูง อย่างไรก็ดีศักยภาพของข้าได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว มันยากมากสำหรับข้าที่จะพึ่งพามันเพื่อทะลวงระดับต่อไป!”
“ด้วยเหตุนี้เองข้าจึงคิดเอามันมาเป็นรางวัลสำหรับการทำความสะอาดในครั้งนี้”
เมื่อได้ยินดังนั้น ประธานเหอ และเหล่าปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธต่างก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“ผู้บัญชาการจ้าว ข้าขอทราบได้รึไม่ว่าเกณฑ์การได้รับมันคืออะไร?” ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธคนหนึ่งถามขึ้น ท้ายที่สุดหินแห่งชีวิตก็มีเพียงก้อนเดียว
ผู้บัญชาการจ้าวยิ้ม “ง่ายมาก การทำความสะอาดครั้งนี้จะถูกแบ่งออกเป็นสี่ทีม ซึ่งเมื่อรวมข้า กับเฒ่าโจวเข้าไปด้วยก็จะกลายเป็นหกทีม ทีมใดจัดการแมลงเงาได้มากที่สุดก็จะได้รับหินแห่งชีวิตไป”
เหล่าปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากได้ยิน
ในแง่ของจำนวนเผ่าพันธุ์ภายนอกที่ถูกจัดการ พวกเขานั้นด้อยกว่าผู้บัญชาการจ้าว และโจวเฮาอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ถ้าเป็นแมลงเงาเรื่องมันจะต่างออกไป
ต้องรู้ว่าแมลงเงาเป็นแมลงประเภทที่ลึกลับที่สุดในเผ่าแมลง แม้แต่อุปกรณ์ตรวจจับของเมืองก็ไม่สามารถตรวจพบพวกมันได้ กระทั่งปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธเองก็แทบไม่สามารถหาร่องรอยของมันด้วยสัมผัสได้
ดังนั้นการฆ่าแมลงเงาจึงเป็นงานที่ทั้งละเอียดอ่อน และพิถีพิถัน มันอาศัยความพยายาม และโชค มากกว่าความแข็งแกร่ง
“หินแห่งชีวิตสามารถฟื้นฟูร่างกายได้?” โจวเฮาอดตื่นเต้นไม่ได้ สภาพแวดล้อมที่ทำงานของพ่อเขาแย่มากจนทำให้ร่างกายของเขาย่ำแย่ นั่นทำให้เขากังวลอยู่เสมอว่าจะรักษาร่างกายของพ่ออย่างไร มาตอนนี้หลังจากพบว่าหินแห่งชีวิตมีผลอัศจรรย์เช่นนี้มันทำให้เขามีหวังขึ้นมา
“มีใครจะเสนออะไรเพิ่มไหม?” ผู้บัญชาการจ้าวมองไปรอบ ๆ
ไม่มีใครตอบกลับ
“เอาล่ะ ในเมื่อเป็นแบบนี้งั้นเราก็เอาตามที่ข้าว่าละกัน อีกสักครู่ ข้าจะให้หน่วยข่าวกรองแจกจ่ายแผนที่โดยละเอียดของพื้นที่รกร้างไปยังหน้าจอบนแขนของพวกเจ้า จากนั้นให้ทุกคนสร้างช่องทางร่วมกันเพื่อความสะดวกในการสื่อสาร”
ชุดเต่าดำของโจวเฮานั้นมาพร้อมกับอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่าชุดเกราะอื่น ๆ ดังนั้นโจวเฮาจึงไม่กังวลว่าเขาจะไม่สามารถเชื่อมต่อกับช่องได้
ติด
ช่องถูกสร้างสำเร็จพร้อมแผนที่โดยละเอียดที่ถูกส่งเข้ามา
โจวเฮาเปิดมัน และพบว่าแผนที่ของพื้นที่รกร้างนอกเมืองนั้นถูกแสดงไว้อย่างละเอียด ในหมู่พวกมัน อสูรระดับแม่ทัพจะมีเครื่องหมายวงกลมสีน้ำเงินกำกับไว้
ส่วนสัตว์อสูรระดับราชันจะถูกทำเครื่องหมายด้วยวงกลมสีแดง
ไม่มีเผ่าพันธุ์ภายนอกใดที่แข็งแกร่งไปกว่าระดับราชันในพื้นที่รกร้างนอกเมืองหัวตง
“ไปกันเถอะ!”
กลุ่มค่อย ๆ ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าทีละคน
ผู้บัญชาการกองพันคนอื่น ๆ ที่แนวป้องกันสถานีทางตะวันออกมองด้วยอิจฉา
…
ณ แอเรีย 217
พื้นที่หุบเขาที่มีหุบเขาลึกมากเป็นพิเศษ
คลื่นของลมหนาวที่ปะปนกับเสียงคำรามต่ำแผ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง มันเป็นจุดที่แม้แต่ปรมาจารย์ธรรมดาก็ไม่กล้าเข้าใกล้
โดยเฉพาะช่วงกลางดึกที่ไม่มีแม้แต่ทีมล่าสัตว์
บูม
โจวเฮาลงจอดที่นี่ เมืองหัวตงนั้นมีพื้นที่รกร้างมากกว่า 200 แห่ง ในหมู่พวกมันมีเพียงสามสิบแห่งเท่านั้นที่มีสัตว์อสูรระดับราชันอาศัยอยู่
ซึ่งแน่นอนว่าจระเข้มังกรเขี้ยวเหล็กในป่าพรุแดงที่ถูกเขาจัดการไปเป็นหนึ่งในสามสิบแห่งที่ว่า
เหตุที่เขามายังแอเรีย 217 เนื่องจากตรงนี้เป็นที่ที่สัตว์อสูรระดับราชันอยู่ใกล้มากที่สุด
โจวเฮาซึ่งต้องการประหยัดเวลา ย่อมเลือกเดินทางมายังหุบเขาแห่งนี้ก่อน
“แต้มโชคจ๋า ข้ามาแล้ว!” เขาไม่รีบร้อนไปหาแมลงเงา ท้ายที่สุดมันคงยากเกินไปสำหรับเขาที่จะหาพวกมันเจอ
ฟุบ
เขาพุ่งลงไปข้างล่างพร้อมภาพติดตาที่ตามหลังขณะแก่นโลหิตภายในร่างเริ่มเดือด แรงกดดันอันทรงพลัง และน่าสะพรึงกวาดพัดผ่านหุบเขาทั้งหมดราวกับพายุ
โฮก!!
ทันใดนั้นเสียงคำรามก็ดังขึ้นจากความมืดของหุบเขา
โจวเฮาสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเลือดของสัตว์อสูรระดับราชันที่กวาดไปทั่วทุกทิศทางอย่างไม่ปิดบัง
“แม่ทัพอสูรระดับราชันขั้นกลาง เสือดาวเงาสี่ปีก!” แม้ว่าโจวเฮาจะไม่เห็นเงาของสัตว์อสูร แต่เขาหรี่ตาลง
เห็นได้ชัดว่าเสือดาวเงาสี่ปีกนั้นเป็นสัตว์อสูรที่บินได้แถมยังเร็วมาก
โดยทั่วไปแล้วแม้แต่ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธขั้นสูงอย่างผู้บัญชาการจ้าวก็ยังไม่กล้ายั่วยุพวกมัน เพราะไม่มีทางที่จะจับเสือดาวเงาสี่ปีกได้ เว้นแต่ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธขั้นสูงสุดที่ถนัดด้านความเร็วจะลงมือเอง
ฟิ้ว!
ทันใดนั้น ลมคมกริบที่แฝงด้วยเจตนาฆ่าก็แหวกผ่านอากาศจากด้านข้างมุ่งตรงไปยังโจวเฮา
“กำลังรออยู่เลย!” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของโจวเฮา ขณะที่เขาหายตัวไปจากจุดเดิมในพริบตา
บูม!
เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้งมันก็เป็นหน้าสัตว์ประหลาดตัวใหญ่
เป็นเสือดาวเงาสี่ปีก!
เมื่อสัมผัสได้ถึงร่างของโจวเฮา ปีกของเสือดาวเงาสี่ปีกก็เฉือนออกไปราวกับใบมีด
อย่างไรก็ตามโจวเฮาไม่ได้นิ่งเฉย
แก่นโลหิตภายในร่างของเขาพรั่งพรูอย่างเกรี้ยวกราด พร้อมกับกระบี่ในมือที่สาดประกายเย็นเยียบ
ปีกของเสือดาวเงาสี่ปีกถูกตัดออกจากกันราวกับถูกตัดด้วยเลเซอร์
โฮก!
เสือดาวเงาสี่ปีกคำรามด้วยความเจ็บปวด สัญชาตญาณของมันต้องการหนีไปให้ไกลจากโจวเฮา แต่มันต้องตกตะลึงเมื่อเห็นโจวเฮามาปรากฏตรงหน้ามันอีกครั้ง
ฉัวะ!
กระบี่คมกริบส่งกลิ่นแห่งความตายผ่าแยกทุกสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของเขา..