STY-ตอนที่ 65 ศิษย์พี่หญิงทั้งเจ็ดจับมือกันรุมแกล้ง!
เย่เฉิน ที่ยืนอยู่บนเวที เขามองดูเหล่าลูกรักของสวรรค์จากนิกายอมตะอื่น ๆ ด้วยสายตาที่สงบ
“ถ้าไม่มีใครท้าทายในวันนี้ การประลองยุทธ์หาคู่ ก็จะสิ้นสุดลง ดังนั้นหากคิดที่จะแต่งงานกับศิษย์พี่เทพธิดาทั้ง 7 ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเรา ก็เลิกฝันไปได้เลย!”เย่เฉิน ได้กล่าวออกมาอย่างเย็นชา
ทว่า ก็ยังไม่มีใครกล้าออกมาท้าทายเขา
เย่เฉิน ในเวลานี้ ต่างก็ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น
โดยเขาได้ปล่อยให้ บรรดาที่เป็นลูกรักของสวรรค์เหล่านี้ ต่างมองหน้ากันและทำได้เพียงแค่ยอมแพ้
หลังจากที่ เย่เฉิน จากไป เขาก็ส่ง เถาลวี่ เพื่อไปส่งข้อความให้ ประมุขนิกายอวี๋เซียว ส่งแขกทั้งหมดออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
อีกทั้ง เขายังไม่ต้องการให้ใครมีความคิดใด ๆ เกี่ยวกับ เทพธิดาทั้ง 7 ของ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ อีกต่อไป
ตัวตนของ เย่เฉิน ก็คือ ปรมาจารย์ยุทธ์ผู้อยู่ยงคงกระพันของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ และมีพลังในอาณาจักรเทวะ
ความอาวุโสของ เย่เฉิน จึงจัดอยู่ในระดับเดียวกันกับปรมาจารย์ผู้พิทักษ์นิกาย ดังนั้น พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะฝ่าฝืนคำพูดของ เย่เฉิน
ยิ่งไปกว่านั้น เย่เฉิน ได้ให้โอกาส พวกเขาแสดงทักษะออกมาแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรอย่างแน่นอน
และแล้วเวลาก็ได้ผ่านไป
นิกายต่าง ๆ ที่มาเยือนแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ต่างก็ได้ทยอยออกไปทีละคน
ของกำนัลของพวกเขาก็ได้ถูกส่งมอบแล้ว หัวใจของพวกเขาก็ได้ถูกส่งมอบแล้ว แต่ความเสียใจเพียงอย่างเดียวของพวกเขาก็คือ พวกเขาไม่สามารถแต่งงานกับ เทพธิดาทั้ง 7 ของ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ได้
กระทั่งพวกนางยังไม่ได้ออกมาให้เห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับการแต่งงาน
เย่เฉิน ได้กลับไปที่ ยอดเขาหยกอมตะ ทันใดนั้น ศิษย์พี่หญิงเจ็ด จ้าวซือเหยา ก็ได้ตื่นขึ้น
จ้าวซือเหยา มองไปที่ เย่เฉิน ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำและกล่าวพูดออกมา “เย่เฉิน ข้าพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไปในวันนั้นหรือไม่?”
เย่เฉิน มองไปที่ จ้าวซือเหยา และ ยิ้มออกมา “ท่านจำไม่ได้?”
จ้าวซือเหยา ได้กลายเป็นหน้าแดงและตอบกลับ “อะไร…ข้าพูดอะไรออกไป?”
“ไม่ใช่ สิ่งที่ข้าพูดล้วนเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ มันไม่นับ อย่าได้คิดเองไปคนเดียว! ข้าไม่ได้ชอบเจ้าหรอกนะ!”จ้าวซือเหยา ได้กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
เย่เฉิน มองไปที่ จ้าวซือเหยา และยิ้มออกมา “ก็ได้ ก็ได้ ท่านไม่ได้บอกชอบข้าหรอก เพียงแต่ท่านเรียกข้าว่านักเลงหัวไม้ในตอนนั้น!”
“หึ่ม ก็เจ้าเป็นนักเลงหัวไม้จริง ๆ!”จ้าวซือเหยา ได้พ่นลมหายใจออกมา
“เห้อ ข้าช่วยท่านเอาไว้ ท่านจะไม่ผ่อนปรนกันหน่อยเหรอ?”เย่เฉิน มองไปที่ จ้าวซือเหยา และกล่าวถาม
“หึ่ม ถ้าไม่ใช่นักเลงหัวไม้ จะให้เรียกเจ้าว่าอะไร?”จ้าวซือเหยา ได้กล่าวถาม
ให้เรียกว่าอะไร?
เย่เฉิน เข้าใจทันทีว่า จ้าวซือเหยา กำลังพูดอะไร
โดยเขาได้มองไปที่ หน้าอกที่ธรรมดาของ จ้าวซือเหยา
ในขณะนี้ จ้าวซือเหยา ก็กลายเป็นโกรธเคือง “หึ่ม…เจ้ากล้ามองงั้นเหรอ!”
เย่เฉิน ยิ้มออกมาและตอบกลับ “อันที่จริง ข้ารู้สึกว่ามันมีบางอย่างที่เปลี่ยนไปเกี่ยวกับร่างกายของท่าน ดูเหมือนว่ามันจะใหญ่ขึ้นนิดหน่อยนะ!”
“อะไรนะ พูดจริงเหรอ?”จ้าวซือเหยา รู้สึกประหลาดใจ
เย่เฉิน ได้พยักหน้า
“หึ่ม ทั้งหมดนี้ก็เพราะเจ้านั่นแหล่ะ!”จ้าวซือเหยา ยังคงพ่นลมหายใจที่เย็นชาต่อไป
“หรือว่าท่านไม่ต้องการให้ข้าดำเนินการต่อไปในอนาคต?”เย่เฉิน มองไปที่ จ้าวซือเหยา และ หยอกล้อนางในทันที
“เจ้ายังคงพยายามทำตัวดีเพื่อเอาเปรียบข้า อย่างที่คิด เจ้ามันนักเลงหัวไม้ คนปลิ้นปลิ้น คนต่ำช้าเลวทราม ข้าไม่คุยกับเจ้าแล้ว!”จ้าวซือเหยา ได้พ่นลมหายใจออกมา และ จากไป
ในเวลานี้ เย่เฉิน ก็ได้พบกับ ศิษย์พี่หญิงสามของเขา
อันเหมี่ยวหาน ได้มองไปที่ เย่เฉิน และ ยิ้มออกมา “เฉินน้อย ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้สอนบทเรียนให้กับคนที่เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับ 1 ของเมืองหยุนไท่ไป?”
เย่เฉิน ได้พยักหน้าและตอบกลับ “เป็นเขาที่โลภเกี่ยวกับเทคนิคบ่มเพาะพลังคู่ของท่าน ดังนั้น ข้าจึงได้เตะก้นมันและสอนบทเรียนที่โหดร้ายให้แก่เขา!”
“โอ้”ในเวลานี้ อันเหมี่ยวหาน ได้มองหน้า เย่เฉิน อย่างเยือกเย็น
จากนั้นนางก็ขยับเข้าไปใกล้หูของ เย่เฉิน และ กล่าวออกมา “เฉินน้อย แล้วเจ้าไม่อยากรู้หรอว่าเทคนิคบ่มเพาะพลังคู่ของพี่สาวคนนี้เป็นของจริงหรือของปลอม?”
“นี่…”ใบหน้าของ เย่เฉิน ได้แดงเล็กน้อย
“เทคนิคบ่มเพาะพลังคู่ของพี่สาว มีชื่อเสียงอย่างมากในโลกภายนอก ก่อนหน้านี้ไม่เชื่อสิ่งที่พี่สาวบอก ตอนนี้เจ้าคงเชื่อมันแล้วใช่มั้ย?”อันเหมี่ยวหาน ได้มองไปที่ เย่เฉิน ด้วยรอยยิ้ม
สิ่งล่อตาล่อใจ ได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของ เย่เฉิน ซึ่งมันทำให้เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“ศิษย์พี่สาม…ท่าน อย่าทำแบบนี้!”
“คิกคิก…ศิษย์น้อง เจ้าเขินอายงั้นหรือไม่? หรือว่าเจ้าไม่อยากที่จะบ่มเพาะเทคนิคแบบคู่กับพี่สาวงั้นเหรอ?”
“เทคนิคบ่มเพาะคู่ของข้าสามารถทำให้การฝึกฝนของเจ้าเร็วขึ้นเป็น 2 เท่าจากความพยายามเพียงครึ่งเดียว บางทีหากเจ้าได้ฝึกกับพี่สาว เจ้าอาจจะสามารถทะลวงไปสู่ขั้นกลางของอาณาจักรเทวะได้ภายในระยะเวลาไม่กี่วัน!”
ขณะที่ อันเหมี่ยวหาน พูด นางก็เริ่มขยับมือและเท้าไปบนร่างกายของ เย่เฉิน
ต้องบอกว่า อันเหมี่ยวหาน มีความสามารถอย่างมากในด้านนี้
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ทุกคนอยากจะได้เทคนิคบ่มเพาะพลังแบบคู่ของนาง
ใครบ้างที่จะไม่โลภในตัวสาวงามเช่นนี้?
“เฉินน้อย ดั่งคำที่ว่า คนที่ใกล้น้ำยิ่งเข้าใกล้ดวงจันทร์เร็วที่สุด ดังนั้นเจ้าไม่อยากจะลิ้มลองรสชาติของพี่สาวคนนี้งั้นเหรอ?”อันเหมี่ยวหาน ยังคงแซวเขาต่อไป
อึก!
เย่เฉิน ได้ตบไปที่ต้นขาของเขาและมองไปที่ อันเหมี่ยวหาน “ศิษย์พี่ ท่านเป็นคนเริ่มแกล้งข้าก่อนเองนะ ดังนั้น อย่าโทษที่ข้าทำตัวไม่สุภาพ!”
ขณะที่เขากล่าวพูด เย่เฉิน ก็ได้พุ่งเข้าหา ศิษย์พี่สามของเขา
อย่างไรก็ตาม ร่างของ อันเหมี่ยวหาน ก็ได้หายไปและหลบการพุ่งกระโจนของ เย่เฉิน ทันที
เย่เฉิน เอง ก็ได้พุ่งเข้าหา ศิษย์พี่หญิงสามของเขา ทว่าตัวเขาที่พุ่งไปชนได้เด้งกลับจากบางสิ่งที่นุ่มนวล
จากนั้น เย่เฉิน ก็มองไปใกล้ ๆ คนที่เขาชนไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก หญิงสาวชุดแดง
ศิษย์พี่คนโตของเขา ซู่ชิวหยา!
“อะไร?ศิษย์น้องเล็กเจ้าค่อนข้างโลภทีเดียว ไม่คิดเลยว่ากระทั่งศิษย์พี่หญิงใหญ่เจ้าก็ยังกล้าทำสิ่งนี้หรือไม่?”อันเหมี่ยวหาน ที่ซ่อนตัว ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านข้าง ซู่ชิวหยา และ หัวเราะออกมา
เย่เฉิน ได้ใช้เทคนิคหัวใจเยือกแข็งเพื่อทำให้เลือดลมในร่างกายของเขาเย็นลง
“ศิษย์พี่หญิงใหญ่!”เย่เฉิน ได้ตะโกนขึ้น
ซู่ชิวหยา ยิ้มและตอบกลับ “เลิกหยอกล้อกันได้แล้ว!”
“เจ้าเองก็ด้วย ศิษย์น้องเล็กยังไม่บรรลุนิติภาวะ ดังนั้น มันไม่ดีต่อสุขภาพของเขา ถ้าขืนเจ้ายังแกล้งเขาแบบนี้!”ซู่ชิวหยา ได้ยิ้มและกล่าวออกมา
ในเวลานี้ อันเหมี่ยวหาน ก็หยุดเช่นเดียวกัน
จากนั้น ศิษย์พี่ของ เย่เฉิน ทั้งหมดก็เดินออกมา
ศิษย์พี่หญิงสี่ เยว่หลิงซือ,ศิษย์พี่หญิงห้า หลี่จื่อหยาน,ศิษย์พี่หญิงหก ลู่อวี๋ถิง และ ศิษย์พี่หญิงเจ็ด จ้าวซือเหยา ทั้งหมด ได้ปรากฏตัวต่อหน้าของ เย่เฉิน
เย่เฉิน รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ในเวลานี้ ซู่ชิวหยา ก็ได้กล่าวออกมา “ศิษย์น้องเล็ก เจ้าช่วยแก้ไขปัญหาที่ยุ่งยากให้แก่เราในครั้งนี้ ดังนั้นพวกเราจึงได้พูดคุยกันว่าอยากจะขอบคุณเจ้าอย่างเหมาะสม!”
“ขอบคุณข้า?”เย่เฉิน ได้ชี้นิ้วมาที่ตัวเอง
“ใช่แล้ว!”อันเหมี่ยวหาน ได้กล่าวพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“พวกเราทุกคนล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ดังนั้น ขอบคุณอะไรกัน!”เย่เฉิน ได้ตอบกลับ
ในเวลานี้ ซู่ชิวหยา ก็ได้มองไปที่ เย่เฉิน และกล่าวพูดต่อ “อันที่จริง ศิษย์พี่ของเจ้าทุกคนก็มีบางอย่างที่อยากจะพูดกับเจ้า”
เย่เฉิน รู้สึกตกตะลึง
ศิษย์พี่หญิงห้า เป็นคนแรกที่พูดโดยนางได้กล่าวถามออกมาด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย “ศิษย์น้องเล็ก เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเราไม่ชอบบุตรแห่งสวรรค์เหล่านั้นและได้พยายามหยุดพวกเขาจากการมาขอแต่งงาน?”
จากนั้น ศิษย์พี่หญิงสาม ก็ได้กล่าวเสริม “ใช่แล้ว การที่พวกเราชื่นชอบบุตรแห่งสวรรค์เหล่านั้น ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นเรื่องดีสำหรับเจ้าหรอกเหรอ?”
“หรือว่า ศิษย์น้องเล็ก ไม่อยากจะให้พวกเราแต่งงานกับบุตรแห่งสวรรค์เหล่านั้น?”อันเหมี่ยวหาน ยังคงกล่าวถามต่อไป