648 - เปลวไฟเซียน
1958 - เปลวไฟเซียน
ในสวรรค์ราวกับว่ามีต้นตอแห่งการทำลายล้างที่คอยจู่โจมวิญญาณดั้งเดิมของสือฮ่าว มันพยายามทำลายเขาไม่ให้โอกาสเขาก้าวสู่อาณาจักรของผู้สูงสุด
“ฮ่าวเอ๋อ!” สือจื่อหลิงกรีดร้องออกมา
ใบหน้าขอฉินอี้หนิงก็ซีดมากขึ้นและไม่มีสีสันแม้แต่น้อย
มือของอวิ๋นซีกำแน่นข้อมือสีขาวสะอาดสะอ้านและละเอียดอ่อนของนางเปลี่ยนเป็นสีเขียวจากแรงกด
นางรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมากเพราะตอนนี้สามีของนางกำลังได้รับอันตรายถึงชีวิต
“ลูกคุณต้องทนให้ได้!” สือหยุนเฟิงหัวหน้าเผ่าชราก็พึมพำกับตัวเองใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและหวาดกลัวอย่างมาก
ภายในหมู่บ้านหินผาทุกคนตื่นเต้นเป็นกังวล พวกเขารู้ว่าสือฮ่าวอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา
ถ้าเขาผ่านพ้นไปได้โลกข้างหน้าเขาก็จะเปิดขึ้นอย่างสมบูรณ์และมีอิสระสำหรับเขาที่จะท่องไปได้ทุกที่ อย่างไรก็ตามหากมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเขาก็จะตาย นี่เป็นโอกาสแต่ยิ่งเป็นหายนะ!
“ตามที่คาดไว้การเคลื่อนไหวเช่นนี้เหมือนกับการยั่วยุดังนั้นการทดสอบของโลกจึงดุเดือดยิ่งขึ้น แต่เดิมริ้วของแสงสีม่วงนั้นน่าจะหายไปแล้ว!” สิงโตทองพึมพำกับตัวเอง
นี่ไม่ใช่ความตั้งใจที่ดีต่อสือฮ่าวแต่เป็นเพราะความกลัวกลัวว่าถ้าร่างกายและวิญญาณของสือฮ่าวเสียชีวิตมันก็จะตายที่นี่เช่นกัน
เมื่ออยู่ในอีกด้านหนึ่งมันก็เคยได้ยินมาแล้วว่าหากเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ถูกยั่วยุอาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง
ตอนนี้สือฮ่าวจะประสบกับสถานการณ์เช่นนี้ทำให้แม้แต่ใบหน้าที่มีขนดกของสิงโตทองคำก็ยังย่นเข้าหากัน มันอยากจะคำรามออกมาด้วยความโกรธ
การบ่มเพาะในปัจจุบันของสือฮ่าวเกินจินตนาการของทุกคนมานานแล้ว เพียงแค่เขาขยับนิ้วเดียวก็สามารถทำลายภูเขาแม่น้ำและอาณาจักรด้านล่างนี้ทั้งหมด
เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เจ้าหนูในอดีตได้มาถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัวแล้ว!
ด้วยการยกเท้าของสือฮ่าวเขาสามารถมุ่งหน้าสู่อวกาศได้ การบ่มเพาะนี้น่ากลัวเพียงใดความเร็วนี้น่ากลัวเพียงใด?
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมแม้ว่าระยะทางจะไกลมาก แต่ภายใต้การก้าวต่อเนื่องของสือฮ่าวเขาก็ข้ามไปแล้วว่าไม่รู้กี่หมื่นลี้ ในพริบตาเขาก็มาถึงกำแพงอาณาจักร
เขาไม่ได้พยายามมุ่งหน้าไปยังดินแดนอื่น แต่ฝ่าเข้าไปในกำแพงปฐมแห่งความโกลาหลตรงๆ
ฮ่อง!
ไม่มีอะไรให้พูดอีกแล้ว เขาส่งกำปั้นออกไปด้านนอกและตรงเข้าทุบกำแพงอาณาจักร
หมัดของเขาแข็งแรงและไม่แตกหักทำให้ที่นั่นระเบิดออกจากกัน ตอนนี้ไม่มีอะไรในดินแดนที่ต่ำกว่านี้ที่สามารถหยุดเขาได้
เขาเดินตรงผ่านเข้าสู่กำแพงปฐมแห่งความโกลาหลอย่างไม่ยากเย็น
นี่คือเขตแห่งความโกลาหลเป็นดินแดนอันโหดร้ายอันตรายเต็มไปด้วยกระแสแห่งห้วงเวลาที่สับสนวุ่นวาย
สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่แปลกตาสำหรับสือฮ่าว หลังจากหลายปีที่ผ่านมาทุกครั้งที่เขาต้องทำความเข้าใจกับเต๋าที่ยิ่งใหญ่ หรือเมื่อเขาต้องทดสอบบางอย่างเขาจะมาที่นี่เสมอ
มิฉะนั้นเขากลัวว่าเขาจะทำลายอาณาจักรด้านล่างจนหมดสิ้น!
จิ!
แสงสีม่วงพุ่งขึ้นเหมือนคลื่นตรงสู่สวรรค์และขยายตัวอย่างต่อเนื่องนี่จะเป็นการโจมตีครั้งสุดท้ายของสวรรค์แล้ว
ร่างกายของสือฮ่าวสั่นสะท้านแสงสีม่วงกระจายเข้าทุกรูขุมขนของเขาถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามมันยังไม่ได้ทำร้ายร่างกายของเขา แสงหมุนไปรอบๆและรวมตัวกันที่กะโหลกของเขา
ต๋อง!
ราวกับว่ามีคลื่นสายฟ้าขนาดใหญ่หลายสิบเส้นกระทบกับหูของสือฮ่าว
ซึ่งพวกมันกำลังพลุ่งพล่านอยู่ในกะโหลกศีรษะของเขา สายฟ้าสีม่วงส่องประกายและพยายามโจมตีวิญญาณดั้งเดิมของเขาด้วยความรุนแรงมากที่สุด
แสงนี้ไม่ได้ทำอันตรายต่อร่างกายของเขาเพียงมุ่งมั่นโจมตีเข้าใส่วิญญาณดั้งเดิมโดยตรง
มันเป็นเหมือนเจตจำนงอันยิ่งใหญ่ที่ต้องการทดสอบสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกนี้โดยจะใช้การลงโทษที่รุนแรงมากที่สุด
เส้นผมของเขายุ่งเหยิงร่างกายของเขาเปล่งประกาย จิตวิญญาณดั้งเดิมของเขายิ่งดิ้นรนอย่างหนักหน่วงแสงเพลิงโหมกระหน่ำที่นั่นพลังวิญญาณดั้งเดิมพุ่งพล่านอย่างถึงที่สุด
เขาใช้ญาณวิเศษของเทพหลิวและทะเลแห่งการเกิดใหม่เพื่อเพิ่มพลังชีวิตของเขาอย่างสุดขีดรวมทั้งยังห่อหุ้มวิญญาณดั้งเดิมไว้ภายในเพื่อป้องกันอันตรายที่จะมากับสายฟ้า
ในท้ายที่สุดด้วยเสียงฮ่องเปลวไฟสีม่วงก็เผาผลาญวิญญาณดั้งเดิมของสือฮ่าวจนกลายเป็นสีม่วงเข้ม
นี่เป็นอันตรายอย่างยิ่งสือฮ่าวเดินโซซัดโซเซสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขากำลังจะถูกลบออก
อย่างไรก็ตามในขณะนี้สือฮ่าวได้รับความรู้แจ้งทุกประเภทที่เกิดขึ้นในใจของเขา มีร่องรอยของเต๋าที่ยิ่งใหญ่ทุกประเภทปรากฏขึ้น
เขารู้ว่าแสงสีแดงเข้มก่อนหน้านี้ถูกปลุกปั่นโดยพลังโลหิตของเขาเอง และตอนนี้มันถูกปลดปล่อยออกมาจากศาลาม่วงที่อยู่กลางหน้าผากของเขา
สิ่งที่เรียกว่าวิญญาณดั้งเดิมที่ตั้งอยู่ในศาลาสีม่วงตอนนี้เริ่มก่อสร้างรากฐานของผู้สูงสุดแล้ว และในตอนนี้มันกำลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากจนสือฮ่าวสามารถสัมผัสได้ด้วยตัวเอง
ในที่สุดแสงสีม่วงก็หายไปสือฮ่าวยืนอยู่ในสถานที่แห่งนั้นโดยไม่ขยับเป็นเวลานาน พลังงานสีม่วงหมุนวนอยู่ภายในจิตของเขา
วิญญาณดั้งเดิมขอสือฮ่าวปลดปล่อยแสงสีม่วงเข้มออกมาเป็นความมงคลและศักดิ์สิทธิ์อย่างน่าเหลือเชื่อ
ในที่สุดเขาก็ระบายลมหายใจอย่างโล่งอก ท้ายที่สุดเขาก็ทำสำเร็จแม้ว่าวิญญาณดั้งเดิมของเขาเกือบจะถูกทำลายไปแล้วก็ตาม
เส้นทางแห่งการเป็นผู้สูงสุดนี้ช่างลำบากอย่างแท้จริง!
ในตอนแรกเขารู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งพอและเตรียมการมาเพียงพอแล้ว แต่เขาก็ยังต้องเผชิญกับอันตรายที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้
บางทีอาจเป็นเพราะปีแห่งการบ่มเพาะของเขายังตื้นเขินมากและมันห่างจากเส้นกำหนด 'ห้าร้อยปี' นั้นมากเกินจะจินตนาการถึง
แต่ในขณะที่เขากำลังสบายใจอยู่นั้นแสงสีทองก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าทำให้เนื้อหนังของสือฮ่าวลุกเป็นไฟ ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่สามารถสลัดกองเพลิงนี้ออกไปได้
ในทันใดนั้นเขาก็กลายเป็นคบเพลิงมนุษย์ถูกเผาทั้งเป็นที่นั่น
ความกระจ่างใสและความร้อนอันน่าสะพรึงกลัวถูกปลดปล่อยออกมาทำให้แม้แต่กำแพงปฐมแห่งความโกลาหลยังถูกละลายออกจากกัน
ห้วงเวลากลายเป็นความสับสนวุ่นวายรอยแตกของมิติขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราว
แต่ไม่มีสิ่งใดที่สือฮ่าวสามารถทำได้ ความเจ็บปวดจากการเผาไหม้ร่างกายเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในตอนนี้
อา…
ในที่สุดสือฮ่าวก็อดไม่ได้ที่จะปลดปล่อยเสียงคำรามออกมา เมื่อร่างกายของเขาถูกไฟเผาจนถึงลมหายใจสุดท้ายเนื้อหนังของเขาก็ถูกไหม้เกรียมจนกลายเป็นถ่านสีแดง
กระดูกบางส่วนถูกเปิดเผยจนเกิดความมันวาวสีทองจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีดำ
สิ่งนี้น่ากลัวแค่ไหน?
แม้แต่คนที่แข็งแกร่งอย่างสือฮ่าวยังถูกเผาไหม้ด้วยเปลวไฟเซียนจนร่างกายพังพินาศ
ไฟนี้แปลกมาก เหมือนกับว่ามันไม่ได้ต้องการจะขัดเกลาร่างกายของเขาแต่มีความปรารถนาจะเผาผลาญเขาให้ตายไปซึ่งขัดกับความเข้าใจดังเดิมที่เขาทราบมา
ไฟนรก!
สือฮ่าวเข้าใจ นี่คือไฟนรกที่ไม่มีที่สิ้นสุดไม่ใช่เปลวไฟเซียนในความหมายปกติ
โดยทั่วไปแล้วเมื่อสิ้นสุดขั้นตอนการโจมตีวิญญาณดั้งเดิมเปลวไฟเซียนแห่งสวรรค์จะขัดเกลาร่างกายของผู้สูงสุดขึ้นใหม่ เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้บททดสอบแห่งสวรรค์ยังไม่จบลง
เปลวไฟขนาดใหญ่เผาผลาญร่างกายของสือฮ่าวอย่างต่อเนื่องต้องการที่จะทำลายเขาให้ได้
เส้นทางแห่งความเป็นสูงสุดนั้นยากเกินไป ในตอนนี้สือฮ่าวถือได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตระดับผู้สูงสุดแล้ว แต่ท้ายที่สุดสวรรค์ยังคงไม่เลิกราต้องการที่จะเผาผลาญเขาให้ตายไปให้ได้
เปลวไฟที่โหมกระหน่ำลงมาจากสวรรค์ สือฮ่าวนั่งลงไม่ขยับอีกต่อไป เขาอดทนต่อการเผชิญหน้าทั้งหมดนี้โดยไม่ใช้ญาณวิเศษล้ำค่าหรือวิธีการที่ยอดเยี่ยมอื่น ๆ
เป็นเพราะเขาเคยได้ยินมาว่าเมื่อไฟนรกของโลกมรรตัยถูกนำมาใช้กับร่างกายโดยตรงหากผ่านไปได้มันจะถือเป็นการขัดเกลาประเภทหนึ่ง
และเมื่อผู้สูงสุดที่สามารถผ่านเปลวไฟนรกมาได้ก็จะกลายเป็นผู้สูงสุดที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้สูงสุดธรรมดาไปมาก