ตอนที่แล้วบทที่ 3: พัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 5: พ่อบ้านฝู

บทที่ 4: คำตำหนิของนายหญิงเฒ่า


วันรุ่งขึ้น  หลังจากที่เย่เซิงลุกจากเตียงไปอาบน้ำเสร็จแล้ว  ได้มีเหล่าม่าจื่อ (เป็นคำเรียกคนรับใช้หญิงที่อายุมากหรือชราภาพแล้ว) นางหนึ่งถือถาดอาหารเช้ามาให้  ถึงมันจะไม่ใช่อาหารที่หรูหราอะไรแต่ก็ไม่ได้แย่  สงสัยเรื่องเมื่อคืนคงทำให้พวกมันตกใจกันน่าดู

ยังไงเย่เซิงก็ยังเป็นถึงลูกของเย่หวางเหย่  ต่อให้เขาจะเป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์สักแค่ไหน  แต่สถานะของเขาก็ยังคงสูงกว่าคนรับใช้ในบ้านทุก ๆ คนอย่างแน่นอน  ขนาดไอ้คุณชายสิบสามที่ลงมือทำร้ายเขาตอนนี้ยังต้องอยู่ไม่เป็นสุข  แล้วไอ้พวกคนใช้ล่ะ?  มีหรือพวกมันจะได้อยู่สุขสบายกัน

เย่เซิงกินข้าวเช้าแค่นิดหน่อยเพื่อแค่ปะทังความหิว  จากนั้นก็หยุดกินแล้วถามว่า “ทุกคนในบ้านรู้บ้างหรือไม่ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”

เหล่าม่าจื่อสะดุ้งโหยงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าและตอบว่า “ทุกคนรู้เรื่องแล้วเจ้าค่ะ  แต่ละคนต่างพูดกันว่าคุณชายสิบสามทำเกินไปเจ้าค่ะ”

เย่เซิงยังคงถามด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่สงบราบเรียบ “แล้วคนรับใช้เช่นพวกเจ้ากล้าวิพากวิจารการกระทำของคุณชายสิบสามด้วยหรือ?”

เหล่าม่าจื่อเปิดปากเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ทางครอบครัวของหูเหมยค่อย ๆ ขยายตัวขึ้น  นางได้ซื้อใจทุก ๆ คนในบ้านหมดแล้วยกเว้นก็แต่เหล่าคนรับใช้ของนายหญิงใหญ่  ส่วนพวกคนใหม่ ๆ ที่เข้ามาทั้งหมดล้วนเป็นคนของหูเหมยไปหมดแล้ว

และไอ้คุณชายสิบสามที่ว่านั่นก็เป็นลูกชายของอีหูเหมย  แล้วมีหรือไอ้พวกคนใช้จะกล้าว่าร้ายมัน?

“เรียนคุณชายสิบสอง  เมื่อคืนนี้บ่าวได้ยินข่าวมาเจ้าค่ะ” เหล่าม่าจื่อพูดเสียงต่ำในทันใด

“พูดมา” เย่เซิงมองไปที่นางแล้วสั่ง

“นายหญิงเฒ่ากลับจากจากการสวดมนต์ต่อพระพุทธองค์เมื่อคืนนี้  ท่านได้ทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้วและโกรธมากเจ้าค่ะ” เหล่าม่าจื่อกระซิบเสียงเบา

“นายหญิงเฒ่ากลับมาแล้วเหรอ?” เย่เซิงขมวดคิ้ว

นายหญิงเฒ่าที่ว่านี่ก็คือแม่แท้ ๆ ของเย่หวางเหย่และเป็นย่าแท้ ๆ ของเขาเอง  ตอนนี้นางอายุได้แปดสิบปีแล้ว  แต่ด้วยเพราะได้กินเม็ดยาบำรุงคุณภาพสูงอยู่เรื่อย ๆ เลยทำให้นางยังคงมีสุขภาพแข็งแรงดีไม่เจ็บไม่ป่วย  แม้แต่ความเหน็ดเหนื่อยก็ยังไม่กล้าเข้ามารบกวนนางเลยด้วยซ้ำ

นายหญิงเฒ่าชอบสวดมนต์ต่อพระพุทธองค์  และในหวางฝูตระกูลเย่แห่งนี้ก็มีศาลาพิเศษซึ่งนางนำพระพุทธรูปมากมายหลายองค์มาประดิษฐานไว้เพื่อให้คอยอวยพรและคุ้มครองครอบครัว  นางมักจะไปสวดมนต์ที่วัดหนานซาน (วัดภูเขาน้ำแข็ง) ที่นอกเมืองซึ่งมีอารามหลายแห่งและว่ากันว่ามีพระพุทธองค์ตัวจริงประทับอยู่

เมื่อไม่กี่วันก่อนนายหญิงเฒ่าได้ไปสวดมนต์ที่วัดหนานซาน  เย่เซิงคิดว่านางน่าจะสวดมนต์อยู่ที่นั่นอีกนานหลายวันจึงไม่เคยคิดเลยว่านางจะกลับมาแล้วเมื่อคืนนี้

เมื่อเย่เซิงกำลังจะถามคำถามเพิ่มเติมก็มีคนเดินเข้าลานบ้านมา

เป็นหญิงแก่ที่ค่อนข้างอ้วนจ้องมองตรงมาที่เย่เซิงโดยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ

เหล่าม่าจื่อเห็นว่าใครมาก็ตกใจเลยรีบเอาจานไปเก็บ

เย่เซิงที่ถูกทิ้งไว้กับหญิงชราได้ขมวดคิ้วมองหน้าอีกฝ่าย

เย่เซิงรู้ดีว่าหญิงชราคนนี้เป็นใคร  ตามความทรงจำของเย่เซิงคนก่อนแล้ว  อีนี่คือสาวใช้ที่ติดตามรับใช้นายหญิงเฒ่าอยู่ตลอดเวลา  และแน่นอนว่านางไม่เป็นมิตรกับเขาแม้แต่นิดเดียว

“คุณชายสิบสอง  นายหญิงเฒ่าสั่งให้ข้ามาบอกท่าน” หญิงชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

เย่เซิงยืนขึ้นแล้วถาม “ว่า?”

“นายหญิงเฒ่ากล่าวว่าความมั่นคงและสงบเรียบร้อยในครอบครัวสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด  คุณชายสิบสามพรสวรรค์สูงส่งและมีอนาคตอันสดใสรออยู่  ส่วนคุณชายนั้นเป็นเพียงลูกชายของนางสนม  แม้คุณชายทั้งคู่จะเป็นบุตรของเย่หวางเหย่เหมือนกันแต่ก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง  และนายหญิงเฒ่าหวังว่าคุณชายจะสำเหนียกถึงจุดยืนของตัวเอง  ตัวคุณชายเองก็อายุสิบหกแล้วจงทำตัวรู้ความและอย่าได้ริอาจไปสร้างปัญหาให้คุณชายสิบสามอีก  หากคุณชายยังคงดื้อแพ่งนายหญิงเฒ่าจะจัดการกับคุณชายเสีย  มีหลานชั่ว ๆ ที่ชอบทำเรื่องเสื่อมเสีย  ตัวอัปยศขนาดนี้จะปล่อยให้ออกไปเสนอหน้านอกบ้านให้เป็นที่อับอายได้อย่างไร” คำพูดที่หญิงชราใช้ช่างรุนแรงและเข้มงวดเหมือนเจ้านายของนางไม่มีผิด

เย่เซิงเม้มริมฝีปากและไม่พูดอะไรท่าทางของเขาเย็นชาจนน่ากลัว

‘ท่าทางอีนายหญิงเฒ่านั่นมันจะเกลียดตูเข้ากระดูกดำจริง ๆ ว่ะ’

‘เมื่อวานนี้คนที่ผิดก็คือไอ้เย่ชิงล้วน ๆ แต่สำหรับอีนายหญิงเฒ่านั่นตูผิดเต็มประตูคนเดียวเลยเวรเอ๊ย’

“เมื่อวานเย่ชิงเกือบทุบตีข้าตาย” เย่เซิงกล่าวขณะที่พยายามระงับความโกรธอย่างยากลำบาก

“นายหญิงเฒ่ากล่าวว่าคุณชายก็แค่ลูกของนังทาสชั้นต่ำ  ชีวิตคุณชายไร้ค่ายิ่งกว่าเศษหญ้า  ส่วนคุณชายสิบสามท่านเป็นผู้ดี  ท่านแค่ทุบตีคุณชายแต่ไม่ได้ฆ่าเสียหน่อย  นอกจากนี้หมอเก่ง ๆ ประจำบ้านก็มารักษาให้ท่านแล้วนี่  ดังนั้นคุณชายจงอย่าได้สร้างปัญหาให้คุณชายสิบสามอีกเสียจะดีกว่า  ไม่อย่างนั้นท่านจะถูกตัดสิทธิ์ไม่อาจออกจากตระกูลได้เมื่อเป็นผู้ใหญ่  และจะต้องอยู่ในหวางฝูแห่งนี้ในฐานะเศษสวะไร้ค่าเลี้ยงเสียข้าวสุกไปตลอดชีวิต” ยายคนใช้เฒ่าเยาะเย้ยอย่างรังเกียจ

เย่เซิงหัวเราะด้วยความโกรธ ‘อีนังแก่นั่นมันเกลียดแม่ตูขนาดนี้เลยเหรอวะอีเวร?’

“กลับไปเรียนนายหญิงเฒ่าด้วยว่าเย่เซิงทราบแล้ว  และจะไม่สร้างปัญหาให้เย่ชิงอีก” เย่เซิงกล่าว  เขากำหมัดแน่น  พลังเจินชี่ (ปราณแท้) พุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย  ตอนนี้เขาอยากลงมือทุบตีอีแก่ตรงหน้านี่ให้มันตาย ๆ ไปเสียพ้น ๆ จริง ๆ

แต่ด้านเหตุผลมันร้องเตือนเขาว่าอย่าพึ่งไอ้เสือ

หากว่าเขาลงมือจริง ๆ ล่ะก็  ไม่ว่าอีแก่ตรงหน้านี่มันจะตายไม่ตาย  แต่เขาก็ต้องโดนตัดสิทธิ์ห้ามออกจากบ้านเมื่อเป็นผู้ใหญ่  และต้องหมดสิ้นซึ่งอิสรภาพตลอดชีวิต  ถูกขังให้เน่าตายอยู่ในหวางฝูแห่งนี้อย่างที่มันว่าแน่นอน

ไม่ว่านายหญิงเฒ่าจะพูดอะไร  แม้แต่เย่หวางเหย่ก็ยังไม่กล้าต่อต้าน

ในต้าฉินแห่งนี้คำว่ากตัญญูกตเวทีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดแล้ว  ดังนั้นเย่หวางเหย่ที่ชื่อเสียงเลื่องลือระบือไกลจึงมีผู้คนจับตาดูอย่างใกล้ชิด  หากมีข่าวว่าเขาไร้ความกตัญญูออกไปล่ะก็คงจะถูกนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามวิพากษ์วิจารณ์โจมตีจนยับ  และเย่หวางเหย่ก็ไม่อาจแก้ต่างอะไรได้เลย

‘ตูไม่ไปหาเรื่องไอ้เย่ชิงหรอกโว้ย  แต่ถ้ามันมาหาเรื่องตูล่ะก็  อย่ามาหาว่าตูเป็นไอ้ชาติชั่วก็แล้วกัน’ เย่เซิงคิดด้วยหัวใจที่เย็นชาเป็นที่สุด

สำหรับเย่เซิงแล้วหวางฝูแห่งนี้ก็เปรียบเสมือนคุกขนาดใหญ่  ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไรก็ตามเขาต้องออกไปจากสถานที่บัดซบนี่ให้จงได้

“ข้าแน่ใจว่านายหญิงใหญ่จะมีความสุขมากที่ทราบว่าคุณชายสำเหนียกถึงจุดยืนของตัวเองแล้ว  อีกไม่กี่วันหวางเหย่จะกลับมาและหากท่านถามถึงเรื่องนี้  นายหญิงเฒ่าหวังว่าคุณชายจะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นนี้แต่เพียงผู้เดียว” อีแก่มันได้คืบจะเอาศอก

สายตาของเย่เซิงที่มองมันยิ่งมายิ่งเหี้ยมเกรียม  เขาโกรธจัดจนพูดอะไรไม่ออกได้แต่จ้องไปที่อีแก่อย่างกับจะจับมันแล่เนื้อเถือหนังออกมากินแล้วรีดเลือดทั้งตัวมันออกมาดื่ม  ‘อีแก่นี่มันจะกลั่นแกล้งกันเกินไปแล้วนะโว้ย!!!’

เขาเองก็เป็นหลานของนายหญิงเฒ่าเหมือนไอ้เย่ชิง  แต่ก็เหมือนกับมิได้นำพา

อีแก่ที่เห็นสายตาของเย่เซิงที่จ้องมองมาก็เกิดตื่นตระหนกและถอยหลังไปสองสามก้าว  จากนั้นก็ขึ้นเสียงด้วยความโกรธจัดทันที “นายหญิงเฒ่ารู้ดีว่าเรื่องนี้สำหรับเจ้ามันคงยาก  ดังนั้นท่านจึงฝากมาบอกว่าถ้าเจ้ายอมทำล่ะก็  จะยอมอนุญาตให้เจ้าออกจากบ้านไปเยี่ยมหลุมศพของแม่สุนัขของเจ้าได้  ถ้าเจ้ายอมรับความผิดไปทั้งหมด  ในวันที่สิบห้าเดือนนี้เจ้าสามารถออกไปกราบศพแม่สุนัขของเจ้าได้เลย!!!”

เพี๊ยะ!

ทันทีที่มันพูดจบเย่เซิงก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว  เขาสะบัดมือตบหน้าอีแก่นั่นไปเต็มข้อจนมันเซ

“ถ้าเจ้ายังกล้าเรียกแม่ข้าว่าเป็นสุนัขอีกล่ะก็  ข้า-จะ-ฆ่า-เจ้า-ซะ!!” เย่เซิงเค้นเสียงออกมาจากลำคอทีละคำ ๆ แล้วจ้องมองอีขีข้าแก่ด้วยสายตากระหายเลือด

อีคนใช้แก่มองย้อนกลับไปที่เย่เซิงด้วยความตกใจ  ท่าทางของมันดูตื่นตระหนกจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นโกรธ  อับอาย  แล้วก็ขุ่นเคืองเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่หลายครั้ง  แต่ในที่สุดมันก็ระงับอารมณ์ทั้งหมดลงและยอมแพ้ต่อเย่เซิงที่กำลังแสดงอาการกระหายเลือดเธอแล้วพูดว่า “นี่เป็นคำพูดของนายหญิงเฒ่า  หากคุณชายไม่พอใจเชิญไปหานายหญิงเฒ่าเอาเองเถอะ  ไม่ต้องมะลงกับคนรับใช้แก่ ๆ อย่างข้าหรอก!!”

“หึ!!  ที่เจ้ากล้าพูดอย่างนี้ก็เพราะว่ามีนายหญิงเฒ่าคอยให้ท้ายล่ะสิ  รอไปก่อนเถอะซักวันข้าจะจับเจ้าถลกหนังทั้งเป็น” เย่เซิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก  สายตาของเขาทำให้อีแก่ถึงกับต้องหนาวเหน็บไปถึงกระดูก

“ไปให้พ้น!” เย่เซิงตะคอก

“ปากดีนักนะคุณชายสิบสอง  ข้าจะไปรายงานนายหญิงเฒ่า 'ตามความเป็นจริง' บัดเดี๋ยวนี้  เจ้าจงระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ!!” อีขี้ข้าแก่วิ่งหนีไปอย่างไวด้วยความหวาดกลัว  แต่มันก็ยังไม่วายทิ้งคำข่มขู่ไว้ก่อนอีก

จากนั้นก็เหลือเย่เซิงอยู่แค่คนเดียวแล้ว

“ไอ้เชรี่ยเอ๊ย  ทุกตัวในบ้านนี้นี่มันส้นตีนล้วน ๆ เลยโว้ยยยยย  แม่ตูที่เป็นถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์ของนิกายสังสารวัฏ  แต่พอมาอยู่ในปากไอ้พวกจัญไรนี้กลับกลายเป็นแค่หมาตัวเมีย  ไม่รู้ว่าตอนแม่อยู่แม่ต้องอับอายขายขี้หน้าเสียศักดิ์ศรีขนาดไหน” เย่เซิงโกรธมากจนควันออกจมูกออกหู

ทำไมเขาที่เป็นคนละคนกับเย่เซิงคนเดิมถึงได้โกรธขนาดนี้น่ะหรือ?  ไม่ใช่แค่เรื่องหยาบ ๆ ฉาบฉวยอย่างหัวใจผู้ผดุงความยุติธรรมอะไรหรอก  แต่เพราะเขาเหมือนจะได้รับสืบทอดทุกอย่างจากเย่เซิงคนเดิมซึ่งรวมไปถึงความรักอันลึกซึ้งที่เย่เซิงคนเดิมมีต่อแม่ของตนด้วย  เวลานี้เขาเลยรู้สึกอยากเปิดโรงฆ่าสัตว์แล้วล้างบ้างพวกสัตว์นรกในบ้านนี้ให้เลือดนองเสียจริง ๆ

“รอก่อนเถอะไอ้พวกเชรี่ยทั้งหลาย  พวกเอ็งทั้งหมดต้องเสียใจอย่างสุดจะซึ้งแน่!!!” ดวงตาของเย่เซิงมืดหม่นเย็นชา  ในบ้านนี้อย่าว่าแต่ความรัก  แค่ความรู้สึกดีซักนิดเขาก็ไม่มีให้ใครเลยแม้แต่ตัวเดียว

“ตันเถียนของเรา...  ดาวโลก...  เป็นสิ่งเดียวที่เราสามารถพึ่งพาได้  ถ้าให้เวลาล่ะก็ตูจะทำให้ทุก ๆ ตัวในหวางฝูบัดซบนี่ไปคุกเข่ากราบหลุมศพแม่ตูให้ดู” แววตาของเย่เซิงดูสงบลง  แต่มันเป็นความสงบที่เลยความโกรธไปแล้ว  เป็นความสงบก่อนที่จะเกิดพายุใหญ่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด