SWO ตอนที่ 45 คนขี้ขลาด
หลังจากนั้นไม่นานผู้บัญชาการจ้าวก็ถอนหายใจด้วยอารมณ์ “ถ้าข้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ข้าคงไม่เชื่อว่าในโลกนี้จะมีอัจฉริยะเช่นนี้อยู่ด้วย!”
เหอเปียวพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ใช่ เทคนิคกระบี่นั้นวิเศษมาก ขณะที่เทคนิคเคลื่อนไหวของเขาก็คาดเดาไม่ได้เช่นกัน!”
เจิ้นหงยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าถนัดกระบี่ และเคยกระทั่งสร้างเทคนิคลับของตัวเอง เดิมทีข้าค่อนข้างภูมิใจกับมัน แต่เมื่อเทียบกับเด็กคนนี้แล้ว ข้ารู้สึกว่าเทคนิคกระบี่ของข้ามันขยะไปเลย”
ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธคนอื่น ๆ พยักหน้าเห็นด้วย
“เฒ่าเสิ่น ขอโทษด้วยที่ด่วนตัดสินเจ้าไป!” ผู้บัญชาการจ้าวตบไหล่เสิ่นจิง
เสิ่นจิงส่ายหัว “ท่านผู้บัญชาการจ้าว มันไม่ใช่ความผิดของท่านหรอก เอาเข้าจริงกระทั่งข้าเองยังไม่อยากจะเชื่อเลยเมื่อได้เห็นครั้งแรก”
ดวงตาของผู้บัญชาการจ้าวเผยให้เห็นความตื่นเต้น “สวรรค์ได้ให้โอกาสแก่มนุษย์อย่างเราถึงได้ส่งอัจฉริยะไร้เปรียบอย่างเขามา ตราบใดที่เราฝึกฝนเขาอย่างดี เขาจะเอาชนะเผ่าพันธุ์ภายนอกได้แน่นอนเมื่อเขาเติบโตขึ้น!”
"ใช่ เราต้องเลี้ยงดูเขาอย่างดี!” ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธที่เหลือเห็นด้วย
เสิ่นจิงถอนหายใจ “ท่านผู้บัญชาการจ้าว การโจมตีอย่างกะทันหันที่โรงเรียนมัธยมเมืองฉูในครั้งนี้อาจเป็นเพราะเผ่าพันธุ์ภายนอกได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเขาไป นั่นคือเหตุผลที่พวกมันยินดีจ่ายเพื่อแทรกซึม”
ผู้บัญชาการจ้าวตกตะลึงครู่หนึ่งก่อนที่สีหน้าของเขาจะมืดลง และกล่าวออกมาด้วยความโกรธ “ข้านึกแล้ว การโจมตีจากเผ่าพันธุ์แมลงที่สถานีทางใต้ของเมืองเมื่อคืนนี้มันน่าสงสัยมาก ที่แท้เป้าหมายของพวกมันคือการปกปิด และแทรกซึมฐาน”
เหอเปียวอดกล่าวไม่ได้ “ผู้บัญชาการจ้าว ในเผ่าพันธุ์แมลงมีเพียงแมลงเงาเท่านั้นที่สามารถปกปิด และเล็ดลอดจาดการตรวจจับได้ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันแทรกซึมเข้ามาอีกครั้ง เราต้องชิงลงมือก่อน”
“ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากเผ่าพันธุ์แมลงล้มเหลวในครั้งนี้ พวกมันจะต้องตระหนักถึงศักยภาพของอัจฉริยะไร้เปรียบอย่างแน่นอน ข้าเกรงว่าการโจมตีครั้งต่อไปของพวกมันคงน่าหวาดกลัวยิ่งกว่านี้เป็นแน่!”
หัวใจของเสิ่นจิงบีบรัด เขารีบมองไปทางผู้บัญชาการจ้าว
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก!” ผู้บัญชาการจ้าวกัดฟัน “เฒ่าเสิ่น ข้าจะปล่อยเรื่องการฝึกอัจฉริยะไว้ให้เจ้า ส่วนเจิ้นหงให้รั้งอยู่เมืองฉูก่อน หากมีอะไรเกิดขึ้นเจ้าจะได้สนับสนุนได้ทันท่วงที!”
เจิ้นหงพยักหน้า เขาตระหนักดีถึงความจริงจังของเรื่องนี้ หากอัจฉริยะไร้เปรียบไม่ก้าวเข้ามาช่วย เมืองฉูตอนนี้คงกลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว
ณ ชั้นใต้ดินของหอประชุมโรงเรียน แสงไฟด้านบนสาดส่องลงมาให้ความสว่างแก่นักเรียนที่อยู่เบื้องล่าง
อย่างไรก็ตามเวลานี้ยกเว้นนักเรียนปีหนึ่งและปีสองที่กำลังหวาดกลัว นักศึกษาปีสามกลับตื่นเต้นจนเก็บอาการแทบไม่อยู่
“แข็งแกร่งมาก!”
“เขาปราบแม่ทัพอสูรขั้นสูงทั้งสามตัวได้อย่างอยู่หมัด!”
“ข้าตัดสินใจแล้ว อัจฉริยะไร้เปรียบคนนี้จะเป็นไอดอลของข้านับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป!”
“ความวุ่นวายด้านนอกดูเหมือนจะสงบลงแล้ว งั้นแปลว่าการต่อสู้จบลงแล้วใช่ไหม?”
นักเรียนหลายคนกระซิบเสียงต่ำ แม้อาจารย์จะตำหนิพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่สามารถระงับความตื่นเต้นในใจได้ พวกเขาแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับคนอื่น ๆ ฟัง
ท้ายที่สุด นักเรียนทุกคนที่นี่ต่างรู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นอัจฉริยะไร้เปรียบด้วยตาของตัวเอง!
ในหอประชุม นักเรียนที่สวมชุดเกราะมาตรฐานกำลังเอนกายพิงหน้าต่าง
พวกเขาไม่เปิดหน้ากากจนกว่าเสียงคำรามจากสนามฝึกจะหายไป
ไม่นานหลังจากนั้น ผู้นำโรงเรียนก็วิ่งเข้ามา
“นักเรียน เวลานี้การต่อสู้ได้สิ้นสุดลงแล้ว เผ่าพันธุ์ภายนอกถูกจัดการจนสิ้น อีกทั้งตอนนี้ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธของเมืองได้เดินทางมาถึง ดังนั้นไม่มีอะไรต้องกลัว!” คณบดีตะโกนอย่างตื่นเต้น
“ชิ ใครว่าเรากลัวกัน!”
"ใช่ ข้านี่นะฆ่านักรบอสูรด้วยมือของข้าเองเชียวนะ!”
“มีอะไรต้องกลัว? ถึงอย่างไรเราก็ยังมีอัจฉริยะไร้เปรียบอยู่ ต่อให้แม่ทัพอสูรขั้นสูงมาเพิ่มอีกหลายตัว พวกมันก็ยังไม่คู่ควรกับเรา!”
"กล่าวได้โดน เผ่าพันธุ์ภายนอกพวกนั้นโครตกระจอก!”
พวกเขาทั้งหมดยกย่องอัจฉริยะ และกล่าวราวกับว่าพวกเขาเป็นคนที่จัดการแม่ทัพอสูรขั้นสูงด้วยมือของพวกเขาเอง
ซูหลิงกวาดสายตาไปรอบ ๆ เมื่อไม่เห็นโจวเฮา เธอจึงถามอย่างกังวล “จางอี้ เจ้าเห็นโจวเฮาบ้างไหม?”
จางอี้ก็กำลังหาโจวเฮาอยู่เช่นกัน “ข้าไม่เห็นเขาเลย เมื่อครู่มันวุ่นวายเกินไป”
ซูหลิงตกใจ
“เป็นไปได้ไหมที่โจวเฮาจะเป็นอัจฉริยะไร้เปรียบคนนั้น?” เธออดคิดเช่นนั้นในหัวไม่ได้ แต่ไม่นานเธอก็ปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
โจวเฮาเพิ่งทะลวงแก่นโลหิตขั้นแรก ดังนั้นเขาจะไปเป็นอัจฉริยะไร้เปรียบได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตามซูหลิงยังคงกังวลเมื่อเธอไม่เห็นโจวเฮา เธออดตะโกนไม่ได้ “โจวเฮา โจวเฮา…”
“ข้าอยู่นี่”
ลมกระโชกแรงพัดผ่านหน้าต่าง พร้อมกับโจวเฮาที่ปรากฏตัวท่ามกลางกลุ่มนักเรียน
เมื่อซูหลิงเห็นโจวเฮา เธอจึงถามด้วยความโกรธ “เจ้าหายหัวไปไหนมา?”
แน่นอน โจวเฮาบอกไม่ได้ว่าเขาไปจัดการแม่ทัพอสูรขั้นสูงมา เขาหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนกล่าว “ข้ากลัวมากเลยไปหลบอยู่ในห้องน้ำหลังหอประชุม และเพิ่งเข้ามาจากประตูหลังเมื่อครู่นี้เอง”
สิ้นเสียง นักเรียนหลายคนก็หัวเราะ
“ขี้ขลาด!”
“สิ้นเปลืองเกราะมาตรฐานที่ใส่อยู่เสียจริง”
“เขากระทั่งซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำจริงเรอะ ช่างแปลกประหลาดเสียจริง”
เสียงหัวเราะค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
รูปร่างหน้าตาของซูหลิงล้วนแล้วแต่อยู่ในอันดับต้นๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งก่อนหน้านี้เธอยังเป็นคนแรกในกลุ่มนักเรียนที่ยืนหยัดต่อสู้กับนักรบอสูรชั้นสูงทำให้นักเรียนนับไม่ถ้วนชื่นชมเธอ
ดังนั้นหลายคนจึงอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้เมื่อเห็นซูหลิงเป็นห่วงโจวเฮามากเป็นพิเศษ
จางอี้ไม่พอใจ “หยุดหัวเราะโจวเฮาได้แล้ว พวกเจ้าก็กลัวเหมือนกันไม่ใช่เรอะ! เมื่อซูหลิงก้าวออกไป มีเพียงหนึ่งในสามของพวกเจ้าเท่านั้นที่ตอบสนอง ฮึ่ม! ถ้าไม่ใช่เพราะอัจฉริยะไร้เปรียบที่อยู่เบื้องหลังก้าวออกไปเพื่อหยุดวิกฤติ พวกเจ้าที่เหลือคงหนีเร็วเสียยิ่งกว่ากระต่ายแน่นอน!”
นักเรียนส่วนใหญ่ที่เยาะเย้ยโจวเฮาเงียบไป พวกเขาไม่กล้าหักล้าง
ท้ายที่สุด พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้หลังจากเห็นว่าเกราะของจางอี้เต็มไปด้วยเลือด
ซูหลิงมองไปยังโจวเฮาต่อหน้านักเรียนจำนวนมาก และเลือกที่จะไม่พูดอะไรหยาบคาย..