STY-ตอนที่ 59 สร้างสถานการณ์วีรบุรุษช่วยสาวงาม!
ใบหน้าของ ศิษย์พี่หญิงเจ็ดเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
นางได้กล่าวถาม เย่เฉิน ด้วยความไม่เชื่อ
เย่เฉิน มองไปที่ ศิษย์พี่หญิงเจ็ดของเขา อันที่จริง สาเหตุที่เขาไม่ได้เปิดเผยตัวตนของเขาก็เพราะเขาใส่ใจความรู้สึกของ ศิษย์พี่หญิงเจ็ดของเขา
นั่นก็เพราะบุคลิกของศิษย์พี่หญิงเจ็ดค่อนข้างหยิ่งผยองจนเกินไป ศิษย์พี่หญิงเจ็ดมักจะถือว่า เย่เฉิน เป็นคู่ต่อสู้ของนางมาโดยตลอด ดังนั้นแม้ว่านางจะพ่ายแพ้ภายใต้เงื้อมมือของ เย่เฉิน อย่างต่อเนื่อง แต่นางก็ปีนขึ้นไปครั้งแล้วครั้งเล่าและพยายามอย่างหนักเพื่อเอาชนะ เย่เฉิน
เย่เฉิน กลัวว่า เมื่อเขาพูดแบบนี้ออกไป ศิษย์พี่หญิงเจ็ดจะสูญเสียความฝันของนางและไม่มีทางฟื้นคืน
แต่หาก เย่เฉิน แสดงความแข็งแกร่งในอาณาจักรกำเนิดวิญญาณในอดีต มันก็ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับศิษย์พี่ของนางได้บ้าง
แต่ตอนนี้ เย่เฉิน ได้กล่าวพูดโดยตรงว่า เขาคือปรมาจารย์ยุทธ์ผู้อยู่ยงคงกระพันที่มีพลังในอาณาจักรเทวะ มันก็แทบจะไม่มีความหวังเลยที่ ศิษย์พี่หญิงเจ็ดของเขาจะตามทัน
“เย่เฉิน จะบอกว่าเหตุผลที่เจ้าปิดบังเรื่องที่ตนเองเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ผู้อยู่ยงคงกระพันคนนั้นในตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา และ แสดงพลังในอาณาจักรกำเนิดวิญญาณให้ข้าดู เพียงเพราะเจ้าต้องการมอบความหวังและให้ข้าตามเจ้าทันใช่หรือไม่?”จ้าวซือเหยา มองไปที่ เย่เฉิน และ กล่าวถาม
เย่เฉิน ไม่รู้จะพูดอะไร เขาทำได้เพียงแค่พยักหน้า
“เย่เฉิน เจ้ามันแย่ที่สุด!”
หลังจาก จ้าวซือเหยา กล่าวออกมา นางก็หันหลังกลับและจากไปในทันที
“ศิษย์พี่หญิงเจ็ด!”
เย่เฉิน ต้องการไล่ตามนางไป
“อย่าตามข้ามา ถ้าเจ้าตามข้ามา ข้าจะไม่มีวันยกโทษให้เจ้า!”จ้าวซือเหยา ได้หันหลังกลับมาพูด ในขณะที่น้ำตาของนางคลอเบ้า
ดังนั้น เย่เฉิน จึงไม่กล้าติดตามนางอย่างเปิดเผย
เขาทำได้เพียงเรียก เถาลวี่ ออกมา และ มอบให้ เถาลวี่ คอยติดตาม ศิษย์พี่หญิงเจ็ดของเขาอย่างเงียบ ๆ
จ้าวซือเหยา ที่โกรธมาก นางได้วิ่งที่ด้านหลังภูเขาในทันที
“เลวมาก เจ้ามันคนสารเลว!”
“เย่เฉิน เจ้าคนปลิ้นปล้อน เจ้ามันเลว ข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้าอย่างเด็ดขาด!”
“หึ่ม เป็นปรมาจารย์ในอาณาจักรเทวะแล้วยังไง?เป็นปรมาจารย์ผู้อยู่ยงคงกระพันแล้วยังไง?สักวันข้าจะเอาชนะเจ้าให้ได้!”
จ้าวซือเหยา ได้กล่าวพูดกับตัวเองอยู่ที่ด้านหลังภูเขา
โดย เถาลวี่ ได้ลอบติดตาม จ้าวซือเหยา อย่างเงียบ ๆ เถาลวี่ นั้นเป็นเพียงหุ่นเชิด ดังนั้น นางจึงไม่ได้เปิดเผยกลิ่นอายออกมา เพราะงั้น จ้าวซือเหยา จะไม่มีทางสังเกตุเห็น เถาลวี่ ได้
ยิ่งไปกว่านั้น เถาลวี่ ยังถูกชักนำโดยพลังของ เย่เฉิน ซึ่งก็หมายความว่า เย่เฉิน สามารถมองเห็นสิ่งที่ เถาลวี่ เห็น
พูดง่าย ๆ ก็คือ เถาลวี่ ก็เหมือนกับกล้องเดินได้
แม้ว่า เย่เฉิน จะไม่ได้ไล่ตามนางไป แต่การเคลื่อนไหวของ ศิษย์พี่หญิงเจ็ดของเขาก็อยู่ภายใต้การดูแลของเขา
ในเวลานี้ จ้าวซือเหยา ได้สาปแช่ง เย่เฉิน ขณะที่เดินอยู่ในป่า
ทว่าปัจจุบัน ก็มีร่างเงา 2-3 ร่างปรากฏตัวขึ้นในป่า
โดยพวกเขาได้ลอบติดตาม จ้าวซือเหยา อย่างเงียบ ๆ
พวกเขาที่ติดตาม จ้าวซือเหยา คนที่นำกลุ่มมาก็คือ ชายหนุ่มอายุ 16-17 ที่จมูกมีน้ำมีนวล ปัจจุบัน เขามองไปที่ จ้าวซือเหยา ด้วยสายตาที่ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ผู้ใต้บังคับบัญชาสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็คือปรมาจารย์ขั้นปลายของอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า
ชายหนุ่มคนนี้ได้กล่าวสั่งทันที “เมื่อนางเข้าไปยังส่วนลึกของป่า ให้พวกเจ้าลงมือในทันที เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะออกมาเพื่อแสดงตัวเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามที่กำลังลำบาก และ เมื่อเรื่องทั้งหมดจบลง นางจะต้องรู้สึกซาบซึ้งในการกระทำและกลายเป็นสหายเต๋าของข้าอย่างแน่นอน!”
“นายน้อยช่างปราดเปรื่องยิ่งนัก!”ในเวลานี้ ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้ง 2 ก็ได้เข้าใจในทันที
นายน้อยคนนี้ ได้กล่าวเย้ยหยันออกมา “นิกายหยางแท้จริง ของพวกเรา ไม่ใช่คู่ต่อกรของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ แม้ว่าข้าจะเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเอง ก็คงจะไม่เป็นที่โปรดปรานของเทพธิดาทั้ง 7 แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตา ดังนั้น ข้าไม่เชื่อว่า ถ้าข้าใช้ทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ กับ เด็กสาวที่หนีออกจากบ้าน จะไม่สามารถทำให้นางลุ่มหลงข้าได้!”
“และแน่นอนว่าเมื่อถึงเวลา หากข้าวางยานางเข้าไปอีก นางก็จะชื่นชอบข้ามากยิ่งขึ้น!”
“เอาล่ะ ลงมือซะ!”ประมุขน้อยนิกายหยางแท้จริง ได้กล่าวออกคำสั่ง
ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญในขั้นปลายของอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่าทั้ง 2 จึงได้โจมตี จ้าวซือเหยา ในทันที
จ้าวซือเหยา ที่กำลังเดินไปข้างหน้า ในเวลานี้ นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
โดยนางสัมผัสได้ว่ามีรัศมีพลัง 2 สายพุ่งเข้ามาหานาง
ในปัจจุบัน ชายชุดดำได้ปรากฏตัวขึ้นและปิดปากของนาง เพื่อที่จะลักพาตัวนางไป
“อื้อ…อื้อ!”
จ้าวซือเหยา ต้องการร้องขอความช่วยเหลือ แต่นางก็ไม่สามารถตะโกนออกมาได้
ชายชุดดำ 2 คน ที่จับ จ้าวซือเหยา พวกเขาได้บินหนีไปในทันที
ในเวลานี้ ประมุขน้อยนิกายหยางแท้จริง ได้แสดงท่าทีเย้ยหยันออกมา
“ถึงแม้ว่าเด็กสาวคนนี้จะไม่ได้มีรูปร่างที่ดีเหมือนกับศิษย์พี่ของนาง แต่นางก็ยังมีพื้นที่ว่างสำหรับการพัฒนา และ เมื่อพวกเราผสานร่วมกัน นางจะต้องตกหลุมรักข้าอย่างแน่นอน ฮ่าฮ่าฮ่า…”ประมุขน้อยนิกายหยางแท้จริง ได้ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
“เอาล่ะ คงได้เวลาที่ข้าจะต้องปรากฏตัวแล้ว!”
ในเวลานี้ ประมุขน้อยนิกายหยางแท้จริง กำลังจะเดินออกไป และ ต้องการช่วยเหลือหญิงสาวที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก
ด้วยวิธีการนี้ บางทีเขาอาจจะพอมีโอกาสที่จะแต่งงานกับนาง และ ผูกมิตรกับ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ได้
แต่ในเวลานี้ ชายหนุ่มในชุดขาวก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าประมุขน้อยนิกายหยางแท้จริง
“ใคร…เจ้าเป็นใคร?”
“เจ้ามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ประมุขน้อยนิกายหยางแท้จริง กล่าวถามด้วยสีหน้าที่ตกใจ
คนที่มาไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก เย่เฉิน โดยเขาได้มองไปที่ ประมุขน้อยนิกายหยางแท้จริง ด้วยรอยยิ้มที่เย็นชาและกล่าวออกมา “ความคิดของเจ้าค่อนข้างดี แต่วิธีการของเจ้ามันค่อนข้างน่ารังเกียจเกินไป!”
“อะไร…เจ้าคิดจะทำอะไร?”ประมุขน้อยนิกายหยางแท้จริง ได้ชี้ไปที่ เย่เฉินและกล่าวถาม
“กล้าแตะต้องศิษย์พี่ของข้า?ดูเหมือนว่าเจ้าอยากจะตายมากงั้นสินะ!”เย่เฉิน ที่อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว เผชิญหน้ากับ ประมุขน้อยนิกายหยางแท้จริง เขาต้องการตัดสินชีวิตของอีกฝ่ายทันที
เย่เฉิน ได้โบกมือและใช้พลังฝ่ามือทุบไปที่หน้าอกของประมุขน้อยนิกายหยางแท้จริง
พลังฝ่ามือนี้เป็นทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์ ที่ เย่เฉิน ได้ลงชื่อเข้าใช้และได้รับมันมา มันมีชื่อว่า ฝ่ามือแปลงศพ!
เช่นเดียวกับชื่อของมัน การฟาดพลังด้วยฝ่ามือนี้ สามารถทำให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่กลายเป็นศพและสลายเป็นขี้เถ้าโดยไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้
ฝ่ามือของ เย่เฉิน ได้กระทบเข้ากับร่างของ ประมุขน้อยนิกายหยางแท้จริง
ประมุขน้อยนิกายหยางแท้จริง ได้มองไปที่ เย่เฉิน ด้วยความตกใจ
ร่างของเขากำลังสลายกลายเป็นความว่างเปล่า ในขณะที่น้ำตาของเขาได้หยดลงบนพื้น
“เป็นไปได้ยังไง?”
“เจ้า…เจ้าเป็นใครกันแน่?”
เย่เฉิน ได้มองไปที่ อีกฝ่ายอย่างเย็นชาโดยที่ไม่ได้ตอบกลับ
หลังจากนั้นไม่นาน ประมุขน้อยนิกายหยางแท้จริง ก็ได้กลายเป็นแอ่งเลือดและไม่มีสิ่งอื่นใดหลงเหลืออยู่นอกจากขี้เถ้าของเขา
…
ผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า พวกเขาได้จับตัว จ้าวซือเหยา ไป
หลังจากนั้นพวกเขาก็จับนางมัดไว้ในถ้ำ โดย 1 ในนั้นได้หยิบโอสถทิพย์บางอย่างออกมาและป้อนให้กับจ้าวซือเหยา
หลังจากป้อนเสร็จ ทั้งสองก็มองหน้ากันและยิ้ม และ รอให้ นายน้อยของพวกเขามาช่วยชีวิตจ้าวซือเหยา
เมื่อ นายน้อยของพวกเขา ช่วย จ้าวซือเหยา ได้สำเร็จ พร้อมกับโอสถทิพย์ของพวกเขาที่เป็นยาเสน่ห์ จ้าวซือเหยา จะต้องตกหลุมรักวีรบุรุษที่มาช่วยนางอย่างแน่นอน
จ้าวซือเหยา ที่ถูกมัดไว้กับเสาหิน น้ำตาของนางได้ไหลออกมาเป็นสองสาย
นางในตอนนี้เพิ่งจะมีอายุได้ 15 ปี เป็นเพียงแค่เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ดังนั้น นางจะไม่ร้องไห้ออกมาในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร?
“อึก…อึก…”
ปากของนางได้ถูกปิดและไม่สามารถที่จะส่งเสียงใด ๆ ได้
ในปัจจุบัน นางรู้สึกลัวเป็นอย่างยิ่ง เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ในตอนนี้ นางอยากจะให้ใครซักคนมาช่วยเหลือนาง ไม่ว่าจะเป็นใคร แม้ว่าจะเป็นเจ้าวายร้ายตัวเหม็นอย่าง เย่เฉิน นางก็ยังเต็มใจ
บางทีอาจกล่าวได้ว่าในขณะนี้ ร่างของ เย่เฉิน ได้เติมเต็มหัวใจของนาง
แม้ว่าเขาจะเป็นวายร้าย คนปลิ้นปล้อน เป็นคนเจ้าเล่ห์ที่น่ารังเกียจ
แต่นางก็คิดถึงเขาในใจ
“เย่เฉิน…ช่วยข้าด้วย!”นางได้ร้องไห้ในใจ
“ว่าแต่ทำไมนายน้อยถึงยังไม่มาอีก?”ชายคนนึงได้กล่าวถาม
“รออีกสักนิดก็แล้วกัน!”ชายอีกคนได้ตอบกลับ
แต่ในขณะนั้นเอง ชายหนุ่มในชุดขาวก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ปากทางเข้าถ้ำ
“นายน้อย ในที่สุดท่าน…”ก่อนที่พวกเขาจะได้ทันพูดจบ พวกเขาก็ตระหนักได้ว่า ชายหนุ่มในชุดขาวคนนี้ไม่ใช่นายน้อยของพวกเขา
จ้าวซือเหยา ได้เงยหน้าขึ้นมองและเห็นใบหน้าที่นางเกลียดชังและต้องการเขามากที่สุดในเวลาเดียวกัน
นางรู้สึกโล่งใจและไม่ได้หวาดกลัวอีกต่อไป เพราะตอนนี้นางเต็มไปด้วยความสุข
“เย่เฉิน…ในที่สุดเจ้าก็มา!”