STY-ตอนที่ 57 ใสหัวออกไป!
เย่เฉิน ได้เดินเข้ามาภายในห้องโถงหยกอมตะทีละขั้นตอน
ในขณะนี้ ทุกคนได้มองไปที่เขาด้วยความประหลาดใจ
เย่เฉิน มักจะใช้ใบหน้านี้ ดังนั้น เซียนหยกอมตะ และ ศิษย์พี่หญิงหลายคนจึงจำเขาได้
อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นเรื่องจริง ที่ว่า เย่เฉิน ถูกรบกวนโดยเรื่องของศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขา
ซ่งอวี๋เซียง มองไปที่ ผู้ชายที่ชื่อ เย่กู่เฉิง ข้างหน้าเขา เป็นเพราะเขามีพลังอยู่ในขั้นปลายของอาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณ ในขณะที่ อีกฝ่ายอยู่เพียงขั้นต้นของอาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจอีกฝ่ายสักเท่าไหร่
“นี่เป็นเรื่องระหว่างข้ากับชิวหยา คนนอกเช่นเจ้ามีสิทธิ์ก้าวก่ายด้วยงั้นหรือไม่?”ซ่งอวี๋เซียง มองไปที่ เย่เฉิน และ กล่าวถามอย่างเย็นชา
เย่เฉิน ยิ้มจาง ๆ และมุมปากของเขาก็ค่อย ๆ โค้งขึ้น “ข้าชอบศิษย์พี่หญิงซู่ ดังนั้นเรื่องของนางก็เป็นเรื่องของข้าเช่นกัน”
เมื่อเขาพูดแบบนี้ ทุกคนก็ดูตกใจ
ใบหน้าของ ซู่ชิวหยา ได้เผยให้เห็นสีแดงเล็กน้อย
ซู่ชิวหยา รู้ว่า เย่กู่เฉิง ก็คือ เย่เฉิน ศิษย์น้องเล็กของนาง ดังนั้นการที่เขาบอกชอบนางต่อหน้าศิษย์น้องและท่านอาจารย์ของนาง แม้แต่ ซู่ชิวหยา ที่สง่างามและใจกว้างก็ยังปรากฏความรู้สึกแปลก ๆ ออกมา
นางไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางอาย หรือว่านาง ชื่นชอบคำตอบของ ศิษย์น้องเล็กของนางกันแน่
นางปฏิบัติต่อเขาเสมือนเป็นน้องชายของนางมาโดยตลอด ดังนั้นแม้ว่าพวกนางจะอาบน้ำด้วยกันบ่อย ๆ แต่นางก็ไม่ได้คิดอะไร และ เฝ้าดูน้องชายของนางเติบโตขึ้นในทุกวัน
อย่างไรก็ตาม นางไม่ทราบเลยว่าอายุทางจิตใจของเขากำลังเติบโตขึ้นอย่างช้า ๆ
“เจ้ามั่นใจในคำพูดของเจ้างั้นหรือไม่?ถ้าเกิดว่าข้าชนะ ชิวหยาจะยอมติดตามข้ากลับไป?”ในขณะนี้ ซ่งอวี๋เซียง ได้ก้าวออกมาข้างหน้าและกล่าวถามด้วยสีหน้าที่เยาะเย้ย
เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในขั้นปลายของอาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณ ดังนั้นเขาไม่เชื่อว่า ลูกสุนัขที่อยู่ในช่วงต้นของอาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณจะสามารถเอาชนะเขาได้
ก่อนที่ เย่เฉิน จะได้ทันพูดอะไร ซู่ชิวหยา ก็ก้าวไปข้างหน้า
ชุดสีแดงของนางได้ปลิวไสวไปตามสายลม และ ผมสีดำของนางก็สยายออก
ในปัจจุบัน ดวงตาที่แน่วแน่ของ ซู่ชิวหยา ได้มองไปที่ เย่เฉิน และ กล่าวออกมา “ข้าเชื่อเขา อีกอย่างข้าก็รับปากในคำพูดของเขา อย่างไรก็ตาม ข้าเกรงว่าท่านจะไม่สามารถเอาชนะเขาได้!”
เมื่อได้ยินคำพูดของ ซู่ชิวหยา ซ่งอวี๋เซียง ก็กลายเป็นโกรธจัด
เขาเป็นศิษย์หลักของตระกูลซ่งแห่งเมืองหยุนไท่ และ เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นปลายของอาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณ
กลับกัน อีกฝ่ายไม่เพียงแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญในขั้นต้นของอาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณที่ทำตัวหยิ่งผยองต่อหน้าเขาเท่านั้น แม้แต่ ซู่ชิวหยา ก็ยังเชื่อมั่นในตัวของอีกฝ่าย แทนที่จะเป็นเขา!
ใบหน้าของ ซ่งอวี๋เซียง ได้มืดลง
เขาไม่ได้พูดอะไรอีก ซึ่งใบหน้าของเขามืดมากจนแทบจะมีน้ำหยดลงมาจากมัน
ดังนั้น เขาจึงได้พุ่งเข้าหา เย่เฉิน ในทันที
เนื่องจาก เด็กคนนี้รนหาที่ตาย ก็อย่าโทษที่เขาทำตัวไม่สุภาพ
ดังนั้น เขาจึงใช้ประโยชน์จากการที่ เย่เฉิน ไม่สนใจที่จะโจมตีเขา โดยเขาได้เปิดฉากโจมตีอีกฝ่ายก่อน
พลังปราณที่แท้จริงได้รวบรวมมาอยู่ในมือของเขาและเขาก็ชกออกไปที่ด้านหน้าของ เย่เฉิน
เย่เฉิน ที่มีพลังอยู่ในอาณาจักรเทวะ ความแข็งแกร่งของเขาค่อนข้างท้าทายสวรรค์
ดังนั้นหลังจากที่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาหลอมรวมกับสวรรค์และปฐพีแล้ว ทุกสิ่งภายในรัศมีไม่กี่ร้อยลี้ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
อย่างไรก็ตาม เย่เฉิน ไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งของอาณาจักรเทวะโดยตรง
ถ้าเขาใช้ความแข็งแกร่งของอาณาจักรเทวะโดยตรง นั่นจะไม่เป็นการบอกคนอื่นว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรเทวะของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์หรอกเหรอ? หากทำเช่นนั้นเกรงว่าสถานะตัวตนของเขาคงจะถูกเปิดเผย
แม้ว่า ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองที่นำมาโดย ซ่งอวี๋เซียง จะไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อเขา แต่ เขาก็ยังมองการณ์ไกลและไม่กล้าที่จะประมาทผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรเทวะด้วยกันเอง
ดังนั้น เย่เฉิน จึงได้เอียงศีรษะเล็กน้อยเพื่อหลบการโจมตีของ ซ่งอวี๋เซียง
หลังจากนั้นเขาก็หันหลังกลับและชกการโจมตีออกไป
ฟุ่บ!
เขาไม่ได้ใช้อะไรมาก มันเป็นแค่เศษเสี้ยวพลังของขั้นต้นอาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณเพียงเท่านั้น
หมัดของ เย่เฉิน ได้ปทะเข้ากับหมัดของ ซ่งอวี๋เซียง
พลังแห่งช้างศักดิ์สิทธิ์!
1 กำปั้นทลายภูเขาแยกน้ำทะเล และ 1 กำปั้นทำลายสวรรค์และปฐพี!
ในขณะนี้ ใบหน้าของ ซ่งอวี๋เซียง ได้เปลี่ยนไปอย่างมาก หยาดเหงื่อที่เด่นชัดได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา โดยเขาได้มองไปที่ เย่เฉิน ด้วยความตกใจ และ ไม่กล้าที่จะเชื่อในสายตาของตัวเอง
ทุกคนได้มองดูพวกเขาแลกหมัดซึ่งกันและกัน แต่พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมการแสดงออกของ ซ่งอวี๋เซียง ถึงดูน่าเกลียดมากขนาดนี้
แต่ในเวลาต่อมา ทุกคนก็เข้าใจ
ปั้ง—-
เสียงที่แผ่วเบาได้ดังขึ้น
แขนเสื้อของ ซ่งอวี๋เซียง ได้ระเบิดออกจนเผยให้เห็นท่อนแขนที่ว่างเปล่า
และครู่ต่อมา
มือของ ซ่งอวี๋เซียว ก็เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีม่วง และ ในที่สุด ก็เปลี่ยนเป็นสีแดง โดยมันมีโลหิตจำนวนมากไหลออกมา
อ๊าก—
ทุกคนได้ยินเสียงกรีดร้องที่ดังสนั่น
1 ในมือของ ซ่งอวี๋เซียง ได้ระเบิดภายใต้สายตาของทุกคน!
“นายน้อย!”
ในขณะนี้ ผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรมหายานทั้ง 2 คน รีบพุ่งเข้าไปหา ซ่งอวี๋เซียง พวกเขาไม่ได้คาดหวังเลยว่า ผู้เชี่ยวชาญในขั้นต้นของอาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณ ที่ถูกเรียกว่า เย่กู่เฉิง จะแข็งแกร่งมากขนาดนี้
ทุกคนดูตกใจเป็นอย่างมาก
แม้แต่ เซียนหยกอมตะ และ ศิษย์พี่หญิงทั้ง 7 ของเขาที่รับรู้ตัวตนของ เย่เฉิน ก็ยังประหลาดใจ
เนื่องจากพวกเขาทั้งคู่อยู่ในขอบเขตอาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณ และ พวกเขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เย่เฉิน ได้ใช้พลังในขอบเขตอาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณเพียงเท่านั้น แต่แล้วเหตุใด กำปั้นที่มีพลังของอาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณถึงสามารถทำให้แขนของผู้เชี่ยวชาญขั้นปลายของอาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณระเบิดได้เช่นนี้
สิ่งนี้ช่างเป็นพลังที่แข็งแกร่งเกินไป!
พวกนางใช้เวลาทุกวันกับศิษย์น้องของพวกนาง
อย่างไรก็ตาม พวกนางก็พบว่าสิ่งที่พวกนางรู้เกี่ยวกับการพัฒนาของศิษย์น้องของนางก็คือ ร่างกายของเขาที่เติบโตเพียงเท่านั้น
พวกนางไม่สามารถที่จะจินตนาการเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของศิษย์น้องของนางได้เลย!
ในขณะนี้ ซ่งอวี๋เซียง ได้จับแขนที่หักของเขา เขาได้ตกอยู่ในความเจ็บปวดและคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับกรีดร้องออกมา
“เจ้า…เจ้ากล้าดียังไง?”
ในขณะนี้ เย่เฉิน ก็มองดู ซ่งอวี๋เซียง และกล่าวพูดอย่างเย็นชา “เจ้าคงยังจำสัญญาของเราได้ใช่มั้ย รีบใสหัวไปซะ!”
ซ่งอวี๋เซียง ได้กลายเป็นโกรธจัด และกล่าวสั่งทันที “พวกเจ้ายืนทำบื้ออยู่อะไร?รีบเข้าไปฆ่ามันให้ข้าเร็วเข้า!”
อย่างไรก็ตาม ผู้เฒ่าทั้ง 2 ก็ไม่ได้ขยับเขยื้อน พวกเขาเข้าใจว่า ผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรเทวะกำลังจับตามองดูพวกเขาอยู่ นอกจากนี้ เย่กู่เฉิง ที่อยู่ด้านหน้า ก็ยังเป็นศิษย์คนสุดท้ายของท่านปรมาจารย์ ถ้าพวกเขากล้าแตะต้องอีกฝ่าย พวกเขาจะต้องตายในทันที
ในเวลานี้ ผู้เฒ่าในอาณาจักรมหายานทั้ง 2 ได้คำนับเซียนหยกอมตะกล่าวออกมา “เซียนหยกอมตะ การประลองในครั้งนี้พวกเราเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ดังนั้น พวกเราจะพา นายน้อยซ่งอวี๋เซียง ออกจากห้องโถงนี้ในทันที”
“ช้าก่อน…”เย่เฉิน ได้ร้องเรียกพวกเขา
“สหายน้อย ยังมีอะไรอีกหรือไม่?”ผู้เฒ่าในอาณาจักรมหายานได้หันศีรษะมาและกล่าวถาม
“ไม่ใช่ว่าข้ากล่าวไปก่อนหน้านี้หรอกเหรอ ถ้าเกิดพวกเจ้าพ่ายแพ้ เจ้าจะต้อง ‘กลิ้งตัว’ ออกไปจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์!”เย่เฉิน ได้กล่าวออกมาอย่างเย็นชาทันที
“เจ้า!”ทั้งสองได้กลายเป็นโกรธจัด
“หรือว่าลืมไปแล้วว่าท่านอาจารย์ของข้าก็อยู่ที่นี่ด้วย?”เย่เฉิน ได้กล่าวเตือนอย่างเย็นชา
ในเวลานี้ ทั้งสองได้มองหน้ากัน
ปรมาจารย์ยุทธ์ผู้อยู่ยงคงกระพันในอาณาจักรเทวะ ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะสามารถรุกรานได้
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกลิ้งไปมาบนพื้นและกลิ้งตัวออกไป
ในขณะนี้ มีคนมากมายบนยอดเขาหยกอมตะ เหล่าศิษย์จำนวนมากได้มองดูผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรเทวะทั้งสองค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์พร้อมกับชายหนุ่มที่แขนหัก
…
ณ ตอนนี้
แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
ขุมพลังมากมายได้พุ่งเป้าไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ได้ทำลาย สองนิกายที่ทรงพลังอย่าง แดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด และ นิกายอินทรีหิมะ พวกเขายังได้ยินมาว่าสัตว์อสูรที่ทรงพลังที่ถูกผนึกไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ก็ได้ถูกปราบปรามโดยปรมาจารย์ยุทธ์ผู้อยู่ยงคงกระพันคนนั้นด้วย ดังนั้น…หลายนิกาย จึงได้รู้ว่า แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ได้ถือกำเนิดผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรเทวะขึ้น ดังนั้นแล้ว ผู้คนจำนวนมากจึงได้เดินทางมาที่นี่เพื่อประจบประแจงแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์…