ตอนที่แล้วบทที่ 687 เด็กน้อยดีที่สุด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 691 เด็กน้อยทำอะไรก็ดูดีไปหมด

(ฟรีฟรี) บทที่ 689 เขายินดีที่จะติดตามเธอ


และรูปลักษณ์ที่ไม่สะทกสะท้านของหรงซื่อ ได้ทําให้คุณหนูถังโกรธมากกว่าเดิม เธอจึงตะโกนออกไปอย่างสุดเสียง “ผู้จัดการ? ผู้จัดการอยู่ไหน!”

เรื่องนี้ทําให้ในบาร์เกิดความปั่นป่วนขึ้นทันที และหลายคนก็มองดูด้วยความสนใจ ผู้จัดการรีบวิ่งเข้ามาหลังจากที่ได้รับข่าว จากนั้น เขาก็ถามอย่างกังวลว่า “คุณหนูมีอะไรงั้นเหรอครับ?”

คุณหนูถังชี้ไปที่หรงซื่อแล้วพูดว่า “คุณจ้างพนักงานเสิร์ฟแบบนี้มาได้ยังไง เขากล้าดียังไงถึงมาทำกับลูกค้าแบบนี้? ถ้าไม่ใช่เพราะฉันยืนอย่างมั่นคงในตอนที่เขาผลัก ฉันคงจะล้มไปแล้ว! พนักงานแบบนี้ คุณควรลงโทษเขาใช่ไหม?”

## ช่วยเหลือเสี่ยวจิ่วหน่อยนะคะ ขอยอดกำลังใจด้วยนะคะ

ผู้จัดการ “......”

คุณหนูถังเป็นลูกค้าประจําของที่นี่ เขารู้ดีว่าเธอเป็นคนแบบไหน ซึ่งผู้หญิงคนนี้เป็นโรคเจ้าหญิง หรือจะให้พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ทุกคนจะต้องรับใช้เธอประมาณแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนที่หรงซื่อผลักเธอนั้น อาจจะเป็นเพราะเธอได้ทําอะไรบางอย่างลงไป ไม่อย่างนั้น หรงซื่อจะผลักเธอโดยไม่มีเหตุผลได้ยังไง?

แต่มันก็ไม่ค่อยดีเท่าไรที่จะทําให้เธอขุ่นเคือง ดังนั้น ผู้จัดการจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องหันไปหาหรงซื่อแทน “เธอทำแบบนี้กับลูกค้าได้ยังไง? รีบขอโทษคุณหนูถังเร็วๆ เข้า”

ซูจิ่วไม่มีความสุขทันที เมื่อได้ยินประโยคนั้นของผู้จัดการ ทำไมล่ะ?

“พี่ชาย เราไปกันเถอะ พวกเขารังแกกันเกินไปแล้ว นายอย่าทำงานที่นี่เลย ที่สำคัญ ทำไมเราต้องขอโทษผู้หญิงคนนั้นด้วยล่ะ?” ในขณะที่ซูจิ่วพูด เธอก็จับมือของหรงซื่อ และพยายามพาเขาออกไป

หรงซื่อมองมือของตัวเองที่ถูกเธอจับเอาไว้ ทันใดนั้น ภายในดวงตาของเขาก็ดูซับซ้อนขึ้นมาทันที เขาอยากจะตามเธอไปแบบนี้จริงๆ ไม่ว่าเธอจะพาเขาไปที่ไหน เขาก็เต็มใจที่จะติดตามไปทุกที่

แต่ก็ไม่รู้ว่าทําไม ขาทั้งสองข้างของเขาดูเหมือนจะถูกตอกตะปูลงกับพื้น ซึ่งมันไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อย

บางที เขาอาจจะยังไม่ผ่านบททดสอบในใจของตัวเอง และไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับเธอยังไง

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ขยับ ซูจิ่วก็สงสัยเล็กน้อย “พี่ชาย ทําอะไรอยู่น่ะ? เราไปกันเถอะ”

คุณหนูถังรู้สึกว่า เด็กผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นคนสำคัญสำหรับหรงซื่ออย่างแน่นอน เพราะเธอเคยขอให้เขาจับมือเธอ แต่เขาไม่เคยให้เธอหรือใครก็ตามแตะต้องเลยสักนิด!

เมื่อนึกถึงความเกลียดชังครั้งใหม่ที่รวมกับความเกลียดชังครั้งเก่าๆ เธอก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม “ไปงั้นเหรอ? ใครอนุญาตให้พวกแกไปจากที่นี่กัน? ถ้าหากวันนี้ไม่มีคําอธิบายสำหรับเรื่องนี้ล่ะก็ ฉันจะไม่จบเรื่องนี้แน่!”

ซูจิวมองไปที่คุณหนูถังอย่างเย้ยหยัน “จะไม่จบงั้นเหรอ? เธออายุเท่าไรแล้ว? ฉันไม่รู้หรอกนะว่าใครจะเคยชินกับการเป็นเจ้าหญิงของเธอมาก่อน แต่ฉันไม่ชินกับนิสัยแบบนี้ของเธอ!”

“เอาล่ะ คุณหนูตัวเหม็น เธอเป็นใครกัน กล้าที่จะบอกชื่อตัวเองไหม?”

“ฉันไม่บอกหรอก เพราะฉันโกรธเธอนิดหน่อย” ซูจิ่วพูดในขณะที่ใบหน้าของเธอเรียบนิ่งมาก จึงทำให้คนขับรถที่ยืนอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

คุณหนูถังโกรธมากจนใบหน้าของเธอบิดเบี้ยว เธอชี้นิ้วไปที่ซูจิ่วด้วยมือที่สั่นเทา แล้วพูดขึ้นว่า “กะ… แก—”

ซูจิ่วพูดอย่างไม่แยแสว่า “เป็นอะไรหรือเปล่า? พี่สาวรู้ไหมว่ามันน่าเกลียดจริงๆ กลับไปส่องกระจกก่อน แล้วค่อยออกมาข้างนอกใหม่นะ!”

หลังจากพูดจบ เธอก็ดึงหรงซื่ออีกครั้ง แต่เขาก็ยังไม่ยอมขยับ เขาเพียงแค่มองเธอด้วยดวงตาที่ซับซ้อน ราวกับว่าเขากำลังต่อต้าน

เขากำลังต่อต้านเรื่องอะไร?

ตั้งแต่เมื่อไรที่เขาเหินห่างกับเธอ หรือเป็นเพราะเธอมาหาเขาที่นี่ และขอให้เขาออกจากสถานที่แบบนี้กับเธอ แต่เขาไม่เต็มใจอย่างนั้นเหรอ?

เมื่อเทียบกับแสงสลัวของบาร์ ดวงตาสีเข้มของหรงซื่อนั้นลึกเป็นพิเศษ ราวกับว่ามีอารมณ์มากมายอยู่ภายในแววตาคู่นั้น ริมฝีปากบางของซูจิ่วถูกเม้มจนแน่น ราวกับว่าเธอมีเรื่องจะพูดกับอีกฝ่ายมากมายเหลือเกิน

แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ทำอะไรเลย อีกทั้งไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ

จู่ๆ หัวใจของซูจิ่วดูเหมือนจะถูกปิดกั้น เธอค่อยๆ ปล่อยมือของหรงซื่อ แล้วมองเขาอย่างจริงจังและพูดขึ้นว่า “พี่ชาย นายจะไม่ไปกับฉันเหรอ? ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นนายก็อยู่ที่นี่แล้วกัน ส่วนฉันจะไปแล้ว แต่หลังจากที่ฉันไปแล้ว ฉันจะไม่มาหานายอีก ใครใช้ให้นายหลบหน้าฉันครั้งแล้วครั้งเล่ากัน”

“.......” ลำคอของหรงซื่อกลิ้งกลอกไปมา

ถึงแม้ว่าน้ำเสียงที่ซูจิ่วพูดกับหรงซื่อจะไม่ก้าวร้าวเท่ากับตอนที่พูดกับคุณหนูถัง แต่ก็ฟังดูจริงจังมาก

## ทักทายกันมาบ้างนะ มาเป็นกำลังใจให้เสี่ยวจิ่วกัน

เธอจะไม่กลับมาหาเขาอีกแล้ว

นี่มันรุนแรงกว่าร้อยเท่า ยิ่งกว่าการที่เขาทําให้คุณหนูถังขุ่นเคือง และอาจจะถูกผู้จัดการไล่ออกเสียอีก…

ใจของหรงซื่อดิ้นรนอย่างหนัก ส่วนมือทั้งสองข้างของเขาก็ถูกกําจนแน่นอยู่ด้านข้าง

หลังจากซูจิ่วพูดจบ เธอก็เหลือบมองคุณหนูถังอย่างเย็นชา จากนั้น เธอก็ชี้นิ้วไปที่หรงซื่อและพูดว่า “เขาเป็นพี่ชายของฉัน และถ้าฉันออกไปจากที่นี่ แล้วเธอยังกล้าที่จะรังแกเขาอีก ถึงแม้จะจับแค่เส้นผมของเขาเพียงเส้นเดียวก็ตาม ถ้าฉันรู้เมื่อไร เธอจะต้องยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นให้ได้! ถ้าไม่เชื่อก็ลองดูแล้วกัน!”

คุณหนูถังเยาะเย้ยขึ้นมาทันที ราวกับว่าเธอได้ยินเรื่องตลกบางอย่าง “อะไรนะ? ฉันได้ยินผิดไปหรือเปล่าเนี่ย? แม่หนูน้อย เธอพูดว่าอยากจะปกป้องเขางั้นเหรอ? ที่เธอพูดออกมาแบบนั้น ไม่รู้สึกอายบ้างเลยเหรอ?”

ดวงตาของซูจิ่วเย็นชา “ฉันพูดไปแล้ว ถ้าไม่เชื่อก็ลองดู!”

คุณหนูถัง “……!!”

เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นบ้าไปแล้วอย่างนั้นเหรอ!!

เด็กผู้หญิงตรงหน้าเรียกหรงซื่อว่าพี่ชาย หรือเธอจะเป็นน้องสาวของหรงซื่อ? แต่ถ้าจะให้พูดตรงๆ เธอก็เป็นคนจนเช่นเดียวกัน แล้วทำไมถึงกล้าที่จะโกรธเหมือนคนบ้าแบบนี้?

แต่เดี๋ยวก่อน ไม่ ดูชุดนักเรียนที่เด็กผู้หญิงคนนี้ใส่สิ มันเป็นของโรงเรียนมัธยมเอกชนที่แพงที่สุดในเมืองหลวงไม่ใช่เหรอ? และคนธรรมดาก็ไม่สามารถเข้าเรียนที่นั่นได้ ส่วนคนที่สามารถเข้าโรงเรียนนั้นได้ โดยทั่วไปจะเป็นลูกของบุคคลสําคัญ หรือคนดังจากทุกสาขาอาชีพเท่านั้น

ส่วนชายที่ติดตามเด็กผู้หญิงคนนี้มา ถ้าหากเธอได้ยินไม่ผิด เขาเรียกอีกฝ่ายว่า… คุณหนูเล็ก?

ดังนั้น เธอน่าจะเป็นลูกสาวของบุคคลสำคัญ? หรือไม่ก็เป็นลูกสาวของตระกูลที่ร่ำรวยอย่างนั้นเหรอ?

เมื่อคิดนึกเรื่องนี้ จู่ๆ ความเย่อหยิ่งของคุณหนูถังก็หมดไปในทันที และก็ไม่รู้ว่าจะตอบกลับอีกฝ่ายอย่างไรอยู่ครู่หนึ่ง ดังนั้น จึงพูดได้เพียงประโยคเดียวว่า “นี่ เธอ…คิดว่าฉันกลัวเธองั้นเหรอ?”

“ตอนนี้เป็นเรื่องปกติที่เธอจะไม่กลัว แต่ยังไงก็ตาม เมื่อผลลัพธ์ที่ไม่สามารถแก้ไขได้เกิดขึ้นมาเมื่อไร และถ้าเธอไม่กลัวมัน ก็ถือว่าเธอแข็งแกร่งมาก” ซูจิ่วมองไปทางอื่น แล้วพูดกับคนขับรถว่า “ลุง เราไปกันเถอะ”

“ครับ คุณหนูเล็ก” คนขับรถพยักหน้าและเหลือบมองไปที่หรงซื่อ แล้วคิดในใจว่า เจ้าเด็กตัวเหม็นนี่ว่าโชคดีมาก ที่นายท่านผู้เฒ่าและนายน้อยไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้น มันก็เพียงพอแล้วสําหรับเขา ที่ทำให้คุณหนูเล็กไม่มีความสุข

ซูจิ่วก้าวเดินไปสองสามก้าวในทิศทางของประตู และพบว่าหรงซื่อไม่ได้ตามเธอมาจริงๆ เธอกัดริมฝีปากของตัวเองจนแน่น แล้วหันหน้ากลับไปมองเขา “นายไม่อยากมากับฉันจริงๆ เหรอ? ถ้าอย่างนั้น ฉันจะหายไปจริงๆ และจะไม่มาหานายอีกเลย!”

เธอยังคงให้โอกาสเขาอยู่

แต่หรงซื่อยังยืนอยู่ที่เดิม และไม่ได้ก้าวไปไหนเลยสักก้าว เขาทำแค่มองไปที่เธอด้วยดวงตาที่มืดมิด ราวกับว่าไม่มีแสงสว่างในดวงตาของเขาเลย

ในชั่วพริบตา หัวใจของซูจิ่วก็เริ่มปวดร้าวอีกครั้ง

เกิดอะไรขึ้นกับวายร้ายน้อย… เธอไม่ชอบเขาที่เป็นแบบนี้เลยจริงๆ!

“โอเค ฉันไปเองก็ได้ นายก็ดูแลตัวเองให้ดีแล้วกัน!” ซูจิ่วโยนประโยคนี้ใส่หรงซื่อด้วยความโกรธจัด และก้าวออกจากบาร์ทันที

คนขับรถเดินตามซูจิ่วอย่างใกล้ชิด และเมื่อเดินออกไปด้านนอก อากาศก็สดชื่นขึ้นในทันที อีกทั้งยังมีสายลมพัดอยู่บ้างเล็กน้อย ซึ่งตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว อากาศจึงเริ่มหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อสายลมปะทะเข้ากับร่างกายของซูจิ่ว เธออดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านจนตัวสั่น จากนั้น เธอก็ลูบแขนของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ส่วนหัวใจของเธอนั้นก็รู้สึกหนาวเช่นเดียวกันกับอากาศ

“คุณหนูเล็ก เด็กผู้ชายคนนั้นช่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย! คุณหนูไม่ต้องไปสนใจเขาแล้วครับ กระผมว่าคนหล่อไม่สามารถกินเป็นอาหารได้ แต่มันต้องขึ้นอยู่กับบุคลิก ซึ่งกระผมดูบุคลิกของเขาแล้วไม่ค่อยดีเท่าไร ดังนั้น คุณหนูหาคนอื่นจะดีกว่า ในโลกนี้มีเด็กผู้ชายดีๆ อยู่มากมาย”

ต่อให้มีมากกว่านี้ พวกเขาก็ไม่ใช่วายร้ายน้อยอยู่ดี

เขามีเอกลักษณ์ในหัวใจของเธอ และไม่มีเด็กผู้ชายคนไหนมาแทนที่เขาได้…

บทที่ 703 หัวใจเต้นผิดจังหวะไปหมด

คนขับรถจึงแนะนําขึ้นอีกว่า “คุณหนูเล็ก อย่าไปโกรธเด็กผู้ชายคนนั้นเลย มันไม่คุ้มเลยครับ ตอนนี้เรากลับกันเถอะ ถ้าเกิดนายน้อยรู้ว่าคุณหนูเล็กมาที่นี่ กระผมจะต้องแย่แน่ๆ”

ซูจิวพยักหน้า จากนั้น เธอก็เดินตามเขาไปที่รถ และเมื่อกำลังจะก้าวเข้าไปในรถ เธอก็มองกลับไปที่บาร์อีกครั้ง

ซูจิ่วยังคงมีความหวังที่ริบหรี่ เธอหวังว่าวายร้ายน้อยจะปรากฏตัวขึ้นในวินาทีสุดท้าย และถ้ามันเป็นอย่างนั้น เธอจะไม่โกรธเขาเลย

ซูจิ่วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา [หรงซื่อ ฉันจะให้เวลานายหนึ่งนาที ถ้านายไม่ยอมออกมา ฉันจะไม่สนใจนายอีกต่อไป!]

ภายในบาร์ แสงไฟระยิบระยับตกลงบนใบหน้าของหรงซื่อ และการแสดงออกบนใบหน้าของเขานั้นคลุมเครือเป็นอย่างมาก

เมื่อนึกถึงสิ่งที่ซูจิ่วพูด เขาก็รู้สึกหดหู่อยู่พักหนึ่ง

แต่พอเขาเห็นข้อความของเธอ เขาก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเพียงแค่หนึ่งนาที หรงซื่อผลักคนรอบข้างที่ยืนขวางทางทันที จากนั้น ก็รีบวิ่งไปที่ประตูบาร์ พอออกมาด้านนอกแล้ว เขาก็เห็นเธอกําลังเตรียมที่จะเข้าไปในรถ ส่วนซูจิ่วเมื่อเห็นหรงซื่อวิ่งออกมา เธอก็สังเกตเห็นว่าบนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เธอจึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และมุมปากของเธอก็ยกขึ้นเช่นเดียวกัน

เมื่อเขาเดินมาหยุดตรงหน้าเธอ ซูจิ่วก็พองแก้มแล้วพูดว่า “พี่ชาย ในที่สุดนายก็คิดได้ซะที? ตอนนี้ นายยังต้องการที่จะหลบหน้าฉันอีกไหม? และที่ฉันบอกไปก่อนหน้านี้ ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ ถ้านายไม่ออกมาจริงๆ ฉันจะไม่สนใจนายอีกต่อไป!”

ซูจิ่วรู้สึกว่าตัวเองในเวลานี้ ดูเหมือนสาวน้อยที่กำลังยืนทะเลาะกับแฟนของตัวเองอยู่

เดี๋ยวก่อน… แฟนงั้นเหรอ?

นี่เธอกําลังคิดอะไรอยู่เนี่ย!

ทันใดนั้น หรงซื่อก็รู้สึกขอบคุณที่ตัวเองวิ่งออกมา ไม่อย่างนั้น จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอไม่สนใจเขาอีกต่อไป?

แม้ว่าเธอจะแค่ล้อเล่น แต่เขาจริงจังกับเรื่องนี้มาก อีกทั้งยังรู้สึกกังวลยิ่งกว่าสิ่งใด

หรงซื่อก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด “ฉันขอโทษ”

เสียงที่พูดออกมาเบามาก และเมื่อหรงซื่อพูดคำนั้นออกมา ดูเหมือนเขาจะไม่กล้าสบตากับเธอ

ถึงแม้ว่าเธอจะโกรธอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ทุกอย่างก็สลายหายไปพร้อมกับคําว่าขอโทษของเขา จากนั้น ซูจิ่วก็พูดอย่างใจกว้างว่า “เพื่อเห็นแก่เราสองคนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ครั้งนี้ฉันจะยกโทษให้ แต่ถ้านายหลบหน้าฉันอีกครั้ง และทำให้ฉันเป็นกังวลอีก….”

ในขณะที่พูด ซูจิ่วก็เขย่งปลายเท้าขึ้นเล็กน้อย แล้วลูบศีรษะหรงซื่อเหมือนกับตอนที่เธอยังเป็นเด็ก “อย่าคิดว่าฉันจะยกโทษให้นาย!”

ในเวลาต่อมา ผู้จัดการก็ตามหรงซื่อออกมาจากบาร์ และก็เห็นหรงซื่อยืนอยู่ตรงหน้าซูจิ่ว ซึ่งเด็กผู้หญิงยังคงเอื้อมมือไปลูบศีรษะของอีกฝ่ายอยู่ และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็ยินยอมให้เธอทำแบบนั้น ทันใดนั้น เขาก็นึกขึ้นได้ว่ามีลูกค้าหญิงหลายคนบ่นว่าทัศนคติในการให้บริการของหรงซื่อไม่ดี และเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดกับเด็กผู้ชายคนนี้อีกเป็นครั้งที่สอง

แต่ดูเหมือนว่าหรงซื่อจะมีความอดทน และตามใจเด็กผู้หญิงคนนี้มาก?

ผู้จัดการพูดขึ้นอย่างโกรธเคือง “หรงซื่อ! เธอกําลังทําอะไรอยู่? เธอทําให้คุณหนูถังขุ่นเคือง แต่กลับวิ่งหนีไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ เธอไม่ต้องการทํางานที่นี่แล้วใช่ไหม?”

เมื่อซูจิ่วได้ยินแบบนั้น เธอก็ดันให้หรงซื่ออยู่ข้างหลังตัวเองทันที จากนั้น เธอก็เชิดหน้าขึ้น แล้วพูดกับผู้จัดการว่า “ใช่! เขาจะลาออกแล้ว! ทําไมคุณต้องรังแกคนที่ฉันห่วงใยขนาดนี้ด้วย?”

"......" หรงซื่อมองเธอด้วยความประหลาดใจ และริมฝีปากของเขาก็เม้มเข้าหากันทันที

เธอบอกว่าเขาเป็นคนที่เธอห่วงใยงั้นเหรอ?

“พี่ชาย เราไปกันเถอะ ฉันไม่โกรธคนพวกนี้แล้ว!” ซูจิ่วจับมือหรงซื่อแล้วจากไปทันที ส่วนเรื่องที่ผู้จัดการพูด เธอไม่สนใจมันเลยสักนิด

หรงซื่อเดินตามหลังเธอด้วยความสับสนเล็กน้อย จากนั้น เขาก็มองลงมาที่มือของเธอ

ตอนนี้เขาและเธอก็โตแล้ว แต่มือของเธอเล็กมากเมื่อเทียบกับมือของเขาที่ใหญ่กว่า และมือของเขาก็สามารถกุมมือของเธอได้อย่างสมบูรณ์

เธอเป็นเพศตรงข้ามเพียงคนเดียวที่เขายอมจับมือนอกจากแม่ของตัวเอง และเมื่อคิดแบบนั้น หูของหรงซื่อก็กลายเป็นสีแดงอย่างช่วยไม่ได้

แถมหัวใจก็เต้นผิดจังหวะไปหมด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด