บทที่ 2: ตันเถียนของข้า... คือดาวโลก
แม่ของเย่เซิงเป็นเซิ่งหนู่ (สตรีศักดิ์สิทธิ์) ของนิกายสังสารวัฏ
ในช่วงต้นของยุคของต้าฉิน นิกายสังสารวัฏได้ตั้งอยู่ในภูมิภาคซีเป่ยและมีอิทธิพลอย่างมาก ในเวลานั้นมีสามแดนศักดิ์สิทธิ์ สิบตระกูลใหญ่และสี่นิกายใหญ่ในประเทศ โดยนิกายสังสารวัฏนั้นเป็นหนึ่งในสี่นิกายใหญ่และเป็นขุมกำลังที่ทรงพลังสูงสุด
แต่เมื่อต้าฉินเริ่มสร้างประเทศและเย่หวางเหย่ได้เริ่มผงาดขึ้นมา เย่หวางเหย่ได้นำทหารนับล้านนายบุกเข้าทำลายนิกายสังสารวัฏ การต่อสู้ครั้งนั้นรุนแรงและน่าสลดใจยิ่ง มันส่งผลให้เหล่ากำลังรบหลักของนิกายสังสารวัฏส่วนใหญ่ถูกสังหารและมีส่วนน้อยที่หนีรอดไปได้ ส่วนสตรีศักดิ์สิทธิ์ถูกเย่หวางเหย่จับได้และถูกทำลายรากฐานการฝึกฝน จากนั้นก็ถูกเย่หวางเหย่นำกลับไปยังหวางฝูตระกูลเย่ในฐานะนางสนม
ไม่นานหลังจากนั้นนางได้ให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่งนามว่าเย่เซิง แต่เมื่อเย่เซิงอายุได้ห้าขวบนางก็ตายจากไป
เย่เซิงมักจะหวนคิดถึงความทรงจำในตอนนั้น หลังจากแม่ของเขาเสียชีวิตลงพ่อของเขาไม่เคยได้มาสักการะแม้แต่ครั้งเดียว ได้แต่ส่งพ่อบ้านเข้ามาแสดงความเสียใจเท่านั้น
แม่ของเย่เซิงเป็นเพียงนางสนม ดังนั้นนางจึงไม่มีสถานะในหวางฝูตระกูลเย่เลย ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความที่นางเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของนิกายสังสารวัฏจึงทำให้นายหญิงเฒ่าซึ่งเป็นแม่ของเย่หวางเหย่รังเกียจนางมาก ในช่วงที่แม่ของเขาถูกจับมาใหม่ ๆ นั้น นายหญิงเฒ่ามักจะส่งสาวใช้มาตำหนิติเตียนนางอยู่ทุกวี่วันและไม่อนุญาตให้นางไปพบอีกต่างหาก เรื่องราวเป็นเช่นนี้อยู่เรื่อยมาจนกระทั่งนางคลอดเย่เซิงการกระทำเหล่านั้นจึงหยุดลง แต่หญิงชรานางนั้นก็ไม่เคยจะแยแสอันใดแม่ของเขาเลย
อาณาจักรต้าฉินเป็นระบอบแบบภรรยาหนึ่ง ภรรยาสองและสนมสี่ ซึ่งนางสนมนั้นมีสถานะต่ำต้อยเป็นอย่างยิ่ง เจ้าหน้าที่ทางการมักแลกเปลี่ยนนางสนมกันเป็นว่าเล่นอย่างสนุกสนาน อีกทั้งลูกจากนางสนมยังไม่มีสิทธิ์ได้รับมรดกใด ๆ ดังนั้นเย่เซิงจึงไม่มีใครและไม่มีอะไรที่ควรจะเสียดายในบ้านตระกูลเย่แห่งนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
หลังจากเช็คดูความทรงจำทั้งหมดแล้วท่าทีของเย่เซิงยิ่งมายิ่งน่ากลัว เขาตระหนักแล้วว่าสถานการณ์ของตนตอนนี้มันอันตรายเป็นอย่างยิ่ง
เย่ชิงหรือที่รู้จักกันในนามคุณชายสิบสาม ในบ่ายวันนั้นไอ้เวรตะลัยนั่นมันดันบังคับลากตัวเขาไป ปากมันก็อ้างว่าอยากจะซ้อมประลองกันระหว่างพี่น้อง แถมมันยังพ่นคำหมา ๆ อย่างเป็นพี่ชายก็ต้องแข็งแกร่งกว่าน้องชายสิ แล้วมันก็ลงมือออกหมัดใส่เขาโดยไม่ลังเลยและทำให้เย่เซิงคนก่อนตกตายไป จากนั้นดวงวิญญาณของเขาที่ข้ามโลกมาจึงเข้ามายึดร่างนี้แทน
“ไอ้เย่ชิงมันก็รู้ว่าพ่อไม่อนุญาตให้ไอ้เย่เซิงคนก่อนฝึกบำเพ็ญเพียรใด ๆ แต่มันยังจะอยากซ้อมด้วยกันอีก ดูท่ามันคงอยากทำให้เย่เซิงอับอายขายขี้หน้าล่ะสินะ แต่มันคงนึกไม่ถึงว่าแค่หมัดเดียวไอ้เย่เซิงคนก่อนดันตายห่านไปซะงั้น เพราะงั้นแม่มันเลยต้องยอมควักเนื้อเอาดอกบัวหิมะเทียนซานมาให้ ‘ตู’ กิน แล้วตอนนี้มันเองก็ต้องรับกรรมที่มันทำไว้คือต้องทนทุกข์ที่ต้องเสียสมบัติล้ำค่า” เย่เซิงเรียบเรียงเรื่องราวแล้วหัวเราะเยาะออกมาอย่างอดไม่ได้
ก่อนหน้านี้เขาก็อุตส่าห์คิดว่าไอ้คนพวกนี้มันเป็นครอบครัวแสนสุขที่รักและห่วงใยกันขนาดเอาดอกบัวหิมะเทียนซานมาป้อนถึงปาก แต่ที่ไหนได้ดันทำไปเพราะห่วงอนาคตยองไอ้เย่ชิง กลัวว่ามันจะต้องกลายเป็นฆ่าตกรฆ่าพี่น้องตัวเอง ทุ้ย!!
ตอนนี้เวลาดึกมากแล้ว และเมื่อไอ้พวกคนรับใช้ได้รู้กันหมดแล้วว่าเย่เซิงปลอดภัยดีก็พากันหายหัวเรียบเหลือแค่เขาอยู่คนเดียวในบ้าน
เย่เซิงลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างอ่อนแรงและสัมผัสบาดแผล มันเป็นสีแดงและเลือดโดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง มีสีแดงเข้มเป็นหย่อม ๆ ทั่วไปหมดและมียังเลือดไหลออกมาอยู่บ้างเล็กน้อย อวัยวะภายในของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
“ไอ้เย่ชิงมันอายุเท่าเราคือสิบหกปี เกิดก็เกิดวันเดียวกันเดือนเดียวกัน แต่ตูดันออกมาก่อนมันสิบนาทีเลยได้เป็นพี่ ไอ้เวรนี่เรื่องกระจอกแค่นี้ยังจะมีหน้าไม่พอใจอีก! สุดท้ายมันเลยเอาแต่หาเรื่องตูตั้งแต่เด็กจนตายเลยล่ะสิ เออใช่! มันฆ่าตูได้สำเร็จแล้วด้วยหนิ!” เย่เซิงกัดฟันแน่น
เขาพยายามลองก้าวเดินสองสามก้าวแต่ไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากความเจ็บปวดทั่วทั้งร่างกาย รู้สึกเหมือนถูกเข็มนับพันทิ่มแทงไปทั่วตัว
“โลกนี้ศาตร์ด้านวรยุทธ์เจริญรุ่งเรืองมาก ความแตกต่างระหว่างโฮ่วเทียน (หลังฟ้า) สิบชั้นฟ้ากับเซียนเทียน (ก่อนฟ้า) สิบชั้นฟ้านั้นอย่างกะฟ้ากับเหว เซียนเทียนแค่คนเดียวก็สามารถสยบตระกูลชั้นสองได้ แต่ตระกูลใหญ่ชั้นหนึ่งต้องทะลวงผ่านระดับเซียนเทียนให้ได้ก่อน” เย่เซิงพูดพลางระลึกนึกถึงเรื่องวรยุทธ์
จุดเด่นของโลกนี้คือศาตร์วรยุทธ์ที่เจริญรุ่งเรืองนี่แหล่ะ
การฝึกฝนวรยุทธ์ การทำลายความว่างเปล่า การโบยบินขึ้นไปสู่อีกโลกหนึ่ง เหล่านี้ที่เป็นเรื่องไร้สาระในโลกเดิมล้วนเป็นสิ่งที่ผู้คนมากมายในโลกนี้แสวงหา
พระพุทธโคตมะแห่งพระพุทธศาสนา จางซานเฟิงแห่งลัทธิเต๋า และนักพรตเต๋าคนอื่น ๆ ที่ฝึกฝนวิถีกระบี่และปรัชญาอื่น ๆ ล้วนแต่บรรลุมรรคผลกันภายในห้าร้อยปี
ดังนั้นในโลกที่วรยุทธ์เจริญรุ่งเรืองนี้จึงมียอดฝีมือมากมายเหมือนหมู่เมฆ มีวิชาลับมากมายเหมือนขนนก
“ต้องฝึกฝนบำเพ็ญเพียรให้ได้” เย่เซิงคิดกับตัวเองอย่างแน่วแน่ เพราะตอนนี้เขาได้แต่ทุกข์ระทมขมขื่นกับความไม่รู้วรยุทธ์ของตนเอง ขนาดไอ้เย่ชิงที่เป็นแค่โฮ่วเทียนหกชั้นฟ้ามันยังต่อยเขาหมัดเดียวตายเลย แล้วเขาก็ไม่สามารถตอบโต้อะไรกลับไปได้เลยแม้แต่น้อย แต่หากว่าเขาเป็นเซียนเทียนเล่า? เขาก็จะหลุดออกจากวงจรอุบาทว์นี่และแก้แค้นไอ้พวกที่เคยทำให้เขาอับอายมาก่อนได้ครบองค์
ขณะที่เย่เซิงกำลังคิดเรื่องเครียด ๆ อยู่นั้นจู่ ๆ ตรงหน้าเขาก็มืดลง ความเจ็บปวดถาโถมเข้ามาใส่ ขาเขาทรุดลงกับพื้น จากนั้นสติของเขาก็ดับวูบลง
เย่เซิงนอนอยู่บนพื้น และจู่ ๆ ได้เกิดมีแสงสีขาวส่องสว่างออกมาจากจุดตันเถียนของเขา
ในขณะเดียวกันนั้นเองวิญญาณของเย่เซิงได้มาถึงยังดาวเคราะห์สีฟ้า
“นี่มัน… โลกเหรอ?” เย่เซิงตกตะลึง เขามองดูดาวเคราะห์ที่โดดเดี่ยวซึ่งจักรวาลโดยรอบไม่มีอะไรอย่างอื่นอยู่เลย ในใจของเขาตกตะลึงเกินกว่าจะบรรยาย
“เฮ่ย! หรือว่าไอ้นี่จะเป็นสูตรโกงของตูวะ?” เย่เซิงอุทาน
ขณะที่เขาสัมผัสกับโลก วิญญาณทั้งดวงของเขาก็กลายเป็นดาวโลกในทันที และโลกทั้งใบอยู่ในสายตาของเขาหมด
ตอนนี้เขาได้เป็นเทพเจ้าของดาวโลกนี้!
ด้วยความคิดเดียวเขาสามารถทำให้ภูเขาเคลื่อนตัว สึนามิพัดถล่มได้เลย
ด้วยความคิดเดียวเขาสามารถเปลี่ยนกลางวันเป็นกลางคืนได้เลย
ทุกคนบนโลกเริ่มตื่นตระหนกกับปรากฏการณ์ลึกลับ หน่วยงานภาพรัฐต่างพยายามสืบสวนว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ก็ไม่พบอะไรเลยแม้แต่น้อย
เย่เซิงตกตะลึง
“สูตรโกงบ้านไหนวะเนี่ย? ถึงขนาดควบคุมโลกทั้งใบได้!”
ดาวเคราะห์ดวงนี้ได้กลายเป็นของเย่เซิงแล้ว และตราบใดที่โลกแข็งแกร่งขึ้นเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นด้วยเช่นกัน
ถ้าชาวโลกหนึ่งคนฝึกฝนหนึ่งวัน เท่ากับว่าเย่เซิงได้ฝึกฝนหนึ่งวันด้วย แต่ถ้าชาวโลกสิบคนฝึกฝนหนึ่งวัน เท่ากับว่าเย่เซิงฝึกฝนสิบวันซะงั้น
และวิชาที่เขาถ่ายทอดให้ หากมีชาวโลกสิบคนฝึกจนถึงขั้นพื้นฐาน เย่เซิงก็จะไปถึงขั้นพื้นฐานโดยอัตโนมัติด้วย หากมีร้อยคนฝึกถึงขั้นพื้นฐาน เย่เซิงจะไปถึงขั้นต้น
ดาวเคราะห์ดวงนี้คือรากฐานสำคัญของเย่เซิง
“ถ้ามีโลกนี้อยู่แล้วตูต้องกลัวไรอีกเล่า” ดวงตาของเย่เซิงเป็นประกาย เขานั้นทั้งตกใจทั้งมีความสุข
จากนั้นเขาก็ย้ายโฟกัสไปที่บ้านเกิดเพื่อหาครอบครัว
แต่ว่าน่าเสียดาย เนื่องจากผู้คนบนโลกต่างจากโลกที่เย่เซิงเคยอาศัยอยู่อย่างสิ้นเชิง
ไม่มีวี่แววครอบครัวหรือเพื่อนฝูงของเย่เซิงเลย
ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้อย่างราบคาบ
“ช่างหัวมันก่อน ด้วยโลกนี่ถ้าฝึกฝนไปจนสุดทางล่ะก็มันต้องกลับไปเจอครอบครัวได้สิวะ” เย่เซิงปลอบใจตัวเอง
เย่เซิง เทพเจ้าแห่งโลกได้ลืมตาขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าร่างกายของเขายังคงปวดเมื่อยไปทั้งตัวแต่เขาก็ไม่ได้สนใจอีกต่อไป
“คัมภีร์ คัมภีร์ฝึกฝน จำได้ราง ๆ อยู่นา” เย่เซิงเริ่มค้นหาตามชั้นวางและลิ้นชัก
เขาจำได้ว่าแม่ของตนได้วางคัมภีร์ฝึกฝนขั้นพื้นฐานไว้ตรงไหนซักตรงในห้องนี้นี่แหล่ะ เป็นวิชาขยะข้างถนนที่ไม่มีใครเอา มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ถามหา
และในไม่ช้าเย่เซิงก็หาเจอ
เพลงหมัดกุ่นฉี (ตลบศิลา)! เพลงกระบี่ลั่วเย่ (ใบไม้ร่วง)! จี๋เฟิงปู้ (เหยียบวาตะ/เท้าวายุ)!
วิชาทั้งสามนี้ล้วนระดับต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ดังนั้นต่อให้เอาไปขายก็ไม่มีคนอยากซื้อ แต่กับเย่เซิงแล้วทั้งสามวิชานี้คือสมบัติอันล้ำค่า
“หลังจากที่แม่เราตาย นายหญิงใหญ่ก็ให้คนใช้มาขโมยของใช้ของแม่เราไปจนเกลี้ยงจนไม่เหลือเขรี่ยไรไว้ให้เลย ถ้าไอ้วิชาพวกนี้มันไม่ธรรมดาล่ะก็อีเวรนั่นมันคงไม่เหลือไว้ให้ด้วย ไอ้ครอบครัวนี้นี่อะไรมันจะหาตัวดี ๆ ซักตัวไม่ได้เลยขนาดนี้วะ” เย่เซิงพูดพลางหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เขาถือคัมภีร์ทั้งสามเล่มเข้านอน เขาค่อย ๆ นอนลงช้า ๆ และหลับตาเพื่อเข้าสู่ดาวโลกอีกรอบหนึ่ง
ด้วยความคิดเดียวได้มีหินก้อนใหญ่หลายพันก้อนตกจากท้องฟ้าลงบนพื้นโลก พวกมันชนเข้ากับพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลกจนทำให้บรรดาชาวโลกตื่นตระหนกกันไปหมด
“ชาวโลกจงฟัง ข้าคือพระเจ้าของพวกเจ้า และข้าจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาเหล่านี้เพื่อให้พวกเจ้ามีโอกาสได้มีชีวิตรอด” เสียงอันยิ่งใหญ่ดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า มันกังวานและกระทบเข้ากับจิตใจของทุก ๆ คนบนโลก
เมื่อก้อนหินขนาดใหญ่ตกลงมา เย่เซิงได้จารึกวิชาทั้งสามลงบนหินเหล่านั้นโดยตรง เขาในตอนนี้อ่อนแอเกินไป อย่าว่าแต่การฝึกเองเลย แค่จะอ่านทำความเข้าใจยังไม่ไหว
ผู้คนบนโลกบ้างก็ไม่เชื่อ บ้างก็สงสัย บ้างก็สบถอย่างโกรธเคือง และบรรดาผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้าก็ยังคงยึดมั่นในความเชื่อก่อนหน้านี้อย่างมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง
แต่หลายคนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก แค่คิดว่าลองดูหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรและจดคำเหล่านั้นที่อยู่บนก้อนหินแล้วเอากลับไปฝึกเล่น ๆ ที่บ้าน
ส่วนเย่เซิงก็รออย่างเงียบ ๆ อยู่บนเตียง เพราะเมื่อมีคนสิบคนสามารถฝึกฝนวิชาเหล่านี้ได้ถึงขั้นพื้นฐาน เย่เซิงก็จะประสบความสำเร็จขั้นพื้นฐานตามไปด้วยเหมือนกัน