ตอนที่แล้วบทที่ 1: คุณชายสิบสอง เย่เซิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3: พัฒนาอย่างก้าวกระโดด

บทที่ 2: ตันเถียนของข้า... คือดาวโลก


แม่ของเย่เซิงเป็นเซิ่งหนู่ (สตรีศักดิ์สิทธิ์) ของนิกายสังสารวัฏ

ในช่วงต้นของยุคของต้าฉิน  นิกายสังสารวัฏได้ตั้งอยู่ในภูมิภาคซีเป่ยและมีอิทธิพลอย่างมาก  ในเวลานั้นมีสามแดนศักดิ์สิทธิ์  สิบตระกูลใหญ่และสี่นิกายใหญ่ในประเทศ  โดยนิกายสังสารวัฏนั้นเป็นหนึ่งในสี่นิกายใหญ่และเป็นขุมกำลังที่ทรงพลังสูงสุด

แต่เมื่อต้าฉินเริ่มสร้างประเทศและเย่หวางเหย่ได้เริ่มผงาดขึ้นมา  เย่หวางเหย่ได้นำทหารนับล้านนายบุกเข้าทำลายนิกายสังสารวัฏ  การต่อสู้ครั้งนั้นรุนแรงและน่าสลดใจยิ่ง  มันส่งผลให้เหล่ากำลังรบหลักของนิกายสังสารวัฏส่วนใหญ่ถูกสังหารและมีส่วนน้อยที่หนีรอดไปได้  ส่วนสตรีศักดิ์สิทธิ์ถูกเย่หวางเหย่จับได้และถูกทำลายรากฐานการฝึกฝน  จากนั้นก็ถูกเย่หวางเหย่นำกลับไปยังหวางฝูตระกูลเย่ในฐานะนางสนม

ไม่นานหลังจากนั้นนางได้ให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่งนามว่าเย่เซิง  แต่เมื่อเย่เซิงอายุได้ห้าขวบนางก็ตายจากไป

เย่เซิงมักจะหวนคิดถึงความทรงจำในตอนนั้น  หลังจากแม่ของเขาเสียชีวิตลงพ่อของเขาไม่เคยได้มาสักการะแม้แต่ครั้งเดียว  ได้แต่ส่งพ่อบ้านเข้ามาแสดงความเสียใจเท่านั้น

แม่ของเย่เซิงเป็นเพียงนางสนม  ดังนั้นนางจึงไม่มีสถานะในหวางฝูตระกูลเย่เลย  ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความที่นางเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของนิกายสังสารวัฏจึงทำให้นายหญิงเฒ่าซึ่งเป็นแม่ของเย่หวางเหย่รังเกียจนางมาก  ในช่วงที่แม่ของเขาถูกจับมาใหม่ ๆ นั้น  นายหญิงเฒ่ามักจะส่งสาวใช้มาตำหนิติเตียนนางอยู่ทุกวี่วันและไม่อนุญาตให้นางไปพบอีกต่างหาก  เรื่องราวเป็นเช่นนี้อยู่เรื่อยมาจนกระทั่งนางคลอดเย่เซิงการกระทำเหล่านั้นจึงหยุดลง  แต่หญิงชรานางนั้นก็ไม่เคยจะแยแสอันใดแม่ของเขาเลย

อาณาจักรต้าฉินเป็นระบอบแบบภรรยาหนึ่ง  ภรรยาสองและสนมสี่  ซึ่งนางสนมนั้นมีสถานะต่ำต้อยเป็นอย่างยิ่ง  เจ้าหน้าที่ทางการมักแลกเปลี่ยนนางสนมกันเป็นว่าเล่นอย่างสนุกสนาน  อีกทั้งลูกจากนางสนมยังไม่มีสิทธิ์ได้รับมรดกใด ๆ ดังนั้นเย่เซิงจึงไม่มีใครและไม่มีอะไรที่ควรจะเสียดายในบ้านตระกูลเย่แห่งนี้เลยแม้แต่นิดเดียว

หลังจากเช็คดูความทรงจำทั้งหมดแล้วท่าทีของเย่เซิงยิ่งมายิ่งน่ากลัว  เขาตระหนักแล้วว่าสถานการณ์ของตนตอนนี้มันอันตรายเป็นอย่างยิ่ง

เย่ชิงหรือที่รู้จักกันในนามคุณชายสิบสาม  ในบ่ายวันนั้นไอ้เวรตะลัยนั่นมันดันบังคับลากตัวเขาไป  ปากมันก็อ้างว่าอยากจะซ้อมประลองกันระหว่างพี่น้อง  แถมมันยังพ่นคำหมา ๆ อย่างเป็นพี่ชายก็ต้องแข็งแกร่งกว่าน้องชายสิ  แล้วมันก็ลงมือออกหมัดใส่เขาโดยไม่ลังเลยและทำให้เย่เซิงคนก่อนตกตายไป  จากนั้นดวงวิญญาณของเขาที่ข้ามโลกมาจึงเข้ามายึดร่างนี้แทน

“ไอ้เย่ชิงมันก็รู้ว่าพ่อไม่อนุญาตให้ไอ้เย่เซิงคนก่อนฝึกบำเพ็ญเพียรใด ๆ แต่มันยังจะอยากซ้อมด้วยกันอีก  ดูท่ามันคงอยากทำให้เย่เซิงอับอายขายขี้หน้าล่ะสินะ  แต่มันคงนึกไม่ถึงว่าแค่หมัดเดียวไอ้เย่เซิงคนก่อนดันตายห่านไปซะงั้น  เพราะงั้นแม่มันเลยต้องยอมควักเนื้อเอาดอกบัวหิมะเทียนซานมาให้ ‘ตู’ กิน  แล้วตอนนี้มันเองก็ต้องรับกรรมที่มันทำไว้คือต้องทนทุกข์ที่ต้องเสียสมบัติล้ำค่า” เย่เซิงเรียบเรียงเรื่องราวแล้วหัวเราะเยาะออกมาอย่างอดไม่ได้

ก่อนหน้านี้เขาก็อุตส่าห์คิดว่าไอ้คนพวกนี้มันเป็นครอบครัวแสนสุขที่รักและห่วงใยกันขนาดเอาดอกบัวหิมะเทียนซานมาป้อนถึงปาก  แต่ที่ไหนได้ดันทำไปเพราะห่วงอนาคตยองไอ้เย่ชิง  กลัวว่ามันจะต้องกลายเป็นฆ่าตกรฆ่าพี่น้องตัวเอง  ทุ้ย!!

ตอนนี้เวลาดึกมากแล้ว  และเมื่อไอ้พวกคนรับใช้ได้รู้กันหมดแล้วว่าเย่เซิงปลอดภัยดีก็พากันหายหัวเรียบเหลือแค่เขาอยู่คนเดียวในบ้าน

เย่เซิงลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างอ่อนแรงและสัมผัสบาดแผล  มันเป็นสีแดงและเลือดโดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง  มีสีแดงเข้มเป็นหย่อม ๆ ทั่วไปหมดและมียังเลือดไหลออกมาอยู่บ้างเล็กน้อย  อวัยวะภายในของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส

“ไอ้เย่ชิงมันอายุเท่าเราคือสิบหกปี  เกิดก็เกิดวันเดียวกันเดือนเดียวกัน  แต่ตูดันออกมาก่อนมันสิบนาทีเลยได้เป็นพี่  ไอ้เวรนี่เรื่องกระจอกแค่นี้ยังจะมีหน้าไม่พอใจอีก!  สุดท้ายมันเลยเอาแต่หาเรื่องตูตั้งแต่เด็กจนตายเลยล่ะสิ  เออใช่!  มันฆ่าตูได้สำเร็จแล้วด้วยหนิ!” เย่เซิงกัดฟันแน่น

เขาพยายามลองก้าวเดินสองสามก้าวแต่ไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากความเจ็บปวดทั่วทั้งร่างกาย  รู้สึกเหมือนถูกเข็มนับพันทิ่มแทงไปทั่วตัว

“โลกนี้ศาตร์ด้านวรยุทธ์เจริญรุ่งเรืองมาก  ความแตกต่างระหว่างโฮ่วเทียน (หลังฟ้า) สิบชั้นฟ้ากับเซียนเทียน (ก่อนฟ้า) สิบชั้นฟ้านั้นอย่างกะฟ้ากับเหว  เซียนเทียนแค่คนเดียวก็สามารถสยบตระกูลชั้นสองได้  แต่ตระกูลใหญ่ชั้นหนึ่งต้องทะลวงผ่านระดับเซียนเทียนให้ได้ก่อน” เย่เซิงพูดพลางระลึกนึกถึงเรื่องวรยุทธ์

จุดเด่นของโลกนี้คือศาตร์วรยุทธ์ที่เจริญรุ่งเรืองนี่แหล่ะ

การฝึกฝนวรยุทธ์  การทำลายความว่างเปล่า  การโบยบินขึ้นไปสู่อีกโลกหนึ่ง  เหล่านี้ที่เป็นเรื่องไร้สาระในโลกเดิมล้วนเป็นสิ่งที่ผู้คนมากมายในโลกนี้แสวงหา

พระพุทธโคตมะแห่งพระพุทธศาสนา  จางซานเฟิงแห่งลัทธิเต๋า  และนักพรตเต๋าคนอื่น ๆ ที่ฝึกฝนวิถีกระบี่และปรัชญาอื่น ๆ ล้วนแต่บรรลุมรรคผลกันภายในห้าร้อยปี

ดังนั้นในโลกที่วรยุทธ์เจริญรุ่งเรืองนี้จึงมียอดฝีมือมากมายเหมือนหมู่เมฆ  มีวิชาลับมากมายเหมือนขนนก

“ต้องฝึกฝนบำเพ็ญเพียรให้ได้” เย่เซิงคิดกับตัวเองอย่างแน่วแน่  เพราะตอนนี้เขาได้แต่ทุกข์ระทมขมขื่นกับความไม่รู้วรยุทธ์ของตนเอง  ขนาดไอ้เย่ชิงที่เป็นแค่โฮ่วเทียนหกชั้นฟ้ามันยังต่อยเขาหมัดเดียวตายเลย  แล้วเขาก็ไม่สามารถตอบโต้อะไรกลับไปได้เลยแม้แต่น้อย  แต่หากว่าเขาเป็นเซียนเทียนเล่า?  เขาก็จะหลุดออกจากวงจรอุบาทว์นี่และแก้แค้นไอ้พวกที่เคยทำให้เขาอับอายมาก่อนได้ครบองค์

ขณะที่เย่เซิงกำลังคิดเรื่องเครียด ๆ อยู่นั้นจู่ ๆ ตรงหน้าเขาก็มืดลง  ความเจ็บปวดถาโถมเข้ามาใส่  ขาเขาทรุดลงกับพื้น  จากนั้นสติของเขาก็ดับวูบลง

เย่เซิงนอนอยู่บนพื้น  และจู่ ๆ ได้เกิดมีแสงสีขาวส่องสว่างออกมาจากจุดตันเถียนของเขา

ในขณะเดียวกันนั้นเองวิญญาณของเย่เซิงได้มาถึงยังดาวเคราะห์สีฟ้า

“นี่มัน…  โลกเหรอ?” เย่เซิงตกตะลึง  เขามองดูดาวเคราะห์ที่โดดเดี่ยวซึ่งจักรวาลโดยรอบไม่มีอะไรอย่างอื่นอยู่เลย  ในใจของเขาตกตะลึงเกินกว่าจะบรรยาย

“เฮ่ย!  หรือว่าไอ้นี่จะเป็นสูตรโกงของตูวะ?” เย่เซิงอุทาน

ขณะที่เขาสัมผัสกับโลก  วิญญาณทั้งดวงของเขาก็กลายเป็นดาวโลกในทันที  และโลกทั้งใบอยู่ในสายตาของเขาหมด

ตอนนี้เขาได้เป็นเทพเจ้าของดาวโลกนี้!

ด้วยความคิดเดียวเขาสามารถทำให้ภูเขาเคลื่อนตัว  สึนามิพัดถล่มได้เลย

ด้วยความคิดเดียวเขาสามารถเปลี่ยนกลางวันเป็นกลางคืนได้เลย

ทุกคนบนโลกเริ่มตื่นตระหนกกับปรากฏการณ์ลึกลับ  หน่วยงานภาพรัฐต่างพยายามสืบสวนว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร  แต่ก็ไม่พบอะไรเลยแม้แต่น้อย

เย่เซิงตกตะลึง

“สูตรโกงบ้านไหนวะเนี่ย?  ถึงขนาดควบคุมโลกทั้งใบได้!”

ดาวเคราะห์ดวงนี้ได้กลายเป็นของเย่เซิงแล้ว  และตราบใดที่โลกแข็งแกร่งขึ้นเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นด้วยเช่นกัน

ถ้าชาวโลกหนึ่งคนฝึกฝนหนึ่งวัน  เท่ากับว่าเย่เซิงได้ฝึกฝนหนึ่งวันด้วย  แต่ถ้าชาวโลกสิบคนฝึกฝนหนึ่งวัน  เท่ากับว่าเย่เซิงฝึกฝนสิบวันซะงั้น

และวิชาที่เขาถ่ายทอดให้  หากมีชาวโลกสิบคนฝึกจนถึงขั้นพื้นฐาน  เย่เซิงก็จะไปถึงขั้นพื้นฐานโดยอัตโนมัติด้วย  หากมีร้อยคนฝึกถึงขั้นพื้นฐาน  เย่เซิงจะไปถึงขั้นต้น

ดาวเคราะห์ดวงนี้คือรากฐานสำคัญของเย่เซิง

“ถ้ามีโลกนี้อยู่แล้วตูต้องกลัวไรอีกเล่า” ดวงตาของเย่เซิงเป็นประกาย  เขานั้นทั้งตกใจทั้งมีความสุข

จากนั้นเขาก็ย้ายโฟกัสไปที่บ้านเกิดเพื่อหาครอบครัว

แต่ว่าน่าเสียดาย  เนื่องจากผู้คนบนโลกต่างจากโลกที่เย่เซิงเคยอาศัยอยู่อย่างสิ้นเชิง

ไม่มีวี่แววครอบครัวหรือเพื่อนฝูงของเย่เซิงเลย

ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้อย่างราบคาบ

“ช่างหัวมันก่อน  ด้วยโลกนี่ถ้าฝึกฝนไปจนสุดทางล่ะก็มันต้องกลับไปเจอครอบครัวได้สิวะ” เย่เซิงปลอบใจตัวเอง

เย่เซิง  เทพเจ้าแห่งโลกได้ลืมตาขึ้นอีกครั้ง  แม้ว่าร่างกายของเขายังคงปวดเมื่อยไปทั้งตัวแต่เขาก็ไม่ได้สนใจอีกต่อไป

“คัมภีร์  คัมภีร์ฝึกฝน  จำได้ราง ๆ อยู่นา” เย่เซิงเริ่มค้นหาตามชั้นวางและลิ้นชัก

เขาจำได้ว่าแม่ของตนได้วางคัมภีร์ฝึกฝนขั้นพื้นฐานไว้ตรงไหนซักตรงในห้องนี้นี่แหล่ะ  เป็นวิชาขยะข้างถนนที่ไม่มีใครเอา  มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ถามหา

และในไม่ช้าเย่เซิงก็หาเจอ

เพลงหมัดกุ่นฉี (ตลบศิลา)!  เพลงกระบี่ลั่วเย่ (ใบไม้ร่วง)!  จี๋เฟิงปู้ (เหยียบวาตะ/เท้าวายุ)!

วิชาทั้งสามนี้ล้วนระดับต่ำเตี้ยเรี่ยดิน  ดังนั้นต่อให้เอาไปขายก็ไม่มีคนอยากซื้อ  แต่กับเย่เซิงแล้วทั้งสามวิชานี้คือสมบัติอันล้ำค่า

“หลังจากที่แม่เราตาย  นายหญิงใหญ่ก็ให้คนใช้มาขโมยของใช้ของแม่เราไปจนเกลี้ยงจนไม่เหลือเขรี่ยไรไว้ให้เลย  ถ้าไอ้วิชาพวกนี้มันไม่ธรรมดาล่ะก็อีเวรนั่นมันคงไม่เหลือไว้ให้ด้วย  ไอ้ครอบครัวนี้นี่อะไรมันจะหาตัวดี ๆ ซักตัวไม่ได้เลยขนาดนี้วะ” เย่เซิงพูดพลางหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เขาถือคัมภีร์ทั้งสามเล่มเข้านอน  เขาค่อย ๆ นอนลงช้า ๆ และหลับตาเพื่อเข้าสู่ดาวโลกอีกรอบหนึ่ง

ด้วยความคิดเดียวได้มีหินก้อนใหญ่หลายพันก้อนตกจากท้องฟ้าลงบนพื้นโลก  พวกมันชนเข้ากับพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลกจนทำให้บรรดาชาวโลกตื่นตระหนกกันไปหมด

“ชาวโลกจงฟัง  ข้าคือพระเจ้าของพวกเจ้า  และข้าจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาเหล่านี้เพื่อให้พวกเจ้ามีโอกาสได้มีชีวิตรอด” เสียงอันยิ่งใหญ่ดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า  มันกังวานและกระทบเข้ากับจิตใจของทุก ๆ คนบนโลก

เมื่อก้อนหินขนาดใหญ่ตกลงมา  เย่เซิงได้จารึกวิชาทั้งสามลงบนหินเหล่านั้นโดยตรง  เขาในตอนนี้อ่อนแอเกินไป  อย่าว่าแต่การฝึกเองเลย  แค่จะอ่านทำความเข้าใจยังไม่ไหว

ผู้คนบนโลกบ้างก็ไม่เชื่อ  บ้างก็สงสัย  บ้างก็สบถอย่างโกรธเคือง  และบรรดาผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้าก็ยังคงยึดมั่นในความเชื่อก่อนหน้านี้อย่างมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง

แต่หลายคนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก  แค่คิดว่าลองดูหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรและจดคำเหล่านั้นที่อยู่บนก้อนหินแล้วเอากลับไปฝึกเล่น ๆ ที่บ้าน

ส่วนเย่เซิงก็รออย่างเงียบ ๆ อยู่บนเตียง  เพราะเมื่อมีคนสิบคนสามารถฝึกฝนวิชาเหล่านี้ได้ถึงขั้นพื้นฐาน  เย่เซิงก็จะประสบความสำเร็จขั้นพื้นฐานตามไปด้วยเหมือนกัน

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด