บทที่ 1: คุณชายสิบสอง เย่เซิง
ณ หวางฝู่ (วังเจ้านาย) ตระกูลเย่ แม้ว่าจะเป็นเวลากลางคืนแต่แสงไฟยังคงสว่างไสว คนรับใช้ในบ้านหลายคนมารวมตัวกันที่ลานบ้านอันมีสภาพทรุดโทรม
“เจ้าคิดว่าคุณชายสิบสองจะฟื้นหรือไม่?”
“ข้าไม่รู้หรอก คุณชายสิบสามทุบตีท่านแรงเกินไปแล้ว ถึงท่านจะไม่ชอบขี้หน้าคุณชายสิบสองถึงเพียงใดก็ตาม แต่ก็ไม่ควรหนักมือถือขนาดนี้”
“ฮึ! คุณชายสิบสองก็ช่างไร้ความสามารถนัก แค่หมัดเดียวของคุณชายสิบสามก็ยังมิอาจรับไหว แล้วจะให้โทษใครได้อีกเล่าหือ?”
“แม้ว่าคุณชายสิบสองจะมีชื่อเสียงไม่ดีในหวางฝู่แห่งนี้ แต่ท่านก็ยังเป็นถึงบุตรชายของนายท่านเย่ซึ่งมีสถานะสูงส่งกว่าเจ้านัก เจ้ายังจะกล้านิทาว่าร้ายท่านเช่นนี้อีกหรือ? ถ้าเกิดพ่อบ้านจับได้ขึ้นมาระวังแม้แต่ชีวิตเจ้าก็ยังมิอาจรักษาไว้ได้”
“ฮึ! คุณชายสิบสามท่านเป็นถึงอันดับหนึ่งในการบำเพ็ญเพียร แต่คุณชายสิบสองเป็นอันดับหนึ่งในหมู่ขยะ ช่างไร้สาระจริง ๆ”
“แต่คุณชายสิบสองจะตายไม่ได้เด็ดขาด เพราะหากท่านตายจริง ๆ ล่ะก็ นอกจากคุณชายสิบสามจะเสียชื่อเสียงเนื่องจากเป็นฆาตกรสังหารพี่น้องแล้ว ต่อให้หลังจากนี้ไม่ถูกลงโทษอย่างรุนแรงแต่ก็ไม่มีใครในต้าฉินยอมรับท่านได้อีกต่อไป ความหวังที่จะเข้ารับราชการในด้านการเมืองเป็นอันจบสิ้น”
บรรดาคนใช้ในบ้านต่างพากันซุบซิบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และแน่นอนว่าไม่มีใครในหมู่พวกมันอยากให้คุณชายสิบสองตาย แต่ที่พวกมันคิดอย่างนั้นไม่ใช่เพราะว่าพวกมันเป็นห่วงสุขภาพของเขา แต่เป็นเพราะพวกมันห่วงอนาคตของคุณชายสิบสามต่างหาก
ในลานกว้างที่ตกแต่งอย่างหรูหราโอ่อ่าที่อยู่ติดกัน ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าคุณชายสิบสามขมวดคิ้วมุ่นด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ไอ้สารเลวนั่นมันช่างชาติชั่วยิ่ง ข้าแค่ต่อยมันเบา ๆ เพียงหมัดเดียวก็หลับเป็นตายไปแล้ว แบบนั้นมันจงใจแกล้งทำใช่หรือไม่?”
“เจ้าคนไร้สมอง! เจ้าขยะสิบสองนั่นมันเป็นขยะมาทั้งชีวิตของมันแล้วแท้ ๆ และในบ้านนี้ก็มีไอ้พวกขยะมากมายเหลือจะนับไหว มันก็แค่ขยะอีกชิ้นเท่านั้น แล้วไฉนเจ้าถึงได้โง่เง่านัก แค่ปล่อยมันไว้เฉย ๆ ก็พอแล้ว ยังจะไปยุ่งกับมันให้มันได้อะไรขึ้นมากันเล่า? ต่อให้มันจะน่ารังเกียจเพราะว่าแม่มันมีภูมิหลังไม่ดีสักเพียงใด แต่ตัวมันก็ยังคงเป็นบุตรชายของนายท่านอยู่ดี ถ้าเจ้าลงมือทุบตีมันตายล่ะก็ชื่อเสียงของเจ้าเล่า มันจะพินาศสิ้นไม่มีเหลือ ถึงตอนนั้นจะให้ทำอย่างไร” หญิงสาวหน้าสวยตำหนิมันด้วยความโกรธเคือง ใบหน้าสวย ๆ ของนางปรากฏความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“ท่านแม่ ท่านต้องช่วยข้านะ ข้าทราบดีว่าข้าทำผิด ท่านต้องหาหมอเก่ง ๆ มารักษาไอ้ขยะสิบสองให้ข้านะท่านแม่ แล้วข้าสัญญาว่าจะไม่ไปยุ่งกับมันอีกต่อไปแล้ว” ไอ้คุณชายสิบสามที่ได้ยินแม่มันด่าก็เกิดตื่นตระหนกขึ้นมา ตอนนี้มันพึ่งจะมีสตินึกถึงอนาคตของตัวเองออก
“จักรวรรดิต้าฉินสถาปนาขึ้นมาได้หกสิบปีแล้ว ประเทศต้องใช้กฎหมายในการปกครอง ครอบครัวต้องใช้ความกตัญญู พ่อของเจ้านั้นชื่อเสียงเลื่องลือระบือไกลในนามเย่หวางเหย่ (ราชันปู่เย่) ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นแม่ทัพของกองทัพที่มีพลังอำนาจและอิทธิพลมหาศาล แต่ท่านก็มีศัตรูมากมายนับไม่ถ้วนด้วยเช่นกัน หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปและเจ้าหน้าที่ที่ไม่ถูกกับพ่อเจ้ารับทราบล่ะก็ เจ้าจะต้องตกเป็นเป้าหมายของพวกมันเป็นแน่แท้ และเมื่อถึงตอนนั้นต่อให้ตระกูลจะพูดแก้ต่างให้เจ้าสักเพียงใดเจ้าก็ไม่อาจหลีกหนีความผิดพ้นได้อยู่ดี สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือเราต้องทำให้แน่ใจว่าไอ้ตัวบัดซบมันยังไม่ตาย ตราบใดที่มันยังมีลมหายใจอยู่ความผิดที่เจ้าต้องรับก็จะลดหย่อนผ่อนโทษลงไปด้วย เพราะอย่างไรการทำร้ายพี่น้องกับการสังหารมันก็คนละเรื่องกันเลย” หญิงสาวคนสวยกล่าวด้วยแววตาที่แสนจะส่องประกายเย็นชา
“ข้าได้ให้คนไปหาดอกบัวหิมะเทียนซาน (ภูเขานภา/ท้องฟ้า/สวรรค์) มาให้แล้ว สมุนไพรชนิดนี้สามารถช่วยชีวิตคนได้ ดังนั้นข้าค่อนข้างมั่นใจว่าไอ้ตัวสารเลวนั่นมันจะรอดชีวิต” หญิงสาวกล่าวพลางถอนหายใจและมองดูใบหน้ากังวลของลูกชายตนเอง
“อะไรนะ? บัวหิมะเทียนซาน? นั่นเป็นสิ่งที่ข้าต้องใช้เพื่อเลื่อนเป็นระดับเซียนเทียน (ก่อนฟ้า) ไม่ใช่หรือท่านแม่?” ไอ้คุณชายสิบสามไม่เต็มใจที่จะเอาของดีแบบนั้นให้พี่ชายมัน
“เจ้าตัวบัดซบ! ถ้าเจ้าควบคุมอารมณ์ได้เจ้าคิดว่าแม่เจ้าจะต้องเอาดอกบัวหิมะแห่งภูเขาเทียนนั่นไปให้มันไหมเล่า?” นังหญิงสาวก็ไม่อยากให้ของไปเหมือนกันเลยสวดลูกชายตนไปอีกบทหนึ่ง
ไอ้คุณชายสิบสามได้แต่เม้มริมฝีปากและทำหน้างอ มันเกลียดชังเจ้าสิบสองเข้ากระดูกดำชนิดไม่ยอมเผาผี “แล้วทำไมเจ้าถึงได้กระจอกนักเล่า? แค่หมัดเดียวบาดเจ็บก็พอแล้ว ยังจะมาตายให้ข้าต้องเดือดร้อนอีก”
...
ในหัวของเย่เซิงรู้สึกสับสนไปหมกและเขาก็ยังเจ็บปวดไปทั้งตัวด้วย เขารู้สึกราวกับว่าเขาถูกเผาทั้งเป็นด้วยเปลวไฟที่ลุกท่วมโหมกระหน่ำ
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงมากมายรอบ ๆ ตัว แต่ก็ไม่ชัดเจนนัก และมันทำให้เขารู้สึกค่อนข้างกังวลอยู่ภายในใจ
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เราน่าจะอยู่ที่ทำงานนี่หว่า ใช่มั้ย? เออ ตอนนี้เราควรจะทำงานอยู่สิ แล้วนี่มันเกิดเรื่องบ้าไรกันวะ?”
“หรือว่าเราจะตายเพราะหัวใจหยุดเต้นกะทันหันในที่ทำงาน…?”
“เกิดอะไรขึ้นว้า? แล้วนี่เราหยุ... เชรี่ยเอ๊ยยยยย!!”
เย่เซิงเริ่มครุ่นคิดอย่างบ้าคลั่ง เขาสับสนมากไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่จู่ ๆ ก็ได้มีมือคู่ใหญ่มาง้างปากของเขาออก จากนั้นของเหลวที่เย็นจัดซึ่งเต็มไปด้วยพลังงานก็เหมือนจะถูกเทลงในมาปากของเขา เย่เซิงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่แผ่ซ่านจากปากไปยังลำคอต่อไปยังท้อง และสุดท้ายพลังงานนั้นก็ได้แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายในเวลาอันสั้น มันได้ทำให้ความเจ็บปวดทั่วทั้งร่างกายค่อย ๆ ทุเลาและหยุดลงโดยสมบูรณ์ในที่สุด
เขาลืมตาขึ้นมาด้วยความสับสนและเห็นชายชราผมหงอกที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นคนหนึ่ง
ชายชราถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นเย่เซิงฟื้นคืนสติและกล่าวว่า “ชีวิตของคุณชายสิบสองปลอดภัยแล้ว ผลของดอกบัวหิมะแห่งเทียนซานช่างทรงพลังมากจริง ๆ”
ทันทีที่ทุกคนได้ยินว่าชีวิตของเย่เซิงพ้นขีดอันตราย ทุกคนข้างนอกก็เริ่มส่งเสียงดีใจ
เย่เซิงที่ได้ยินเสียงดีใจของคนเหล่านั้นก็รู้สึกประทับใจขึ้นมา ‘ตูล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมาเกิดใหม่ต่างโลกกะเขาจริง ๆ แถมครอบครัวนี้รักใคร่กลมเกลียวกันขนาดนี้อีก พอรู้ว่ามีคนดีใจที่ตัวเองรอดตายนี่มันช่างสุขใจดีแท้ แถมยังถึงขั้นใช้ดอกบัวหิมะเทียนซานมารักษาซะด้วย ไม่รักจริงไม่ให้นะเนี่ย’
ทันใดนั้นก็ชายหนุ่มคนหนึ่งก็พุ่งพรวดเข้ามาในห้องและจ้องหน้าเย่เซิงด้วยท่าทางที่ดูเป็นอันตราย แววตาของมันเต็มไปด้วยความเคียดแค้น หมัดของมันกำแน่นจนเส้นเลือดปูด
และเมื่อคนที่เหมือนจะเป็นหมอเห็นมันก็รีบรั้งไว้ทันทีขณะ “คุณชายสิบสาม ท่านอย่าเพิ่งรีบร้อน ร่างกายของคุณชายสิบสองอ่อนแอมาก แม้ว่าท่านจะกินดอกบัวหิมะเทียนซานไปแล้วแต่ชีวิตยังคงแขวนอยู่บนเส้นด้ายอยู่ดี หากท่านต่อยเขาอีกครั้งข้าคงช่วยเหลืออะไรไม่ได้อีกแล้วนะ”
“บัวหิมะเทียนซานมีไว้ให้ข้าใช้เพื่อเลื่อนเป็นระดับเซียนเทียน แต่สุดท้ายต้องเอามาให้มันแทน!” ไอ้คุณชายสิบสามกัดฟันกรอด ๆ อย่างโกรธจัด มันแทบรอไม่ไหวอยากจับเย่เซิงถลกหนังทั้งเป็นเสียบัดเดี๋ยวนี้
เย่เซิงที่นอนอยู่บนเตียงกระพริบตาปริบ ๆ สองสามครั้ง ‘ไอ้คนนี้น่าจะเป็นน้องชายของเราในชาตินี้สินะ แล้วไมพอเห็นเราปลอดภัยแล้วไม่เห็นมันจะดีใจเลยวะ?’
“เจ้าเศษขยะ จงจำไว้ว่าอย่าได้มายั่วยุข้าอีก ข้ายังมีวิธีอีกนับล้านที่จะทำให้เจ้าหายหัวไปจากโลกนี้” ไอ้เจ้าคุณชายสิบสามทิ้งคำพูดเหล่านั้นไว้แล้วออกจากห้องด้วยสีหน้าซีดเผือด
หมอเฒ่าส่ายหัวและกล่าวว่า “คุณชายสิบสอง ร่างกายของท่านยังอ่อนแอมาก นี่คือใบสั่งยาของเราผู้เฒ่า อย่าลืมทานเชียวล่ะ”
เย่เซิงพยักหน้าและไม่พูดอะไร เขายังคงสับสนอย่างหนักเพราะดูเหมือนว่าสถานการณ์มันค่อนข้างจะแปลก ๆ ยังไงชอบกล
หลังจากที่หมอเฒ่าจากไปแล้วก็มีหญิงสาวสวยนางหนึ่งก็เดินเข้ามา ดวงตาที่ดูมีเสน่ห์เย้ายวนของนางจ้องมองเขาอย่างเฉยเมยไร้อารมณ์ใด ๆ และพูดว่า “เมื่อนายท่านกลับมาแล้วถามเจ้าว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าคงรู้ใช่ไหมว่าต้องพูดอย่างไร”
เย่เซิงกระพริบตาปริบ ๆ ด้วยความสับสน
“ฮึ! หวังว่าเจ้าจะรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร เย่ชิงอาจเป็นคนที่ทุบตีเจ้าก็จริง แต่ข้าได้ใช้ดอกบัวหิมะเทียนซานช่วยชีวิตเจ้าไว้ ดังนั้นเราจึงไม่มีอะไรติดค้างกันอีก แถมยังเป็นเจ้าที่ได้กำไรเสียด้วยซ้ำ เพราะตลอดชีวิตนี้มั่นใจได้เลยว่าเจ้าคงไม่มีวันได้ลิ้มลองของดี ๆ อย่างดอกบัวหิมะเทียนซานแน่ จงจำไว้ว่าเมื่อนายท่านกลับมาแล้วถามเรื่องนี้เจ้าจงตอบไปว่าเจ้าต้องการฝึกวรยุทธ์ และเย่ชิงต้องการสอนเจ้าเพียงแต่กะกำลังไม่ถูกจึงพลั้งมือทำร้ายเจ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ หากเจ้ากล้ากล่าววาจาไร้สาระล่ะก็จงระวังตัวไว้เถอะ” นังหญิงสาวข่มขู่อย่างเย็นชาก่อนจะลุกขึ้นจากไป
เย่เซิงนอนอยู่บนเตียงโดยไม่มีแรงเลย ท่าทีของเขายิ่งมายิ่งเคร่งเครียด “ดูท่าพวกมันจะอยากให้เราตายสินะ แต่พวกมันปล่อยให้เราตายไปทั้ง ๆ อย่างนี้ไม่ได้ เพราะว่าที่เราบาดเจ็บไม่ใช่จากอุบัติเหตุ แต่เพราะไอ้คุณชายสิบสามเย่ชิงมันจงใจลงมืออย่างหนัก”
จี๊ดดดดดดดดดดด!
ขณะที่เย่เซิงกำลังเรียบเรียงเรื่องราวอยู่นั้นเอง จู่ ๆ ก็มีความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสบุกเข้ามาทำให้เขาต้องนอนขดตัวอย่างทรมาน
หลังจากผ่านไปไม่นานเย่เซิงก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งและเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาคือคุณชายสิบสองในหวางฝูตระกูลเย่แห่งราชวงศ์ต้าฉิน เป็นคุณชายขยะที่ไม่มีใครอยากชายตาแล ส่วนไอ้คนที่เกือบฆ่าเขาได้นั้นคือคุณชายสิบสามซึ่งนิสัยเสียและหยิ่งผยอง ท่านพ่อของเขาคือราชันเย่ตอนนี้ไม่รู้ออกไปไหน เป็นชายที่ในชีวิตนี้เขาแทบจะไม่เคยได้เห็นหน้า
นี่เป็นอาณาจักรของทางโลก แต่ก็เป็นโลกที่มีความเป็นไปได้ไม่รู้จบ มีทั้งวรยุทธ์ ภูตผีปีศาจ สำนักนิกาย ตระกูลขุนนาง ฯลฯ
พ่อของเขาเย่หวางเหย่เป็นจอมยุทธ์อันดับหนึ่งของต้าฉิน และยังเป็นแม่ทัพผู้นำกองทัพของประเทศโดยกองทหารส่วนใหญ่ล้วนอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา ดังนั้นจึงเรียกได้ว่าอยู่เหนือผู้คนทั่วหล้าแต่ภายใต้คนเพียงคนเดียวซึ่งก็คือองค์จักรพรรดิ
ทว่าเย่เซิงกลับเป็นเด็กที่ถูกมองว่าต่ำต้อยที่สุดในคระกูล ทั้งหมดทั้งมวลก็เพราะแม่ของเขามีภูมิหลังที่ไม่ดี