SWO ตอนที่ 44 ดูด้วยตัวเอง
โจวเฮารีบพุ่งออกจากอุโมงค์ และจากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานร่างหนึ่งก็กระโดดออกมาจากอุโมงค์ของสนามฝึก เป็นเจิ้นหง ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธจากห้างพันธมิตรใต้ดิน
“เป็นอย่างไรบ้างท่านเจิ้น? นักเรียนคนนั้นได้รับบาดเจ็บรึไม่?” เสิ่นจิงรีบถาม
ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธเจิ้นหงส่ายหัว ก่อนโยนศพของหนอนเกราะเหล็ก และพยัคฆ์ปีศาจสามตาลงบนพื้นสนามฝึก “หลังจากที่ข้ามาถึง ข้าเห็นเพียงศพเท่านั้น ไม่เห็นร่างของนักเรียนที่เจ้าว่าเลย”
ขณะที่เขากล่าวเขายังดูเหมือนไม่เชื่อ เขาชี้ไปที่ศพของเผ่าพันธุ์ภายนอกขนาดใหญ่ทั้งสาม “เฒ่าเสิ่น เจ้าแน่ใจงั้นรึว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเด็กจากโรงเรียนมัธยมเมืองฉู?”
บูม! บูม! บูม!
แสงหลายสายปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า และร่อนลงสู่สนามฝึกอย่างรวดเร็ว ผู้ที่นำมาคือเทพเจ้าสงครามของเมืองเมืองหัวตง ผู้บัญชาการจ้าว
หลังจากได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากโรงเรียนมัธยมเมืองฉู เขาก็รีบเร่งมาอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามเนื่องจากเมืองมันใหญ่มาก ดังนั้นเขาจึงต้องใช้เวลาห้าถึงหกนาทีกว่าจะมาถึง
“เฒ่าเสิ่น สถานการณ์เป็นยังไง?” หลังจากมาถึง เมื่อเห็นเสิ่นจิง และศพทั้งสามอยู่ในสนามความกังวลของเขาก็คลายลงไปไม่น้อย
ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธที่ตามมาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
การปรากฏตัวของเผ่าพันธุ์ภายนอกระดับสูงสามตัวในเมืองทำให้พวกเขาวิตก
ท้ายที่สุดพลังทำลายของแม่ทัพอสูรและแมลงระดับสูงก็อันตรายเกินไป
หากไม่มีใครหยุดพวกมัน เมืองฉูทั้งหมดคงถูกทำลายจนสิ้น
อาจารย์เสิ่นเป็นปรมาจารย์ขั้นสูงทำให้เขาสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เป็นผลให้ตอนนี้เขาดีขึ้นมาก เขาถอนหายใจก่อนกล่าว “นักเรียนเพิ่งถูกย้ายออกไป ส่วนผู้บาดเจ็บนั้นมีไม่มาก ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณนักเรียนคนนั้นที่จัดการสามเผ่าพันธุ์ภายนอกระดับสูง และทำความสะอาดนักรบอสูรจำนวนมาก มิฉะนั้น…”
ในที่สุดผู้บัญชาการจ้าวก็วางใจ “ไม่เป็นไรตราบใดที่ไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตายมากเกินไปก็ดีแล้ว ตอนนี้เราต้องจัดการสิ่งที่ตามมาหลังจาก… เดี๋ยวนะ”
ขณะกล่าวไปได้เพียงครึ่ง เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ดวงตาคู่หนึ่งจ้องไปที่เสิ่นจิง “เมื่อครู่เจ้าเพิ่งบอกว่านักเรียนคนหนึ่งจัดการเผ่าพันธุ์ภายนอกระดับแม่ทัพอสูรสามตัวงั้นรึ???”
ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธคนอื่น ๆ ก็มองด้วยสีหน้าสงสัย
พวกเขาสงสัยว่าเสิ่นจิงพยายามสนับสนุนนักเรียนด้วยการพูดเกินจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเสิ่นจิงต้องการสนับสนุนนักเรียน แต่เขาก็ไม่สามารถกุเรื่องไร้สาระเช่นนี้ได้!
สำหรับเผ่าพันธุ์ภายนอกระดับแม่ทัพอสูรทั้งสามตัว แม้แต่ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธที่เพิ่งมาถึงยังต้องลงแรงไม่ใช่น้อยเพื่อจัดการกับพวกมัน
เสิ่นจิงยิ้มอย่างขมขื่น “ท่านผู้บัญชาการจ้าว ข้ารู้ว่าท่านไม่เชื่อข้า แต่ท่านสามารถถามท่านเจิ้นได้ เขาสามารถบอกท่านได้ว่าใครเป็นคนจัดการพวกมัน”
ฟุบ!
ผู้บัญชาการจ้าว ประธานเหอ และปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธที่เหลือหันไปมองเจิ้นหง
เจิ้นหงพูดไม่ออก “ข้าไม่ได้เป็นคนฆ่าเผ่าพันธุ์ภายนอกพวกนี้จริง ๆ เพราะเมื่อข้ามาถึง การต่อสู้ได้จบลงแล้ว!”
เขากล่าวขณะส่ายหัว “แต่ข้าไม่เชื่อว่าเผ่าพันธุ์ภายนอกพวกนี้ถูกนักเรียนคนหนึ่งจัดการ มันไร้สาระเกินไป!”
ผู้บัญชาการจ้าวหันกลับไปมองเสิ่นจิง และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “เฒ่าเสิ่น บางทีอาจเป็นเพราะเจ้าอาศัยอยู่ในเมืองหยานจิง? เป็นไปได้ไหมว่านิสัยของเจ้าติดเชื้อความใจร้อนจากที่นั่น เจ้าถึงได้กล้าสร้างเรื่องใหญ่แบบลวก ๆ เช่นนี้!”
มีการตำหนิอย่างรุนแรงในน้ำเสียงของเขา
ในบรรดาโรงเรียนหลายแห่งในเมืองหัวตง โรงเรียนที่โดดเด่นที่สุดคือโรงเรียนมัธยมเขตตะวันออก แต่แม้กระทั่งนักเรียนที่โดดเด่นที่สุดของพวกเขาก็ยังอยู่ในขอบเขตผู้ฝึกยุทธเท่านั้น
กลับมาที่โรงเรียนมัธยมเมืองฉูซึ่งอยู่ในอันดับต่ำเสมอ แม้แต่อัจฉริยะที่ลือกันว่าไม่มีผู้ใดเทียบได้ยังถูกสงสัยว่าเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธขั้นสูงเท่านั้น
ด้วยความแข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธขั้นสูง มันยังสมเหตุสมผลที่จะสามารถจัดการนักรบอสูรขั้นสูงบางตัวได้ อย่างไรก็ตามการฆ่าเผ่าพันธุ์ภายนอกระดับสูง 3 ตัวเป็นเรื่องราวที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
“เฒ่าเสิ่น นี่คือเหตุผลที่ข้าบอกเจ้าว่าอย่าไปเมืองหยานจิง!”
“ใช่ คนที่นั่นใจร้อนเกินไป”
“ข้าเป็นห่วงเจ้าจริง ๆ หลังจากนี้อยู่ในเมืองหัวตงเถอะ”
ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธที่เหลือก็กล่าวขึ้นเช่นกัน
ผู้อำนวยการฝ่ายหงซึ่งยืนอยู่ข้างเสิ่นจิงอดตะโกนไม่ได้ “อาจารย์ไม่ได้โกหก!”
“โอ้ นี่หงซานไม่ใช่เรอะ!”
“จิ จิ หงซาน เจ้าเคยเป็นคนตรงไปตรงมาผู้ทนต่อคำโกหกไม่ได้ แต่รู้ตัวอีกทีเจ้าดันกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ไปเสียแล้ว!”
ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธหลายคนเย้ยหยัน
เสิ่นจิงตะโกนเสียงต่ำ “พอได้แล้ว!”
ผู้บัญชาการจ้าวขมวดคิ้ว “เฒ่าเสิ่น หยุดปกปิด และบอกความจริงกับข้ามา”
เสิ่นจิงกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “ท่านผู้บัญชาการ ชุดเกราะของข้ามีอุปกรณ์บันทึก ท่านเอาไปดูเองเถอะ!”
สิ้นเสียงเขาก็เปิดอุปกรณ์บันทึกที่ว่า
ผู้บัญชาการจ้าว และปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธที่เหลือจ้องไปที่อุปกรณ์บันทึก
ไม่นานภาพหญิงสาวคนหนึ่งก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้น
เหอเปียว และปรมาจารย์คนอื่น ๆ อดหัวเราะไม่ได้ พวกเขาต้องการหยอกล้อเสิ่นจิง แต่สายตาของผู้บัญชาการจ้าวทำให้พวกเขาต้องเงียบไป
ใบหน้าของเสิ่นจิงเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย เหตุผลที่เขาไม่ได้แสดงให้พวกเขาเห็นตั้งแต่แรกเพราะมีบางอย่างส่วนตัวอยู่ในนั้น
ขณะที่ภาพยังคงเล่นต่อไปอยู่ ในที่สุดก็แสดงให้เห็นช่วงเวลาที่เผ่าพันธุ์ภายนอกทั้งสามปรากฏตัวขึ้น
สีหน้าของผู้บัญชาการจ้าว และคนที่เหลือเปลี่ยนไปเมื่อพวกเขามองไปที่พยัคฆ์ปีศาจสามตา และงูหลามปีศาจเกล็ดดำที่ดุร้าย
พวกเขาสามารถจินตนาการได้ว่าเสิ่นจิงผู้ซึ่งเป็นปรมาจารย์ขั้นสูงเพียงคนเดียวในที่นั้นต้องใช้ความกล้าหาญเพียงใดในการพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัว
หลังจากนั้นพวกเขาเห็นเสิ่นจิงถูกทุบตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเลือดไหลทะลัก
ในบันทึก เขาพึมพำขณะพยายามยืนขึ้น แต่กลับล้มลงอย่างรวดเร็ว
เหอเปียว และปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธคนอื่น ๆ เผยให้เห็นถึงความชื่นชม แต่ในขณะนั้นเองอุปกรณ์บันทึกดูเหมือนจะได้รับความเสียหายบางส่วน
ภาพเริ่มพร่ามัว ส่วนเสียงก็ขาด ๆ หาย ๆ ไม่ต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามผู้บัญชาการจ้าว และคนอื่น ๆ เห็นนักเรียนคนหนึ่งในชุดเกราะมาตรฐานยืนขึ้น แต่ เนื่องจากความเร็วของเขา ทุกคนจึงมองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาของเขาอย่างชัดเจน
“เป็นไปได้ยังไง!!”
“นะ นี่เขาเป็นแค่นักเรียนจริง ๆ งั้นรึ?”
ดวงตาของเหล่าปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธเผยให้เห็นความประหลาดใจ และไม่เชื่อ
“หุบปากแล้วดูต่อ!”
ผู้บัญชาการจ้าวโวยวายขณะมีคลื่นซัดเข้ามาในหัวใจของเขา
หลังจากนั้น ทุกคนก็เห็นว่านักเรียนในชุดเกราะมาตรฐานได้ใช้เทคนิคกระบี่อันยอดเยี่ยมของเขาเพื่อต่อต้านพยัคฆ์ปีศาจสามตา และงูหลามปีศาจเกล็ดดำ อีกทั้งพวกเขายังเห็นวิธีที่นักเรียนคนนี้กวาดล้างนักรบอสูรจำนวนมากขณะวิ่งไปที่อุโมงค์
หลังจากที่ทุกคนดูจบแล้ว…
ไม่เพียงแต่ผู้บัญชาการจ้าวเท่านั้นที่เงียบไป แม้แต่ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธคนอื่นก็เงียบไปเช่นกัน
เสิ่นจิงไม่ได้พูดอะไรสักคำ
เพราะกระทั่งเขาเมื่อได้เห็นอีกครั้งยังตกใจ..