STY-ตอนที่ 54 เยี่ยมชมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์!
เย่เฉิน และ ศิษย์พี่หญิงสามอันเหมี่ยวหาน ได้ออกจาก ย่านเริงรมย์เฟิงหยา หลังจากที่อารมณ์ของพวกเขาได้ถูกรบกวน
ท่ามกลางแสงจันทร์ที่งดงาม ทั้งสองได้เดินเคียงข้างกันและมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียว
“เฮ้อ อารมณ์สุนทรีย์ของข้ากำลังมาเลย ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาถูกรบกวนแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่ข้ายังอยากดื่มอีกหน่อยแท้ ๆ!”อันเหมี่ยวหาน ได้บ่นออกมา
“ศิษย์พี่ ไม่ต้องหงุดหงิดไป ไว้เรากลับไปข้าจะดื่มกับท่านเป็นอย่างไร?”เย่เฉิน ได้กล่าวออกมา
ในขณะนี้ อันเหมี่ยวหาน ก็ได้มองไปที่ เย่เฉิน โดยดวงตาของนางได้เป็นประกายในขณะที่ตอบกลับ “ทำไมพวกเราไม่มุ่งหน้าไปที่ซ่องกันเลยล่ะ?”
“ท่านว่าอะไรนะ?”
เย่เฉิน คิดว่าเขาได้ยินผิดไปจึงได้กล่าวถามอีกครั้ง
“ศิษย์พี่ เมื่อครู่ท่านว่าอะไรนะ?”เย่เฉินมองไปที่ศิษย์พี่หญิงสามของเขา
“ข้าพูดว่า ทำไมพวกเราไม่ไปที่ซ่องกันเลยล่ะ?”อันเหมี่ยวหาน ได้ทวนคำพูดของนางอีกครั้ง
“ศิษย์พี่ ท่านเสียสติไปแล้วงั้นเหรอ?ข้ายังเป็นผู้เยาว์ ส่วนท่านก็เป็นผู้หญิง พวกเราจะไปทำอะไรกันที่ซ่อง?”เย่เฉิน ได้มองไปที่ ศิษย์พี่หญิงสามของเขาและกล่าวถาม
“เห้อ แม้จะเป็น ซ่อง ก็มีอะไรให้ทำเยอะแยะนอกจากการร่วมรักเจ้าไม่คิดงั้นเหรอ”อันเหมี่ยวหาน ได้ตอบกลับ
อันที่จริง อันเหมี่ยวหาน ไม่เคยไปที่ ซ่องโสเภณีมาก่อน และ นางเคยไปที่ ย่านเริงรมย์เพียงเท่านั้น
ดังนั้น อันเหมี่ยวหาน จึงอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับซ่องนี้มาก
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ!”
อันเหมี่ยวหาน ได้ดึง เย่เฉิน และ เดินไปที่ซ่องโสเภณีในทันที
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงด้านหน้าซ่อง
พวกเขาตระหนักได้ว่าซ่องในวันนี้แตกต่างไปจากเมื่อก่อนมาก
เพราะว่าพวกเขาเห็น ชายชุดดำหลายคนยืนอยู่ที่ด้านบนของซ่องโสเภณี และ หญิงสาวเหล่านั้นก็ไม่ได้ออกมาชักชวนลูกค้า ทำให้ ซ่องนี้ค่อนข้างเงียบอย่างผิดปกติ
“เฉินน้อย พวกเราเข้าไปกันเถอะ!”
อันเหมี่ยวหาน ได้ดึง เย่เฉิน เดินไปที่ ซ่อง
ในขณะนี้ ชายชุดดำสองคนที่ยืนอยู่ที่ด้านหน้าประตูได้หยุดพวกเขาในทันที
“หยุด ซ่องแห่งนี้ถูกเหมาโดยนายท่านของข้าแล้ว รีบไปซะ!”ชายชุดดำคนนึงได้ตะโกนใส่ เย่เฉิน และ อันเหมี่ยวหาน
ขณะที่ เย่เฉิน กำลังจะโจมตี
ในขณะนั้นเอง ชายหนุ่มคนนึงก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าประตู
เขาแต่งกายด้วยชุดยาวสีขาวและดูเป็นสุภาพบุรุษเป็นอย่างมาก เขาได้ยิ้มและกล่าวพูดออกมาอย่างแผ่วเบา “พวกเขาทั้งสองเป็นแขก ดังนั้น ปล่อยให้พวกเขาเข้ามา!”
“แต่…”
“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดงั้นเหรอ?”ผู้ชายคนนั้นรู้สึกโกรธมากและกล่าวออกมา
“ขอรับ!”
ทุกคนได้ปล่อยให้ เย่เฉิน และ อันเหมี่ยวหาน เข้ามา
เย่เฉิน ได้พา อันเหมี่ยวหาน เดินเข้าไปข้างใน ในเวลานี้ ชายคนนั้นได้ยิ้มและมองไปที่ เย่เฉิน และ อันเหมี่ยวหาน “พวกท่านสองคนมาที่นี่เพื่อมองหาผู้หญิงใช่หรือไม่?”
เย่เฉิน ยิ้มและตอบกลับ “นอกจากเรื่องนี้สถานที่แห่งนี้ยังมีสิ่งอื่นอีกรึไม่?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…คุณชายท่านนี้กล่าวได้ถูกแล้ว เชิญ!”
เย่เฉิน ได้มองไปที่ ชายหนุ่ม และ พบว่าความแข็งแกร่งของชายหนุ่มคนนี้ไม่เลว อีกฝ่าย มีฐานการบ่มเพาะพลังอยู่ในอาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณ ตั้งแต่อายุยังน้อย และ ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ธรรมดา
เย่เฉิน และ อันเหมี่ยวหาน ได้เดินเข้าไปในซ่อง ในเวลานี้ ชายชุดดำได้เดินเข้ามาและกล่าวกระซิบบางอย่าง
จากนั้นชายชุดดำทั้งหมดก็พยักหน้าและตอบรับในทันที
ในขณะนั้น ชายคนนั้น ก็เชิญพวก เย่เฉิน นั่ง พร้อมกับกล่าวพูดออกมา “ข้ามีนามว่า ซ่งอวี๋เซียง พอดีข้าเล็งเห็นสหายเต๋าทั้ง 2 มีลักษณะพิเศษและดูไม่ธรรมดา เกรงว่าพวกท่านคงเป็นคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ใช่หรือไม่?”
เย่เฉิน ได้มองไปที่ ซ่งอวี๋เซียง และ รู้สึกแปลกใจ
ผู้ชายคนนี้มีสายตาที่เฉียบแหลม และสามารถบอกได้ในทันทีว่าพวก เย่เฉิน มาจากไหน อีกทั้ง ดูจากการแต่งกายขององค์รักษ์ชุดดำเหล่านี้ ดูเหมือนว่าภูมิหลังของนายน้อยคนนี้จะไม่ธรรมดา
เย่เฉิน ไม่ได้พูดอะไร โดยเขาได้มองไปยังพื้นที่โดยรอบ
เขาพบว่ามีผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรมหายานซ่อนตัวอยู่ในอาคารแห่งนี้
มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่จะพบเห็นผู้เชี่ยวชาญที่มีพลังในอาณาจักรมหายานอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ดูเหมือนว่า จุดประสงค์ในการมาของ ซ่งอวี๋เซียง คงไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว
ดังนั้น เย่เฉิน จึงได้พยักหน้าและตอบกลับโดยตรง “ข้าสงสัยว่า นายน้อยซ่ง มีจุดประสงค์อะไรถึงได้มาเยือนที่เมืองฉิงซานเล็ก ๆ แห่งนี้?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…ในเมื่อพวกท่านทั้งสองเป็นศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ข้าก็จะไม่ขอปิดบังอีกต่อไป ข้าซ่งอวี๋เซียงมาจากตระกูลซ่งของเมืองหยุนไท่ เหตุผลที่ ข้าเดินทางมาที่นี่ก็เพื่อเยี่ยมชมปรมาจารย์ยุทธ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์!”ซ่งอวี๋เซียง ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
‘ปรมาจารย์ยุทธ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์?’
‘นั่นไม่ใช่เขาหรอกเหรอ?’
‘เมื่อไหร่กันที่ชื่อเสียงของเขายิ่งใหญ่เสียจนแพร่กระจายไปยังเมืองหยุนไท่?’
“ข้าสงสัยว่าท่านมีธุระอันใดถึงต้องการพบท่านปรมาจารย์ของพวกเรา?”เย่เฉิน ได้กล่าวถาม
ในขณะนี้ ซ่งอวี๋เซียง ได้ยิ้มและตอบกลับ “เรื่องนี้เป็นความลับของตระกูลซ่งของข้า ดังนั้น ข้าจึงไม่สะดวกที่จะเปิดเผย หวังว่าท่านจะยกโทษให้ข้าด้วย!”
เย่เฉิน มองไปที่ ซ่งอวี๋เซียง และ ไม่ได้พูดอะไร
แม้ว่าเขาต้องการจะพูดอะไร แต่เขาก็จะไม่มีทางได้พบปรมาจารย์ยุทธ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์อย่างง่ายดาย
เนื่องเพราะตัวตนของ เย่เฉิน ได้ถูกปกปิดเป็นอย่างดี แม้แต่ ประมุขนิกายอวี๋เซียว ก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ดังนั้น ทำไม เย่เฉิน จะต้องเปิดเผยตัวสำหรับอีกฝ่ายด้วย?
ในขณะนี้
ซ่งอวี๋เซียง ได้ปรบมือ
หญิงสาวที่มีเสน่ห์ 2-3 คน ได้เดินมาที่ด้านข้างของ เย่เฉิน โดยจับแขนของ เย่เฉิน และ อันเหมี่ยวหาน เอาไว้พร้อมกับกล่าวพูดด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ “เชิญแขกทั้งสองท่านเข้ามา!”
เย่เฉิน และ อันเหมี่ยวหาน ได้ถูกพาไปที่ห้องโดยหญิงสาวทั้งสองคน
ที่ห้องพักนี้ได้ตกแต่งตามสไตล์โบราณ
ในเวลานี้ ซ่งอวี๋เซียง ก็เดินเข้ามาและกล่าวพูดด้วยรอยยิ้ม “นายน้อยทั้งสอง ข้าจะขอร่วมวงดื่มด้วยได้หรือไม่?”
เย่เฉิน และ อันเหมี่ยวหาน ได้พยักหน้า
ในเวลานี้ หญิงสาว 2-3 คน ก็ได้ยกจอกเหล้ามาเติมถ้วยของ เย่เฉิน และ อันเหมี่ยวหาน ในทันที
“เชิญ!”ซ่งอวี๋เซียง ได้เป็นผู้นำในการดื่ม
เย่เฉิน และ อันเหมี่ยวหาน ก็ดื่มด้วยเช่นเดียวกัน
หลังจากดื่มไป 2-3 รอบ เย่เฉิน ก็รู้สึกเบื่อและออกจากซ่องไปพร้อมกับศิษย์พี่หญิงสามของเขา
ขณะที่พวกเขาเดินออกจากซ่อง ชายชุดดำ 2-3 คน ก็เดินมาที่ด้านหน้าของ ซ่งอวี๋เซียง และกล่าวถามอย่างใจเย็น “นายน้อย พวกเราควร…?”
ซ่งอวี๋เซียง ได้สั่นศีรษะและตอบกลับอย่างใจเย็น “พวกเขาทั้ง 2 มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ พวกเราไม่ควรสร้างปัญหาโดยไม่จำเป็น”
…
เย่เฉิน และ ศิษย์พี่หญิงสามของเขา หลังจากหมดอารมณ์ที่จะสนุก พวกเขาก็ขี่กระบี่บินมุ่งหน้าไปยัง แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์โดยตรง
“เฮ้อ วันนี้สนุกไม่เลว เฉินน้อย ไว้พวกเราค่อยมาคราวหน้าด้วยกันอีกครั้งนะ!”
เย่เฉิน ได้พยักหน้า
คนจาก เมืองหยุนไท่ คิดจะมาเยือนแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ เกี่ยวกับเรื่องนี้ มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอย่างแน่นอน ดังนั้น เย่เฉิน จึงขอให้ ศิษย์พี่หญิงสามของเขาไปแจ้งต่อประมุขนิกายอวี๋เซียว
เพราะอย่างไรก็ตาม สำหรับ เย่เฉิน เรื่องนี้ ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขา
ปัจจุบันเขามีพลังอยู่ในอาณาจักรเทวะ อีกทั้งยังมี ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางที่มีพลังอยู่ในอาณาจักรทันฑ์สวรรค์ แม้ว่า ผู้บ่มเพาะพลังที่มีพลังในอาณาจักรทันฑ์สวรรค์ ต้องการที่จะโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ เย่เฉิน ก็ไม่ได้หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
โดย เย่เฉิน ยังคงลงชื่อเข้าใช้และฝึกฝนในทุกวัน
จนกระทั่ง 2 วันผ่านไป
เย่เฉิน ก็ได้รับข่าว
ว่ากันว่า ตระกูลซ่งจากเมืองหยุนไท่ ได้เดินทางมาเยี่ยมเยือนแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ โดยหวังว่าจะได้พบ ปรมาจารย์ยุทธ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
อย่างไรก็ตาม ประมุขนิกายอวี๋เซียว ก็ไม่เคยพบปรมาจารย์ยุทธ์มาก่อน ดังนั้น เขาจึงไม่สามารถรับปากในเรื่องนี้ได้
อีกอย่าง นอกเหนือจากการพบปะปรมาจารย์ยุทธ์ผู้อยู่ยงคงกระพันแล้ว ซ่งอวี๋เซียง ก็ยังมีเรื่องอื่นอยู่อีก โดย ตระกูลซ่ง ต้องการที่จะสร้างสัมพันธ์ไมตรีกับแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
ตระกูลซ่ง เป็นตระกูลชนชั้นสูงของเมืองหยุนไท่ และ ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็เทียบเท่ากับแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ตอนนี้ เหตุผลที่พวกเขาต้องการที่จะสร้างสัมพันธ์ไมตรีกับแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ก็เพราะว่าต้องการใช้ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งนี้ในการได้รับการคุ้มครองจากปรมาจารย์ยุทธ์ผู้อยู่ยงคงกระพัน
นอกจาก ตระกูลซ่ง แล้ว นิกายอมตะ และ ตระกูลชนชั้นสูง รวมถึงขุมพลังอื่น ๆ ต่างก็มุ่งหน้าเข้าหา แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
โดยเป้าหมายของพวกเขาก็เหมือนกับตระกูลซ่ง พวกเขาทั้งหมดต่างก็รู้ว่า แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์มีปรมาจารย์ยุทธ์ที่มีพลังในอาณาจักรเทวะ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา…