บทที่ 17 กายาทมิฬของหวังลู่เฟย
“กระบวนท่าเสริมกายา?”
“ไม่…สิ่งนี้มันแข็งแกร่งกว่านั้น! ฉันเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง
ฉันเองหวังลู่เฟยคนนี้” หวังลู่เฟยตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น
หลักการเบื้องหลังของกายาทมิฬของเขานั้นเรียบง่ายอย่างมาก หวังลู่เฟยใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงในการเรียนรู้กระบวนท่าเสริมกายา แต่เขาก็พบจุดอ่อนอันใหญ่หลวงของมันในทันที
นั่นคือการกระจายขอบเขตพลังไปทั่วร่างกายไม่เพียงแต่จะสิ้นเปลืองพลังของผู้ใช้แต่เกราะที่ถูกสร้างออกมาก็ไม่มีความเข้มข้นพอที่จะปกป้องผู้ใช้ได้
แม้พลังการโจมตี และป้องกันจะเพิ่มขึ้น แต่มันก็ไร้ค่าเมื่อเผชิญหน้ากับอูฐสงครามกับการโจมตีแบบ One Hit Kill ของมัน จากความหมกมุ่นในมังงะของเขา ทำให้เขาคิดเทคนิคนี้ขึ้นมาได้โดยใช้ฮาคิในเรื่อง One Piece เป็นต้นแบบ
เช่นการใช้ขอบเขตพลังไปอัดแน่นอยู่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายอย่างฉับไวไม่เพียงแต่จะสามารถเพิ่มพลังโจมตีได้อย่างมหาศาล พลังป้องกันก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวเหมือนกัน
ในส่วนนี้เขาใช้เวลาฝึกสองชั่วโมงในการเคลื่อนย้ายขอบเขตพลังในร่างกาย อีกสามชั่วโมงที่เหลือคือการศึกษาการบีบอัดพลังให้ควบแน่นในจุดที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ แต่ถึงอย่างนั้นการควบแน่นก็สามารถอยู่ได้แค่ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น
สำหรับการเปลี่ยนสีของร่างกาย เค้าทำการใช้ขอบเขตของพลังทำการกระตุ้นเม็ดสีเมลานินตามผิวหนังให้เร่งผลิตสีดำออกมาชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น ส่วนเหตุผลที่ต้องทำให้เป็นสีดำนั้น ไม่ได้ช่วยให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด แต่มันจะดุดีมากเวลาใช้งานมัน พูดง่ายๆคือต้องหล่อไว้ก่อนนั่นเอง
และที่สำคัญที่สุดถ้าร่างกายไม่ถูกเปลี่ยนสีดำก็จะไม่สามารถเรียกวิชานี้ว่า “กายาทมิฬ” ได้น่ะสิ
“ให้ตายสิฉันจะทำยังไงดีนะ ศรน้ำแข็งฉันยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“ใช่ฉันยังไม่เคยได้ต่อสู้เลยด้วยซ้ำ”
“ฉันฝึกกระบ้วนท่าเสริมกายา แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรฉันเลย”
_
ถึงแม้ผู้เล่นส่วนใหญ่จะสามารถสร้างศรน้ำแข็งได้สำเร็จ แต่ก็ยังมีผู้เล่นสองถึงสามคนที่ยังคงล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยเหตุผลบางประการ
ผู้เล่นเหล่านั้นต่างพากันนั่งรอบหม้อไฟ เพื่อพยายามหารือและแลกเปลี่ยนเทคนิคกันเพื่อที่จะสามารถฝึกฝนได้สำเร็จ
“ผมจะช่วยพวกคุณเอง” หวังลู่เฟยเดินเข้ามาในวงล้อมและพูดเบาๆกับผู้เล่นทั้งเจ็ดคน
“?” ผู้เล่นทั้งเจ็ดต่างพากันเงียบและมองไปที่หวังลู่เฟย
“ใครบอกกัน ว่าวิชาหิมะนั้นดีที่สุด?”
“กายาทมิฬของผมนี่แหละที่แข็งแกร่งกว่าวิชาน้ำแข็งเหล่านั้น”
“...” ผู้เล่นทั้งเจ็ดต่างพากันเงียบ ที่หน้าของพวกเขาเหมือนกำลังจะมีคำถามว่า เขาเป็นใครกัน
กายาทมิฬ?
ต้องล้อกันเล่นแน่ๆ
พื้นฐานของเกมนี้คือโลกแห่งการฝึกฝน นี่คุณดูการ์ตูนมากไปหรือเปล่า?
แต่เมื่อผู้เล่นเห็นแขนที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำของเขา ที่โจมตีสัตว์ร้ายความคิดของพวกเขาก็เปลี่ยนไปในทันที
“มันสามารถเอามาใช้แบบนี้ได้ด้วยหรือนี่”
“ในเกมนี้เราสามารถมีอิสระในการทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?”
“ในตอนแรกคิดว่าเกมนี้จะอยู่แต่พื้นหลังแห่งการฝึกฝน ต่อมาก็ได้เห็นว่ามันอาจจะมีพื้นหลังของพลังวิญญาณด้วย และในตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่ามันเป็นเกมโลกเปิดอย่างแท้จริง”
_
ผู้เล่นเหล่านี้ตกใจและมองไปที่หวังลู่เฟยด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
“พี่ลูฟี่… ช่วยสอนเทคนิคนี้กับพวกเราด้วยเถอะ” ผู้เล่นเหล่านั้นต่างพากันพูดเป็นเสียงเดียวกัน
“ไม่มีปัญหา! หวังลู่เฟยคนนี้ จะสอนให้หมดเปลือกเลย”
“ในที่สุดสำนักกายาทมิฬก็ได้เริ่มต้นขึ้น” หวังลู่เฟยพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มสอนเหล่าผู้เล่นอย่างจริงจังและไม่คิดที่จะเก็บเคล็ดลับอะไรไว้เลย
ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
“กายาทมิฬ”
“ลูกเตะพลังชาร์จ” ผู้เล่นทั้ง 7 คนตะโกนพร้อมกัน จากนั้นพวกเขาก็เปิดฉากโจมตี
หินก้อนใหญ่ที่วางอยู่ด้านหน้าทั้งเจ็ดก้อนแตกเป็นเสี่ยงๆ
“ยินดีด้วยนะทุกคน ในที่สุดพวกคุณก็ทำได้ นี่คือทั้งหมดที่ผมจะสอนแล้ว”เขาพูดแสดงความยินดีกับเหล่าลูกศิษย์ของเขา
“ตามผมมาเลยเราจะไปลองวิชากับของจริงกัน มาสอนให้เจ้าอูฐสงครามรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของเรา” หวังลู่เฟยพูดพร้อมโบกมือเรียกเหล่าผู้เล่นให้เดินตามลงจากเขาไปด้วยกัน
_
“ในที่สุดขอบเขตพลังของฉันก็สมดุลแล้ว” เมื่อเหออี้หมิงลืมตาขึ้น เขาก็ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
หลังจากพัฒนาขอบเขตพลังมา 2 ครั้งติดต่อกัน ระดับการฝึกฝนของเขาก็ขาดความเสถียรของพลัง ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ แต่หลังจากที่ทำการควบคุมกระแสพลังในร่างกายให้ไหลอย่างช้าๆ และเป็นระเบียบขึ้น ทำให้พลังของเขาตอนนี้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
“ฉันสังสัยว่าเหล่าผู้เล่นกำลังทำอะไรกัน” เหออี้หมิงเปิดดูหน้าต่างของระบบ และตัวเลขที่ไม่น่าเป็นไปได้ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
562? ภายในวันเดียวเหล่าผู้เล่นได้ทำการสังหารอูฐสงครามอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเร็วระดับนี้เร็วกว่าวิธีสกปรกของก๋วยเตี๋ยวเนื้อซะอีก
“เกิดอะไรกันขึ้น?” พวกเขาคิดวิธีสกปรกได้อีกครั้งแล้วงั้นเหรอ?
“ศรน้ำแข็ง?”
“กายาทมิฬ?”
เหออี้หมิงเดินไปที่เชิงเขาเพื่อดู
ผู้เล่นสองคนร่วมมือกันสังหารอสูรด้วยศรน้ำแข็งซึ่งยังอยู่ในความเข้าใจของเหออี้หมิง
โดยเป็นการดัดแปลงเทคนิคหิมะเยือกเย็นโดยทำให้อสูรนั้นเคลื่อนไหวช้าลงและทำการโจมตีด้วยเทคนิคที่มีพลังโจมตีที่มากกว่าอย่าง บอลหิมะ
แต่
“กายาทมิฬ” ผู้เล่นทั้งสี่คนตะโกน และเท้าขวาของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดำ
“ลูกเตะพลังชาร์จ” ผู้เล่นทั้งสี่ระดมโจมตีใส่สัตว์ร้ายจากทุกทิศทุกทาง
ไม่เพียงแต่ขาพวกเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บจากผิวหนังอันแข็งแกร่งของอูฐสงครามแล้ว แต่ยังสามารถโจมตีจนมันบาดเจ็บได้อีกด้วย
“กายาทมิฬ”
“ลูกเตะพลังชาร์จ”
ผู้เล่นอีกสามคน เท้าขวาพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีดำ พวกเขาโจมตีเข้าจุดอ่อนของสัตว์ร้ายอย่างต่อเนื่อง
สัตว์ร้ายขอบเขตพลังชีพจรวิญญาณถูกผู้เล่นทั้งเจ็ดระดมเตะจนอาการของมันเริ่มสาหัส และล้มลงตายในที่สุด
“ไม่เลว” หวังลู่เฟยกล่าวอย่างพึงพอใจ
“สมกับเป็น The Shichibukai ของ หวังลู่เฟยจริงๆ”เขาอุทานและก็หัวเราะออกมา
(The Shichibukai หมายถึง อาวุธทั้งเจ็ดแห่งท้องทะเล หรือ เจ็ดเทพโจรสลัดอ้างอิงจากมังงะ One Piece)
“เราไปหาตัวต่อไปกันเถอะ”
“ได้ครับบอส ลูฟี่”
เมื่อเหออี้หมิงเห็นผู้เล่นทั้งเจ็ดและผู้เล่นไอดีหวังลู่เฟยพยายามมองหาอสูรอูฐสงครามตัวต่อไป เขาก็ได้แต่เงียบ
กายาทมิฬคืออะไร? นี่ฉันอยู่ที่ไหนกัน? นี่เหมือนไม่ใช่โลกแห่งการฝึก เทคนิคแบบนั้นมันไม่ควรจะมีอยู่ในโลกแห่งนี้และ Shichibukai เขาคือใคร?