เล่มที่ 1: ถิ่นทุรกันดาร – บทที่ 2: อเล็กซ์ [อ่านฟรี]
บนโลก หนึ่งเดือนก่อนหน้า
“ขอบคุณที่มาใช้บริการร้านเรานะครับ แล้วมาอุดหนุนเราอีกนะครับ!”
เสียงร่าเริงตะโกนวลีนี้ดังออกมาจากร้านขายของชำขนาดกลางร้านหนึ่ง วลีนี้พุ่งเป้าไปยังชายวัยกลางคนที่เพิ่งออกไปจากร้าน เขาโบกมือให้เล็กน้อยเพื่อเป็นการแสดงว่าเขารับรู้ แต่ก็ไม่ได้ใส่ที่จะตอบกลับ
ทันทีที่ชายคนนั้นออกไป แคชเชียร์ของร้านขายของชำก็ถอนหายใจออกมาและเดินกลับไปที่เครื่องคิดเงิน เขาเป็นชายหนุ่มที่มีผมสีบลอนด์ และดูเหมือนว่าเขาเพิ่งจะอายุยี่สิบต้น ๆ โครงร่างที่ดูมีมัดกล้ามเล็กน้อยยังคงมองเห็นได้ชัดเมื่อมองเขาจากทางด้านหลัง แต่เมื่อมองจากด้านหน้า จะเห็นแต่พุงที่ค่อนข้างใหญ่
แกร่ก ตึ้ง แกร่ก ตึ้ง
ขณะที่แคชเชียร์เดินกลับมาที่เครื่องคิดเงิน ก็จะได้ยินเสียงไม้เท้าของเขากระทบกับพื้นร้าน
“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่ร้านสตีวีส์ครับ!” แคชเชียร์กล่าวคำทักทายด้วยความสุภาพขณะลูกค้าคนต่อไปเข้ามาในร้าน
“วันที่ลำบากอีกวันสินะ หา?” ลูกค้าหนุ่มถามแคชเชียร์
“ก็เรื่อย ๆ น่า” แคชเชียร์ตอบกลับพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ “ทุกคนต่างต้องทำมาหากิน”
อย่างไรก็ตาม คำพูดเหล่านี้ไม่ได้สะท้อนความรู้สึกจริง ๆ ของแคชเชียร์ออกมา
‘ร้านชำนี่จะทำให้ฉันเป็นบ้าเอา ให้ตายเถอะ!’ เขาคิดขณะที่ความสุขของเขาถูกร้านขายของชำกดทับไว้ ‘ทุกวันมีแต่เรื่องน่าเบื่อเดิม ๆ อเล็กซ์ทำนี่ที! อเล็กซ์ทำนั่นที! สาบานเลยถ้าฉันเก็บเงินได้พอเข้ามหาลัย ฉันจะเผาที่นี่ให้ราบ!’
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงความคิดที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ตึงเครียด อเล็กซ์รู้ดีว่าเขาไม่อาจทำอย่างที่คิดได้จริง ๆ
แคชเชียร์คนนี้คือ อเล็กซานเดอร์ ฮอฟฟ์แมน
เรียกสั้น ๆ ว่า อเล็กซ์
ชีวิตของอเล็กซ์ไม่ได้เป็นแบบนี้เสมอไป
เขาเคยมีอนาคตที่สดใสเมื่อครั้งอดีต
ช่างน่าเสียดายที่ชีวิตไม่ได้เป็นไปตามเส้นทางที่เขาอยากให้เป็น
อเล็กซ์เริ่มเล่นกีฬาเมื่ออายุได้สิบสองปีตามคำแนะนำของพ่อ เล่นกีฬาในช่วงที่กำลังเติบโตมีประโยชน์อย่างมากต่อพัฒนาการของวัยรุ่น
พ่อของอเล็กซ์เป็นแฟนตัวยงของสมาคมการต่อสู้นานาชาติ
สมาคมจะให้นักสู้จากเกือบทุกสาขาวิชาของศิลปะการต่อสู้มาต่อสู้กันโดยมีกฎเกณฑ์น้อยที่สุด กล่าวโดยย่อ มันคือองค์กรที่จัดการศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า เอ็มเอ็มเอ
อเล็กซ์เองก็เริ่มชอบดูการต่อสู้เหล่านี้ และเมื่อพ่อของเขาผลักดันให้เขาเล่นกีฬา อเล็กซ์ก็ตัดสินใจเลือกเอ็มเอ็มเอ
พ่อแม่ของเขารู้สึกสับสนมากกับสิ่งที่เขาเลือก
ในทางตรงกันข้าม มันถือเป็นเรื่องดีที่ในที่สุดลูกชายก็ได้มีกีฬาที่ชอบ แต่เอ็มเอ็มเอเป็นกีฬาที่ค่อนข้างอันตรายมากหากรับมือไม่ถูก
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่ใช่เอ็มเอ็มเอระดับมืออาชีพ และเนื่องจากมีโค้ชหลายคนในยิมใกล้บ้าน พวกเขาจึงเห็นด้วย
เวลาต่อมา อเล็กซ์ได้ซ้อมต่อสู้ครั้งแรกกับเด็กคนหนึ่งในยิม ซึ่งแพ้เขาอย่างราบคาบ ประสบการณ์นั้นปลุกความดื้อรั้นบางอย่างในตัวเขา ความกระหายชัยชนะ
ช่างน่าเศร้าที่เขาแพ้การซ้อมในสองนแมตช์ถัดมา ไม่มีใครถือเรื่องแพ้ชนะในแมตช์เหล่านี้เพราะมันไม่ใช่การแข่งขันจริง มันเป็นแค่การประลองกันระหว่างนักเรียนสองคน
แต่เมื่อเห็นชัดว่าเขาไม่มีทางชนะ เขาก็จะมองว่ามันคือการสูญเสีย
อเล็กซ์คิดที่จะเปลี่ยนกีฬาเล่นและเลือกสักอย่างเนื่องจากเขารู้สึกหงุดหงิดเมื่อได้เห็นว่าทุกคนเก่งกว่าเขาแค่ไหน เขาอยากชนะอย่างน้อยก็สักครั้ง!
เช่นนั้นเขาจึงฝึกฝนต่อ และในที่สุดเขาก็ได้รับชัยชนะ
ตอนที่อเล็กซ์ชนะ เขารู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
มันเหมือนกับอาการเพ้อฝันที่อธิบายไม่ได้!
เขารู้สึกเหมือนเขากำลังลอยอยู่เหนือก้อนเมฆ และรู้สึกว่าเขายิ่งใหญ่ที่สุดในโลก!
ความรู้สึกของการต่อสู้ซึ่งมักจะทำให้เขารำคาญอยู่เสมอเพราะร่างกายได้รับบาดเจ็บ กลายเป็นขั้วตรงข้าม
ความรู้สึกของการต่อสู้กับคนอื่นนี้ไม่ใช่เรื่องน่ารำคาญ
มันก็เป็นแค่การชกกันระหว่างผู้ชายสองคน!
พวกเขาต่างกำลังแสดงพลังของตัวเองออกมาในรูปแบบดั้งเดิม!
อเล็กซ์อยากรู้สึกถึงความรู้สึกนี้อีกครั้งหนึ่ง!
อเล็กซ์อยู่ในโรงยิมและมาบ่อยขึ้น เอ็มเอ็มเอได้เปลี่ยนสิ่งที่น่าเบื่อให้กลายเป็นงานอดิเรก ความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อกลายเป็นความเจ็บปวดที่คุ้นเคยซึ่งอเล็กซ์เริ่มเพลิดเพลินกับมัน อาจฟังดูเกินจริง คำพูดของโค้ชกีฬาทุกคนบนโลกนี้ก้องกังวานอยู่ในความคิดของอเล็กซ์
“ความเจ็บปวดเป็นเพียงแค่ความอ่อนแอที่ออกมาจากร่างกายของคุณเท่านั้น!”
หลายปีผ่านไป อเล็กซ์จดจ่ออยู่กับเอ็มเอ็มเออย่างสมบูรณ์ และผลการเรียนของเขาก็เริ่มตกลงมาอยู่ในระดับที่เป็นค่าเฉลี่ย อเล็กซ์ไม่ได้โง่ แต่เขาไม่เคยตั้งใจเรียนและไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย
วิชาจำพวกคศิตศาสตร์และฟิสิกส์ก็ยังใช้ได้อยู่ เพราะเขามักจะเดาคำตอบที่ถูกต้องได้อย่างมีเหตุมีผล ซึ่งเป็นสาเหตุให้คะแนนสองวิชานี้ไม่ได้แย่มากนัก แต่วิชาอย่างเช่นประวัติศาสตร์และภาษาต่างประเทศแย่กว่านั้นเนื่องจากเป็นวิชาที่เขาต้องตั้งใจเรียนจริง ๆ ถึงจะทำได้
อเล็กซ์โต้แย้งกับพ่อแม่ของเขาบ่อยมากเกี่ยวกับเรื่องผลการเรียน แต่อเล็กซ์ก็จะพูดอยู่เสมอว่าอนาคตของเขาคือเอ็มเอ็มเอ เขาจะเข้าสมาคมให้ได้และจะได้รับเงินจำนวนมาก!
อเล็กซ์เพิ่งจบมัธยมปลายมาไม่นานแต่ตัดสินใจที่จะยังไม่เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย
เอ็มเอ็มเอคืออนาคตของเขา!
อเล็กซ์ฝึกอย่างหนักเท่าที่เขาจะทำได้!
ชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไร ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความสำเร็จนี้!
ถ้าเขาไม่สามารถเข้าสมาคมได้ ก็ถือว่าทั้งหมดนั้นสูญเปล่า!
และวันหนึ่ง หลังจากเพิ่งอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ได้ไม่นาน เขาก็ได้รับคัดเลือก!
นี่คือวันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเขา!
ความฝันของเขากำลังจะเป็นจริง!
อเล็กซ์ชนะแมตช์แรกมาได้อย่างง่ายดายเนื่องจากคู่ต่อสู้ของเขาอ่อนแอ ซึ่งสถิติแพ้ชนะในแมตช์นั้นก็ได้พิสูจน์ให้เห็น
อเล็กซ์ชนะอีกครั้งในแมตช์ที่สอง แต่ชนะไปแบบฉิวเฉียด
ทว่าโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นที่แมตช์ที่สามของอเล็กซ์
การต่อสู้เป็นไปได้ด้วยดี มีทั้งรุกและรับสลับกันไป เขากับคู่ต่อสู้ของเขาสู้กันได้อย่างสูสี
และแล้ว อุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
อเล็กซ์และคู่ต่อสู้ของเขาสู้กันแบบเว้นระยะห่างเนื่องจากไม่มีใครสามารถหาช่องโหว่ที่เพื่อจัดการอีกฝ่ายลงกับพื้นได้ อเล็กซ์เห็นช่องโหว่ในการป้องกันของคู่ต่อสู้และเขาก็จระเข้ฟาดหาง
แกร่ก!
คู่ต่อสู้ของเขาแทบจะไม่ทันได้ตั้งตัวก่อนโดนลูกเตะ จึงทำให้เขาพยายามสกัดกั้นลูกเตะอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ข้อศอกของเขากระแทกกับข้อเท้าของอเล็กซ์
ข้อเท้าของอเล็กซ์หักทันที และทีมแพทย์ก็พุ่งไปสั่นระฆังทันที
วันต่อมา อเล็กซ์ได้รับข่าวร้ายว่ากระดูกของเขาทำให้เส้นประสาทและกล้ามเนื้อขาเสียหาย
แพทย์สามารถรักษาได้เพียงแค่ให้เขากลับมาเดินได้ปกติเท่านั้นแต่ต้องมีไม้เท้าช่วย และมันก็เท่านั้น แพทย์ไม่สามารถช่วยอะไรได้มากกว่านี้
เส้นทางอาชีพของอเล็กซ์จบลง
จากจุดสูงสุดของชีวิตลงมาสู่จุดต่ำสุด
อเล็กซ์ได้รับเงินจำนวนมากจากการต่อสู้สามครั้ง แต่กลับต้องเสียเปล่าให้กับความผิดพลาดนี้ไปตลอดทั้งปีหน้า
ชีวิตเขาจบเห่
ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ครอบครัวก็ได้ยื่นมือมาจับและดึงเขาให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง และในที่สุดอเล็กซ์ก็ตระหนักได้ว่าเขาควรเลิกทำตัวเหลวแหลกได้แล้ว หนึ่งปีก็มากเกินพอที่จะหมกมุ่นอยู่กับความน่าสมเพชของตัวเอง!
ดังนั้นอเล็กซ์จึงวางแผนที่จะเก็บเงินเพื่อเรียนต่อมหาวิทยาลัย
ตอนนี้อเล็กซ์อายุได้ยี่สิบสองปีแล้ว และที่เขาทำงานอยู่ในร้านชายของชำก็ด้วยเหตุนี้
แม้ว่าในอดีตของเขาจะเต็มไปด้วยความเพ้อฝัน และถึงแม้จะตกลงไปอยู่จุดต่ำสุดมาแล้ว แต่อเล็กซ์ยังหนุ่มและรู้ว่ายังสามารถทำอะไรเพื่อชีวิตได้อีกมาก เขาเพียงแค่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่ออนาคตอันใกล้นี้
จากนั้นเขาก็จะเข้ามหาวิทยาลัย และทุกอย่างก็จะดีขึ้น!
เวลาล่วงเลยไป หลังจากช่วยปิดร้าน อเล็กซ์ก็ออกมาจากร้านประมาณสี่ทุ่ม มืดมากแล้ว แต่ถนนก็ยังมีแสงสว่างเพียงพอ อเล็กซ์อาศัยและทำงานอยู่ในย่านที่ไม่มีอะไรน่าสนใจในเมืองใหญ่เมืองหนึ่ง
เมื่ออเล็กซ์ก้าวออกมาจากร้านขายของชำ เขาก็ถึงกับย่นจมูก ไม่ว่าเขาจะอาศัยอยู่ที่มานานแค่ไหนก็ไม่เคยชินกับกลิ่นเหม็นที่น่าขยะแขยงบนถนนอันสกปรกนี่เสียที
ย่านนี้ของเมืองเป็นเขตของครอบครัวที่มีรายได้น้อย และสภาพของถนนก็ได้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจน
ขยะ ก้นบุหรี่ หนังสือพิมพ์เก่า ๆ เฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ
นี่คือภาพปกติที่จะเห็นได้จากถนนสายนี้
อเล็กซ์พยายามไม่สนใจกลิ่นเหม็นเน่าและเดินกลับบ้าน บ้านของเขาอยู่ห่างออกไปไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะทางที่คนมักจะเถียงกันว่าควรขับรถหรือเดิน
อเล็กซ์เลือกเดินเพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย นอกจากนี้อเล็กซ์ค่อนข้างชอบการเดินเพราะเขาเคยออกกำลังกายหนักมาก่อน
หลักจากนั้นไม่นาน อเล็กซ์ก็หยุดเมื่อเห็นก้นบุหรี่คู่หนึ่งบนพื้นถนน
และที่เขี่ยบุหรี่ก็อยู่ใกล้ ๆ
‘โถ่เอ้ย ให้ตายสิ!’ เขาคิด ‘ที่ทิ้งอยู่แค่นี้เองเนี่ย!’
อเล็กซ์ใช้ไม้เท้าเขี่ยก้นบุหรี่ไปชิดกับอาคารที่อยู่ใกล้ ๆ เขาเกลียดคนที่ปฏิบัติแบบนี้ต่อท้องถนนเสมือนเป็นห้องน้ำในบ้านของพวกเขาเอง แต่ก็ไม่ได้เกลียดมากพอที่จะหยิบก้นบุหรี่ไปทิ้งให้
หลังจากนั้นอเล็กซ์ก็ได้ยินเสียงสุนัขร้องครวญคราง และเขาก็หยุดเดิน
นี่ไม่ใช่เสียงร้องปกติทั่วไปของสุนัข
สุนัขร้องเสียงดังมาก เสียงแหลม เจ็บปวด และสิ้นหวัง ชัดเจนว่ามันกำลังเผชิญกับความเจ็บปวดแสนสาหัส
อเล็กซ์หาที่มาของเสียงและพบสุนัขในตรอกมืด ๆ ระหว่างตึกสองหลัง
สุดขอบที่ไฟถนนจะส่องถึงทำให้เขาแทบจะมองไม่เห็นสุนัขตัวนั้นเลย
เลือด
กระดูก
อเล็กซ์มีสีหน้าที่ดูเป็นกังวลเมื่อเห็นสุนัข ขาหลังทั้งสองข้างผิดรูปจนน่ากลัว เขาเห็นเลือดไหลออกมาจากขาของมัน และเห็นกระดูกที่แทงทะลุผิวหนังออกมา
ไม่แปลกที่มันจะร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดเช่นนั้น
อเล็กซ์คิดว่าเขาควรจะช่วยหรือไม่ เขาไม่มีสัตว์เลี้ยง แต่ก็ไม่ได้รังเกียจสัตว์ มันแค่น่าชวนให้มองและเล่นด้วย แต่เขาไม่ต้องการรับผิดชอบโดยการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยง
มากไปกว่านั้น สัตว์เลี้ยงมีราคาแพง
แต่เมื่ออเล็กซ์เห็นขามันที่หักทั้งสองข้าง เขาก็นึกถึงอาการบาดเจ็บของตัวเอง มีอาการเจ็บปวดเล็กน้อยเกิดขึ้นที่ข้อเท้าเมื่อภาพในวันที่รีบร้อนไปโรงพยาบาลวันนั้นย้อนกลับมาในความคิดของอเล็กซ์อีกครั้ง
ในที่สุดอเล็กซ์ก็ถอนหายใจออกมา
‘ก็ได้ ฉันจะพาแกไปหาหมอนะ แต่ฉันจะไม่จ่ายค่ารักษาให้แกมากขนาดนั้นหรอกนะ’
อเล็กซ์ค่อย ๆ เดินเข้าไปในตรอกและเข้าไปใกล้สุนัข มันไม่ขยับเอาแต่ร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่องเมื่ออเล็กซ์เข้ามาใกล้
“อย่าขยับ!”
อเล็กซ์หยุดเมื่อความรู้สึกที่คุ้นเคยของอะดรีนาลีนพุ่งผ่านเส้นเลือดของเขาด้วยความรุนแรง
มีมีดจ่อที่คอของเขา!
อเล็กซ์ไม่กล้าขยับขณะที่ความตื่นตระหนกยับยั้งเขาไว้ แต่เขาก็สงบลงเมื่อรู้สึกถึงมือที่กำลังล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเขา
‘โจร’ อเล็กซ์คิด
อเล็กซ์ตื่นตระหนกอยู่เพียงแค่เสี้ยววินาที และสัญชาตญาณการต่อสู้ของเขาก็พุ่งขึ้นมา
แต่อเล็กซ์ยังไม่ได้ทำอะไร
เป็นการดีที่ควรจะวิเคราะห์คู่ต่อสู้ก่อน มิฉะนั้นอาจเกิดความผิดพลาดขึ้น
ขณะที่โจรกำลังค้นกระเป๋าอเล็กซ์ อเล็กซ์ก็เหลือบมองที่โจรเล็กน้อย เขาสวมฮู้ดดำและกางเกงวอร์มสีดำ เป็นการยากที่จะแยกแยะลักษณะใบหน้าของเขาในความมืดขณะมองจากมุมที่น่าอึดอัดใจ
อเล็กซ์เหลือบมองมือที่จับมีด
‘มันใช้แรงกำมีดเยอะมาก แขนถึงสั่นไม่หยุด และมีดก็ไม่ได้สัมผัสที่คอโดยตรง มันอาจจะเพิ่งมาเป็นโจร อีกอย่าง แขนมันแตะที่ไหล่ฉันไม่ใช่คอ’
อเล็กซ์มองดูลักษณะและอาหารของสุนัขตัวนั้นด้วย
‘พวกมันทำร้ายหมาเพื่อล่อให้ฉันเข้ามาในตรอก ฉลาดนี่ แต่โหดร้ายไปหน่อยนะ’
รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏบนใบหน้าของอเล็กซ์
‘แต่น่าเสียดาย แกเล่นผิดคนแล้วโว้ย!’
ปั้ก!
อเล็กซ์โขกศีรษะไปด้านหลังกระแทกเข้ากับศีรษะด้านล่างของโจร ขณะเดียวกัน อเล็กซ์ก็ผลักไหล่โจรขึ้นอย่างรุนแรงและผลักมีดออก
โจรสับสนมึนงง การเอาศีรษะโขกคนอื่นไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีเลย
อเล็กซ์รู้สึกเจ็บมาก แต่ในฐานะที่เคยเป็นนักสู้มาก่อน เขายังคงสามารถตัดสินใจอย่างมีเหตุผลภายใต้ความเจ็บปวดได้
อเล็กซ์ยกไม้เท้าขึ้นมาโดยไม่ลังเล
ปั้ก!
และฟาดไปที่ด้านข้างศีรษะโจรเต็มแรง
โจรหมดสติทันทีเมื่อโดนฟาดอย่างรุนแรง อเล็กซ์ไม่ได้สู้เลยมาร่วมปี แต่กล้ามเนื้อของเขายังทรงพลังกว่าที่คิด
โจรล้มลงขณะที่อเล็กซ์ยิ้มเยาะ
แกร่ก!
รอยยิ้มเยาะแข็งทื่อไปพลันเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวอย่างช้า ๆ
‘ไม่นะ! ฉันไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้!’
เนื่องโจรหมดสติและล้มลงกับพื้น ทำให้ศีรษะของเขากระแทกกับทางเท้าอย่างรุนแรง กองเลือดสีแดงเข้มไหลออกมาจากบริเวณที่กะโหลกแตกอย่างรวดเร็ว
โลกของอเล็กซ์หยุดหมุน เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ขะ... เขาเพิ่งฆ่าคนไปเหรอ? อเล็กซ์เริ่มหายใจไม่ออกด้วยความตื่นตระหนกขณะที่จิตใจของเขาพยายามทำความเข้าใจถึงความสำคัญของการกระทำที่เพิ่งทำลงไป
ปั้ก!
จากนั้น สติของอเล็กซ์ก็หายไป ร่างกายของเขาล้มลงข้างโจร รอยแตกขนาดใหญ่ปรากฏบริเวณหลังศีรษะของเขา
ข้างหลังอเล็กซ์มีชายอีกคนสวมชุดสีดำยืนอยู่ สีหน้าโกรธจัด ในมือของเขากำชะแลงที่ถูกชโลมไปด้วยเลือด
เขาคือเพื่อนของโจรคนนั้นที่ซ่อนอยู่ด้านหลังกองขยะในกรณีที่เกิดมีบางอย่างผิดพลาด เมื่อเขาเห็นศพของเพื่อน ความโกรธก็ครอบงำจิตใจเขา และใช้ชะแลงฟาดไปที่หลังศีรษะของอเล็กซ์ด้วยอย่างเต็มแรง
อเล็กซ์เสียชีวิตคาที่
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเสียชีวิตอย่างไร
“เชี่ย! เชี่ย! เชี่ย!” โจรคนที่สองตะโกนออกมาเพราะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี
มีสองศพอยู่ตรงหน้าเขา!
ขณะที่โจรกำลังตื่นตระหนก แสงเรืองสีฟ้าที่มองไม่เห็นสองดวงก็ลอยออกมาจากซากศพ
แสงเรืองสีฟ้าลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าและดูเหมือนจะออกจากดินแดนแห่งโลกไป
อเล็กซ์ไม่ได้รู้สึกว่าเขามีชีวิตหรือตายไปแล้ว เขากึ่งหลับกึ่งตื่น หรือที่บางคนสามารถเปรียบเทียบสภาพจิตใจของเขากับความฝันได้ จิตใจของเขาทำงานอย่างไม่ถูกต้อง แต่ก็ยังมีความคิดพื้นฐานบางอย่างปรากฏขึ้น
แสงเรืองสีฟ้าเดินทางเข้าสู่ความว่างเปล่า และหยุดลง
ที่นั่นมีแสงเรืองอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก และอันใหม่ ๆ ก็เข้ามาทุก ๆ วินาที
ผ่านไปไม่นาน แสงสีขาวสว่างไสวก็ปรากฏในความว่างเปล่า และแสงเรืองสีฟ้าทั้งก็ลอยตรงเข้าไปหามัน
จริง ๆ แล้วพวกมันกำลังถูกดูดเข้าไป นี่คือที่ที่พวกมันควรไป
สิ่งเหล่านี้คือวิญญาณของคนที่เสียชีวิตไปแล้ว และอเล็กซ์ก็เป็นเพียงหนึ่งในดวงวิญญาณที่ไม่มีความสำคัญอะไรในหมู่ดวงวิญญาณอีกจำนวนมาก
ทันใดนั้นความว่างเปล่าก็สั่นสะเทือน!
ราวกับความจริงถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ!
อย่างไรก็ตาม แสงเรืองยังคงเดินทางไปยังแสงสว่างนั่น พวกมันไม่ได้สังเกตเห็นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
ความจริงกำลังเหมือนแตกสลายราวกับกระจกเมื่อช่องว่างที่ดำมืดยิ่งกว่าปรากฏ
จากนั้น มือยักษ์ก็โผล่ออกมาจากช่องว่าที่ดำมืดนั่น
มันคือมือของชายหนุ่มที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว
มือนั่นพุ่งตรงมาที่ดวงวิญญาณของอเล็กซ์ด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ
มือนั่นใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้ประกบดวงวิญญาณของอเล็กซ์ และอเล็กซ์ก็รู้สึกว่าความกระจ่างชัดกลับมาในจิตใจเขาอีกครั้ง
‘เดี๋ยว เกิดอะไรขึ้น?’
แต่ก่อนที่อเล็กซ์จะทันได้มองไปรอบ ๆ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองถูกดึงไปด้วยระยะทางที่ไกลมาก ก่อนที่มือนั้นจะหายเข้าไปในรอยแยกแห่งความเป็นจริง อเล็กซ์ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นและเสียงนั้นก็พูดออกมาเพียงคำเดียว
“ได้ล่ะ!”