เล่มที่ 1: ถิ่นทุรกันดาร – บทที่ 10: มานา [อ่านฟรี]
อเล็กซ์เหลือบมองที่ขอบฟ้าและสังเกตว่าดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าไปจนเกือบจะสิ้นแสงในอีกไม่ช้า
‘พระอาทิตย์ตกดินแล้ว ไม่รู้เลยว่าจะเจอสัตว์อะไรบ้างที่ออกหากินตอนกลางคืน แต่ที่แน่ ๆ คือไม่ควรอยู่บนพื้นในตอนกลางคืน’
อเล็กซ์จับซากศพหมาป่าและยกขึ้น มันหนักมาก เขาแทบจะยกขึ้นมาเทียบหน้าอกไม่ไหว กินแรงอเล็กซ์ไปจนหมด
จากนั้นอเล็กซ์ก็มองกิ่งไม้ที่อยู่เหนือศีรษะ กิ่งที่ใกล้ที่สุดสามารถรองรับน้ำหนักหมาป่าได้ซึ่งอยู่สูงขึ้นไปหนึ่งเมตรพอดี
‘น่าจะพอยกซากหมาป่าขึ้นเหนือหัวได้ แต่โครตมั่นใจเลยว่าจะออกแรงโยนมันพาดกิ่งไม้ไม่ได้แน่ เรื่องกระโดดก็ลืมไปได้เลย เจ้านี่หนักสุด ๆ’
‘ต้องเปลี่ยนแผน’ อเล็กซ์คิดขณะวางซากศพลงกับพื้นอีกครั้ง
อเล็กซ์เดินไปรอบ ๆ พลางคิดหาทางแก้ไขปัญหา ป่าเริ่มมืดลงเมื่อเวลาล่วงเลยไป และอเล็กซ์ก็รู้สึกประหม่ามากขึ้น
ตอนนี้ไม่ได้ยินเสียงนกร้องแล้ว ทำให้ป่าทวีคูณความเงียบสงัดมากขึ้นไปอีก
แม้แต่เสียงหึ่ง ๆ ของแมลงก็เบาบางลงจนเงียบสงัด
ตอนนี้เสียงเดียวที่ดังอยู่ในป่าคือเสียงฝีเท้าของอเล็กซ์ จากนั้นอเล็กซ์ก็เงยหน้ามองกระเป๋าของเขาที่อยู่บนต้นไม้
‘ต้องลอง! จะเสียซากหมาป่าตัวนี้ไปไม่ได้!’
อเล็กซ์รีบปีนขึ้นไปบนต้นไม้และคว้าเอากระเป๋า เมื่อเปิดออก เขาก็เอาเสื้อผ้าทั้งหมดออกมาและมัดเข้าด้วยกัน โชคดีที่เขามีเสื้อผ้ามากพอที่จะสร้างเชือกยาว ๆ ได้
‘ถ้าพวกนักโทษสมัยก่อนใช้วิธีนี้แหกคุกได้ ฉันก็ใช้มันดึงศพขึ้นได้เหมือนกัน!’
อเล็กซ์ผูกเชือกไว้ที่หน้าอกหมาป่า
จากนั้นอเล็กซ์ก็ปีนขึ้นไปยังกิ่งไม้กิ่งแรกแล้วโรยตัวลงมาจากอีกฝั่งหนึ่งพร้อมกับจับเชือกไว้
ครืด!
เชือกตึง และอเล็กซ์ก็กลัวว่าเชือกจะขาด
ครืด!
ซากหมาป่าขยับเล็กน้อย
‘ฉันตัวหนักไม่พอ’
อเล็กซ์ปีนเชือกขึ้นไป รู้สึกดีที่ร่างกายนี้แข็งแรงพอที่จะทำเช่นนี้ได้
จากนั้นอเล็กซ์คล้องเชือกไว้ใต้แขนแล้ววางเท้าบนกิ่งไม้ จากนั้นเขาก็ถีบกิ่งไม้อย่างแรง
ครืด! ตึ้ง!
ซากหมาป่าลอยขึ้น แต่ปมเชือกจุดหนึ่งหลุด
หมาป่าร่วงกระแทกพื้นและอเล็กซ์ก็ร่วงลงเช่นกัน
โชคดีที่เขาเอาแขนป้องกันศีรษะไว้ได้ทัน จึงเกิดรอยฟกช้ำเพียงแค่สองสามจุดเท่านั้น
ซากศพหมาป่าที่ร่วงกระแทกพื้นทำให้เกิดเสียงดังก้องไปทั่วป่า ยิ่งทำให้อเล็กซ์รู้สึกประหม่ายิ่งขึ้น
ด้วยความเงียบสงัดของป่า ณ ตอนนี้ เสียงที่ดังขึ้นน่าจะเดินทางออกไปไกลกว่าหนึ่งร้อยเมตร!
อย่างไรก็ตาม อเล็กซ์ยังคงไม่ยอมแพ้ อาหารคือสิ่งจำเป็นสำหรับเขา!
อเล็กซ์แก้เชือกใหม่และลองอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่มีปมไหนจะคลายจากกันได้อีก อเล็กซ์มั่นใจ!
หลังจากที่ศพลอยสูงขึ้น อเล็กซ์ก็ปีนขึ้นไปบนกิ่งไม้และดึงส่วนที่เหลือขึ้น แขนเขาได้รับบาดเจ็บและมีแผลถลอก แต่ไม่ต้องออกแรงดึงมากแล้วเนื่องจากตอนนี้ศพลอยขึ้นไปสูง
เมื่อเขาคิดว่าจะต้องทำศพร่วง เขาก็คว้าเชือกไว้ด้วยแขนทั้งสองและดึงครั้งสุดท้ายให้สำเร็จ
กิ่งไม้ลั่นเมื่อต้องรับน้ำหนักทั้งซากศพหมาป่าและอเล็กซ์พร้อม ๆ กัน อเล็กซ์ตัดสินใจย้ายกิ่งอย่างรวดเร็ว ถ้ากิ่งนั้นหัก ที่พยายามมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า!
จากนั้นอเล็กซ์ก็นั่งลงบนกิ่งไม้อีกกิ่ง เขาหายใจหอบพลางขยับนิ้วที่เป็นตะคริว
ผิวหนังบางส่วนบนนิ้วเกือบจะหลุดออก ทำให้เลือดออกเล็กน้อย แต่อาการบาดเจ็บดังกล่าวจางหายไปไวมาก
‘หวังว่าจะคุ้มค่านะ’ อเล็กซ์คิด
เมื่ออเล็กซ์ผ่อนคลายลง ร่างกายเขาก็เริ่มสั่นสะท้าน
‘หนาวจัง’ เขาคิด ‘ยิ่งดึกจะยิ่งหนาวกว่านี้’
อเล็กซ์ฟรี่ตาลงขณะมองศพและเชือกผ้า
จากนั้นเขาก็ปีนไปยังอีกกิ่งไม้หนึ่ง ระวังไม่ให้หัก
หลักจากคว้าเชือกได้ อเล็กซ์ก็คลายปมและนำเสื้อผ้าบางส่วนไปวางไว้บนกิ่งไม้อีกกิ่งที่สูงขึ้นไปเพื่อทำที่นอนชั่วคราว
อเล็กซ์แบ่งเสื้อผ้าส่วนหนึ่งวางไว้ด้านข้าง ส่วนนี้เขาจะทำเป็นผ้าห่ม
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย อเล็กซ์ก็นั่งลงบนกิ่งไม้พลางคิด
‘ไม่มีปัญหาเรื่องเสบียงแล้ว ปัญหาความอบอุ่นก็ควรแก้ก่อนที่อากาศจะเย็นลงกว่านี้ ซึ่งเกิดขึ้นแน่นอน แล้วน้ำดื่มล่ะ?’
อเล็กซ์มองซากศพหมาป่าที่มีเลือดไหลหยดลงพื้น
ร่างกายอเล็กซ์สั่น ‘ฉันยังไม่หมดหวัง ไม่มีทางดื่มเลือดแน่ถ้าไม่กระหายจนจะใกล้ตาย’
จากนั้นอเล็กซ์ก็ถอนหายใจ
‘น่าจะพอแล้วสำหรับวันนี้’ เขาคิด ‘พรุ่งนี้ค่อยออกสำรวจ ตอนนี้ต้องพักก่อน’
อเล็กซ์คว้าเสื้อผ้าที่สกปรกที่กองอยู่และพันไว้รอบตัวขณะนอนลงบนกิ่งไม้ แน่นอนว่ามันไม่ได้สะดวกสบายเลย
‘ฉันต้องนอน’ เขาคิดพลางหลับตาลง
หลายนาทีผ่านไป เหตุการณ์ในวันนั้นก็ไหลเข้ามาในความคิดของเขา ในเวลาเพียงวันเดียว เขาตาย ได้พบพระเจ้า ได้มายังโลกใหม่ด้วยร่างกายใหม่ และฆ่าหมาป่า
เป็นครั้งแรกที่เขาจะไม่มีวันได้เห็นครอบครัวกลับมาบ้านอีกครั้ง
‘พ่อครับ แม่ครับ ได้ข่าวการตายของผมหรือยัง?’ อเล็กซ์คิดด้วยความเจ็บปวด ‘คิดว่าผมจะได้ขึ้นสวรรค์หรือเปล่า?’
เวลาผ่านไปในขณะที่ความคิดของอเล็กซ์ยังคงล่องลอยไป
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ไม่มีแสงตะวันมาถึงมาถึงจุดนี้
แต่บริเวณนั้นก็ไม่ได้มืดอย่างที่คิด
ทำไมกัน?
เพราะพระจันทร์ใกล้จะเต็มดวง วัฏจักรของมันยังไม่ครบรอบ แต่ก็จวนจะเต็มแล้ว
ดวงจันทร์ส่องสว่างในป่าที่มืดมืด ทำให้เกิดเงาลางสังหรณ์
เมื่อลมหนาวพัดมา เงาเหล่านี้เคลื่อนไปอย่างน่ากลัวพร้อมกับเสียงหวีดหวิวที่เย็นยะเยือกของลมที่พัดผ่าน
ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง
นอกจากเสียงใบไม้ที่ร่วงหล่นและเสียงลมหวีดหวิว ก็มีเสียงเลือดจากซากศพหมาป่าที่หยดลงพื้น
จู่ ๆ อีกเสียงหนึ่งก็เข้ามาแทรก
มันคือเสียงที่อเล็กซ์ลุกขึ้นนั่งบนกิ่งไม้พร้อมกับการขมวดคิ้ว
‘ทำไมไม่รู้สึกเหนื่อยเลย’ เขาคิด ‘หลายเหตุการณ์เกิดขึ้นำพร้อมกันจนจิตใจอยู่ไม่สุข ต้องหาอะไรทำเพื่อเบนความสนใจตัวเอง’
อเล็กซ์นั่งอยู่บนที่นอนขณะที่ร่างกายของเขาถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้า เขามองดูพื้น เงาหญ้าสีเทาสะท้อนแสงจากดวงจันทร์
อเล็กซ์เพียงนั่งอยู่เฉย ๆ
ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง
การสนทนากับพระเจ้าดังก้องอยู่ในใจของอเล็กซ์
จากนั้นเขาก็หรี่ตา
‘เขาบอกว่าการดูดซับมานาในอากาศสามารถทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้นและรักษาอาการบาดเจ็บได้ ตอนนี้ยังไม่สามารถฝึกฝนร่างกายได้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะลองทำสิ่งนี้ได้’
จากนั้นอเล็กซ์ก็หลับตาและนั่งนิ่ง
‘ต้องมีวิธีที่สัมผัสถึงมานาในอากาศสิ และต้องวิธีดูดซับมัน’
ขณะที่อเล็กซ์นั่งหลับตาอยู่บนกิ่งไม้ เขาก็เพ่งสมาธิกับลม
มีอะไรอยู่ในอากาศงั้นหรือ?
ถ้ามี อเล็กซ์ก็สามารถสัมผัสถึงมันผ่านสายลมได้
ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง
เสียงเลือดหยด ลมหวีดหวิว และใบไม้ที่ร่วงโรยคือเสียงที่เขาได้ยินในป่า นอกจากนั้นไม่มีอื่นอีก
เสียงจังหวะช้า ๆ ทำให้อเล็กซ์อยู่ในภวังค์ของบางสิ่งในขณะที่จิตใจล่องลอยไป
เขารู้สึกเหมือนกำลังสัมผัสถึงอะไรบางอย่างที่เป็นสิ่งที่มีอยู่เดิม
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เริ่มรู้สึกจักจี้ผิวเมื่อเส้นผมของเขาชี้ตั้งขึ้น
ใช่ มันมีบางอย่างในอากาศ!
มันยากที่จะอธิบาย แต่มีบางสิ่งที่แปลกใหม่ในอากาศ
ที่โลกไม่มีอะไรแบบนี้ พลังนี้มันเด่นชัดมาก
ขณะที่อเล็กซ์เชื่อมต่อกับพลัง เขาก็รู้สึกว่ามันค่อย ๆ ไหลเข้าสู่ร่างกายเขา
มันรู้สึก... อบอุ่น
มันเหมือนกับการที่อเล็กซ์ได้แช่อ่างอาบน้ำ เขาค่อย ๆ สัมผัสผิว มันยังคงเย็นอยู่
ชัดเจนว่าความอบอุ่นเกิดขึ้นในจิตวิญญาณของเขา ไม่ใช่ทางกายภาพ
จิตใจของอเล็กซ์ค่อย ๆ เลือนรางเมื่อเขาอยู่ในภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น
แต่มานาในอากาศก็ยังคงไหลเข้าสู่ร่างกายเขา
ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง
ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง
กึก!
อเล็กซ์ตื่นขึ้นพร้อมกับเสียงที่ไม่เคยได้ยินแทรกเข้ามากับเสียงของป่า
อเล็กซ์กวาดสายตามองหาที่มาของเสียงและสังเกตว่าเป๋าของเขาสั่นเล็กน้อย
เขาคว้ากระเป๋าและเปิดออกโดยให้เงียบที่สุดเพื่อดูว่ามันคือเสียงอะไร
หลังจากนั้น เขาก็พบที่มาของเสียง
มันคือลูกบาศก์สีดำ สิ่งของที่น่าจะเป็นอาวุธในอนาคตของเขา
ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง
อเล็กซ์มองดูลูกบาศก์ที่ขยับเล็กน้อยด้วยความสนใจ
‘ทำไมมันถึงสั่น?’
กึก! กึก!
อเล็กซ์ขมวดคิ้ว
เสียงสั่น ๆ ดังถี่ขึ้น
ติ๋ง ติ๋ง แปะ
อเล็กซ์ถลึงตา และเขาก็มองไปที่พื้น
ผืนป่าเริ่มมืดลงจนดูเหมือนจะกลายเป็นดินแดนแห่งความตาย
แสงจันทร์หายไปจากดวงตาของอเล็กซ์เมื่อเขาได้เห็นสิ่งที่ยืนอยู่ใต้ศพหมาป่า
มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดูคล้ายเสือดำ มีขาหน้าที่ยาวอย่างไม่น่าเชื่อและกรงเล็บยาว โครงร่างมันเหมือนกับบางสิ่งที่ถูกดึงรั้งไปข้างหน้าด้วยขาหน้าแทนที่จะผลักตัวมันไปที่ขาหลัง มันมีสีดำ และดวงตาสีขาว
เลือดที่หยดลงไปหยดล่าสุดไม่ได้ตกถึงพื้น แต่เป็นหัวของสิ่งมีชีวิตนั้น
ทั้งหมดนั่นก็น่าสะพรึงอยู่แล้ว แต่ยังมีอีกสามส่วนที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้น
ส่วนแรกคือขนาดของมัน สูงกว่าสองเมตรและลำตัวที่ยาวเกือบถึงสี่เมตร มันใหญ่กว่าเสือซะอีก!
ส่วนที่สองคือมันปรากฏตรงนั้นโดยไร้ซึ่งเสียง ถ้าเลือดหยดสุดท้ายไปหยดลงกระทบมัน อเล็กซ์ก็คงไม่ได้สังเกตสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาตัวนี้ที่อยู่ใต้ต้นไม้อย่างแน่นอน
มันเงียบเหมือนกับเวลายามวิกาล
และส่วนสุดท้ายคือการที่สิ่งมีชีวิตตัวนั้นกำลังเผชิญหน้ากับอเล็กซ์ มันกำลังจ้องมองเข้ามายังดวงตาทั้งคู่ของเขา