STY-ตอนที่ 43 กระบี่เดียว!
เย่เฉิน ที่แอบตามหลังของศิษย์พี่หญิงของเขาได้รีบมุ่งหน้าไป
ในขณะนี้เขาได้มองไปที่สนามรบ
สถานการณ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ไม่ได้เอื้ออำนวยมากนัก
แม่ของเขาเซียนหยกอมตะ ได้ถูกปิดล้อมโดยผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า 2 คน และ จ้าวฉีหยาง ซึ่งอยู่ในอาณาจักรมหายาน ก็เผชิญหน้ากับการปิดล้อมของผู้เชี่ยวชาญ 2 คนเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ยังมี เยี่ยเจิ้งชุน จาก ยอดเขาเฉินติง เขาที่ไม่ได้มีอำนาจมากนัก พอเผชิญหน้ากับการปิดล้อม 2 คนในอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า มันก็ทำให้เขายากที่จะจัดการได้
แน่นอนว่าคนที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุดก็คือประมุขนิกายอวี๋เซียว แม้ว่าเขาจะอยู่ในขั้นกลางของอาณาจักรมหายาน เขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อกรของ ฮั่นหยิง ที่อยู่ในขั้นปลายของอาณาจักรมหายาน แน่นอนว่าเขาได้ถูก ฮั่นหยิง ปราบปรามมาโดยตลอดจนถึงตอนนี้
ในขณะนี้ เย่เฉิน ได้จับตาดู หลัวเฟิง
ภายใต้ ดวงตาแห่งความจริง
ฐานการบ่มเพาะพลังของ หลัวเฟิง ที่อยู่ในขั้นปลายของอาณาจักรมหายาน ก็ได้ปรากฏขึ้นในสายตาของ เย่เฉิน นอกจากนี้ อายุของเขายังถูกเปิดเผยอีกด้วย
ปรากฏว่า หลัวเฟิง มีอายุมากกว่า 1,000 ปี
นี่ไม่ได้หมายความว่าเขามาจากยุคเดียวกันกับประมุขนิกายรุ่นที่ 3 ของ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ที่เขาเคยพบมาก่อนหรอกเหรอ?
แม้ว่าก่อนหน้านี้ เย่เฉิน จะไม่ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับ หลัวเฟิง มากนัก อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องให้ความสำคัญกับ หลัวเฟิง อย่างจริงจังในตอนนี้
หลังจากที่ศิษย์พี่หญิงทั้ง 7 ของเขาได้ฆ่า ศิษย์ของฝ่ายศัตรูไปหลายคน คนที่พวกนางต้องเผชิญหน้าที่เหลือก็คือ ผู้อาวุโสของแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด และ นิกายอินทรีหิมะ
ศิษย์พี่หญิงใหญ่และศิษย์พี่หญิงรอง ได้มาถึงอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่าแล้ว โดยพื้นฐานพวกนางสามารถเผชิญหน้ากับเหล่าผู้อาวุโสได้ตามปกติ
แต่ศิษย์พี่หญิงคนอื่น ๆ อยู่เพียงอาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณเท่านั้น หากพวกนางต้องเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสที่อยู่ในอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า เกรงว่ามันคงเป็นเรื่องยาก
ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เย่เฉิน จำเป็นจะต้องเคลื่อนไหวโดยธรรมชาติ
เขาไม่สามารถปล่อยให้ แม่ของเขาและศิษย์พี่หญิงของเขาตกอยู่ในอันตรายได้
นอกจากนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ก็ยังเป็นบ้านเกิดของเขา ดังนั้นเขาจะปล่อยให้แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ถูกทำลายลงได้อย่างไร?
ในขณะนี้ เย่เฉิน ได้ค้นพบบางอย่างทันที
มีคนซ่อนตัวอยู่ในความมืด และ จ้องมองไปที่แม่ของเขา
ในปัจจุบัน แม่ของเขากำลังต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่าอยู่ 2 คน
และในเวลานี้ คนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดก็ได้กระโจนเข้าไปหาแม่ของเขาในทันที!
“เถาลวี่!”
เย่เฉิน ได้ออกคำสั่ง
ทันใดนั้น ร่างในชุดยาวสีเขียวก็พุ่งออกมาด้วยความเร็วและปรากฏตัวต่อหน้าของคน ๆ นั้น
ปั้ง!
ฝ่ามือของ เถาลวี่ ได้กลายเป็นปราณกระบี่และแทงทะลุเข้าไปในหัวใจของบุคคลผู้นั้นโดยตรง
ในเวลานี้ ทุกคนต่างมองไปยังร่างของ หญิงสาวในชุดเขียว ที่พุ่งออกมาด้วยความประหลาดใจ หัวใจของพวกเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความตกใจอย่างไม่รู้จบ
คนที่กำลังทำการลอบสังหาร เป็นผู้เชี่ยวชาญในขั้นกลางของอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า ทว่า อีกฝ่าย กลับถูก หญิงสาวในชุดยาวสีเขียวฆ่าตายได้อย่างง่ายดาย?
ยิ่งไปกว่านั้น หญิงสาวในชุดเขียว ดูเหมือนจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า อย่างไรก็ตาม นางกลับไม่ได้เผยออร่าออกมาแม้แต่น้อย ราวกับว่านางไม่ใช่มนุษย์?
ออร่าพลังบนร่างกายของ เถาลวี่ ก็คือ เย่เฉิน แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของนางสามารถเพิ่มขึ้นได้จากความแข็งแกร่งของ เย่เฉิน
ก่อนหน้านี้ในขณะที่ เย่เฉิน อยู่ในขั้นปลายของอาณาจักรมหายาน เถาลวี่ ก็สามารถจับคู่กับผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่าได้แล้ว
และตอนนี้ เย่เฉิน ได้บุกทะลวงอาณาจักรเทวะ
แม้ว่า เย่เฉิน จะไม่สามารถรับประกันได้ว่า เถาลวี่ จะเอาชนะผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรมหายานได้หรือไม่ แต่ เย่เฉิน สามารถรับประกันได้ว่า เถาลวี่ แทบจะอยู่ยงคงกระพันในหมู่ผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า
เซียนหยกอมตะ ได้มองไปที่ หญิงสาวตัวเล็ก ในชุดยาวสีเขียวด้วยความประหลาดใจ นางมักจะรับผิดชอบงานของยอดเขาหยกอมตะและมีหลายสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้น นางจึงไม่รู้เกี่ยวกับฐานการบ่มเพาะพลังของ เย่เฉิน และ หุ่นเชิดตัวนี้
“ขอบคุณที่ช่วยข้านะสาวน้อย!”เซียนหยกอมตะ ได้กุมมือของนาง
เย่เฉิน รู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าแม่ของเขากำลังจับมือนาง
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาหาเหตุผล
หญิงสาวในชุดเขียว ไม่ได้มีอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ นางเพียงแค่ขยับตามคำสั่งของ เย่เฉิน เท่านั้น หลังจากที่ช่วยเหลือเซียนหยกอมตะได้แล้ว นางก็รีบพุ่งไปอีกทาง และ ยื่นฝ่ามือออกมา ซัดเข้าใส่ร่างของผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่าจนตายไปอีกคน
จากนั้น เย่เฉิน ก็จ้องมองไปทางด้านของประมุขนิกายอวี๋เซียว
ในขณะนี้ ฮั่นหยิง ได้ซัดฝ่ามือเข้าใส่ร่างของประมุขนิกายอวี๋เซียว!
ปั้ง
เสียงดังได้ปะทุขึ้น
ประมุขนิกายอวี๋เซียวได้ถูกส่งลอยไปและกระแทกเข้ากับผนังอย่างดุเดือด
ครื่นน—
รูขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นภายใต้การกระแทกของประมุขนิกายอวี๋เซียว
จากนั้นเขาก็กระอักโลหิตออกมาเป็นจำนวนมาก และ ชีวิตของเขาก็กำลังตกอยู่ในอันตราย
“ฮ่าฮ่าฮ่า…อวี๋เซียวน้อย ดูเหมือนว่าสภาพของเจ้าจะไม่สู้ดีเลยนะ!”ฮั่นหยิง ได้มองไปที่ ประมุขนิกายอวี๋เซียว และ กล่าวพูดออกมาอย่างเย็นชา
ประมุขนิกายอวี๋เซียว ได้พยายามพยุงร่างกายของเขาให้ลุกขึ้นโดยทั่วร่างของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลจำนวนมากในตอนนี้
“เอาล่ะ พอกันสักที ข้าเบื่อที่จะเล่นกับเจ้าแล้ว สิ่งนี้มันน่าเบื่อเกินไป ดังนั้นได้เวลาที่จะส่งเจ้าไปสวรรค์แล้ว!”
ขณะที่เขาพูด มือขนาดใหญ่ของ ฮั่นหยิง ก็เอื้อมเข้าไปหา ประมุขนิกายอวี๋เซียว
โดยเขาต้องการที่จะปิดฉากในตอนนี้
ดังนั้นการโจมตีในปัจจุบันจึงเต็มไปด้วยความรุนแรงเป็นอย่างมาก
ทว่าในเวลานี้ กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ ก็ได้พุ่งมาจากทางด้านหลังของ ประมุขนิกายอวี๋เซียว
ฮั่นหยิง ได้มองไปที่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ได้คิดอะไรมาก เขาคิดว่ามันเป็นเพียงกระบี่ธรรมดาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มันปรากฏตรงหน้า เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เห็นได้ชัดว่ากระบี่นี้มีความคมเป็นอย่างมาก
เพราะว่า เจตจำนงค์กระบี่นี้ราวกับว่ามันสามารถสังหารผู้อมตะและฆ่าเทพได้อย่างง่ายดาย
ทุกอย่างล้วนกลายเป็นซีดเผือกเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจตจำนงค์กระบี่อันนี้
การเคลื่อนไหวของพลังปราณจำนวนมากได้วนเวียนอยู่ในอากาศ แม้ว่า ฮั่นหยิง จะหลบในเวลานี้ มันก็จะติดตามเขาไป
จนกระทั่งเสียงกรีดร้องที่รุนแรงของกระบี่ได้ปรากฏขึ้น
พลังแห่งสายฟ้าสวรรค์ได้ฟาดผ่าลงมา
โดยเจตจำนงค์กระบี่นี้เต็มไปด้วยพลังแห่งสวรรค์และปฐพี
รูม่านตาของ ฮั่นหยิง ได้หดเกร็ง ในขณะที่เขาจ้องมองไปที่แสงกระบี่ที่กำลังแทงเขา เขาก็คิดถึงความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว—อาณาจักรเทวะ!
นี่คือพลังแห่งสวรรค์และปฐพี
กล่าวอีกนัยนึงก็คือมีผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรเทวะหลบซ่อนตัวอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์แห่งนี้!
“นี่…เป็นไปได้ยังไง?”
อีกอย่างจะต้องรู้ว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพบเห็นผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรเทวะในทวีปเทียนซวนของพวกเขา เพราะตราบใดที่มีคนไปถึงอาณาจักรมหายาน พวกเขาก็จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในแต่ละดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ดังนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่มีผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรเทวะปรากฏตัวขึ้นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์?
อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีวันได้คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้
เพราะความรู้สึกหวาดกลัวทำให้เขาไม่สามารถหลบหลีกกระบี่เล่มนี้ได้
อีกทั้งในหัวใจของเขามันเต็มไปด้วยความกลัวจนหยั่งรากลึก
เมื่อเขาได้สติเขาก็พบว่ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์ได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าแล้ว
ดังนั้น เขาจึงได้หมุนเวียนพลังปราณทั้งหมดในร่างกายเพื่อที่จะปิดกั้นการโจมตีนี้
อย่างไรก็ตาม พลังปราณของเขาจะสามารถเทียบกับพลังสวรรค์และปฐพีได้อย่างไร?
กระบี่ยาวได้แทงทะลุโล่พลังปราณของเขาโดยตรง และ มันได้เจาะทะลุระหว่างคิ้วของเขาและพุ่งผ่านไปโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
ในตอนนี้ ดวงตาของเขาได้เบิกกว้างอย่างไม่เชื่อ
จากนั้นพลังปราณของเขาก็สลายไปและล้มลงกับพื้น
ในเวลานี้ ฉากทั้งหมดได้หยุดลงอย่างกระทันหัน พวกเขาทั้งหมดได้เฝ้ามองจากระยะไกลด้วยความตกใจอย่างหาที่เปรียบมิได้
ราวกับว่าพวกเขาไม่กล้าที่จะเชื่อในสายตาของตัวเอง
ประมุขนิกายอินทรีหิมะ
ผู้เชี่ยวชาญขั้นปลายของอาณาจักรมหายาน
คนที่สามารถเอาชนะประมุขนิกายอวี๋เซียวของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้ กลับถูกกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เล่มนึงเจาะทะลุเข้าที่หน้าผากและตกตายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว?
1 กระบี่สังหาร
ใช่แล้ว มันคือการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวเท่านั้น!
ดังนั้นทั่วทั้งสถานที่จึงกลายเป็นเงียบสงบ
ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมา
จนกระทั่งผ่านไปเวลานาน
ในเวลานี้ มีเพียงประมุขนิกายอวี๋เซียว เท่านั้น ที่ส่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
ประมุขนิกายอวี๋เซียว ได้มองไปที่เหล่าศัตรูและกล่าวพูดเสียงดัง “พวกเจ้าทุกคนรู้แค่ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของข้ามีแค่ข้าที่อยู่ในขั้นกลางของอาณาจักรมหายานเพียงเท่านั้น แต่พวกเจ้าหารู้ไม่ว่าในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของข้ายังมีท่านปรมาจารย์ยุทธ์อยู่ด้วย!”
“ผู้น้อยอวี๋เซียว ขอบคุณท่านปรมาจารย์ยุทธ์ที่ช่วยเหลือ!”ประมุขนิกายอวี๋เซียว ได้กล่าวขอบคุณและคุกเข่าลงในทันที
ในวินาทีนี้ทั่วทั้งสนามรบได้กลายเป็นโกลาหล