ตอนที่แล้วSTY-ตอนที่ 42 เทพธิดาทั้ง 7 ปรากฏตัว!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSTY-ตอนที่ 44 สังหารผู้เชี่ยวชาญด้วยพลังที่เหนือชั้น!

STY-ตอนที่ 43 กระบี่เดียว!


เย่เฉิน ที่แอบตามหลังของศิษย์พี่หญิงของเขาได้รีบมุ่งหน้าไป

ในขณะนี้เขาได้มองไปที่สนามรบ

สถานการณ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ไม่ได้เอื้ออำนวยมากนัก

แม่ของเขาเซียนหยกอมตะ ได้ถูกปิดล้อมโดยผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า 2 คน และ จ้าวฉีหยาง ซึ่งอยู่ในอาณาจักรมหายาน ก็เผชิญหน้ากับการปิดล้อมของผู้เชี่ยวชาญ 2 คนเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ ยังมี เยี่ยเจิ้งชุน จาก ยอดเขาเฉินติง เขาที่ไม่ได้มีอำนาจมากนัก พอเผชิญหน้ากับการปิดล้อม 2 คนในอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า มันก็ทำให้เขายากที่จะจัดการได้

แน่นอนว่าคนที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุดก็คือประมุขนิกายอวี๋เซียว แม้ว่าเขาจะอยู่ในขั้นกลางของอาณาจักรมหายาน เขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อกรของ ฮั่นหยิง ที่อยู่ในขั้นปลายของอาณาจักรมหายาน แน่นอนว่าเขาได้ถูก ฮั่นหยิง ปราบปรามมาโดยตลอดจนถึงตอนนี้

ในขณะนี้ เย่เฉิน ได้จับตาดู หลัวเฟิง

ภายใต้ ดวงตาแห่งความจริง

ฐานการบ่มเพาะพลังของ หลัวเฟิง ที่อยู่ในขั้นปลายของอาณาจักรมหายาน ก็ได้ปรากฏขึ้นในสายตาของ เย่เฉิน นอกจากนี้ อายุของเขายังถูกเปิดเผยอีกด้วย

ปรากฏว่า หลัวเฟิง มีอายุมากกว่า 1,000 ปี

นี่ไม่ได้หมายความว่าเขามาจากยุคเดียวกันกับประมุขนิกายรุ่นที่ 3 ของ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ที่เขาเคยพบมาก่อนหรอกเหรอ?

แม้ว่าก่อนหน้านี้ เย่เฉิน จะไม่ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับ หลัวเฟิง มากนัก อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องให้ความสำคัญกับ หลัวเฟิง อย่างจริงจังในตอนนี้

หลังจากที่ศิษย์พี่หญิงทั้ง 7 ของเขาได้ฆ่า ศิษย์ของฝ่ายศัตรูไปหลายคน คนที่พวกนางต้องเผชิญหน้าที่เหลือก็คือ ผู้อาวุโสของแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด และ นิกายอินทรีหิมะ

ศิษย์พี่หญิงใหญ่และศิษย์พี่หญิงรอง ได้มาถึงอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่าแล้ว โดยพื้นฐานพวกนางสามารถเผชิญหน้ากับเหล่าผู้อาวุโสได้ตามปกติ

แต่ศิษย์พี่หญิงคนอื่น ๆ อยู่เพียงอาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณเท่านั้น หากพวกนางต้องเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสที่อยู่ในอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า เกรงว่ามันคงเป็นเรื่องยาก

ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เย่เฉิน จำเป็นจะต้องเคลื่อนไหวโดยธรรมชาติ

เขาไม่สามารถปล่อยให้ แม่ของเขาและศิษย์พี่หญิงของเขาตกอยู่ในอันตรายได้

นอกจากนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ก็ยังเป็นบ้านเกิดของเขา ดังนั้นเขาจะปล่อยให้แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ถูกทำลายลงได้อย่างไร?

ในขณะนี้ เย่เฉิน ได้ค้นพบบางอย่างทันที

มีคนซ่อนตัวอยู่ในความมืด และ จ้องมองไปที่แม่ของเขา

ในปัจจุบัน แม่ของเขากำลังต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่าอยู่ 2 คน

และในเวลานี้ คนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดก็ได้กระโจนเข้าไปหาแม่ของเขาในทันที!

“เถาลวี่!”

เย่เฉิน ได้ออกคำสั่ง

ทันใดนั้น ร่างในชุดยาวสีเขียวก็พุ่งออกมาด้วยความเร็วและปรากฏตัวต่อหน้าของคน ๆ นั้น

ปั้ง!

ฝ่ามือของ เถาลวี่ ได้กลายเป็นปราณกระบี่และแทงทะลุเข้าไปในหัวใจของบุคคลผู้นั้นโดยตรง

ในเวลานี้ ทุกคนต่างมองไปยังร่างของ หญิงสาวในชุดเขียว ที่พุ่งออกมาด้วยความประหลาดใจ หัวใจของพวกเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความตกใจอย่างไม่รู้จบ

คนที่กำลังทำการลอบสังหาร เป็นผู้เชี่ยวชาญในขั้นกลางของอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า ทว่า อีกฝ่าย กลับถูก หญิงสาวในชุดยาวสีเขียวฆ่าตายได้อย่างง่ายดาย?

ยิ่งไปกว่านั้น หญิงสาวในชุดเขียว ดูเหมือนจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า อย่างไรก็ตาม นางกลับไม่ได้เผยออร่าออกมาแม้แต่น้อย ราวกับว่านางไม่ใช่มนุษย์?

ออร่าพลังบนร่างกายของ เถาลวี่ ก็คือ เย่เฉิน แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของนางสามารถเพิ่มขึ้นได้จากความแข็งแกร่งของ เย่เฉิน

ก่อนหน้านี้ในขณะที่ เย่เฉิน อยู่ในขั้นปลายของอาณาจักรมหายาน เถาลวี่ ก็สามารถจับคู่กับผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่าได้แล้ว

และตอนนี้ เย่เฉิน ได้บุกทะลวงอาณาจักรเทวะ

แม้ว่า เย่เฉิน จะไม่สามารถรับประกันได้ว่า เถาลวี่ จะเอาชนะผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรมหายานได้หรือไม่ แต่ เย่เฉิน สามารถรับประกันได้ว่า เถาลวี่ แทบจะอยู่ยงคงกระพันในหมู่ผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า

เซียนหยกอมตะ ได้มองไปที่ หญิงสาวตัวเล็ก ในชุดยาวสีเขียวด้วยความประหลาดใจ นางมักจะรับผิดชอบงานของยอดเขาหยกอมตะและมีหลายสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้น นางจึงไม่รู้เกี่ยวกับฐานการบ่มเพาะพลังของ เย่เฉิน และ หุ่นเชิดตัวนี้

“ขอบคุณที่ช่วยข้านะสาวน้อย!”เซียนหยกอมตะ ได้กุมมือของนาง

เย่เฉิน รู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าแม่ของเขากำลังจับมือนาง

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาหาเหตุผล

หญิงสาวในชุดเขียว ไม่ได้มีอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ นางเพียงแค่ขยับตามคำสั่งของ เย่เฉิน เท่านั้น หลังจากที่ช่วยเหลือเซียนหยกอมตะได้แล้ว นางก็รีบพุ่งไปอีกทาง และ ยื่นฝ่ามือออกมา ซัดเข้าใส่ร่างของผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่าจนตายไปอีกคน

จากนั้น เย่เฉิน ก็จ้องมองไปทางด้านของประมุขนิกายอวี๋เซียว

ในขณะนี้ ฮั่นหยิง ได้ซัดฝ่ามือเข้าใส่ร่างของประมุขนิกายอวี๋เซียว!

ปั้ง

เสียงดังได้ปะทุขึ้น

ประมุขนิกายอวี๋เซียวได้ถูกส่งลอยไปและกระแทกเข้ากับผนังอย่างดุเดือด

ครื่นน—

รูขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นภายใต้การกระแทกของประมุขนิกายอวี๋เซียว

จากนั้นเขาก็กระอักโลหิตออกมาเป็นจำนวนมาก และ ชีวิตของเขาก็กำลังตกอยู่ในอันตราย

“ฮ่าฮ่าฮ่า…อวี๋เซียวน้อย ดูเหมือนว่าสภาพของเจ้าจะไม่สู้ดีเลยนะ!”ฮั่นหยิง ได้มองไปที่ ประมุขนิกายอวี๋เซียว และ กล่าวพูดออกมาอย่างเย็นชา

ประมุขนิกายอวี๋เซียว ได้พยายามพยุงร่างกายของเขาให้ลุกขึ้นโดยทั่วร่างของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลจำนวนมากในตอนนี้

“เอาล่ะ พอกันสักที ข้าเบื่อที่จะเล่นกับเจ้าแล้ว สิ่งนี้มันน่าเบื่อเกินไป ดังนั้นได้เวลาที่จะส่งเจ้าไปสวรรค์แล้ว!”

ขณะที่เขาพูด มือขนาดใหญ่ของ ฮั่นหยิง ก็เอื้อมเข้าไปหา ประมุขนิกายอวี๋เซียว

โดยเขาต้องการที่จะปิดฉากในตอนนี้

ดังนั้นการโจมตีในปัจจุบันจึงเต็มไปด้วยความรุนแรงเป็นอย่างมาก

ทว่าในเวลานี้ กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ ก็ได้พุ่งมาจากทางด้านหลังของ ประมุขนิกายอวี๋เซียว

ฮั่นหยิง ได้มองไปที่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ได้คิดอะไรมาก เขาคิดว่ามันเป็นเพียงกระบี่ธรรมดาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มันปรากฏตรงหน้า เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

เห็นได้ชัดว่ากระบี่นี้มีความคมเป็นอย่างมาก

เพราะว่า เจตจำนงค์กระบี่นี้ราวกับว่ามันสามารถสังหารผู้อมตะและฆ่าเทพได้อย่างง่ายดาย

ทุกอย่างล้วนกลายเป็นซีดเผือกเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจตจำนงค์กระบี่อันนี้

การเคลื่อนไหวของพลังปราณจำนวนมากได้วนเวียนอยู่ในอากาศ แม้ว่า ฮั่นหยิง จะหลบในเวลานี้ มันก็จะติดตามเขาไป

จนกระทั่งเสียงกรีดร้องที่รุนแรงของกระบี่ได้ปรากฏขึ้น

พลังแห่งสายฟ้าสวรรค์ได้ฟาดผ่าลงมา

โดยเจตจำนงค์กระบี่นี้เต็มไปด้วยพลังแห่งสวรรค์และปฐพี

รูม่านตาของ ฮั่นหยิง ได้หดเกร็ง ในขณะที่เขาจ้องมองไปที่แสงกระบี่ที่กำลังแทงเขา เขาก็คิดถึงความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว—อาณาจักรเทวะ!

นี่คือพลังแห่งสวรรค์และปฐพี

กล่าวอีกนัยนึงก็คือมีผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรเทวะหลบซ่อนตัวอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์แห่งนี้!

“นี่…เป็นไปได้ยังไง?”

อีกอย่างจะต้องรู้ว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพบเห็นผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรเทวะในทวีปเทียนซวนของพวกเขา เพราะตราบใดที่มีคนไปถึงอาณาจักรมหายาน พวกเขาก็จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในแต่ละดินแดนศักดิ์สิทธิ์

ดังนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่มีผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรเทวะปรากฏตัวขึ้นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์?

อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีวันได้คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้

เพราะความรู้สึกหวาดกลัวทำให้เขาไม่สามารถหลบหลีกกระบี่เล่มนี้ได้

อีกทั้งในหัวใจของเขามันเต็มไปด้วยความกลัวจนหยั่งรากลึก

เมื่อเขาได้สติเขาก็พบว่ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์ได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าแล้ว

ดังนั้น เขาจึงได้หมุนเวียนพลังปราณทั้งหมดในร่างกายเพื่อที่จะปิดกั้นการโจมตีนี้

อย่างไรก็ตาม พลังปราณของเขาจะสามารถเทียบกับพลังสวรรค์และปฐพีได้อย่างไร?

กระบี่ยาวได้แทงทะลุโล่พลังปราณของเขาโดยตรง และ มันได้เจาะทะลุระหว่างคิ้วของเขาและพุ่งผ่านไปโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย

ในตอนนี้ ดวงตาของเขาได้เบิกกว้างอย่างไม่เชื่อ

จากนั้นพลังปราณของเขาก็สลายไปและล้มลงกับพื้น

ในเวลานี้ ฉากทั้งหมดได้หยุดลงอย่างกระทันหัน พวกเขาทั้งหมดได้เฝ้ามองจากระยะไกลด้วยความตกใจอย่างหาที่เปรียบมิได้

ราวกับว่าพวกเขาไม่กล้าที่จะเชื่อในสายตาของตัวเอง

ประมุขนิกายอินทรีหิมะ

ผู้เชี่ยวชาญขั้นปลายของอาณาจักรมหายาน

คนที่สามารถเอาชนะประมุขนิกายอวี๋เซียวของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้ กลับถูกกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เล่มนึงเจาะทะลุเข้าที่หน้าผากและตกตายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว?

1 กระบี่สังหาร

ใช่แล้ว มันคือการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวเท่านั้น!

ดังนั้นทั่วทั้งสถานที่จึงกลายเป็นเงียบสงบ

ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมา

จนกระทั่งผ่านไปเวลานาน

ในเวลานี้ มีเพียงประมุขนิกายอวี๋เซียว เท่านั้น ที่ส่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น

“ฮ่าฮ่าฮ่า…”

ประมุขนิกายอวี๋เซียว ได้มองไปที่เหล่าศัตรูและกล่าวพูดเสียงดัง “พวกเจ้าทุกคนรู้แค่ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของข้ามีแค่ข้าที่อยู่ในขั้นกลางของอาณาจักรมหายานเพียงเท่านั้น แต่พวกเจ้าหารู้ไม่ว่าในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของข้ายังมีท่านปรมาจารย์ยุทธ์อยู่ด้วย!”

“ผู้น้อยอวี๋เซียว ขอบคุณท่านปรมาจารย์ยุทธ์ที่ช่วยเหลือ!”ประมุขนิกายอวี๋เซียว ได้กล่าวขอบคุณและคุกเข่าลงในทันที

ในวินาทีนี้ทั่วทั้งสนามรบได้กลายเป็นโกลาหล

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด