STY-ตอนที่ 41 หายนะของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์!
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
ศิษย์หลายคนกำลังต่อสู้กับศิษย์ของนิกายอินทรีหิมะ นี่คือการต่อสู้ระหว่างทั้งสองนิกาย ผู้ชนะจะกลายเป็นราชา ส่วน ผู้แพ้จะกลายเป็นโจร ดังนั้นทั้งสองจึงไม่มีทางเลือกนอกจากทุ่มสุดตัวในการต่อสู้ในครั้งนี้
ดังนั้นภายใน ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ จึงได้กลายเป็นทะเลโลหิตอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามเพราะ นิกายอินทรีหิมะ ได้ลอบโจมตีดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์อย่างกระทันหันทำให้ ยอดเขาอวี๋เซียว ไม่สามารถตอบโต้ได้ทัน อีกทั้งการตอบสนองของยอดเขาอื่นก็ล่าช้ามาก เหล่าศิษย์คนอื่น ๆ ต่างก็ยังมากันไม่ถึง
ดังนั้นในปัจจุบันสถานการณ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์จึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทำให้ศิษย์จำนวนมากล้วนถูกฆ่าตายไป
ขั้นบันไดหิน ดอกไม้ และ ต้นไม้ ล้วนเต็มไปด้วยคราบโลหิต
ยอดเขาอวี๋เซียวทั้งหมดได้กลายเป็นทะเลโลหิตไปแล้ว
ประมุขนิกายอวี๋เซียว ได้หมุนเวียนเทคนิคของเขาและต่อสู้กับประมุขนิกายอินทรีหิมะฮั่นหยิงอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งเขาได้โบกกระบี่ของเขา
เจตจำนงค์กระบี่ไร้สิ้นสุดได้พวยพุ่งออกมา
กระบี่นี้เหมือนกับมังกรที่พุ่งทะยานยามที่มันถูกปลดปล่อย
ทันใดนั้นภายในพื้นที่ก็เต็มไปด้วยเสียงฟ้าร้องดังกึกก้องโดยมันได้พุ่งโจมตีเข้าใส่ประมุขนิกายอินทรีหิมะฮั่นหยิงอย่างต่อเนื่อง
ฮั่นหยิง ที่เผชิญหน้ากับการโจมตี เขาได้เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเย็นชา ราวกับว่าเขาไม่ได้จริงจังกับการต่อสู้นี้ กลับกัน เขาได้พยายามหลบการโจมตีของ ประมุขนิกายอวี๋เซียว ราวกับว่ากำลังเล่นกับเขา
“ประมุขนิกายอวี๋เซียวของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์มีน้ำยาแค่นี้เองงั้นเหรอ?”ฮั่นหยิง ได้หัวเราะออกมา
จากนั้นเขาก็ง้างฝ่ามือขนาดใหญ่กระแทกเข้าไปที่หน้าอกของประมุขนิกายอวี๋เซียว
ปั้ง!
เสียงดังสนั่นได้ปรากฏขึ้น
ร่างของประมุขนิกายอวี๋เซียวได้ถูกส่งลอยไปชนเข้ากับเสาหินโดยตรง กระทั่งโลหิตยังพ่นออกมาจากมุมปากของเขา
“นี่เจ้า…ทะลวงผ่านขั้นพลังไปแล้วงั้นหรือไม่?”
ฮั่นหยิง ได้ยิ้มออกมาและกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าเดาถูกแล้ว ตอนนี้ข้าอยู่ในขั้นปลายของอาณาจักรมหายานแล้ว!”
ขั้นปลายของอาณาจักรมหายาน!
สิ่งนี้ทำให้ ประมุขนิกายอวี๋เซียว รู้สึกตกตะลึงในทันที
แม้ว่า ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ และ นิกายอินทรีหิมะ จะแสร้งทำเป็นพันธมิตรกัน แต่พวกเขา ก็เป็นศัตรูกัน
แน่นอนว่า ก่อนหน้านี้ ฮั่นหยิง อยู่ในขั้นกลางของอาณาจักรมหายานและความแข็งแกร่งก็ใกล้เคียงกับเขา ดังนั้น นิกายอินทรีหิมะ จึงไม่กล้าที่จะบุกโจมตีดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
แต่ตอนนี้ ฮั่นหยิง ได้บุกทะลวงไปยังขั้นปลายของอาณาจักรมหายานแล้ว เขาก็เลยมีความกล้าที่จะโจมตีดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
ในตอนนี้ ประมุขนิกายอวี๋เซียว รู้ตัวว่าเขาไม่ใช่คู่มือของ ฮั่นหยิง
อย่างไรก็ตาม ที่นี่คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ที่เป็นบ้านเกิดของเขา
ตราบใดที่เขารอให้ ปรมาจารย์ของยอดเขาและผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ทั้งหมดมาช่วย พวกเขาก็ยังพอมีพลังที่จะตอบโต้ได้
แต่ในเวลานี้ ฮั่นหยิง ได้เผยรอยยิ้มที่เย็นชาออกมา และ มองไปที่ ประมุขนิกายอวี๋เซียว “ข้าเดาว่าเจ้าคงจะรอให้เหล่าปรมาจารย์ของยอดเขาอื่นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์มาช่วยเหลืองั้นสินะ!”
ประมุขนิกายอวี๋เซียว รู้สึกตกตะลึง เขาได้เงบหน้าขึ้นและมองไปที่ฮั่นหยิงด้วยความกลัวในดวงตาของเขา
“ท่านประมุข ข้ามาช่วยท่านแล้ว!”
ในขณะนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้น
ร่างของผู้บ่มเพาะพลังวัยกลางคนที่สวมชุดยาวสีขาวได้ขี่กระบี่ของเขาลงมา
เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากปรมาจารย์ของยอดเขาเทียนฉี จ้าวฉีหยาง!
จ้าวฉีหยาง เป็นผู้ฝึกฝนกระบี่ แม้ว่าเขาจะอยู่ในขั้นต้นของอาณาจักรมหายาน แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่า ประมุขนิกายอวี๋เซียว เลย นั่นก็เพราะเขาเชี่ยวชาญในวิถีกระบี่
จ้าวฉีหยาง ที่บินเข้ามา เจตจำนงค์กระบี่ของเขาได้กลายเป็นพุ่งพล่าน
เขาได้แสดงเจตจำนงค์กระบี่ที่ทรงพลังเพื่อต้องการจะฆ่าฮั่นหยิง
เพียงแต่ฮั่นหยิงได้ยิ้มและตอบกลับอย่างเฉยเมย “เจ้ากับข้ามีช่องว่างห่างกันถึง 2 ขั้นพลัง แม้ว่าเจ้าจะเป็นกระบี่อมตะ เจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”
ขณะที่เขาพูด ร่างกายของเขาก็กลายเป็นหมอกดำและหายตัวไปต่อหน้าของ จ้าวฉีหยาง
และทันใดนั้น ร่างของเขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของ จ้าวฉีหยาง พร้อมกับซัดพลลังฝ่ามือขนาดใหญ่ตบลงไปบนหลังของอีกฝ่าย
จ้าวฉีหยาง ที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเขารู้สึกตกใจจนรีบหมุนเวียนพลังกระบี่ของเขาเพื่อป้องกันการโจมตีในครั้งนี้
ปั้ง!
เสียงดังได้ปะทุขึ้น
จ้าวฉีหยาง ที่เป็นฝ่ายตั้งรับเขาสามารถบล็อกมันได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ซึ่งพลังส่วนใหญ่ก็ได้กระแทกเข้าใส่ร่างกายของเขา
สิ่งนี้ทำให้ จ้าวฉีหยาง ถูกส่งลอยออกไปได้ร่วงหล่นลงไปบนพื้นโดยตรง โชคดีที่ ประมุขนิกายอวี๋เซียว ได้ปรากฏตัวขึ้น และ ช่วยเหลือ จ้าวฉีหยาง เอาไว้ได้ทัน
จ้าวฉีหยาง และ ประมุขนิกายอวี๋เซียว รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก ทั้งสองไม่ใช่คู่มือของ ฮั่นหยิง เลย
แต่โชคดีที่ตอนนี้
เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสของยอดเขาอื่น ๆ ก็ได้ตามมาสมทบแล้ว
พวกเขาได้ปรากฏตัวขึ้นทีละคนบนยอดเขาอวี๋เซียว แม้ว่า ทางดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ จะได้รับความเสียหายอย่างหนักแต่ที่นี่ก็คือถิ่นของพวกเขา ดังนั้น ถึงแม้ว่าศิษย์ของยอดเขาอวี๋เซียวจะตกตายไปจำนวนมาก แต่ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ก็ยังมีความได้เปรียบในแง่ของจำนวน
“นิกายอินทรีหิมะ พวกเจ้ากล้ามากที่บุกมาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์และสังหารศิษย์ของพวกเรา วันนี้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ จะไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปอย่างแน่นอน!” เสียงคำรามขนาดใหญ่ได้ดังออกมา
นี่เป็นเสียงคำรามของ ปรมาจารย์ยอดเขาเฉินติง เยี่ยเจิ้งชุน
หลังจากนั้น หญิงสาวอีกคนก็ปรากฏตัวขึ้นบนเสาหิน
นางไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก เย่ชิงหวู่ เซียนหยกอมตะ!
เหล่าผู้อาวุโสเองก็ปรากฏตัวขึ้นทีละคน โดยพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
สิ่งนี้เกี่ยวพันถึงชะตากรรมของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ทั้งหมด ดังนั้นนี่คือความรับผิดชอบของพวกเขาทุกคน
เมื่อเห็นว่า ผู้เชี่ยวชาญของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ปรากฏตัวขึ้นทีละคน ความมั่นใจของประมุขนิกายอวี๋เซียวก็ได้กลายเป็นเพิ่มมากขึ้น
ประมุขนิกายอวี๋เซียว ได้มองไปที่ ฮั่นหยิง และ กล่าวพูดออกมาอย่างเย็นชา “ฮั่นหยิง เจ้าคิดจะต่อสู้จนตัวตายกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์จริง ๆ งั้นหรือไม่? เกี่ยวกับเรื่องนี้ลองคิดให้รอบคอบ พลังการต่อสู้ของนิกายอินทรีหิมะ ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่า ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ของเรามากนัก หากพวกเราต่อสู้กันจนตัวตาย ต่างฝ่ายต่างก็คงประสบความสูญเสียอย่างแน่นอน และ เจ้าจะได้รับผลประโยชน์อะไรจากการกระทำเหล่านี้?”
ในขณะนี้ ฮั่นหยิง ได้เปิดปากและหัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า…ต่อสู้จนตัวตาย ประมุขนิกายอวี๋เซียว เจ้าไม่ได้ประเมินค่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของเจ้าสูงเกินไปหน่อยเหรอ?”
“มันก็จริงที่เจ้าพูดถูก พลังการต่อสู้ของนิกายอินทรีหิมะ และ พลังการต่อสู้ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ นั้นไม่ได้แตกต่างกันมากนัก และ มันเป็นเรื่องยากที่พวกเราจะกำจัดพวกเจ้าทั้งหมดได้สำเร็จ แต่ถ้าเราเพิ่ม แดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด เข้าไปด้วยล่ะผลลัพธ์มันจะเป็นยังไงกันนะ?”ฮั่นหยิง ได้กล่าวพูดต่อ
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ทุกคนก็กลายเป็นตกใจทันที
เป็นไปได้หรือไม่ว่า…
อย่าบอกนะว่านี่คือเหตุผลที่นิกายอินทรีหิมะ ลอบโจมตีในช่วงเวลาที่ แดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด มาแลกเปลี่ยนการประลองที่นี่?
แต่นี่มันก็ค่อนข้างชัดเจนมาก
ดูเหมือนว่า นิกายอินทรีหิมะ จะเป็นพันธมิตรกับ แดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด และ พวกเขาก็ได้ตกลงกันว่าจะทำลายดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ในคราวเดียว
ดังนั้น การประลองแลกเปลี่ยน จึงเป็นเพียงข้ออ้าง หรือ ฉากหน้าเพียงเท่านั้น
เป้าหมายของพวกเขาก็คือการบุกโจมตีดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์พร้อมกับนิกายอินทรีหิมะโดยการทำลายจากข้างนอกและข้างในพร้อมกัน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของประมุขนิกายอวี๋เซียว ก็ซีดลงอย่างรวดเร็ว
ในขณะนี้ หลัวเฟิง จาก แดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด ก็ได้นำผู้อาวุโสออกมาทีละคน
ผู้อาวุโสเหล่านี้ก็คือศิษย์ที่ปลอมตัวมาก่อนหน้านี้และพวกเขาไม่ได้สังเกตุเห็น
นอกจากนี้ พวกเขายังค้นพบว่า ไม่มีใครมองเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของ หลัวเฟิง ที่รู้จักกันในนามของประมุขน้อยแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด กล่าวอีกนัยนึงก็คือ ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขานั้นอยู่เหนือกว่าขั้นกลางของอาณาจักรมหายาน
ในเวลานี้ หลัวเฟิง ได้มองไป ประมุขนิกายอวี๋เซียว พร้อมกับแสดงรอยยิ้มที่เย็นชาออกมา “ประมุขนิกายอวี๋เซียว ขอบคุณสำหรับการต้อนรับของท่านในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานี้”
หลัวเฟิง ได้เผยรอยยิ้มออกมาขณะที่เดินไปหา ฮั่นหยิง
ในปัจจุบัน ประมุขนิกายอวี๋เซียว ได้มองไปที่ ศิษย์ที่ หลัวเฟิง พามา เวลานี้พวกเขาไม่ได้ซุกซ่อนความแข็งแกร่งอีกต่อไป และ ได้ปลดปล่อยพลังออกมาโดยตรง
พวกเขาไม่ใช่เหล่าศิษย์ เกือบทั้งหมดอยู่ในระดับผู้อาวุโส ซึ่งผู้ที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาก็ยังอยู่ในอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า
“เจ้า…พวกเจ้าวางแผนที่จะโค่นล้มดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเรางั้นหรือไม่?”
เมื่อเห็นผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากปรากฏตัวขึ้น หัวใจของประมุขนิกายอวี๋เซียว ก็ได้กลายเป็นเจ็บปวด หรือว่านี่คือ…?ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเขากำลังจะถูกทำลายลงในวันนี้?