อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 91 เป็นหุ้นส่วน
ตอนที่ 91 เป็นหุ้นส่วน
งานวันเกิดของเจ้าพ่อมาเฟียจบลงแล้ว
แขกทุกคนได้ออกไป
ฮาร์ดี้กับไมค์จึงต้องจากกัน แต่พวกเขาก็แลกข้อมูลการติดต่อไว้ก่อนจะจากไป
หลังอาหารเย็น
ครอบครัวของเจ้าพ่อมาเฟียกำลังนั่งคุยกัน
คนอื่นๆ พูดคุยกันอย่างกระตือรือร้นในหัวข้อต่างๆ แต่เจ้าพ่อมาเฟียสังเกตเห็นไมค์กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่โดยที่ก้มหน้าลง
เขาเลยถามเบาๆ ว่า “ไมค์ คิดอะไรอยู่หือ?”
ในความเป็นจริงเขาให้ความสำคัญกับลูกชายคนนี้มากที่สุด
เพราะเขารู้สึกได้ว่าไมค์นั้นเหมือนกับตัวเขาเอง
เพียงแต่ว่าลูกชายคนเล็กคนนี้ ไม่อยากทำธุรกิจของครอบครัวและเขาก็ช่วยอะไรไมค์ไม่ได้
“พ่อครับ ผมได้เจอคนคนหนึ่งที่งานปาร์ตี้เขาชื่อ ทอม ฮาร์ดี้ผมไม่รู้ว่าพ่อรู้จักบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้หรือเปล่า? มันเป็นบริษัทของเขา”
เจ้าพ่อมาเฟียจำได้ทันทีเพราะซีเกลเป็นคนพาชายหนุ่มคนนั้นมา
“ฉันรู้จักเขา ซีเกลพาเขามาและชายหนุ่มคนนี้ยังให้ของขวัญกับฉันด้วย แล้วยังได้ยินที่ซีเกลบอกว่าเขาบริหารบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ได้ดีแค่ไหนอีกด้วย”
“เขาเป็นเด็กที่ฉลาดมาก”
ไมค์พูดว่า “พวกเราเจอกันที่งานปาร์ตี้และคุยกันเกี่ยวกับประสบการณ์ของตัวเอง เขาเคยเป็นทหารมาก่อน และกลับมาลอสแอนเจลิสหลังจากได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเขาคุยเรื่องต่างๆ กับผมเยอะมาก และผมก็เห็นด้วยกับเขา”
เจ้าพ่อมาเฟียรู้สึกแปลกใจ
ลูกชายคนเล็กของเขานั้นเป็นคนช่างคิดและไม่ค่อยเห็นด้วยกับมุมมองของคนอื่นๆ
แต่คราวนี้เขากลับคิดมากกับเด็กหนุ่มที่ชื่อ ทอม ฮาร์ดี้
และฉันก็ไม่รู้ว่าทั้งสองคุยอะไรกัน
เจ้าพ่อมาเฟียคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไมค์ ไปห้องหนังสือกันเถอะ และบอกฉันหน่อยว่าฮาร์ดี้พูดอะไรกับคุณ”
“ครับพ่อ”
ทั้งสองมาที่ห้องหนังสือ
เจ้าพ่อมาเฟียเปิดกล่องซิการ์ หยิบกรรไกรขึ้นมาแล้วค่อยๆ เล็มมัน
ไมค์ก็พูดเกี่ยวกับสิ่งที่ฮาร์ดี้บอกเขา
“ฮาร์ดี้บอกผมว่าแม้ธุรกิจของแก๊งจะทำกำไรได้มาก แต่เขาก็คิดว่าธุรกิจของแก๊งนั้นมีกำแพงขวางอยู่ และการจะเติบโตขึ้นได้นั้นก็ยากมากๆ”
“ตัวอย่างเช่นธุรกิจสีเทา การพนัน การลักลอบนำเข้า ยังพอทำได้อยู่ในตอนนี้ แต่เขาจะคัดค้านอย่างเต็มที่กับธุรกิจยาเสพติด เขาบอกว่ารัฐบาลจะไม่ทนกับสิ่งนี้และจะปราบปรามอย่างเต็มกำลัง ทำให้มันหาเงินกับสิ่งนี้ไม่ได้อีก”
“และบางที่แก๊งอาจจะยังคงอยู่ไปถึง 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า แต่เมื่อสังคมค่อยๆ มีเสถียรภาพรัฐบาลก็จะเข้ามาปราบปรามแก๊งอันธพาลเหล่านี้อย่างสุดกำลัง แล้ววันดีๆ ของแก๊งก็จะไม่มีอีกต่อไป”
“เขายังพูดอีกว่าแก๊งนั้นไม่สามารถเข้าสู่สังคมชนชั้นสูงได้ มีผู้คนมากมายที่ไม่ชอบแก๊งอันธพาล และรัฐบาลก็จับตามองอยู่ พวกเรายังใช้แก๊งเพื่อปกป้องตัวเองต่อไปได้ แต่ไม่มีการเติบโตขึ้นอีกแล้วมันจะค่อยๆ พินาศลงอย่างช้าๆ”
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของไมค์ เจ้าพ่อมาเฟียก็หยุดเล็มซิการ์ในมืออย่างไม่รู้ตัว
พร้อมกับที่ดวงตาของเขาก็สว่างวาบขึ้น
ในฐานะหัวหน้าของแก๊งอันธพาลมาหลายปี เจ้าพ่อมาเฟียที่ทำธุรกิจมาหลายอย่าง
เขารู้ดีว่าคำพูดของฮาร์ดี้นั้นเป็นจริงแค่ไหน
แก๊งก็คือแก๊ง
ไม่มีทางที่จะได้เข้าสู่โลกความจริง
แม้ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์อันดีกับวุฒิสภา นายกเทศมนตรี
ทว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ เขารู้ดีว่าคนเหล่านี้จะละทิ้งเขาอย่างไร้ความปรานี
นายทุนใหญ่เหล่านั้นมีพลังอำนาจมากกว่าเขาในประเทศนี้ ถึงแม้เขาจะเป็นหัวหน้าของแก๊งอันธพาลก็ตาม
เกิดความเงียบขึ้นในห้องอยู่นาน
เจ้าพ่อมาเฟียจุดซิการ์
“มันไม่ง่ายเลยที่จะพาธุรกิจไปอยู่จุดสูงสุดได้ เขาเคยบอกเกี่ยวกับอุตสาหกรรมในอนาคตบ้างไหม?” เจ้าพ่อมาเฟียถาม
ไมค์พยักหน้า
“เขาบอกว่าหลังสงครามจบลง ผู้คนจะเหนื่อยมากและต้องการมีชีวิตที่มีความสุขและมีความมั่นคง เขาพูดว่าในอนาคต ผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการชีวิตของผู้คนจะกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้”
“ยกตัวอย่าง เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าหนัง นาฬิกา สินค้าฟุ่มเฟือย เครื่องสำอาง การสื่อสาร การบิน รถยนต์ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ การค้าปลีก ประกันภัย ความบันเทิง ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และอสังหาริมทรัพย์”
“เขายังพูดบางอย่างที่น่าสนใจอีก ‘ผู้หญิงทุกคนนั้นกลัวที่จะน่าเกลียด ผู้ชายมีความต้อง คนแก่อยากอายุยืน และคนรวยต้องการคนรับใช้’”
เจ้าพ่อมาเฟียคำพูดสุดท้ายของลูกชายคนเล็กด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา “ฮ่าๆ ประโยคนี้ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว แต่มันก็สมเหตุสมผลนะ”
ไมค์มองไปที่เจ้าพ่อมาเฟีย
“พ่อครับ หลังจากได้ฟังคำพูดของฮาร์ดี้ ผมก็มีความคิดมากมายในใจ ผมอยากไปเริ่มต้นทำธุรกิจของตัวเอง ทำให้มันเติบโต แล้วพาตัวเองเข้าสู่เส้นทางการเมือง ผมคิดว่าถนนสายนี้จะดีต่อครอบครัวเรามากกว่า”
ไมค์พูดจบและมองไปที่เจ้าพ่อมาเฟีย
พ่อและลูกชายเคยทะเลาะกันเรื่องอนาคตของไมค์ เพราะทั้งสองก็มีความคิดเป็นของตัวเอง
แต่คราวนี้ไมค์หวังว่าพ่อของเขาจะเห็นด้วย
เจ้าพ่อมาเฟียกำลังงุนงงกับซิการ์ในปากของเขา เขาจ้องมองไปที่ควันสีเขียวที่กำลังม้วนตัวอยู่ด้วยความงุนงง
เหมือนกับว่าเขากำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง
ไมค์ไม่ได้รบกวนอะไรและรออยู่ข้างๆ เขา
มันเป็นเวลานาน
สุดท้ายเจ้าพ่อมาเฟียก็กล่าวว่า “ไมค์ ในเมื่อลูกมีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว ก็ทำในสิ่งต้องการได้เลย หากมีสิ่งที่ต้องการให้ครอบครัวช่วยสนับสนุน ครอบครัวนี้ก็จะออกไปช่วยลูกอย่างเต็มที่!”
ไมค์รู้สึกตื้นตันใจ
เขาไม่ได้คาดหวังให้พ่อของเขาเห็นด้วยอย่างเต็มใจ
เขาคิดว่าพ่อจะปฏิเสธเขาอย่างโดยตรงแบบเมื่อก่อน
“นี่พ่อกำลังพูดจริงใช่ไหม?” ไมค์ถามด้วยความไม่อยากเชื่อ
“ฮ่าๆ มันคือเรื่องจริง ในความเป็นจริงฉันรู้คิดจำกัดของการพัฒนาแก๊งมาตั้งนานแล้ว ฮาร์ดี้เขาพูดถูก ครอบครัวคอร์เลโอเนได้เติบโตขึ้นจนเต็มเพดานแล้ว และยากที่จะเติบโตขึ้นอีก”
“ฉันเคยปฏิเสธข้อเสนอของครอบครัวอื่นๆ หลายครั้ง ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการค้ายาเสพติด เพียงเพื่อจะมีที่ว่างสำหรับการชำระบาป เพราะถ้าได้สัมผัสกับธุรกิจยาจริงๆ ตระกูลคอร์เลโอเนจะไม่มีวันหลุดจากโลกใต้ดินโดยเด็ดขาด และไม่ใช่แค่พวกเราแต่รวมถึงโก้บุตรแห่งลียงอีกด้วย”
เจ้าพ่อมาเฟียมองไปที่ลูกชายคนเล็กหลังจากพูดจบ
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เขารู้เพียงแค่ว่าพ่อของเขานั้นปฏิเสธธุรกิจค้ายามาตลอด แต่ปรากฏว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขา
…
พ่อลูกเคยทะเลาะกันมาก่อน
และความสัมพันธ์ก็เริ่มเย็นชาลง
แต่ในเวลานี้ไมค์ก็ได้รู้ว่าพ่อนั้นรักเขาแค่ไหน
มันเป็นความรักที่ลึกซึ้งอย่างมาก
ไมค์ยืนขึ้นและเดินไปกอดพ่อของเขาแน่น
“สุขสันต์วันเกิดครับ พ่อ”
เจ้าพ่อมาเฟียตบหลังลูกชายด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข
“เด็กหนุ่มฮาร์ดี้เขาเป็นคนที่เก่งกาจ และเป็นคนฉลาดในการทำสิ่งต่างๆ ลูกสามารถติดต่อกับเขาได้เลย” เจ้าพ่อมาเฟียกล่าว
“ขอบคุณครับคุณพ่อ”
......
ฮาร์ดี้กำลังอาบน้ำอยู่และก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นในห้อง เขาสวมรองเท้าแตะและเดินมาหยิบโทรศัพท์
“สวัสดีผมทอมฮาร์ดี้ นั่นใคร?”
“ฮาร์ดี้ ฉันเองไมค์”
“สวัสดีไมค์ นายโทรมามีอะไรหรือเปล่า?”
“นายจะกลับลอสแอนเจลิสเมื่อไหร่เหรอ?”
“ถ้าไม่มีอะไรน่าสนใจ พรุ่งนี้ฉันก็คงกลับ”
“มันจะดีกว่าถ้านายอยู่ในนิวยอร์กสักสองสามวัน นายบอกเพิ่งมานิวยอร์กเป็นครั้งแรกใช่ไหม? ฉันจะพานายไปเดินรอบๆ เอง”
“และก็ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายด้วย”
“ตกลง” ฮาร์ดี้ตอบรับอย่างเรียบง่าย
เขาไม่รู้ว่าในอนาคตไมค์จะกลายเป็นเจ้าพ่อมาเฟียรุ่นที่สองหรือเปล่า แต่มันก็ไม่มีอันตรายอะไรที่จะได้เป็นเพื่อนกับเขา เพราะไมค์ก็คู่ควรต่อการเป็นเพื่อนคุยด้วยกัน และพวกเราทั้งสองก็มีหัวข้อที่สามารถพูดคุยกันได้เยอะมาก
“เยี่ยม! เดียวพรุ่งนี้เช้าฉันจะไปรับคุณที่โรงแรม”
“ตกลง”
หลังจากวางสายฮาร์ดี้ก็โทรหาซีเกลอีกครั้ง
บอกเขาว่าเขาต้องการอยู่ในนิวยอร์กอีกสองวัน
ซีเกลยิ้ม “ไม่เป็นไร เราไม่ได้อยู่บนเครื่องบินลำเดียวกัน ทำในสิ่งที่ต้องการเถอะ ฉันจะต้องกลับไปในวันพรุ่งนี้เพราะการก่อสร้างคาสิโนจะต้องเร่งสปีดขึ้น และบรรดาลูกหนี้ของฉันก็เริ่มกระวนกระวายแล้ว”
...
วันต่อมา
ไมค์มารับฮาร์ดี้ตรงเวลา
ทั้งสองขับรถไปสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง
ในที่สุดก็มาถึงถนนบรอดเวย์ พวกเขาเจอบาร์ข้างถนนสำหรับการนั่งคุยกันได้
สั่งเบียร์มาสองสามขวดเพื่อคุยกัน
“ฮาร์ดี้ ฉันไปคิดเกี่ยวกับเรื่องที่เราคุยกันเมื่อวานนี้ ฉันอยากจะทำธุรกิจของตัวเอง นายคิดว่าจะเริ่มต้นที่ไหนดี?” ไมค์มองไปที่ฮาร์ดี้แล้วถาม
“มันจะเริ่มต้นที่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับนายมีเงินมากแค่ไหน” ฮาร์ดี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง
“แล้วถ้าฉันมีเงินอยู่ 100,000 ดอลลาร์ล่ะ?” ไมค์ถาม
“ถ้าอย่างนั้นก็บริษัทน้ำแร่” ฮาร์ดี้ตอบอย่างตรงไปตรงมา
“บริษัทน้ำแร่”
ไมค์คาดไม่ถึงว่าฮาร์ดี้จะแนะนำบริษัทน้ำแร่ให้เขา
ฮาร์ดี้ยิ้ม “อย่าประเมินค่ามันต่ำเกินไปสิ ผลกำไรที่จากการขายน้ำแร่นะดีมากๆ เลยล่ะ แค่หาสถานที่ที่มีน้ำคุณภาพดีและมีปริมาณมากๆ และสร้างโรงงานขึ้นมา ฉันคิดว่าแค่ 100,000 ดอลลาร์ก็เพียงพอแล้ว”
“แต่ราคาน้ำแร่มันต่ำมากเลยไม่ใช่เหรอ? นายจะขายมันยังไง? หรือนายจะไม่ได้เน้นไปที่คุณภาพของน้ำแต่เป็นที่โปรโมชั่นบนขวด?”
ฮาร์ดี้หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาแล้วพูดกับไมค์ว่า “นี่คือขวดที่ละลายขึ้นจากหิมะบนภูเขาน้ำแข็งในเทือกเขาร็อกกี หลังจากการตกตะกอนมาเป็นเวลานานนับไม่ถ้วน มันคือของขวัญจากธรรมชาติ อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ ที่ร่างกายของมนุษย์ต้องการ การดื่มทุกวันจะช่วยสมรรถภาพทางร่างกายและลดการเกิดโรคได้”
//WTF
“น้ำขวดนี้ยังสามารถเอาไปทำเป็นน้ำอัดลมได้เช่นกัน และมันก็สามารถเอาน้ำคุณภาพดีนี้ไปผสมกับเครื่องดื่มที่จะดื่มตอนไหนก็ได้อีก”
“ถ้าขายมันในราคา 10 เซ็นต์ล่ะ? จะแพงไปหรือเปล่า? ฉันไม่คิดว่ามันแพงเลยสักนิด และถ้าขายได้สัก 100,000 ขวดในสหรัฐอเมริกาทุกๆ วันมันจะเป็นราคาเท่าไหร่? และต่อปีล่ะ? นายเห็นไหมว่ามันคือเครื่องผลิตเงินชัดๆ”
ไมค์อึ้งไปเล็กน้อย
เขาคิดไม่ถึงว่าแค่น้ำขวดนี้ ฮาร์ดี้จะสามารถขายมันได้จริงๆ
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะคิดวิธีการโฆษณาชวนเชื่อยอดนิยมจากการปล้นธนาคารลอสแอนเจลิสได้
“แล้วถ้านายมีเงิน 1 ล้านดอลลาร์ล่ะ?” ไมค์ถามต่อ
“ถ้านายมีเงิน 1 ล้านดอลลาร์ ฉันแนะนำให้ไปลงทุนเกี่ยวกับโรงงานผลิตโทรทัศน์ แล้วจ้างกลุ่มช่างมาพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง จนมันกลายเป็นโทรทัศน์ที่ดีที่สุดไปเลย”
“นายคิดว่าโทรทัศน์จะกลายเป็นสิ่งจำเป็นเหรอ?” ไมค์ถาม
“ใช่! สิ่งบันเทิงตอนนี้ฉันคิดว่ามันมีน้อยก่อนไป เมื่อเวลาผ่านไป หลายๆ คนก็อาจจะยังไปดูภาพยนตร์ที่โรงหนัง แต่ในอนาคตคนจะชอบอยู่บ้านและดูโทรทัศน์กันเยอะขึ้นเรื่อยๆ และวงการภาพยนตร์จะค่อยๆ ลดลงและไม่รุ่งโรจน์อีกต่อไป”
“ตอนนี้อาจมีโทรทัศน์แค่หลายแสนเครื่องในสหรัฐอเมริกา แต่นายลองคิดดูสิ ในสหรัฐอเมริกามีอยู่ 30 ล้านครัวเรือน จึงทำให้มันเป็นตลาดที่กว้างอย่างมาก”
“แต่รัฐบาลยังไม่ยกเลิกการห้ามผลิตโทรทัศน์ไม่ใช่เหรอ?” ไมค์กล่าว
ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากการขาดแคลนวัสดุต่างๆ ทำให้รัฐบาลสั่งห้ามอุตสาหกรรมบางอย่างไว้ก่อน
เพราะสิ่งที่ต้องการมากที่สุดตอนนั้นคือไนลอนสำหรับผลิตร่มชูชีพ
การสั่งห้ามครั้งนี้ทำให้ผู้หญิงไม่มีถุงน่องใส่เลยทีเดียว และบริษัทต่างๆ ก็ถูกปิดตัวลง
รวมถึงอุตสาหกรรมโทรทัศน์ด้วย
…
ตอนนี้รัฐบาลยังไม่ยกเลิกก็จริง
แต่ฮาร์ดี้ก็คิดว่าคงอีกไม่นานแล้ว เมื่อสงครามจบลงความสนใจของรัฐบาลจะเปลี่ยนไปพัฒนาความเป็นอยู่ของผู้คนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และตอนนี้ มันเป็นเวลาที่ดีสำหรับโรงงานโทรทัศน์
ทำไม?
เพราะมันถูก
หลังสงคราม เจ้าของโรงงานก็ไม่อยากให้บริษัทของตัวเองล้มละลายลงไป ทำให้ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับโรงงานผลิตโทรทัศน์
แม้ว่าไมค์จะไม่ทำธุรกิจพวกนี้ ฮาร์ดี้ก็จะเป็นคนทำด้วยตัวเองอยู่ดี
ไมค์มองไปที่ฮาร์ดี้พูดอย่างจริงใจว่า “ฮาร์ดี้ เรามาทำงานด้วยกันเถอะ สร้างโรงงานผลิตโทรทัศน์และโรงงานผลิตน้ำแร่ด้วยกัน!”
ฮาร์ดี้เอามือปิดหน้าเล็กน้อย
พี่ใหญ่คนนี้
เขาฟังคำแนะนำของฉันจริงๆ และก็ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลยด้วย…
“ตกลง!”
ฮาร์ดี้ตอบคำเดียว