STY-ตอนที่ 37 ปรมาจารย์อาวุโสหนุ่ม!
ก่อนที่ ‘ศิษย์หญิง’ จะลุกขึ้นมา หญิงสาวในชุดเขียวก็ได้พุ่งออกไปอีกครั้งและตบเข้าไปที่ใบหน้าของนาง
ศิษย์หญิงอาวุโสที่แกล้งทำตัวเป็นศิษย์รุ่นเยาว์รู้สึกโกรธมาก
นางได้เงยหน้าขึ้นมองไปที่ หญิงสาวใสชุดสีเขียว ทว่านางกลับไม่สามารถสัมผัสฐานการบ่มเพาะพลังของอีกฝ่ายได้เลย นอกจากนี้ สีหน้าของหญิงสาวในชุดเขียวก็ยังเย็นชา โดยไม่มีร่องรอยของ อารมณ์ ความโกรธ ความเศร้า หรือ ความยินดี สิ่งนี้ยิ่งทำให้ อาวุโสหญิงรู้สึกสงสัยมากกว่าเดิม
แต่ผู้อาวุโสหญิงรู้ว่า หญิงสาวในชุดเขียวนี้จะต้องถูกส่งมาโดยผู้อาวุโสที่กล่าวพูดก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน
ดังนั้นนางจึงกล่าวออกมา “ผู้อาวุโสดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาดของพวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของท่าน หรือว่าผู้อาวุโสท่านไม่กลัวว่าการกระทำของท่านจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสอง?”
ในเวลานี้ น้ำเสียงของ เย่เฉิน ได้ดังขึ้นมันเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะที่เย็นชา “ส่งผลต่อความสัมพันธ์?สิ่งนี้ไม่ใช่ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาดของพวกเจ้าเป็นคนแหกกฏก่อนหรอกเหรอ ดังนั้นเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาถากถางการกระทำของข้า?”
“เถาลวี่ ไม่ต้องยั้งมือ…เพียงให้นางมีชีวิตรอดก็พอ!”น้ำเสียงของ เย่เฉิน ได้ดังลงมาจากบนท้องฟ้า
“เจ้าค่ะ นายท่าน!”
ในขณะนี้ เถาลวี่ ได้เคลื่อนไหวทันที
ขอบเขตของ เถาลวี่ ในปัจจุบันเปรียบเทียบได้กับผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่ขั้นปลายของอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า
แต่นอกจากความจริงที่ว่าผู้อาวุโสหญิงคนนี้เหลือแขนเพียงข้างเดียว ดังนั้น นางจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ เถาลวี่
ดังนั้น เถาลวี่ จึงได้ทุบตีนางอย่างรุนแรง
ปั้ง!
เสียงดังขนาดใหญ่ได้ปะทุขึ้น
เถาลวี่ ได้โจมตีอีกฝ่ายจนทรุดลงไปกองกับพื้นจากนั้นก็ทุบตีอย่างรุนแรง
จากนั้น เถาลวี่ ก็ยกปลอกคอเสื้อของอีกฝ่ายขึ้น
และตบหน้านางซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
เสียงตบได้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้อาวุโสหญิง ที่ถูก เถาลวี่ ทุบตี ก็มีใบหน้าที่แดงก่ำ
โดย เถาลวี่ ได้โจมตีอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ นางได้ทำให้ มือและเท้าของอีกฝ่ายได้พิการ จนทำให้ อาวุโสหญิงเดินโซเซและล้มลงกับพื้น
สำหรับ เย่เฉิน แม่ของศิษย์พี่หญิงทั้ง 7 เป็นสิ่งมีค่ามากที่สุดสำหรับเขา
แม้ว่า ศิษย์พี่หญิงใหญ่จะสามารถเอาชนะได้อย่างหวุดหวิดในครั้งนี้ แต่ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด ก็ได้ส่งผู้อาวุโสเข้าร่วมการแข่งขัน ถ้านางพ่ายแพ้ ผลที่ตามมาก็คงเหนือที่จะจินตนาการได้
ดังนั้นหาก เย่เฉิน จะมีอารมณ์ที่อยากจะฆ่า ผู้อาวุโสหญิงคนนี้ก็ไม่ได้แปลกใจเลย
อย่างไรก็ตาม เย่เฉิน ก็เข้าใจว่า การฆ่านาง มันจะสร้างปัญหามากมายให้กับ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ดังนั้น เขาจึงขอให้ เถาลวี่ ไม่ได้ฆ่านางทันที
“เถาลวี่ ส่งตัวนางไปให้คนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาดซะ!”เย่เฉิน ได้โยนจี้หยกให้กับ เถาลวี่ การได้เห็นจี้หยก ก็เหมือนกับการได้พบตัวตนของปรมาจารย์นิกาย
“เจ้าค่ะ!”
เถาลวี่ ได้รับจี้หยกมา และ มุ่งหน้าไปที่ยอดเขาอวี๋เซียว พร้อมกับร่างของอาวุโสหญิงที่ปกคลุมไปด้วยโคลน
สำหรับ เย่เฉิน เขาได้เดินตามไป แต่ด้วยสถานะของเขา มันไม่สมควรที่เขาจะเปิดเผยตัวเองออกมา
…
ในห้องโถงใหญ่ของยอดเขาอวี๋เซียว
ประมุขนิกายอวี๋เซียว ได้ต้อนรับผู้อาวุโสทั้ง 3 ของ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด
ในเวลานี้ทุกคนก็พูดคุยและหัวเราะกันอย่างมีความสุข
ทว่าในเวลานี้เอง ประตูหยกของห้องโถงก็ได้เปิดขึ้น
เถาลวี่ ได้เดินเข้ามาพร้อมกับร่างของผู้อาวุโสหญิงที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่น
ประมุขนิกายอวี๋เซียว เคยเห็นหญิงสาวในชุดเขียวคนนี้มาก่อน นางเคยมาหาเขาพร้อมกับจี้หยก ดังนั้น เขาจึงรู้ว่า หญิงสาวในชุดเขียวคนนี้จะต้องเป็นคนของท่านปรมาจารย์ยุทธ์ที่รักสันโดษ
แต่ทว่า ทุกคนรู้สึกตกใจเมื่อเห็นฉากนี้ พวกเขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
พวกเขาเพียงแค่เห็น หญิงสาวในชุดเขียว โยนร่างของ หญิงสาวที่ปวกเปียกลงไปบนพื้นโดยตรง
ในเวลานี้ คนจาก ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด ได้กลายเป็นเดือดดาลในทันที
“นี่เจ้าทำอะไรลงไป?”
“เหตุใดถึงได้ทำร้ายคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาดของข้า?”
จากนั้นผู้อาวุโสก็หันศีรษะมองไปที่ประมุขนิกายอวี๋เซียวและกล่าวออกมา “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาดของข้าได้เดินทางมาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของท่านเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ แต่พวกท่านกลับทำร้ายคนของเราโดยไม่มีเหตุผลงั้นหรือไม่ ประมุขนิกายอวี๋เซียว เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านจะต้องให้คำอธิบายแก่พวกเรา!”
ประมุขนิกายอวี๋เซียว จ้องมองไปที่ หญิงสาวในชุดเขียว ด้วยท่าทางที่ประหลาดใจ แม้แต่เขาก็ยังสับสนและไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
แต่ในเวลานี้ เถาลวี่ ก็ได้กล่าวพูดออกมาโดยที่ไม่ได้มีอารมณ์แปรปรวน “คนผู้นี้มีกระดูกอายุ 121 ปี นางมีสถานะเป็นผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาดของพวกเจ้า แต่ทว่า นางกลับปลอมตัวเป็นศิษย์รุ่นเยาว์และเข้าร่วมการประลองกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเรา เป็นพวกเจ้าที่แหกกฏก่อน ดังนั้น นายท่านของข้าจึงได้ฝากข้อความมาว่า คนที่ต้องให้คำอธิบายก็คือพวกเจ้า!”
เมื่อได้ยินแบบนี้
ทุกคนได้กลายเป็นช็อค!
พวกเขาไม่กล้าที่จะเชื่อ
ประมุขนิกายอวี๋เซียว มองไปที่ หญิงสาวในชุดเขียว และ กล่าวถามด้วยความประหลาดใจ “นี่เป็นเรื่องจริงงั้นหรือไม่?”
เถาลวี่ ได้ตอบกลับอย่างใจเย็น “หรือว่าท่านสงสัยในตัวของนายท่านของข้า?”
ในขณะนี้ ประมุขนิกายอวี๋เซียว ได้นิ่เงียบทันที ในเมื่อมันเป็นคำพูดจากท่านปรมาจารย์ยุทธ์ เช่นนั้นมันน่าจะเป็นความจริง
ดังนั้น ประมุขนิกายอวี๋เซียว จึงได้เดินลงมาและสัมผัสร่างของหญิงสาวคนนี้เพื่อตรวจสอบ มันเป็นอย่างที่ หญิงสาวในชุดเขียวกล่าว อายุกระดูกของผู้หญิงคนนี้คือ 121 ปี
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ประมุขนิกายอวี๋เซียว ได้เปลี่ยนท่าทีไป โดยเขาได้มองไปที่ ผู้อาวุโสทั้ง 3 ของ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด พร้อมกับกล่าวออกมา “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาดของพวกเจ้าได้ส่งผู้อาวุโสเข้าร่วมการแข่งขัน สิ่งนี้ถือว่าผิดกฏ ดังนั้นข้าต้องการคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้!”
หลังจากกล่าวพูดเช่นนี้ออกมา ผู้อาวุโสทั้ง 3 ของ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด ก็มองหน้ากันอย่างตกตะลึง
แต่ในขณะนั้นเอง ศิษย์หนุ่ม ก็ค่อย ๆ เดินออกมาจากฝูงชน
ศิษย์หนุ่มคนนี้ ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก หลัวเฟิง ศิษย์อัจฉริยะของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาดที่สามารถเอาชนะศิษย์หลักของยอดเขาทั้ง 3 ได้
ในเวลานี้ เขาได้เดินไปที่ด้านข้างของผู้อาวุโสหญิงที่อ่อนปวกเปียกและโบกมือ
ทันใดนั้น ร่างของ ผู้อาวุโสหญิงก็ถูกดูดขึ้นมาในมือของเขาโดยคอของนางได้ถูกเขาคว้าเอาไว้
“ประมุขนิกายอวี๋เซียว ข้าคือประมุขน้อยของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด ดังนั้นข้าจะรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นเอง แน่นอนว่า หากท่านประมุขนิกายอวี๋เซียวต้องการคำอธิบาย เช่นนั้นข้าก็จะให้คำอธิบายแก่ท่าน!”หลัวเฟิง ได้ยิ้มออกมา
เพื่อเขาพูดจบ เขาก็บีบมือของเขาทันที
ทันใดนั้น คอของผู้อาวุโสหญิงก็กระตุก และ นางก็ได้เสียชีวิต่อหน้าของทุกคน
ในเวลานี้ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนตกตะลึงอย่างหาที่เปรียบมิได้
หลัวเฟิงผู้นี้ดูแล้วมีอายุเพียงแค่ 14-15 ปีเท่านั้น แต่ทว่าเขากลับไร้ความปรานีเป็นอย่างมาก
หลังจากที่ฆ่าผู้อาวุโสหญิงเสร็จ หลัวเฟิง ก็ยิ้มและกล่าวถาม ประมุขนิกายอวี๋เซียว “ประมุขนิกายอวี๋เซียว ข้าสงสัยว่าท่านพอใจกับคำอธิบายนี้หรือไม่?”
ประมุขนิกายอวี๋เซียว ที่เห็น อาวุโสหญิงถูกสังหาร และ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเขาไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ หากเขายังคงติดตามเรื่องนี้ต่อไป เกรงว่ามันจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกเขา
ในเมื่อนางก็ตายไปแล้ว เขาจะไปกล่าวโทษสิ่งที่เหลือได้อย่างไร?
นอกจากนี้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ กับ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะแสร้งทำเป็นจริงใจต่อกัน แต่มันก็ยังอยู่ในข้อตกลงที่ดี
ดังนั้น ประมุขนิกายอวี๋เซียว จึงได้ยิ้มออกมา “ในเมื่อคนก็ตายไปแล้ว เช่นนั้นก็ลืมเรื่องนี้ไปเถอะ!”
เย่เฉิน ไม่ได้เข้าไปในห้อง ดังนั้น เขาจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน
แต่หลังจากที่ เถาลวี่ ออกมา นางก็อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้ เย่เฉิน ฟัง
หลัวเฟิง คนนี้ เป็น 1 ในคนที่ซับซ้อนที่ เย่เฉิน เคยพบมาก่อน
นอกจากเรื่องที่ว่าเขาเอาชนะ ศิษย์อันดับ 1 ของยอดเขาทั้ง 3 ได้แล้ว
ตอนนี้เขาก็มารู้อีกว่าสถานะของอีกฝ่ายนั้นทรงพลังมากพอที่จะควบคุมดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาดโดยตรง อีกทั้งอีกฝ่ายยังเป็นคนที่โหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม เย่เฉิน ก็ไม่เคยเห็น หลัวเฟิง คนนี้มาก่อน ดังนั้น เย่เฉิน ก็ต้องการที่จะดูว่า แท้จริงแล้ว อีกฝ่าย เป็น ปีศาจ หรือ สัตว์ประหลาด แบบไหนกันแน่?
…
ในห้องรับแขกบนยอดเขาอวี๋เซียว
หลัวเฟิง กำลังนั่งอยู่ในที่นั่งของเขา ในขณะที่ ผู้อาวุโสทั้ง 3 ได้คุกเข่าต่อหน้าของ หลัวเฟิง
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์สามารถมองผ่านการปลอมตัวได้อย่างไร?อีกอย่างจะต้องรู้ว่าแม้แต่ประมุขนิกายอวี๋เซียว และ จ้าวฉีหยาง ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรมหายานก็ยังไม่อาจมองผ่านเรื่องนี้ได้ เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีผู้เชี่ยวชาญบางคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ที่พวกเราไม่รู้จักมาก่อน?”หลัวเฟิง ได้กล่าวถาม อย่างเย็นชา
“ท่านปรมาจารย์อาวุโส พวกเราควรทำอย่างไรดี?”
ผู้อาวุโสทั้ง 3 ได้มองไปที่ หลัวเฟิง พวกเขาไม่ได้เรียกอีกฝ่ายว่า นายน้อย แต่เป็น ปรมาจารย์อาวุโส!
“ข้าเคยพูดก่อนหน้านี้แล้วว่า ให้พวกเจ้าเรียกข้าว่านายน้อยเมื่ออยู่ที่นี่ แม้ว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญคนอื่นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ แต่ แผนการใหญ่ของเราก็ไม่อาจยกเลิกได้ คราวหน้าให้ส่งศิษย์ธรรมดาลงแข่ง และ อย่าได้สร้างปัญหาเพิ่มเติม”หลัวเฟิง ได้กล่าวอย่างเฉยเมย
“ขอรับ!”
ผู้อาวุโสทั้ง 3 ได้โค้งคำนับทันที