ตอนที่แล้วเกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 246
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 248

เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 247


ตอนที่ 247

บัดนี้ เขานอนหลับลึกมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว ในตอนที่เขาตื่นขึ้น ดูเหมือนว่าเหลืออีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นก็จะสามารถก้าวเข้าสู่แดนปราณแก่นทองคำได้ ต่อให้เขาไม่เลื่อนขั้น อย่างน้อยที่สุดก็ยังนับว่าเป็นยอดฝีมือแดนอาณาเขตม่วงผู้หนึ่ง

แล้วราชวงศ์อมตะจะสามารถต่อกรกับตัวตนเช่นนี้ได้อย่างไร?

ตาแก่ของราชวงศ์เมินเฉยต่อแรงกดดันและเอ่ยถามขึ้น

“เจ้ายังจำกระบวนท่าของมันได้หรือไม่?”

“เป็นสายฟ้าสีม่วง”

ฉากที่อัสนีสวรรค์พัวพันเข้ากับกระบี่ของตนเอง ยู่เหวินจ้านเทียนยังจดจำได้ขึ้นใจ มันมิเคยรู้สึกว่าตนอ่อนแอเช่นนั้นมาก่อน

“ท่าเท้าบางอย่าง”

“ดวงตาคู่นั้นที่ราวกับจะสามารถมองทะลุทุกสรรพสิ่งในใต้หล้าได้”

รุ่นเยาว์แต่ละคนสามารถจดจำเรื่องของศัตรูได้เพียงอย่าเดียวเท่านั้น แต่เมื่อพวกมันเอ่ยทีละอย่างออกมา ข้อมูลทั้งหมดก็สามารถเอามารวมกันได้เป็นจำนวนไม่น้อย

ผู้พิทักษ์ของราชวงศ์ขมวดคิ้วหนักขึ้นในทุกคราที่ได้รับฟัง เป็นสายฟ้าสีม่วงอีกแล้ว

กระทั่งตาแก่ของตระกูลตู่กูยังเริ่มให้ความสนใจ เช่นเดียวกันกับตระกูลหยิง

อัจฉริยะของพวกมันทั้งสามตระกูลตกตายลงเช่นนี้ และลักษณะร่วมของผู้ลงมือสังหารคือสายฟ้าสีม่วง

สายฟ้าสีม่วง? เด็กน้อย?

พวกมันทั้งหลายมีความคิดมากมายหมุนวนอยู่ในหัวแต่มิอาจนึกได้ถึงอัจฉริยะผู้ใดของกองกำลังขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเช่นนี้

และต่อให้เป็นผู้คนจากกองกำลังอื่นๆ ก็ยังต้องประหลาดใจ พวกเขาทั้งหมดไปเคยพบเจอบุคคลเช่นที่กล่าวไว้มาก่อน

อาศัยจากข้อมูลทั้งหมดที่รุ่นเยาว์ของราชวงศ์อมตะเอ่ยมา คนที่อายุมากที่สุดในสองคนนั้นมีวัยเพียงไม่เกินสิบหนาว แต่กลับสามารถกวาดล้างคนของราชวงศ์ได้เกือบทั้งหมด นี่นับว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง

หลังจากที่แดนลึกลับปิดตัวลง พวกเขาจะต้องคนหาเด็กน้อยทั้งสองคนนั้น หากว่ามิได้มีกองกำลังใดหนุนหลังอยู่ พวกเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อรับเด็กทั้งคู่เข้ากองกำลังของตนให้จงได้ต่อให้ต้องมีปัญหากับเหล่ากองกำลังขนาดใหญ่ก็ตามที

กระทั่งอาวุโสจากสำนึกศึกษาแห่งอาณาเขตกลางเองก็เริ่มให้ความสนใจเช่นกัน

“ข้าไม่คาดคิดเลยว่าจะมีตัวตนเช่นนี้ปรากฏขึ้นในอาณาเขตเหนือคราม ข้าต้องรับพวกเขามาเป็นศิษย์ให้ได้เพื่อยั่วยุเหล่าตาแก่ของสำนักศึกษาพวกนั้น” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเอ่ยพลางลูบเครา แม้ว่ารูปลักษณ์ของชายผู้นั้นจะยังเป็นวัยฉกรรจ์ แต่หนวดเคราของเขากลับขาวโพลนราวกับคนแก่ ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาดูขัดแย้งยิ่งนัก

ตาแก่ที่อยู่ข้างเขาคนหนึ่งกลอกตาและเอ่ยด้วยความเกรี้ยวกราด

“ถ้าหากพวกเราได้พบอัจฉริยะเช่นนั้นจริง เจ้าจะสามารถเก็บซ่อนพวกเขาจากเหล่าตาแก่ทั้งหลายได้หรือ?”

ชายฉกรรจ์ผู้นั้นขบคิดบางอย่างและยักไหล่ก่อนจะยิ้มอย่างอึดอัด

เด็กน้อย? หรือว่าจะเป็นเจ้าเด็กบัดซบจากตระกูลหลิน?

คนจากราชวงศ์อมตะมีความคิดเช่นนั้นวาบขึ้นมาในจิตใจทันที

“ไปสืบข่าวมาและติดต่อกับตระกูลตู่กูกับตระกูลหยิงพร้อมกัน ข้าเชื่อว่าพวกมันจะต้องสนใจ” ตาแก่จากราชวงศ์อมตะกระซิบกับคนที่ยืนอยู่เบื้องหลังของมัน จากนั้น มันก็สะบัดมือและเก็บดวงวิญญาณทั้งหลายที่เหลืออยู่เข้าไปในยุทธภัณฑ์บางอย่าง

“เอ๋? เจ้าเก็บพวกมันไปเล่า? มิใช่ว่ามีสิ่งที่ต้องถามหรือ?” ชายเคราขาวผู้นั้นเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม เขาอยู่ในชุดสีขาว และมีการปักตัวอักษรเอาไว้ว่า ‘หวัง’

เมื่อผู้พิทักษ์แห่งราชวงศ์อมตะเห็นอักษรนั้น ม่านตาของมันก็หดแคบลง ก่อนมันจะรีบแย้มยิ้มออกมา

“ผู้อาวุโส ท่านกำลังล้อเล่นแล้ว”

อักษรที่ถูกปักไว้นั้นคือตระกูลหวังที่ยืนยงมานานในทวีปแผ่นฟ้า และมิใช่ตระกูลหวังเดียวกันกับที่อยู่ในอาณาเขตเหนือคราม ทั้งสองตระกูลนี้มิอาจเปรียบเทียบกันได้

เพียงแต่อาวุโสแห่งตระกูลหวังผู้นี้จะทรงพลัง กระทั่งรุ่นเยาว์ของพวกเขาเองก็มีความมุ่งมั่นอย่างยิ่ง พวกเขานับว่าในระดับเดียวกับตระกูลเหล่าหวง

ธุลีอมตะจะหลอมรวมกับสายฟ้าสวรรค์!

ราชันแห่งเทพจะกลับมาจุติอีกครั้งเพื่อปกครองยุคสมัย

รุ่นเยาว์อัจฉริยะของพวกเขาจะกลายเป็นราชาในยามที่เกิดมาพร้อมวสันต์ศักดิ์สิทธิ์แห่งเปลวเพลิงและน้ำแข็ง!

นี่คือข่าวลือที่เล่าขานเกี่ยวกับอัจฉริยะแห่งตระกูลหวัง ในยามที่เขาเกิด ปราณอมตะรอบกายเขากลับกลายเป็นหมอกหนาก่อนจะควบแน่นเป็นธุลีพุทธะ เพียงโบกมือก็สามารถเรียกลมฝน ราวกับพลังแห่งโลกทั้งใบกลายเป็นทาสรับใช้ กล่าวได้ว่าเขาเกิดมาพร้อมยุทธภัณฑ์หนึ่งซึ่งเปล่งแสงอย่างต่อเนื่องและไม่มีสมบัติใดในยุคสมัยนี้สามารถเปรียบเทียบได้

ในวันนั้น กลองจากสรวงสวรรค์ปรากฏขึ้นบนท้องนภา สายฟ้าจากสวรรค์กระแทกใส่กลองใบนั้นจนมันปลดปล่อยสำเนียงแห่งเต๋าออกมา ทำให้ผู้คนโดยรอบเข้าสู่สภาวะตระหนักรู้ ไม่เพียงเท่านั้น บริเวณโดยรอบของตระกูลหวังยังกลับกลายเป็นดินแดนสุดขั้วของไฟและน้ำแข็ง ครึ่งหนึ่งปกคลุมด้วยเปลวเพลิง อีกครึ่งเต็มเปี่ยมด้วยน้ำแข็ง เมื่อธาตุทั้งสองผสานกัน ก็กลับกลายเป็นการปะทุของไฟและน้ำแข็งที่พุ่งขึ้นสู่เบื้องบน ก่อนจะหยดหยาดลงมายังผืนดิน หลังจากอาวุโสตระกูลหวังชำระล้างพวกมัน ก็ทำให้เขาเลื่อนขั้นลมปราณได้ในทันที

อัจฉริยะผู้นั้นของตระกูลหวังเกิดมาพร้อมการปะทุของธาตุทั้งสอง เขาคว้าจับการปะทุของธาตุนั้นเอาไว้และพุ่งขึ้นไปนั่งขัดสมาธิอยู่บนนั้น หมอกอมตะแพร่กระจาย ราวกับว่าเขาคือราชันเทพกลับชาติมาเกิด ในเวลาเดียวกัน เขาก็สามารถควบคุมพลังของธาตุทั้งสองที่ปะทุอยู่ใต้ตนเองได้ พลังธาตุทั้งคู่นั้นถูกผนึกลงในร่างทารกแรกเกิด ตราบเท่าที่เขามีเวลามากเพียงพอ เขาจะสามารถบรรลุไปยังแดนปราณในระดับเดียวกันกับชีวิตก่อนหน้าได้

แม้ว่าราชวงศ์อมตะจะปกครองอาณาเขตเหนือคราม แต่พวกมันก็ไม่มีคุณสมบัติมากพอจะเย่อหยิ่งใส่ตระกูลที่มีอัจฉริยะเช่นนี้ปรากฏอยู่

อย่างไรเสียก็ไม่มีตระกูลใดเทียบกับราชวงศ์อมตะได้อยู่แล้ว อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับกองกำลังโบราณเช่นนั้นจะเป็นการดีเสียกว่า

ผู้พิทักษ์ราชวงศ์แทบจะร่ำไห้ มันคิดว่าเดิมทีการคุ้มกันเหล่ารุ่นเยาว์ทั้งหลายนั้นเป็นสิ่งที่ง่ายดายยิ่ง ย่อมไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับพวกมันได้ และมันจะได้รับรางวัลอย่างงาม หากรุ่นเยาว์เหล่านั้นจดจำมันได้ หลังจากนี้ไปอีกไม่กี่ปีในยามที่รุ่นเยาว์ทั้งหลายเติบโตขึ้นเป็นชนชั้นสูงในราชวงศ์ มันเองต้องได้ผลประโยชน์มาไม่น้อยอย่างแน่นอน

ทว่าในความเป็นจริงแล้ว จินตนาการที่สวยงามกลับกลายเป็นความขมขื่น

บัดนี้ มันทำได้เพียงหวังว่าอัจฉริยะที่ถูกส่งเข้าไปที่ยังเหลืออยู่จะไม่ไปประสบกับเหตุร้ายใดอีก ไม่เช่นนั้น....

เมื่อพวกเขาพบเห็นราชวงศ์อมตะกระทำตัวเงียบเชียบแม้ว่าจะโดนผู้อื่นถากถาง กองกำลังโดยรอบเองก็เริ่มหัวเราะเยาะพวกมันไม่ต่างกัน

เห็นเช่นนั้น อาวุโสแห่งตระกูลหวังเก่าแก่ก็เริ่มเยาะเย้ยราชวงศ์อมตะต่อ

“ข้าสนใจเหล่ารุ่นเยาว์มากทีเดียว” อาวุโสแห่งนิกายเต๋าโบราณคนหนึ่งเอ่ยด้วยดวงตาเปล่งประกาย

“พรสวรรค์นั้นช่างเจิดจ้า แต่แม้ว่าเขาทรงพลังมากเพียงใด ก็ยังคงมีรุ่นเยาว์ของตระกูลโบราณมากมายในแดนลึกลับ และข้ามั่นใจว่าเซียนน้อยของตระกูลข้าจะเป็นผู้สุดท้ายที่ออกจากแดนลึกลับ ฮี่ๆๆ !” ยอดฝีมือจากถ้ำอัศวะสวรรค์ประหลาดใจอยู่บ้างกับผลลัพธ์ที่หลินซวนกระทำ แต่เขาก็ยังคงมั่นใจในความแข็งแกร่งของเซียนน้อยของตระกูลตนเองและมิได้รู้สึกว่าการเอ่ยเช่นนี้เป็นสิ่งที่ผิดประการใด เขายังคงส่งรอยยิ้มให้ผู้คนโดยรอบ

นี่ทำให้เหล่าตระกูลโบราณอื่นๆ กลอกตา เหตุใดเจ้าจึงหน้าหนาถึงเพียงนี้?

“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เซียนน้อยแห่งตระกูลหวังของข้าก็มิใช่ชั่ว”

“เซียนน้อยและเซียวสาวของตระกูลเหล่าหวงเองก็มิใช่จะยั่วยุได้”

“เรื่องบัดซบทั้งนั้น!”

เมื่อมีบางคนเริ่ม ก็ย่อมมีผู้ตาม เหล่าตระกูลโบราณต่างเริ่มอวดโอ่ความทรงพลังของรุ่นเยาว์ของตน มารยาทของพวกตระกูลเหล่านั้นหายไปที่ใดกันหมด?

ช่างโชคดีที่พวกมันทั้งหลายต่างมีชั้นหมอกปกปิดตัวตนอยู่ ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์เยี่ยงนี้คงนับว่าน่าอับอายนัก

ในระหว่างที่พวกเขากำลังถกเถียงกัน จู่ๆ ก็เกิดการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาด แรงกดดันมหาศาลพุ่งขึ้นท้องฟ้า และคนโดยรอบจากตระกูลอื่นๆ ที่มิใช่เหล่าตระกูลโบราณไม่อาจเข้าใจได้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น พวกเขาทำได้เพียงร่ำร้องอย่างขื่นขม

.................

ด้านในแดนลึกลับ

“ต้นกำเนิดโลหะดูเหมือนว่าจะถูกซ่อนอยู่ภายใต้หน้าผาแห่งนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดข้าจึงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแปลกประหลาดบางประการ” หลินซวนถือกลุ่มก้อนเปล่งแสงสีทองไว้ในมือและมีความสุขถึงขีดสุด

หลังจากที่เสี่ยวหวงรับรู้ว่าสิ่งนี้ไม่สามารถกินได้ เขาก็หมดความสนใจในทันที

หลินซวนกลับหัวเราะมิได้ร้องไห้ไม่ออก แต่ต้นกำเนิดโลหะนี้นับว่าเป็นประโยชน์แก่เขายิ่งนัก

ในทักษะบ่มเพาะที่เป็นรางวัลจากระบบนั้น มีทักษะต้นกำเนิดเบญจธาตุที่มีหกรูปแบบถูกมอบให้แก่เขา

รูปแบบแรกเป็นทักษะมหาวัชระ โดยทักษะนี้มุ่งใช้ต้นกำเนิดพลังแห่งโลหะเพื่อก่อร่างเกราะวัชระขึ้นมา มันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ให้ผู้ใช้ได้มากถึงสิบห้าเท่า เรียกได้ว่าความสามารถในการเพิ่มพูนพลังนั้นสูงล้ำเสียยิ่งกว่าเก้าอักขระลับเสียด้วยซ้ำ ไม่เพียงเท่านั้น การโจมตีของเกราะวัชระยังคมกล้ายิ่งนัก... ต่อให้เป็นโลหะทมิฬที่มีอายุกว่าล้านปีก็ไม่อาจทนทานการฟันเพียงเบาๆ ของเกราะวัชระได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด