อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 90 คลื่นใต้น้ำ
ตอนที่ 90 คลื่นใต้น้ำ
ไมค์และฮาร์ดี้กำลังแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในกองทัพของพวกเขา
พี่น้อง การต่อสู้ และกระสุนปืน ทั้งสองรู้จักมันอย่างดี
ทั้งคู่สนทนากันอย่างลื่นไหล
ไมค์เคยเป็นคนโดดเดี่ยว
เมื่อตอนที่เขาเข้าสู่วัยหนุ่มเขาไม่เชื่อฟังใครทั้งนั้น และก็ไปสมัครเป็นทหารที่ขัดต่อความปรารถนาดีของเจ้าพ่อมาเฟียวีโต้
หลังจากเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาก็ได้พบกับแฟนสาวชาวอเมริกัน
และหลังจากเกษียณออกมา เขาก็ปฏิเสธธุรกิจใต้ดินของครอบครัว เพราะในหัวใจของเขาต้องการเข้าสู่สังคมบนดินและทำอะไรสักอย่างเพื่อพัฒนาประเทศนี้
ความคิดของเขาไม่ตรงกับครอบครัวมาเฟียเท่าไหร่นัก
เขาแค่จะหามุมมุมหนึ่งอยู่หลังจากที่ร้องเพลงวันเกิดให้พ่อของเขาแล้ว
เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอเพื่อนใหม่
อย่างฮาร์ดี้
“ตอนนี้นายทำอะไรอยู่” ฮาร์ดี้ถามไมค์
“ฉันเป็นบรรณาธิการของนิตยสารแห่งหนึ่งน่ะ” ไมค์กล่าว
ฮาร์ดี้พูดในใจว่า ‘ตอนนี้ไมค์ไม่สนใจธุรกิจของครอบครัว และฉันก็กลัวว่าเขาอาจจะต้องรอให้เจ้าพ่อมาเฟียตระกูลคอร์เลโอเนโดนโจมตีก่อน จากสี่ตระกูลที่ต้องการทำลายครอบครัวคอร์เลโอเนอยู่ตลอดเวลา’
“แล้วคุณคิดจะทำอะไรอีกไหม? หรือจะทำงานเป็นบรรณาธิการต่อไป”
ไมค์ส่ายหัว “ฉันกำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย แต่ถ้ามีโอกาสฉันอยากจะเข้าสู่เส้นทางการเมืองและเป็นสมาชิกสภาหรือนายกเทศมนตรีที่สามารถช่วยเหลือประชาชนให้ได้มากกว่านี้”
“แล้วนายล่ะ? ฉันยังไม่รู้เลยว่านายทำงานอะไรอยู่ หลังจากที่เราคุยกันนานขนาดนี้” ไมค์มองไปที่ฮาร์ดี้แล้วถาม
ฮาร์ดี้ยิ้ม จิบไวน์แล้วพูดว่า “ฉันอยู่ในฐานะผู้ช่วยบริษัทภาพยนตร์ของคุณซีเกล และก็เป็นเจ้าของบริษัทด้วย ฉันไม่รู้ว่านายเคยได้ยินชื่อบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้หรือเปล่า? นั่นนะบริษัทชั้นเอง”
“เอชดีซีเคียวริตี้เป็นบริษัทของนายเหรอ?!” ไมค์ถามด้วยความตกใจ
เขาเคยอ่านข่าวเกี่ยวกับการปล้นธนาคารในลอสแอนเจลิส หลังจากที่คดีปล้นธนาคารได้รับการแก้ไข บริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ก็กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และตอนที่สารคดีได้ออกมาฉาย เขาและเพื่อนๆ ก็ไปดูสารคดีที่โรงภาพยนตร์
มันเลยทำให้เขารู้สึกประทับใจกับการรักษาความปลอดภัยของบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้อย่างมาก
จู่ๆ เด็กหนุ่มตรงหน้าเขา ที่อายุใกล้เคียงกันก็กลายเป็นหัวหน้าของบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้
“นายไม่ได้เข้าร่วมแก๊งเหรอ?” ไมค์ถามด้วยความสงสัย
“ถ้าพูดตามความเป็นจริง ฉันออกจากแก๊งมาแล้ว ฉันเคยอยู่ในแก๊งมาก่อน แต่ตอนนี้มอบมันให้กับลูกน้องของฉันไปแล้ว ฉันมองเห็นอนาคตว่าธุรกิจที่ถูกกฎหมายจะเติบโตได้ดีกว่า”
“ทำไมนายถึงมองโลกในแง่ดีกับธุรกิจถูกกฎหมาย นายไม่สนใจที่จะพัฒนาแก๊งให้เติบโตขึ้นอย่างนั้นหรือ?” ไมค์ถาม
ฮาร์ดี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ฉันคิดว่าในอนาคตการพัฒนาแก๊งจะมีอุปสรรคบางอย่าง บางทีในอีก 20 หรือ 30 ปีข้างหน้า แก๊งจะยังเติบโตได้ดี แต่เมื่อไรที่สังคมเริ่มมีเสถียรภาพ ธุรกิจของแก๊งจะถูกปราบปรามและกวาดล้างไปเกือบหมด”
“ธุรกิจสีเทาบางประเภทเช่น การพนันและลักลอบขนสินค้าเถื่อนอาจจะยังทำต่อได้ แต่รัฐบาลจะไม่ทนกับธุรกิจยาเสพติดเพราะมันเป็นภัยอันตรายต่อสังคมมากเกินไป มันจะเจอการปราบปรามอย่างรุนแรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
“และเป็นไปไม่ได้ที่แก๊งเหล่านี้ จะเข้าสู่สังคมชั้นสูงได้ หลายๆ คนไม่ชอบได้ชอบแก๊งขนาดนั้น มันมีข้อจำกัดในการพัฒนาหรือการเติบโตของแก๊ง และในอนาคตบริษัทก็สามารถไปได้ไกลกว่า แต่แก๊งเหล่านี้ทำไม่ได้”
“ฉันเลยมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับธุรกิจถูกกฎหมาย และแก๊งสามารถเป็นพลังที่ปกป้องเราจากเบื้องหลังได้ แต่ไม่มีทางไหนที่จะพัฒนาต่อไปได้เลย”
ไมค์มองฮาร์ดี้อย่างแปลกใจ
เนื่องจากคำพูดของฮาร์ดี้มันคล้ายกับพ่อของเขา วีโต้ คอร์เลโอเน
เขาไม่ได้คาดหวังว่าคนหนุ่มอย่างทอม ฮาร์ดี้จะมองเห็นอนาคตของแก๊งขนาดนี้
“แล้วในอนาคตธุรกิจที่ถูกกฎหมายแบบไหนจะเติบโตได้ดี?” ไมค์ถาม
ฮาร์ดี้ยิ้ม เพราะเขามีเป้าหมายสำหรับยุคนี้ไปไกลแล้ว และคำถามนี้ก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้เขา
“มันจะมีอุตสาหกรรมที่ดีขึ้นมากหลายอย่าง หลังสงครามสิ้นสุดลง ผู้คนจะต้องการชีวิตที่มั่นคงมากขึ้น ในอนาคตผลิตภัณฑ์ของใช้และการบริการจะกลายเป็นความต้องการหลัก”
“ถ้าให้ยกตัวอย่างพวกความเป็นอยู่ก็เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าหนัง นาฬิกาหรู เครื่องสำอาง…”
“ตัวอย่างการคมนาคมเช่นการสื่อสาร เครื่องบิน รถยนต์ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ การขนส่ง…”
“และการขายปลีก ประกัน ความบันเทิง ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ อสังหาริมทรัพย์…”
“แล้วนายเคยได้ยินคำนี้ไหม ผู้หญิงนั้นกลัวจะน่าเกลียด ผู้ชายมีความต้องการ คนแก่อยากอายุยืน คนรวยต้องการคนรับใช้ ตราบใดที่ยังมีความต้องการเหล่านี้ สินค้าใดๆ ก็มีการเติบโตได้”
ไมค์ตั้งใจฟังใจอย่างมาก
เขาเห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของฮาร์ดี้มาก
...
ขณะที่ฮาร์ดี้กำลังคุยกับไมค์
เจ้าพ่อมาเฟีย วีโต้ คอร์เลโอเนเรียกซีเกลและคนในแก๊งหลายคนที่ทำงานด้วยกัน เพื่อที่จะคลี่คลายปัญหาและเป็นสื่อกลางให้พวกเขา
ทำให้บรรยากาศภายในห้องตอนนี้ค่อนข้างเข้มข้น
ทอมมี่ เกกลิอาโน หัวหน้าคนที่สองของตระกูลบาซินี่ มองไปที่ซีเกลแล้วกล่าวว่า
“ซีเกลนายบอกทุกคนในตอนเริ่มต้นว่าจะใช้แค่ 2.2 ล้านดอลลาร์ในการสร้างคาสิโน และบริษัททั้งสามแห่งของเราจะจ่ายคุณคนละ 500,000 ดอลลาร์ แล้วนายจะออกส่วนที่เหลือ และหุ้นจะถือตามสัดส่วนของทุนที่ให้ไปแต่ในเวลาไม่กี่เดือนนายบอกว่ามีปัญหาขาดแคลนเงินทุน? นั่นก็เพราะนายเปลี่ยนแบบโครงสร้างและมาขอให้เราเพิ่มเงินลงทุนเข้าไปอีก!”
“พวกเราแต่ละคนเลยหาเงินอีก 300,000 ดอลลาร์ให้และมันก็รวมเป็นคนล่ะ 800,000 ดอลลาร์แล้ว แต่ภายในเวลาไม่กี่เดือนนายกลับขอเงินจากเราเพิ่ม! และให้เปลี่ยนสัญญาหุ้นเป็นการแบ่งปันหุ้น ซึ่งจริงๆ แล้วทุนทั้งหมดคือ 8 ล้านดอลลาร์ ทำให้เราแต่ละคนเลยมีหุ้นแค่ 10% เท่านั้น!”
“ซีเกลอย่าคิดว่าเราโง่ คาสิโนอะไรที่ต้องใช้เงินถึง 8 ล้านดอลลาร์ในการสร้าง? นายสร้างราชวังอยู่หรือไง?”
ซีเกลเลิกคิ้วอย่างไม่ใส่ใจ
“ใช่ ฉันต้องการสร้างฟรามิงโกคาสิโนเป็นพระราชวังในทะเลทรายที่จะมี แม่น้ำ แหล่งน้ำ ต้นมะกอก สวนกุหลาบ เครื่องเล่น สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ วิลล่าและสนามแข่งรถ”
“และฉันก็บอกพวกนายไปแล้ว ว่าถ้าลาสเวกัสต้องการพัฒนาอย่างจริงจัง มันต้องมีแรงจูงใจที่จะดึงดูดผู้คนให้มาอาศัยอยู่! เมื่อฟรามิงโกประสบความสำเร็จมันจะดึงดูดผู้คนได้แน่ๆ และพวกเราก็จะสามารถสร้างคาสิโนได้มากขึ้น ดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาได้ และนั่นจะเป็นตอนที่ลาสเวกัสได้พัฒนาขึ้นจริงๆ”
ซีเกลมีความรู้เยอะก็จริง เขานั่นได้คิดมองไปถึงการพัฒนาลาสเวกัสด้วย
น่าเสียดายที่เขามีอีโก้และวิสัยทัศน์สูงเกินไป พวกอันธพาลเหล่านี้จึงไม่สนใจแผนการในอนาคตของเขา
สิ่งที่พวกเขาต้องการคือผลประโยชน์อย่างรวดเร็วและได้มาง่ายๆ
เช่นเงิน
หัวหน้าครอบครัวตาร์ตาลยาเยาะเย้ย “ซีเกลพวกเราไม่ใช่คนโง่ เราถามสถาปนิกแล้วแม้ว่าคาสิโนจะสร้างตามความคิดของคุณ ราคาก่อสร้างของมันก็จะไม่เกิน 5 ล้านดอลลาร์ พวกเราจึงยากที่จะเชื่อว่าคุณไม่ได้คอร์รัปชัน”
โคลอปจากครอบครัวสตราเชอมองไปที่ซีเกลอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ซีเกลพวกเราได้คุยกันแล้ว มีสองวิธีที่จะแก้ไขปัญหาปัจจุบันได้”
“หนึ่งคือการที่คุณจะคืนเงินลงทุนมาให้กับพวกเรา รวมดอกเบี้ย และสองแต่ละบริษัทของเราจะต้องได้หุ้น 16% ซึ่งเป็นจำนวนขั้นต่ำ สุดท้ายคือต้องเปิดก่อนสิ้นปี พวกเราไม่ต้องการรออีกต่อไป พวกเราไม่ต้องการจ่ายเงินให้คุณอีก”
ซีเกลถุยน้ำลาย
“ฉันเกรงว่าคงจะเป็นไปได้ยากที่จะเปิดก่อนสิ้นปี ถ้าตามแผนที่ฉันคิดคือประมาณปีหน้าเดือนเมษายนหรือพฤษภาคม”
ซีเกลมีท่าทางไม่แยแสอะไรอยู่ตลอดเวลา
มันทำให้พวกเขารู้สึกโกรธมาก
“และฉันก็ลงทุนไป 8 ล้านดอลลาร์ใช่ไหม? พวกนายก็เห็นแล้วตอนนี้ฉันขายหุ้นไป 18 % จาก 8 ล้านดอลลาร์ ซึ่งฉันก็ได้รับเงินสดแค่ 1.5 ล้านดอลลาร์ มันก็เหมาะสมแล้วหรือเปล่าที่พวกนายจะได้แค่ 10%”
พวกเขาขมวดคิ้ว
คนบ้าที่ไหนจะซื้อหุ้นคาสิโน 18% ในราคา 1.5 ล้านดอลลาร์
นี่เขาเป็นตัวเผาเงินหรือยังไง?
ฮาร์ดี้ที่กำลังคุยกับไมค์
จู่ๆ เขาก็รู้สึกคันจมูกแต่ก็ไม่ได้จามออกมา
เขาคิดว่าคงจะมีใครกำลังนินทาเขาอยู่แน่ๆ
10 เปอร์เซ็นต์
พวกเขาเหล่านี้ไม่มีทางยอมรับแน่นอน
ในหัวของพวกเขาตอนนี้ ซีเกลกำลังโกงเงินของพวกเขาอยู่
เจ้าพ่อมาเฟีย วีโต้ คอร์เลโอเนมองไปรอบๆ และพูดเบาๆ ว่า “ฉันเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว หลังจากที่เห็นพวกนายคุยกัน มันเป็นความจริงที่ซีเกลทำงานของเขาได้ไม่ดี”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่คิดมูลค่าของคาสิโนที่ 6 ล้านดอลลาร์ล่ะ และพวกนายก็เอาหุ้นไปคนละ 13 % ส่วนคาสิโนนายคิดยังไงที่จะเร่งการก่อสร้างแล้วเปิดให้ทันก่อนสิ้นปีนี้?” วีโต้มองไปที่พวกเขาหลังพูดจบ
หลายคนมองหน้ากัน
แม้ว่าพวกเขาจะไม่พอใจกับการแบ่งหุ้นในครั้งนี้ แต่เนื่องจากวีโต้ได้พูดแทนแล้ว
พวกเขาจึงต้องยอมรับมัน
“ตกลง แค่ 13 % ของหุ้นทั้งหมด แต่ไม่สามารถรอช้าได้แล้ว มันต้องเปิดก่อนสิ้นปีนี้เท่านั้น!” หัวหน้าครอบครัวสตราเชอโคลอปกล่าว
ซีเกลรู้ว่าเขาต่อรองไม่ได้แล้ว
“ฉันก็ตกลงเหมือนกัน”
หัวข้อของคาสิโนจบลงแล้ว ทอมมี่ เกกลิอาโนหัวหน้าคนที่สองของบาซินี่ มองไปที่วีโต้ คอร์เลโอเนอีกครั้ง “วีโต้ ซอลลอสโซ่ได้เสนอเงื่อนไขที่ดีกับครอบครัวของเรา ฉันได้พูดคุยกับเขาและคิดว่าเราควรยอมรับ ‘ข้อเสนอแนะ’ ของเขา”
เจ้าพ่อมาเฟียขมวดคิ้ว
“ยาเสพติดเป็นธุรกิจที่สามารถทำเงินได้อย่างรวดเร็ว มันสามารถนำกำไรนับล้านมาสู่ครอบครัวของเราทุกปี และตอนนี้ชาวไอริชก็กำลังทำธุรกิจนี้ รวมถึงชาวเม็กซิกันด้วย แล้วทำไมมาเฟียของเราถึงทำไม่ได้?”
เจ้าพ่อมาเฟียส่ายหัว “ฉันบอกพวกนายแล้วว่าจะไม่มีการแตะต้องธุรกิจการค้ายาเสพติด! เพราะมันทำลายจิตใจของผู้คน และการค้ายาเสพติดก็เป็นอันตรายเกินไป นักการเมืองพวกนี้เมินธุรกิจการพนันและโสเภณีได้ แต่จะไม่ยอมให้มีการค้ายาเสพติดเกิดขึ้น!”
“แล้วทำไมแก๊งอื่นถึงทำได้?” ชายชราของครอบครัวสตราเชอถามด้วยน้ำเสียงสงสัย
เจ้าพ่อมาเฟียมองไปที่เขา
ชายชราของครอบครัวสตราเชอก้มหัวขอโทษ
“นายต้องการให้ฉันทำธุรกิจพวกนี้ เพราะนายต้องการใช้เส้นสายทางการเมืองของฉันใช่ไหม? แต่นายคิดผิดแล้ว นายสามารถเป็นเพื่อนกับพวกเขาได้ถ้านายมีสิ่งที่พวกเขาต้องการ แต่ถ้าฉันแตะต้องธุรกิจค้ายาเมื่อไร ฉันก็จะเสียพวกเขาไป”
มีคนต้องการจะพูดอะไรอีก แต่เจ้าพ่อมาเฟียยกมือขึ้นขัดจังหวะพวกเขา
“เอาล่ะ ฉันได้พูดทุกอย่างไปหมดแล้ว เราไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี่อีกต่อไป ขอบคุณสำหรับการมาอวยพรวันเกิดให้ฉัน”
เจ้าพ่อมาเฟียพูดตัดบทไล่พวกเขา ชายชราหลายคนยืนขึ้นและกล่าวคำอำลาด้วยใบหน้าสงบ
หลังจากที่พวกเขาออกไป วีโต้มองไปที่ซีเกล “อันที่จริง ฉันก็รู้ว่าพวกเขาแอบขายยาอยู่ พวกเขาแค่ต้องการให้ฉันเห็นด้วย พวกเขาจะได้ทำธุรกิจนี้อย่างราบรื่นได้”
“ฉันระมัดระวังเกี่ยวกับการค้ายาอยู่เสมอ หรือก็คือต่อต้านมันนั่นแหละ สิ่งนั้นมันทำลายร่างกายผู้คนและทำให้ผู้คนตกนรกเยอะเกินไป และฉันก็ไม่สามารถควบคุมคนอื่นๆ ได้ แต่ฉันจะไม่ยอมรับมันเด็ดขาด! ฉันรู้ดีว่าพวกเขามาเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของฉันก็เพื่อเกลี้ยกล่อมให้ฉันมีส่วนร่วมในการค้ายาเสพติด”
ซีเกลพยักหน้า “แก๊งชาวยิวจะไม่แตะต้องการค้ายาเสพติดในลอสแอนเจลิสอีก”
เจ้าพ่อมาเฟียมองไปที่ซีเกลและกล่าวว่า “เจมี่ระวังคนในครอบครัวไว้ให้ดี ฉันรู้สึกได้ว่ามีคนต้องการจากไป”
ซีเกลขมวดคิ้วและพูดว่า "นายหมายถึงมีใครบางคนกำลังต่อสู้เพื่อแย่งอำนาจ?"
เจ้าพ่อมาเฟียมองไปข้างหน้าด้วยสายตาลึกล้ำ “เพื่อเงินพวกเขาสามารถฆ่าคนและทำได้ทุกอย่าง วันนี้ฉันปฏิเสธพวกเขา และนายกำลังเล่นแง่กับพวกเขาเรื่องคาสิโน มันจึงไม่มีอะไรรับประกันได้ ว่าตอนนี้พวกเขาจะอยู่อย่างสงบอารมณ์ได้แล้ว”