ตอนที่แล้วEp.208 - เชลยใจแข็ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.210 - ลอบสังหาร

Ep.209 - แสงวูบวาบ


3/4

Ep.209 - แสงวูบวาบ

แต้มบุญระดับห้า 900 แต้ม!

สูงกว่าในศึกปกป้องเจียงเฉิงเป็นเท่าตัว!

ด้วยแต้มบุญจำนวนมากนี้ อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องเสียเวลาหรือส่งคนไปรวบรวมเมือกสไลม์แล้ว

เมือกสไลม์น่ะคือวัสดุเกรด 2 ระดับสามัญ

ด้วยจำนวนแต้มบุญที่ฮังอวี่มี สามารถแลกเปลี่ยนมันได้หลายพันก้อน!

แน่นอน การช่วยเหลือลั่วหยวนเจิ้งครั้งนี้ ฮังอวี่ไม่ได้หวังเฉพาะแต้มบุญ

ฮังอวี่ไม่ใช่คนที่ถูกผลักดันด้วยผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย

เหตุที่ฮังอวี่กระตือรือร้นเข้าร่วมศึกในครั้งนี้

แต้มบุญเป็นแค่ของแถมเท่านั้น

เขาตรวจสอบแล้ว พบว่าตนรวบรวมแต้มวิญญาณผ่านดอกบัวมาได้ทั้งหมด 400 แต้ม บวกกับการย่อยผลไม้ปราณวิญญาณเขียวลูกที่สองเมื่อวานนี้ ส่งผลให้ปัจจุบันในร่างเขาสะสมแต้มวิญญาณได้มากถึง 1100 แต้ม

ขณะที่เครื่องรางอัญเชิญสะสมไอวิญญาณได้มากถึง 2300 แต้ม!

ขาดเหลืออีกแค่นิดเดียว ฮังอวี่ก็จะสามารถอัญเชิญอัศวินอันเดธในเลเวล 8 ออกมาได้!

อัศวินอันเดธเลเวล 8 นั่นคือการดำรงอยู่ที่ทรงพลังอย่างยิ่งในช่วงต้นเกม ไม่ว่าจะรับมือกับ BOSS หรือเผชิญหน้ากับภัยคุกคามใหญ่หลวง ตราบใดที่อัญเชิยอัศวินอันเดธออกมา สถานการณ์ย่อมสามารถคลี่คลาย

นอกจากนี้ เขายังกอบโกยวัสดุได้จำนวนมาก รวมไปถึงสูตรและพิมพ์เขียวล้ำค่า คทาสีเขียว และเชลยอย่างมนุษย์ปลาระดับสูง

หมาหวังเอ๋อกินวัตถุดิบล้ำค่าหลายสิบชิ้นในโกดังมนุษย์ปลา

ด้วยความสามารถในการย่อยอาหารขั้นสูงของมัน ไม่เพียงสามารถสะสมแต้มวิญญาณได้ประมาณ 200 แต้มเท่านั้น แต่แต้มวิวัฒนาการยังเพิ่มมากขึ้น สะสมไปได้ถึงราวๆ 80 - 90 แต้ม

ราชินีมดยักษ์หน้าคนเองก็เก็บเกี่ยวแต้มวิวัฒนาการได้หลายสิบแต้ม

ส่วนในด้านแต้มวิญญาณ แม้มันจะไม่มีความสามารถในการย่อยอาหารขั้นสูงเหมือนหวังเอ๋อ ทว่าแต้มวิญญาณที่ได้รับไม่น้อยไปกว่าเจ้าหมาเลย เอาจริงๆอาจมากกว่าซะด้วยซ้ำ

ทำไมถึงเป็นแบบนั้นน่ะหรือ?

ก็เพราะราชินีมดสามารถอัญเชิญสมุนมดได้ถึง 6 ตัว

และทุกตัวกลืนกินวัตถุดิบเป็นจำนวนมากพร้อมๆกัน

ซึ่งแต้มวิญญาณที่อยู่ในร่างของมดอัญเชิญ ราชินีมดสามารถโยกย้ายได้ตามใจชอบด้วยสกิล ‘ครองแต้มวิญญาณ’

คาดว่าอีกไม่นานมันคงสามารถอัพเลเวลได้

ฮังอวี่ได้สูตรและพิมพ์เขียวมาไม่น้อยในครั้งนี้

แต่สิ่งที่ทำให้เขาปวดหัวก็คือ ไม่มีสูตรไหนที่เขาสามารถใช้เองได้เลย ไม่ว่าจะโพชั่นฟื้นฟูทั้งสองชนิดหรือโพชั่นลับ ทั้งหมดต้องการเทคนิคกลั่นโพชั่นขั้นกลาง

งั้นแล้วพิมพ์เขียวทั้งสองเล่า?

แม้การผลิตอุปกรณ์สีขาวเลเวล 5 ทั้งสองประเภทนี้จะไม่ได้เรื่องมากนัก แค่มีเทคนิคหลอมอาวุธเลเวล 2 ก็พอแล้ว

อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่ไม่ได้เรียนรู้ศาสตร์การหลอมอาวุธ ดังนั้นเขาไม่สามารถเรียนรู้พวกมันได้

โชคดีที่เขาเก็บสำรองสูตรพวกนี้ไว้นิดหน่อย ดังนั้นมอบชุดแรกให้เสี่ยวไป๋ก่อน เพื่อที่เธอจะได้สามารถผลิตพวกมันได้

“ฉันจะสั่งซื้อวัตถุดิบเสริมที่ใช้เป็นส่วนผสมในแบทเทิลเน็ตให้” ฮังอวี่มอบหมายงานแก่เสี่ยวไป๋ “หน้าที่ของเธอในช่วงสองวันนี้คือผลิตโพชั่นลับของมนุษย์ปลา มีปัญหาอะไรไหม?”

“ถึงมันจะเป็นถึงสูตรลับ แต่โพชั่นลับนี้ไม่ได้ยากเย็นอะไร ความซับซ้อนพอๆกับโพชั่นลับของปีศาจแมวป่า ด้วยความสามารถของเราเสี่ยวไป๋ การกลั่นมันไม่น่าเป็นปัญหามากมายอะไร”

เสี่ยวไป๋กล่าวด้วยสีหน้ามั่นใจ

จากนั้นเอ่ยถามอีกคำถามหนึ่งว่า

“แต่ว่า ... ก่อนที่วัตถุดิบจะมาถึง เสี่ยวไป๋ขอดูการ์ตูนได้ไหม?”

เด็กสาวใสซื่อและเชื่อฟัง เธอยินดีช่วยทำงานทุกอย่าง สามารถปกป้องเขาได้ แถมยังน่ารักทำตัวดีและไม่ต้องการเงิน ไม่ต้องการรถ ไม่ต้องการห้องพักหรูๆ

ขอเพียงแค่มีการ์ตูนให้ดู เธอก็มีความสุขเหมือนได้โบนัสสิ้นปีแล้ว

ฮังอวี่จะหาผู้หญิงดีๆแบบนี้ได้จากที่ไหนอีก?

ฮังอวี่รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่พบกับเสี่ยวไป๋

ยังไงก็ตาม

เมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นเด็กสาวหมกตัวอยู่ในบ้านตลอดทั้งวันและนั่งดูแกะน้อยจอมป่วน หมีจอมป่วน และเปปป้าพิก เขาก็เริ่มเกิดอาการปวดไข่อย่างบอกไม่ถูก

เสี่ยวไป๋เสพติดอนิเมชั่นไปแล้ว

ถึงตอนนี้ต่อให้คุณใช้มีดจี้คอบังคับให้เธอกลับโลกวิญญาณ เกรงว่าเจ้าตัวคงสู้ตาย

แน่นอนว่าโลกมนุษย์ยังมีเรื่องน่าดึงดูดอีกมากมายสำหรับเสี่ยวไป๋ นอกจากนี้ ทั้งฮังอวี่และหวังเอ๋อต่างดีต่อเธอมาก ต่อให้ไม่มีการ์ตูนดู แต่ชีวิตในโลกมนุษย์ของเธอสะดวกสบายกว่าในโลกวิญญาณเป็นร้อยเท่า!

ฮังอวี่นั่งดูอนิเมชั่นเป็นเพื่อนเสี่ยวไป๋ได้สองตอน

ในเวลานั้นเอง ซูหยุนปิงได้โทรหาเขา และเอ่ยถามว่าพอมีเวลาว่างหรือไม่

ขณะนี้บาร์ตกแต่งเสร็จแล้ว ในฐานะงูเจ้าถิ่นแห่งถนนมังกรฟ้า ในฐานะหนึ่งในผู้ถือหุ้นหลักของบาร์ เป็นเรื่องปกติที่เขาต้องถูกเชิญเข้ามา

พึ่งผ่านไปกี่วันเอง

ทุกอย่างเตรียมเสร็จแล้วหรอ?

ฮังอวี่บังเอิญไม่มีอะไรทำพอดี ดังนั้นปล่อยให้เสี่ยวไป๋กับหวังเอ๋ออยู่ดูแลบ้าน ส่วนตัวเองเดินราวๆ 10 นาทีเพื่อไปยังถนนมังกรฟ้าที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา

บาร์ของซูหยุนปิงอยู่ห่างจากร้านอาหารเจ้าอ้วนราวๆ 200 - 300 เมตร

ที่แห่งนี้เดิมเคยเป็นบาร์ที่ใหญ่ที่สุด และคึกคักที่สุดมาก่อน มันคือบาร์ระดับไฮเอนด์บนนถนนสายนี้ แต่หลังจากการรุกรานของโลกวิญญาณ มันก็ไม่สามารถเปิดต่อได้ ซูหยุนปิงจึงสามารถเข้าซื้อในราคาต่ำ

“บาร์นักท่องราตรี?”

“ชื่อที่ดี เป็นชื่อที่ดี!”

“พรสวรรค์ในการตั้งชื่อของอาจารย์ซูดีกว่าอ้วนต้าไห่มากจริงๆ”

พื้นที่บาร์กว้างขวางมาก มันได้รับการทำความสะอาดอย่างหมดจด การตกแต่งยังคงเดิม ดีไซน์สโลปเป็นชั้นๆ ให้ความรู้สึกโล่งโปร่ง ชวนให้ผู้คนผ่อนคลาย ปราศจากความวุ่นวายและแออัดต่างจากพวกผับทั่วๆไป

ใจกลางร้านเป็นบาร์ทรงกลม จัดเรียงไปด้วยเครื่องดื่มโลกวิญญาณ เพื่อให้ผู้คนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

แน่นอน

ทั้งหมดที่กล่าวมายังไม่สำคัญ

สิ่งที่สะดุดตามากที่สุดในที่นี้มิใช่บาร์ แต่เป็นคนในบาร์

เนื่องจากร้านยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการ บุคคลนับสิบที่ปรากฏตัวขึ้นในตอนนี้จึงเป็นคนของซูหยุนปิงทั้งหมด นั่นรวมไปถึงผู้บังคับบัญชาหญิงหลินหลาน และผู้บังคับบัญชาชายเฉารุ่ย

ฮังอวี่กวาดสายตามองไปรอบๆ

เขาพบว่าคนที่ซูหยุนปิงพามาที่นี่ล้วนไม่อ่อนแอ

แต่ละคนเปรียบได้กับบุคคลชั้นยอดของสกายเน็ต และมีอย่างน้อยสี่ถึงห้าคนที่มีพลังรบเทียบเท่าระดับหัวหน้าทีม แต่เด่นที่สุดย่อมเป็นหลินหลานกับเฉารุ่ย ทั้งคู่อยู่ในเลเวล 4 ก็จริง แต่ห่างจากเลเวล 5 อีกไม่ไกล

ส่วนซูหยุนปิง ดูเหมือนเธอจะอัพเลเวล 5 ได้ตั้งนานแล้ว

พลังรบของเธอใกล้เคียงกับระดับหัวหน้ากองของสกายเน็ต ไม่ด้อยไปกว่าคนอย่างจ้าวหมิงหรือเฉินหยู นับเป็นตัวตนทรงพลังคนหนึ่ง

“ที่นี่เป็นไงบ้าง”

“มีข้อเสนอให้เพิ่มเติมอะไรอีกไหม?”

ทำดีซะขนาดนี้ ฮังอวี่ยังมีอะไรต้องเสนออีก?

“ในอนาคตดูท่าว่าถนนมังกรฟ้าจะมีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจเพิ่มขึ้นอีกแห่งแล้ว” ฮังอวี่มองซ้ายมองขวา กล่าวชมเชย “คำแนะนำเดียวของผมตอนนี้คือเปิดธุรกิจให้เร็วที่สุด ผมจะได้นอนนับเงินอยู่ที่บ้าน”

ซูหยุนปิงมองเขาอย่างว่างเปล่า

แต่เธอค่อนข้างชินชากับสไตล์นี้แล้วจึงไม่ว่าอะไร

หญิงสาวดีดนิ้วเรียวของเธอ หลินหลานหยิบไวน์ขวดหนึ่งจากตู้โชว์แล้วเทลงในแก้วไวน์ 2 ใบ หยิบแก้วทั้งสองขึ้นมา จากนั้นยื่นให้ฮังอวี่หนึ่งแก้ว

ซูหยุนปิงรับอีกแก้วไว้แล้วชูสูงขึ้นเล็กน้อย

ฮังอวี่จะไม่ไว้หน้าเธอได้อย่างไร?

นอกจากนี้ ไวน์โลกวิญญาณยังเป็นของดีอย่างหนึ่ง

ฮังอวี่รับแก้วไวน์ ทั้งคู่ชนแก้วกันเบาๆ

ระหว่างยกดื่ม ฮังอวี่เหลือบมองซูหยุนปิง

เขาแปลกใจมากที่พบว่าอาจารย์ซูซึ่งปกติมักสวมชุดสูทรัดรูปและใส่แว่นตาปลอม เพื่อให้บุคลิกดูมุ่งมั่นจริงจัง วันนี้กลับแต่งตัวเซ็กซี่อย่างหาได้ยาก เข้าสู่บทบาทเจ้าของบาร์อย่างแท้จริง

ซูหยุนปิงแม้ตัวเธอจะสูงแต่ไม่อ้วน

ตรงกันข้าม เธอผอมมาก เพียงแต่ว่ามีจุดหนึ่งที่ใหญ่เกินไปหน่อย

ฮังอวี่ไม่ได้สังเกตซูหยุนปิงนานเกินไป

เขามองข้ามไหล่เธอ และพบว่าเบื้องหลังอาจารย์ซูมีมนุษย์ปลานักล่าสองตนยืนอยู่

เมื่อครั้งศึกทะเลสาบซิงโกว ซูหยุนปิงยังสามารถควบคุมมันได้แค่ตัวเดียวอยู่เลย ดูเหมือนเธอจะพัฒนาขึ้นกว่าเดิมมาก

พริบตานั้นเอง

ประกายแสงสายหนึ่งวาบผ่านเข้ามาในหัวของฮังอวี่

“นายเป็นอะไรไป?” ซูหยุนปิงจิบไวน์อย่างสง่างาม แต่เมื่อลดแก้วลง เธอกลับพบว่าฮังอวี่กำลังจ้องเธอตาค้าง จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงน่าดึงดูดว่า “นี่ไม่เหมือนนายตามปกติเลย”

เธอคิดในใจ : หรือว่าเขาจะชอบสไตล์นี้?

ฮังอวี่เอ่ยถาม “สกิลพรสวรรค์ของอาจารย์สามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ทรงภูมิปัญญาหรือสติปัญญาต่ำได้ถูกไหม? ตอนนี้พลังของมันมากแค่ไหนแล้ว? อาจารย์พอจะควบคุมมอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่นได้รึเปล่า แค่ชั่วคราวก็พอ”

ซูหยุนปิงงุนงงเล็กน้อย “ทำไมนายถึงถามเรื่องนี้?”