Ep.209 - แสงวูบวาบ
3/4
Ep.209 - แสงวูบวาบ
แต้มบุญระดับห้า 900 แต้ม!
สูงกว่าในศึกปกป้องเจียงเฉิงเป็นเท่าตัว!
ด้วยแต้มบุญจำนวนมากนี้ อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องเสียเวลาหรือส่งคนไปรวบรวมเมือกสไลม์แล้ว
เมือกสไลม์น่ะคือวัสดุเกรด 2 ระดับสามัญ
ด้วยจำนวนแต้มบุญที่ฮังอวี่มี สามารถแลกเปลี่ยนมันได้หลายพันก้อน!
แน่นอน การช่วยเหลือลั่วหยวนเจิ้งครั้งนี้ ฮังอวี่ไม่ได้หวังเฉพาะแต้มบุญ
ฮังอวี่ไม่ใช่คนที่ถูกผลักดันด้วยผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย
เหตุที่ฮังอวี่กระตือรือร้นเข้าร่วมศึกในครั้งนี้
แต้มบุญเป็นแค่ของแถมเท่านั้น
เขาตรวจสอบแล้ว พบว่าตนรวบรวมแต้มวิญญาณผ่านดอกบัวมาได้ทั้งหมด 400 แต้ม บวกกับการย่อยผลไม้ปราณวิญญาณเขียวลูกที่สองเมื่อวานนี้ ส่งผลให้ปัจจุบันในร่างเขาสะสมแต้มวิญญาณได้มากถึง 1100 แต้ม
ขณะที่เครื่องรางอัญเชิญสะสมไอวิญญาณได้มากถึง 2300 แต้ม!
ขาดเหลืออีกแค่นิดเดียว ฮังอวี่ก็จะสามารถอัญเชิญอัศวินอันเดธในเลเวล 8 ออกมาได้!
อัศวินอันเดธเลเวล 8 นั่นคือการดำรงอยู่ที่ทรงพลังอย่างยิ่งในช่วงต้นเกม ไม่ว่าจะรับมือกับ BOSS หรือเผชิญหน้ากับภัยคุกคามใหญ่หลวง ตราบใดที่อัญเชิยอัศวินอันเดธออกมา สถานการณ์ย่อมสามารถคลี่คลาย
นอกจากนี้ เขายังกอบโกยวัสดุได้จำนวนมาก รวมไปถึงสูตรและพิมพ์เขียวล้ำค่า คทาสีเขียว และเชลยอย่างมนุษย์ปลาระดับสูง
หมาหวังเอ๋อกินวัตถุดิบล้ำค่าหลายสิบชิ้นในโกดังมนุษย์ปลา
ด้วยความสามารถในการย่อยอาหารขั้นสูงของมัน ไม่เพียงสามารถสะสมแต้มวิญญาณได้ประมาณ 200 แต้มเท่านั้น แต่แต้มวิวัฒนาการยังเพิ่มมากขึ้น สะสมไปได้ถึงราวๆ 80 - 90 แต้ม
ราชินีมดยักษ์หน้าคนเองก็เก็บเกี่ยวแต้มวิวัฒนาการได้หลายสิบแต้ม
ส่วนในด้านแต้มวิญญาณ แม้มันจะไม่มีความสามารถในการย่อยอาหารขั้นสูงเหมือนหวังเอ๋อ ทว่าแต้มวิญญาณที่ได้รับไม่น้อยไปกว่าเจ้าหมาเลย เอาจริงๆอาจมากกว่าซะด้วยซ้ำ
ทำไมถึงเป็นแบบนั้นน่ะหรือ?
ก็เพราะราชินีมดสามารถอัญเชิญสมุนมดได้ถึง 6 ตัว
และทุกตัวกลืนกินวัตถุดิบเป็นจำนวนมากพร้อมๆกัน
ซึ่งแต้มวิญญาณที่อยู่ในร่างของมดอัญเชิญ ราชินีมดสามารถโยกย้ายได้ตามใจชอบด้วยสกิล ‘ครองแต้มวิญญาณ’
คาดว่าอีกไม่นานมันคงสามารถอัพเลเวลได้
ฮังอวี่ได้สูตรและพิมพ์เขียวมาไม่น้อยในครั้งนี้
แต่สิ่งที่ทำให้เขาปวดหัวก็คือ ไม่มีสูตรไหนที่เขาสามารถใช้เองได้เลย ไม่ว่าจะโพชั่นฟื้นฟูทั้งสองชนิดหรือโพชั่นลับ ทั้งหมดต้องการเทคนิคกลั่นโพชั่นขั้นกลาง
งั้นแล้วพิมพ์เขียวทั้งสองเล่า?
แม้การผลิตอุปกรณ์สีขาวเลเวล 5 ทั้งสองประเภทนี้จะไม่ได้เรื่องมากนัก แค่มีเทคนิคหลอมอาวุธเลเวล 2 ก็พอแล้ว
อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่ไม่ได้เรียนรู้ศาสตร์การหลอมอาวุธ ดังนั้นเขาไม่สามารถเรียนรู้พวกมันได้
โชคดีที่เขาเก็บสำรองสูตรพวกนี้ไว้นิดหน่อย ดังนั้นมอบชุดแรกให้เสี่ยวไป๋ก่อน เพื่อที่เธอจะได้สามารถผลิตพวกมันได้
“ฉันจะสั่งซื้อวัตถุดิบเสริมที่ใช้เป็นส่วนผสมในแบทเทิลเน็ตให้” ฮังอวี่มอบหมายงานแก่เสี่ยวไป๋ “หน้าที่ของเธอในช่วงสองวันนี้คือผลิตโพชั่นลับของมนุษย์ปลา มีปัญหาอะไรไหม?”
“ถึงมันจะเป็นถึงสูตรลับ แต่โพชั่นลับนี้ไม่ได้ยากเย็นอะไร ความซับซ้อนพอๆกับโพชั่นลับของปีศาจแมวป่า ด้วยความสามารถของเราเสี่ยวไป๋ การกลั่นมันไม่น่าเป็นปัญหามากมายอะไร”
เสี่ยวไป๋กล่าวด้วยสีหน้ามั่นใจ
จากนั้นเอ่ยถามอีกคำถามหนึ่งว่า
“แต่ว่า ... ก่อนที่วัตถุดิบจะมาถึง เสี่ยวไป๋ขอดูการ์ตูนได้ไหม?”
เด็กสาวใสซื่อและเชื่อฟัง เธอยินดีช่วยทำงานทุกอย่าง สามารถปกป้องเขาได้ แถมยังน่ารักทำตัวดีและไม่ต้องการเงิน ไม่ต้องการรถ ไม่ต้องการห้องพักหรูๆ
ขอเพียงแค่มีการ์ตูนให้ดู เธอก็มีความสุขเหมือนได้โบนัสสิ้นปีแล้ว
ฮังอวี่จะหาผู้หญิงดีๆแบบนี้ได้จากที่ไหนอีก?
ฮังอวี่รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่พบกับเสี่ยวไป๋
ยังไงก็ตาม
เมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นเด็กสาวหมกตัวอยู่ในบ้านตลอดทั้งวันและนั่งดูแกะน้อยจอมป่วน หมีจอมป่วน และเปปป้าพิก เขาก็เริ่มเกิดอาการปวดไข่อย่างบอกไม่ถูก
เสี่ยวไป๋เสพติดอนิเมชั่นไปแล้ว
ถึงตอนนี้ต่อให้คุณใช้มีดจี้คอบังคับให้เธอกลับโลกวิญญาณ เกรงว่าเจ้าตัวคงสู้ตาย
แน่นอนว่าโลกมนุษย์ยังมีเรื่องน่าดึงดูดอีกมากมายสำหรับเสี่ยวไป๋ นอกจากนี้ ทั้งฮังอวี่และหวังเอ๋อต่างดีต่อเธอมาก ต่อให้ไม่มีการ์ตูนดู แต่ชีวิตในโลกมนุษย์ของเธอสะดวกสบายกว่าในโลกวิญญาณเป็นร้อยเท่า!
ฮังอวี่นั่งดูอนิเมชั่นเป็นเพื่อนเสี่ยวไป๋ได้สองตอน
ในเวลานั้นเอง ซูหยุนปิงได้โทรหาเขา และเอ่ยถามว่าพอมีเวลาว่างหรือไม่
ขณะนี้บาร์ตกแต่งเสร็จแล้ว ในฐานะงูเจ้าถิ่นแห่งถนนมังกรฟ้า ในฐานะหนึ่งในผู้ถือหุ้นหลักของบาร์ เป็นเรื่องปกติที่เขาต้องถูกเชิญเข้ามา
พึ่งผ่านไปกี่วันเอง
ทุกอย่างเตรียมเสร็จแล้วหรอ?
ฮังอวี่บังเอิญไม่มีอะไรทำพอดี ดังนั้นปล่อยให้เสี่ยวไป๋กับหวังเอ๋ออยู่ดูแลบ้าน ส่วนตัวเองเดินราวๆ 10 นาทีเพื่อไปยังถนนมังกรฟ้าที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
บาร์ของซูหยุนปิงอยู่ห่างจากร้านอาหารเจ้าอ้วนราวๆ 200 - 300 เมตร
ที่แห่งนี้เดิมเคยเป็นบาร์ที่ใหญ่ที่สุด และคึกคักที่สุดมาก่อน มันคือบาร์ระดับไฮเอนด์บนนถนนสายนี้ แต่หลังจากการรุกรานของโลกวิญญาณ มันก็ไม่สามารถเปิดต่อได้ ซูหยุนปิงจึงสามารถเข้าซื้อในราคาต่ำ
“บาร์นักท่องราตรี?”
“ชื่อที่ดี เป็นชื่อที่ดี!”
“พรสวรรค์ในการตั้งชื่อของอาจารย์ซูดีกว่าอ้วนต้าไห่มากจริงๆ”
พื้นที่บาร์กว้างขวางมาก มันได้รับการทำความสะอาดอย่างหมดจด การตกแต่งยังคงเดิม ดีไซน์สโลปเป็นชั้นๆ ให้ความรู้สึกโล่งโปร่ง ชวนให้ผู้คนผ่อนคลาย ปราศจากความวุ่นวายและแออัดต่างจากพวกผับทั่วๆไป
ใจกลางร้านเป็นบาร์ทรงกลม จัดเรียงไปด้วยเครื่องดื่มโลกวิญญาณ เพื่อให้ผู้คนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
แน่นอน
ทั้งหมดที่กล่าวมายังไม่สำคัญ
สิ่งที่สะดุดตามากที่สุดในที่นี้มิใช่บาร์ แต่เป็นคนในบาร์
เนื่องจากร้านยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการ บุคคลนับสิบที่ปรากฏตัวขึ้นในตอนนี้จึงเป็นคนของซูหยุนปิงทั้งหมด นั่นรวมไปถึงผู้บังคับบัญชาหญิงหลินหลาน และผู้บังคับบัญชาชายเฉารุ่ย
ฮังอวี่กวาดสายตามองไปรอบๆ
เขาพบว่าคนที่ซูหยุนปิงพามาที่นี่ล้วนไม่อ่อนแอ
แต่ละคนเปรียบได้กับบุคคลชั้นยอดของสกายเน็ต และมีอย่างน้อยสี่ถึงห้าคนที่มีพลังรบเทียบเท่าระดับหัวหน้าทีม แต่เด่นที่สุดย่อมเป็นหลินหลานกับเฉารุ่ย ทั้งคู่อยู่ในเลเวล 4 ก็จริง แต่ห่างจากเลเวล 5 อีกไม่ไกล
ส่วนซูหยุนปิง ดูเหมือนเธอจะอัพเลเวล 5 ได้ตั้งนานแล้ว
พลังรบของเธอใกล้เคียงกับระดับหัวหน้ากองของสกายเน็ต ไม่ด้อยไปกว่าคนอย่างจ้าวหมิงหรือเฉินหยู นับเป็นตัวตนทรงพลังคนหนึ่ง
“ที่นี่เป็นไงบ้าง”
“มีข้อเสนอให้เพิ่มเติมอะไรอีกไหม?”
ทำดีซะขนาดนี้ ฮังอวี่ยังมีอะไรต้องเสนออีก?
“ในอนาคตดูท่าว่าถนนมังกรฟ้าจะมีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจเพิ่มขึ้นอีกแห่งแล้ว” ฮังอวี่มองซ้ายมองขวา กล่าวชมเชย “คำแนะนำเดียวของผมตอนนี้คือเปิดธุรกิจให้เร็วที่สุด ผมจะได้นอนนับเงินอยู่ที่บ้าน”
ซูหยุนปิงมองเขาอย่างว่างเปล่า
แต่เธอค่อนข้างชินชากับสไตล์นี้แล้วจึงไม่ว่าอะไร
หญิงสาวดีดนิ้วเรียวของเธอ หลินหลานหยิบไวน์ขวดหนึ่งจากตู้โชว์แล้วเทลงในแก้วไวน์ 2 ใบ หยิบแก้วทั้งสองขึ้นมา จากนั้นยื่นให้ฮังอวี่หนึ่งแก้ว
ซูหยุนปิงรับอีกแก้วไว้แล้วชูสูงขึ้นเล็กน้อย
ฮังอวี่จะไม่ไว้หน้าเธอได้อย่างไร?
นอกจากนี้ ไวน์โลกวิญญาณยังเป็นของดีอย่างหนึ่ง
ฮังอวี่รับแก้วไวน์ ทั้งคู่ชนแก้วกันเบาๆ
ระหว่างยกดื่ม ฮังอวี่เหลือบมองซูหยุนปิง
เขาแปลกใจมากที่พบว่าอาจารย์ซูซึ่งปกติมักสวมชุดสูทรัดรูปและใส่แว่นตาปลอม เพื่อให้บุคลิกดูมุ่งมั่นจริงจัง วันนี้กลับแต่งตัวเซ็กซี่อย่างหาได้ยาก เข้าสู่บทบาทเจ้าของบาร์อย่างแท้จริง
ซูหยุนปิงแม้ตัวเธอจะสูงแต่ไม่อ้วน
ตรงกันข้าม เธอผอมมาก เพียงแต่ว่ามีจุดหนึ่งที่ใหญ่เกินไปหน่อย
ฮังอวี่ไม่ได้สังเกตซูหยุนปิงนานเกินไป
เขามองข้ามไหล่เธอ และพบว่าเบื้องหลังอาจารย์ซูมีมนุษย์ปลานักล่าสองตนยืนอยู่
เมื่อครั้งศึกทะเลสาบซิงโกว ซูหยุนปิงยังสามารถควบคุมมันได้แค่ตัวเดียวอยู่เลย ดูเหมือนเธอจะพัฒนาขึ้นกว่าเดิมมาก
พริบตานั้นเอง
ประกายแสงสายหนึ่งวาบผ่านเข้ามาในหัวของฮังอวี่
“นายเป็นอะไรไป?” ซูหยุนปิงจิบไวน์อย่างสง่างาม แต่เมื่อลดแก้วลง เธอกลับพบว่าฮังอวี่กำลังจ้องเธอตาค้าง จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงน่าดึงดูดว่า “นี่ไม่เหมือนนายตามปกติเลย”
เธอคิดในใจ : หรือว่าเขาจะชอบสไตล์นี้?
ฮังอวี่เอ่ยถาม “สกิลพรสวรรค์ของอาจารย์สามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ทรงภูมิปัญญาหรือสติปัญญาต่ำได้ถูกไหม? ตอนนี้พลังของมันมากแค่ไหนแล้ว? อาจารย์พอจะควบคุมมอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่นได้รึเปล่า แค่ชั่วคราวก็พอ”
ซูหยุนปิงงุนงงเล็กน้อย “ทำไมนายถึงถามเรื่องนี้?”